Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ – Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ – ตอนที่ 531

Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 531
ตอนที่ 531 การประลองยอดเขาเวหาอมตะ การเดิมพันแห่งอำนาจ

ตามการดำเนินต่อของด่านที่แปดแห่งการประลองฟ้าดินนี้ เหล่าผู้เข้าแข่งขันที่ออกจากการประลองได้ขี่ดวงวิญญาณหมวดปีกของพวกเขาบินวนอยู่บนฟ้าสูงห้าร้อยเมตร

คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นผู้เข้าแข่งขันที่คัดออกแล้ว แต่พวกเขาไม่อยากจากไปแบบนี้ แต่กลับมองดูการประลองนี้จากที่ไกล !

จำนวนของนักโทษกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว แหวนนักโทษตกอยู่ในมือของเหล่าผู้เข้าแข่งขันมากขึ้น และพวกนักโทษที่ได้คัดผู้เข้าแข่งขันห้าคนออกจะถูกพาออกจากภูเขาเวหาอมตะตะวันออก

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จำนวนของภูเขาเวหาอมตะตะวันออกจะลดลงอย่างมาก ส่วนคนที่ยังอยู่ในสนามต่อสู้นี้ได้ ต่างเป็นผู้แข็งแกร่งระดับชั้นต้นของขั้นสองนี้ !

“นั่นเหมือนจะเป็นชู่เฉิงตำหนักวิญญาณหรือเปล่า คาดไม่ถึงจริง เขาทนอยู่ถึงตอนนี้ได้ ต้องรู้ว่าคนที่มีความสามารถสิบอันดับต้นของอำนาจมากมายถูกคัดออกไปแล้ว ! ” เหล่าผู้เข้าแข่งขันที่บินวนอยู่บนฟ้าสังเกตเห็นถึงชู่มู่แล้ว

ในด่านที่แปดนี้ หลีจ่านที่มีความสามารถอันดับสามของตำหนักวิญญาณ หลู่ซานหลีที่มีความสามารถอันดับที่สามของวังมารนิรยได้ถูกคัดออกไปแล้ว นับว่าเหล่าผู้แข็งแกร่งที่ซ่อนตัวทั้งสองคนนี้ไม่ได้เข้าสู่ด่านที่เก้าแล้ว ทำให้ผู้คนประหลาดใจอย่างมาก

ส่วนจำนวนผู้เข้าแข่งขันที่เหลือไม่เยอะในตอนนี้ ต่างเป็นสมาชิกที่มีความสามารถห้าอันดับแรกของอำนาจต่าง ๆ ตามปกติแล้ว ชู่เฉิงตำหนักวิญญาณไม่น่าจะอยู่ในลำดับเหล่านี้ ผู้คนก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจ้านี่ดวงดี หรือเขาเองก็ซ่อนความสามารถมาตลอด

“ซ่างเหิง ที่แท้เจ้าอยู่บนฟ้าตั้งนานแล้วเหรอ” ชายที่ขี่ดวงวิญญาณสีดำบินจากที่ไม่ไกล

ซ่างเหิงกวาดตามองไป เผยสีหน้าประหลาดใจออกมาทันที

คนที่บินมาหาตัวเองคือหลัวปิง ผู้ที่มีความสามารถอันดับที่สองของตำหนักวิญญาณ ที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือ ผู้แข็งแกร่งที่มีความสามารถเป็นรองจากนายท่านฟางเจ๋อคนนี้กลับถูกคัดออกจากด่านที่แปดนี้ !!!

“หลัวปิง เกิดอะไรขึ้น ทำไมแม้แต่เจ้า…” ถิงหลันมองไปยังหลัวปิง พูดอย่างเหลือเชื่อ

หลัวปิงเป็นคนที่แข็งแกร่งอันดับสองของตำหนักวิญญาณ ความสามารถของเขาน่าจะเข้าสู่ด่านที่แปดได้ไม่มีปัญหา…

“คึคึ กลุ่มคนเมื่อกี้เห็นข้าก็ร้องขึ้นเหมือนกัน” หลัวปิงยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นว่า “ดวงไม่ดีมาก เจอกับเจ้าคนนั้นของวังมารนิรย เขาไม่พูดอะไร โจมตีข้าทันที…”

“วังมารนิรย หรือว่าเจ้าหมายถึงเจียงอี้เถิง !!!” ซ่างเหิงพูดพร้อมเบิกตากว้าง

หลัวปิงยิ้มฝืน ๆ พูดว่า “นอกจากเขาแล้วจะมีใครอีก เดิมข้าคิดว่า ต่อให้เจอกับเขา น่าจะหลบหรือหนีไปได้ แต่เขาแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ โดยเฉพาะมารนิรยของเขา…ตำหนักวิญญาณของพวกเรามีเพียงฟางเจ๋อที่จัดการเขาได้”

“เจ้าสู้กับเขานานเท่าไรแล้ว” ถิงหลันถามขึ้น

“ไม่ถึงห้านาที ดวงวิญญาณทั้งหมดของข้าแพ้หมด” หลัวปิงบอก

“แม้แต่เจ้ายังทนไม่ถึงห้านาที…” ซ่างเหิงสูดหายใจเข้า อย่างน้อยหลัวปิงก็เป็นคนที่แข็งแกร่งอันดับสองของตำหนักวิญญาณ กลับแพ้ในเวลาสั้น ๆ แบบนี้

“มิน่าเมื่อกี้ตอนที่ได้ยินผู้เข้าแข่งขันที่ถูกคัดออกพูดกัน ครั้งนี้ตำหนักวิญญาณของพวกเราไม่มีหวังจะได้เกียรติสุดท้ายของขั้นสองแล้ว” ถิงหลันพูดเสียงเบา

“ใช่ หลีจ่านถูกคัดออกตั้งนานแล้ว ยังบาดเจ็บสาหัสด้วย แม้ข้าจะไม่เสียหายอะไร แต่ตอนนี้ก็เหมือนกับพวกเจ้า ทำได้แค่มองจากบนฟ้านี้ เหลือแค่ฟางเจ๋อคนเดียว เมื่อกี้ตอนที่บินมา ได้เจอผู้เข้าแข่งขันวังมารนิรยคนหนึ่ง พวกเขาต่างรู้สึกสะใจ พูดจาถากถาง ทำให้ข้าไม่สบายใจอย่างมาก ถ้าไม่ได้เป็นเพราะมีผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองอยู่ ข้าจะสั่งสอนพวกเขาแล้ว ! ” หลัวปิงพูดด้วยความโกรธ

เหล่าผู้เข้าแข่งขันที่ถูกคัดออกจะไม่มีสิทธิ์ได้เกียรติสุดท้าย แต่พวกเขาหวังว่า เหล่าผู้แข็งแกร่งของอำนาจตัวเองจะชนะได้ ถึงตอนนั้น ภาพรวมทั้งหมดจะเป็นที่กระจ่างมาก

“ไม่เป็นไร ตำหนักวิญญาณของพวกเรายังมีชู่เฉิงอยู่” ซ่างเหิงบอก

“ชู่เฉิงเหรอ ดี…หวังว่าเขาจะฝ่าด่านที่แปดนี้ไปได้ ไม่ทำให้ผู้เข้าแข่งขันตำหนักวิญญาณของพวกเราที่เข้าสู่ด่านที่เก้าน้อยเกินไป” หลัวปิงพูดพร้อมถอนหายใจ

ชู่เฉิงแค่ผ่านด่านที่แปดงั้นหรือ ถิงหลันกับซ่างเหิงไม่คิดแบบนั้น ต้องรู้ไว้ว่า ไม่กี่วันก่อนหลู่ซานหลีอันดับที่สามของวังมารนิรยพึ่งถูกชู่เฉิงขยี้ไป !

เวลาเข้าใกล้ช่วงท้ายของด่านที่แปดแล้ว ผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่ที่อยู่ในภูเขาเวหาอมตะนี้น่าจะรวมตัวไปยังยอดเขาหลักสูงสุดของภูเขาเวหาอมตะแล้ว

เหล่าผู้เข้าแข่งขันไม่รีบที่จะกระโดดขึ้นไปยังยอดเขา อย่างไรก็ตาม ใครที่กระโดดขึ้นยอดคนแรก เท่ากับเป็นการท้าทายผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด จะกลายเป็นเป้าหมายการโจมตีของผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด

ดังนั้น เหล่าผู้เข้าแข่งขันในตอนนี้ต่างอยู่ที่ใต้เขาของยอดเขาหลัก หรือเดินไปมาบริเวณกลางเขา บางคนหาที่ซ่อนตัว รอให้ด่านที่แปดนี้หมดเวลาลง

ทว่า ภูเขาหลักก็ไม่ได้กว้างขวางขนาดนั้น หากมีผู้เข้าแข่งขันเคลื่อนไหว ยังคงจะเกิดการปะทะอยู่ดี โดยเฉพาะเหล่านักโทษที่ยังคัดผู้เข้าแข่งขันไม่ครบห้าคน พวกเขาได้ตามหาผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้รอบภูเขาหลักอย่างตั้งใจ

เหล่าผู้เข้าแข่งขันกับนักโทษส่วนใหญ่ได้รวมตัวอยู่บริเวณยอดเขาหลักแล้ว เหล่าผู้ชมที่ถูกคัดออกได้บินวนอยู่บนฟ้านี้เป็นกลุ่ม มองดูจากที่สูงลงมา

มาถึงตอนท้ายนี้ การเคลื่อนไหวส่วนใหญ่ของผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดอยู่ในสายตาของเหล่าผู้ชมแล้ว และการอาศัยกลุ่มอำนาจ เหล่าผู้เข้าแข่งขันที่มาจากองค์กรวิญญาณ วังมารนิรย วังดวงวิญญาณ ตำหนักวิญญาณ องค์กรการค้า ประตูธาตุต่าง ๆ ได้รวมตัวตามอำนาจของตัวเองแล้ว จับจ้องไปยังตัวแทนของอำนาจตัวเองตลอดเวลา

“มีคนขึ้นยอดสูงสุดแล้ว !!! ”

ทันใดนั้น มีคนชี้ไปยังยอดเขาหลักของภูเขาเวหาอมตะ แล้วร้องขึ้น !

กล้าขึ้นยอดสูงสุด เท่ากับเป็นการท้าทายผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด ถ้าความสามารถนั้นไม่สามารถทำให้คนทั้งหมดสะเทือนได้ การยืนบนยอดสูงสุดนี้เท่ากับรนหาที่ตาย !!!

“ใครกัน ที่มีความกล้าแบบนี้ ความสามารถของเขาจะต้องแข็งแกร่งมากแน่ ๆ ! ” เหล่าผู้เข้าแข่งขันเริ่มใช้ร่ายวิญญาณ เล็งไปยังตำแหน่งสูงสุดของยอด

“โอรสน้อยของวังมารนิรย เจียงอี้เถิง !!! ”

“คนของวังมารนิรยอวดดีจริง !!!”

ในไม่ช้า ผู้ชมของวังมารนิรยที่มองจากบนฟ้าได้ฉีกยิ้มออกมา สามารถยืนอยู่บนยอดเขาได้ เท่ากับมีอำนาจสูงสุดอย่างแท้จริง !

และคน ๆ นี้คือ คนวังมารนิรยของพวกเขา เหล่าผู้ชมของวังมารนิรยย่อมรู้สึกภูมิใจ โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งที่สุดของวังมารนิรยที่ยืนอยู่บนยอดเขาหลักของภูเขาเวหาอมตะนี้เป็นเวลานานก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปท้าสู้ !!!

“ไม่กล้าก็มองจากที่ไกลไปเถอะ โอรสน้อยของวังมารนิรยพวกข้าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในขั้นสอง ถ้าไม่ยอมละก็ ให้นายท่านฟางเจ๋อของพวกเจ้าขึ้นไปประลองกับโอรสน้อยของพวกข้า…ฮะฮะ คนของตำหนักวิญญาณก็เป็นพวกเศษสวะ” เหล่าผู้ชมของวังมารนิรยเริ่มอวดดี เริ่มเย้ยหยันผู้เข้าแข่งขันตำหนักวิญญาณที่ถูกคัดออกเหล่านั้น

เหล่าผู้เข้าแข่งขันของตำหนักวิญญาณก็ไม่กล้า ทำได้แค่อดทน

จนถึงตอนนี้นายท่านฟางเจ๋อยังไม่ปรากฏตัว มองจากความสูงนี้ลงไป ผู้คนก็หาเงาของนายท่านฟางเจ๋อไม่เจออยู่ดี

“เจ้าพวกโง่ อย่าไปสนใจพวกเขามาก ลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อหกปีก่อนข้าหลีเหิงเหยียบย่ำพวกเขาอย่างไร ! ” หลีเหิงได้ยินพวกคนของวังมารนิรยที่อวดดีก็หงุดหงิดอย่างมาก

ทว่า เขาเป็นถึงผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลอง ย่อมทำอะไรที่เกินกว่าหน้าที่ไม่ได้ ทำได้แค่ยืนมองอยู่ตรงนั้น

“พี่หลีเหิง ครั้งนี้…พวกข้าไม่สามารถชิงเกียรติมาให้ตำหนักวิญญาณได้ อับอายจริง ๆ …” หลัวปิงพูดด้วยความท้อ

“มีคนขึ้นยอดอีกแล้ว..” ซ่างเหิงชี้ไปยังภูเขาเวหาอมตะ ชี้ไปยังผู้เข้าแข่งขันอีกคนที่กระโดดขึ้นยอดเวหาอมตะ

“ฟางเจ๋อเหรอ” ถิงหลันถามขึ้น

เจียงอี้เฉิงแข็งแกร่งที่สุดของวังมารนิรยครองยอดสูงสุดไว้ มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของอำนาจต่าง ๆ ถึงจะมีสิทธิ์ปีนขึ้นไปได้

ผู้แข็งแกร่งของวังดวงวิญญาณจะไม่ต่อสู้โดยตรงแบบนี้ องค์กรวิญญาณ ประตูธาตุและผู้แข็งแกร่งของโลกต่าง ๆ กลับไม่มีสิทธิ์ประลองกับโอรสน้อยของวังมารนิรยนี้

ที่จะทำการเผชิญหน้ากับเจียงอี้เถิงแข็งแกร่งที่สุดของวังมารนิรยคงมีเพียงนายท่านตำหนักวิญญาณฟางเจ๋อ ดังนั้น ตอนที่มีคนขึ้นไปบนยอดของภูเขาเวหาอมตะ เหล่าสมาชิกของตำหนักวิญญาณต่างตื่นเต้นอย่างมาก

แค่ฟางเจ๋อเอาชนะเจียงอี้เถิงได้ เหล่าสมาชิกของวังมารนิรยก็จะหุบปากของพวกเขาโดยดี

และแล้ว…คนที่ผู้คนเห็นกลับไม่ใช่นายท่านฟางเจ๋อตำหนักวิญญาณ…

“ฮะฮะฮะ ที่แท้คือซิงหยาง !!! ” ทันใดนั้น เหล่าผู้เข้าแข่งขันของวังมารนิรยได้ร้องขึ้น เสียงนั้นเหมือนเป็นการเย้ยหยันสมาชิกตำหนักวิญญาณทั้งหมด

ซิงหยางวังมารนิรย เป็นผู้แข็งแกร่งวังมารนิรยที่ซ่อนความสามารถอย่างมิดชิดที่สุด อยู่ในลำดับที่สองของขั้นสองวังมารนิรย

เคยมีข่าวภายในเผยว่า ระหว่างเจียงอี้เถิงกับซิงหยางเคยสู้กัน อย่างน้อยเมื่อหนึ่งปีก่อนทั้งสองคนยังเสมอกัน

เท่ากับว่า ความสามารถของแข็งแกร่งที่หนึ่งและสองของวังมารนิรยต่างกันไม่มาก ถ้าพวกเขาทั้งสองคนอยู่บนยอดเขาเวหาอมตะ เท่ากับว่าอำนาจวังมารนิรยได้ครองตำแหน่งทั้งหมดนี้ไว้แล้ว !!!

ตอนนี้แทบผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดอยู่ระแวกยอดเขาหลัก นักโทษก็อยู่เช่นเดียวกัน ยังมีผู้เข้าแข่งขันจะถูกคัดออกแน่นอน

ถ้าให้ผู้แข็งแกร่งทั้งสองของวังมารนิรยครองตำแหน่งยอดเขาหลักไว้ เท่ากับเป็นการปักธงของวังมารนิรยไว้บนยอดเขาแห่งนี้ สมาชิกวังมานิรยทั้งหมดในด่านที่แปดจะขึ้นไปบนยอดเขาทันที

เช่นนี้ จะมีสมาชิกวังมารนิรยกลุ่มใหญ่ฝ่าด่านสำเร็จ เข้าสู่ด่านที่เก้าในท้ายที่สุด เท่ากับว่าเป็นการชิงเกียรติสุดท้ายในด่านที่เก้านี้ให้วังมารนิรย !!!

“จบแล้ว ต่อให้ฟางเจ๋อมาก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากนายท่านจะร่วมมือกับผู้แข็งแกร่งที่สุดของวังดวงวิญญาณ….”

สีหน้าของเหล่าผู้ชมตำหนักวิญญาณแต่ละคนแย่มาก สถานการณ์แบบนี้ไม่ดีต่อตำหนักวิญญาณของพวกเขาอย่างมาก เจียงอี้เถิงและซิงหยางวังมารนิรยกำลังคุ้มกันผู้เข้าแข่งขันของวังมารนิรยเข้าสู่ด่านที่เก้าอยู่ !

“ครั้งนี้ตำหนักวิญญาณของพวกเราไม่มีหวังจะเข้าชิงเกียรติสุดท้ายแล้ว” หลัวปิงถอนหายใจยาว

ถ้าเขาไม่ถูกคัดออกละก็ จะร่วมมือกับฟางเจ๋อแล้วถีบสองคนนั้นลงไปได้ แต่เสียดาย ดวงเขาไม่ดีเกินไป เจอเจียงอี้เถิงไวเกินไป

“แปลกจริง…ทำไมชู่เฉิงถึงเดินขึ้นเขาตลอด…หรือว่าเขาไม่รู้ว่า เจียงอี้เถิงกับซิงหยางอยู่บนยอดเขา” ทันใดนั้น ถิงหลันที่คอยสังเกตการเคลื่อนไหวของชู่มู่ได้เผยสีหน้าสงสัยออกมา

Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์

Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์

Status: Ongoing

ตอนที่ 1 – 550 อ่านนิยาย

(ช่วงแรกจะเป็นคนแปลคนเก่า) อ่านต่อข้างล่าง


โลกที่มนุษย์อยู่ร่วมกับสัตว์ดวงวิญญาณนานาชนิด มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่อยู่รอด! เด็กชายผู้คุมดวงวิญญาณกำลังเผชิญหน้ากับความตายที่คืบคลานเข้ามาทุกวินาที ปีศาจในร่างจ้องจะกินวิญญาณของเขา วิธีรอดมีเพียงทางเดียวคือการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น! หนทางของผู้พิชิตย่อมเต็มไปด้วยขวากหนาม สุนัขจิ้งจอกแสงจันทร์ดวงวิญญาณหลักของเขาถูกมองว่าเป็นดวงวิญญาณที่อ่อนแอที่สุด แต่ใครเล่าจะรู้ถึงความลับในสายเลือดของเจ้าจิ้งจอกตัวนี้

ที่นำพา ‘ชู่มู่’ เด็กหนุ่มผู้เคยถูกเย้ยหยันในวันนั้นไปสู่ผู้แข็งแกร่งที่น่าเกรงขามในวันข้างหน้า!

Show less 

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท