Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ – Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ – ตอนที่ 526

Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 526
ตอนที่ 526 อบอุ่นร่างกายด้วยรูปแบบการฆ่าล้าง อสูรคลั่งจั้นเย้

วิธีเพิ่มความแข็งแกร่งแบบนี้อันตรายมาก แต่ในขณะเดียวกัน สำหรับชู่มู่ในตอนนี้แล้ว กลับมีประโยชน์อย่างมาก อย่างไรชู่มู่ในตอนนี้ต้องการให้มั่วเย้แปรเปลี่ยนตระกูล ถึงจะรับมือกับเซี่ยกว่างหานและเด็กสาวทรยศได้

หลังจากที่เย้ชิงจือได้ยินวิธีเพิ่มความสามารถนี้จากที่ชู่มู่บอกแล้ว มองไปยังชู่มู่ด้วยความอึ้งนานมาก

ตลอดที่ผ่านมา เย้ชิงจือคิดว่า แม้ปีศาจขาวของชู่มู่จะเป็นดวงวิญญาณที่ชั่วร้ายอย่างมาก อันตรายยิ่ง แต่สำหรับกลุ่มมารนิรยขาวแล้ว น่าจะเป็นดวงวิญญาณปกติตัวหนึ่ง

แต่คิดไม่ถึงว่า ปีศาจขาวชั่วร้ายตัวนี้ก็เป็นดวงวิญญาณที่ผิดปกติ กลับมีความสามารถกลืนกินกลุ่มเดียวกันเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งแบบนี้อยู่!

“ตอนที่เจ้าบังคับให้มารนิรยขาวเพิ่มความแข็งแกร่งแบบนี้ จะทำให้เจ้าเข้าสู่ภาวะมารได้ ถ้าไม่ระวังอาจทำให้ตัวเองตกอยู่ในความลำบาก” เย้ชิงจือนึกถึงปัญหาอีกอย่างขึ้นมาได้

ความสามารถของปีศาจขาวที่เพิ่มขึ้น เท่ากับว่าโอกาสที่มันจะกลืนกินวิญญาณของชู่มู่จะมากขึ้นด้วย ต่อให้ปีศาจขาวในตอนนี้เชื่อฟังขึ้นมาก แต่นิสัยที่แท้จริงของมารนิรยควบคุมได้ยากอยู่แล้ว ทันทีที่ความสามารถของมันแข็งแกร่งเกินไป ชู่มู่ยังคงยากที่จะหนีจากชะตาครึ่งมารได้

“ยังมีเจ้าอยู่ไม่ใช่เหรอ เจ้าน่าจะช่วนควบคุมอุณหภูมิวิญญาณของข้าได้ใช่ไหม” ชู่มู่บอก

“ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่ก็กลัวถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา” เย้ชิงจือบอก ชู่มู่แค่ไม่กลายเป็นภาวะครึ่งมาร เย้ชิงจือยังคงมีความสามารถที่จะควบคุมอุณหภูมิของเขาได้ ปัญหาอยู่ที่ว่า วิญญาณของชู่มู่ในตอนนี้อันตรายมากแล้ว วิธีใช้น้ำมันดับไฟแบบนี้ ควรเป็นวิธีสุดท้าย

ชู่มู่ไม่ได้ใส่ใจมากเท่าไร เพราะหลังจากตัวเขาอยู่ในเจ็ดร่ายแล้ว มั่วเย้จะแปรเปลี่ยนตระกูลได้ มั่วเย้แปรเปลี่ยนตระกูลเท่ากับเพิ่มร่ายวิญญาณของชู่มู่ น่าจะไม่เกิดปัญหามากเท่าไร

ห้าร้อยเมตรบนฟ้า ซ่างเหิงมองไปยังชู่มู่กับเย้ชิงจือที่เดินไปตามทางคดโค้ง

บนความสูงนี้ ทางโค้งนี้มองดูเหมือนลำธารเล็กคดโค้ง วนไปรอบๆ อีกทั้งยังมีทางแยกที่ยากจะเห็นได้

เงาของชู่มู่กับเย้ชิงจือแทบจะมองไม่เห็นในทางโค้งนี้แล้ว มีเพียงตอนที่พวกเขาใช้ร่ายวิญญาณมอง ถึงจะเห็นได้

“ด้านตะวันตกเหมือนจะมีคนกลุ่มหนึ่ง น่าแปลก ทำไมพวกเขาถึงเดินกลับมา” ถิงหลันชี้ไปยังเส้นทางเขาไกลออกไป แล้วถามขึ้น

ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดและนักโทษจะมุ่งขึ้นเขา แต่ท่าทีของคนกลุ่มนั้นกลับผิดปกติ

หลีเหิงเองก็สังเกตเห็นผู้เข้าแข่งขันที่มากพลังกลุ่มนั้น ในตอนที่เขาใช้ร่ายวิญญาณมองไปยังพวกเขา ขมวดคิ้วทันที

“คนของวังมารนิรย คนนำเหมือนจะเป็นเจ้าเด็กหลู่ซานหลี” หลีเหิงบอก

“หลู่ซานหลี เจ้านั่นเป็นคนที่มีความสามารถอันดับที่สามของวังมารนิรยไม่ใช่เหรอ” ถิงหลันถามอย่างแปลกใจ

“ทำไมเหมือนเจ้านี่พุ่งตรงไปยังชู่เฉิง หรือว่าเป็นแผนของเซี่ยกว่างหาน เขาลงมือเองไม่ได้ ก็เลยให้คนอื่นลงมืองั้นหรือ” ซ่างเหิงบอก

“อืม น่าจะไม่ผิด ความสามารถของเจ้าเด็กหลู่ซานหลีไม่เบา เขายังพาผู้เฝ้ามารมาอีกสามคน ชู่เฉิงมีปัญหาแล้ว”หลีเหิงบอก

การต่อสู้ระหว่างผู้เข้าแข่งขันพวกเขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ ตอนนี้พวกเขาทำได้แค่บินแล้วมองจากด้านบน ใจร้อนแทนชู่มู่

ทั้งสามคนกังวลแทนชู่มู่จะมีผู้แข็งแกร่งวังมารนิรยพุ่งตรงมายังชู่มู่ แต่ถ้าชู่มู่รู้ว่า หลู่ซานหลีได้เข้ามาในขอบเขตการฆ่าของตัวเอง จะต้องฉีกยิ้มออกมาแน่นอน

ชู่มู่กำลังจะไปหาเหล่าผู้แข็งแกร่งวังมารนิรยพอดี ไม่คิดดว่า หลู่ซานหลีที่มีความสามารถอันดับที่สามของวังมารนิรยได้เข้ามาหาด้วยตัวเองแล้ว สมใจอยากของชู่มู่พอดี

แน่นอนว่า ชู่มู่ยังไม่รู้ว่าหลู่ซานหลีรอเขาอยู่บนเส้นทางบันไดเขาด้านหน้า แค่มุ่งหน้าไปยังที่สูงกับเย้ชิงจือต่อไป ตามหาสมาชิกวังมารนิรยระหว่างทางไปด้วย

ผู้แข็งแกร่งตำหนักวิญญาณที่เข้าสู่ด่านที่แปดมีประมาณยี่สิบคน สมาชิกวังมารนิรยน่าจะมีจำนวนเท่ากัน ยิ่งขึ้นไปที่สูง ผู้เข้าแข่งขันจะรวมตัวมากขึ้น ถึงตอนนั้นสมาชิกวังมารนิรยทั้งหมดจะต้องรับการโจมตีของปีศาจหิวโหยให้หมด !

บันไดเขามีทั้งหมดสิบกว่าขั้น ขั้นที่ต่ำสุดเป็นพื้นราบที่กว้างขวาง เชื่อมต่อทางเขาไปยังปลายสุด ถ้าเดินผ่านทางที่สลับซับซ้อนนี้แล้วเห็นที่ราบที่สูงมากละก็ น่าจะปีนถึงความสูงครึ่งหนึ่งของภูเขาเวหาอมตะแล้ว

ด้านบนที่ราบจะเป็นขั้นบันไดเขาที่ชัดเจน ขอบภูเขาไม่มีความแน่นอน ความสูงเทียบเท่ากัน แต่ละขั้นภูเขาจะมีความสูงประมาณยี่สิบเมตร สำหรับคนธรรมดาที่ไม่ผ่านการฝึก ความสูงที่แตกต่างแบบนี้นับว่าเป็นพื้นที่เหวอันตรายแล้ว

ในตอนนี้ หลู่ซานหลีวังมารนิรยยืนอยู่บนขอบของบันไดเขานี้ มองไปยังพวกชู่มู่ที่เคลื่อนที่เข้ามาอย่างช้าๆ

ความจริงหลู่ซานหลีกับเหล่าผู้เฝ้ามารห่างจากตำแหน่งของชู่มู่ไม่มาก ตอนที่เซี่ยกว่างหานส่งสัญญาณ พวกเขาได้กลับมาที่นี่ เจอชู่มู่กับเย้ชิงจืออย่างรวดเร็ว

“ท่านหลู่ พวกเขาใช่ไหม?”ผู้เฝ้ามารที่สวมชุดสีขาวถามขึ้น

“อืม”หลู่ซานหลีพยักหน้า เขาจำปีศาจนักรบไม้ของชู่มู่ได้ มีความพิเศษที่มีความสามารถดูดซึมพลังชีวิต

“คนที่รู้แต่จะฝ่าด่านเพื่อเอาหน้าแต่ไม่รู้จักเก็บความสามารถแบบนี้ให้ข้าน้อยจัดการเถอะ ท่านหลู่ไม่จำต้องกังวล” ผู้เฝ้ามารชุดขาวพูดอย่างนอบน้อม

“หัวหน้าผู้เฝ้า อย่าประหม่าศัตรูมากไป เขาเข้าสู่ด่านที่แปดได้เท่ากับว่ายังมีความสามารถระดับหนึ่งอยู่” หลู่ซานหลีพูดเตือน

หัวหน้าผู้เฝ้าพยักหน้า กลับทำท่าทีไม่ใส่ใจมากเท่าไร เขาได้ยินชื่อชู่เฉิงตำหนักวิญญาณตั้งนานแล้ว ต่อให้เขาเคยฆ่าเจี่ยงจื้อในด่านที่สี่ แต่ว่าผู้เข้าแข่งขันที่ไม่เอาไหนอย่างเจี่ยงจื้อ ยังเทียบกับรองเท้าของหลู่ซานหลีไม่ได้ด้วยซ้ำ

“หวังว่าในมือเขาจะมีแหวนนักโทษอยู่บ้าง มิฉะนั้น พวกเราจะเสียเวลาเปล่า” ผู้เฝ้ารองพูดขึ้น

“ไม่แน่ เขาอาจไม่รู้ความลับเรื่องแหวนนักโทษก็ได้”ผู้เฝ้าคนที่สามหัวเราะออกมา

บนฟ้า

“หลู่ซานหลีกลับให้ลูกน้องสามคนของเขาลงมืองั้นหรือ” ซ่างเหิงอึ้งเล็กน้อย ไม่คิดว่า หลู่ซานหลีจะประหม่าชู่มู่แบบนี้

“ถ้าอย่างนั้นลูกน้องทั้งสามของเขาจะตกเป็นเคราะห์ร้ายแล้ว” ถิงหลันหัวเราะเล็กน้อย

ซ่างเหิงกับถิงหลันเคยเห็นความสามารถที่แท้จริงของชู่มู่มาก่อนแล้ว ถ้าหลู่ซ่านหลีลงมือเอง พร้อมกับความร่วมมือของลูกน้องที่มีความสามารถไม่ธรรมดาทั้งสาม อาจสร้างความยุ่งยากให้กับชู่มู่ไม่น้อย

แต่ถ้าส่งลูกน้องแค่สามคน รอถูกดวงวิญญาณของชู่มู่ขยี้ได้ !

“ทำไมเหรอ ชู่เฉิงจัดการได้เหรอ” หลีเหิงถามอย่างประหลาดใจ หลีเหิงคิดว่าชู่มู่เป็นสมาชิกขั้นสามที่ท้าทายข้ามขั้นมาตลอด

“แน่นอน พี่หลีเหิง เมื่กร้ไม่เห็นศพของตว้านซิงเจ๋อนักโทษขั้นเก้าเหรอ” ซ่างเหิงบอก

“อ่อ นั่นศพของตว้านซิงเจ๋อ?ข้ายังไม่ทันได้สังเกต ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าทั้งสี่ฆ่าเขา ชู่เฉิงเป็นกำลังหลัก” หลีเหิงถามขึ้น

“เขาจัดการคนเดียว…ก่อนหน้านี้มีนักโทษสิบกว่าคนล้อมโจมตีพวกข้า เขาฆ่านักโทษทั้งหมดนั้น ช่วยหลีจ่านออกมา” ซ่างเหิงบอก

หลีเหิงอึ้งเล็กน้อย ค่อย ๆ เผยสีหน้าตกใจออกมา เขาไม่คิดว่าชู่มู่จะมีความสามารถแบบนี้จริง ๆ !

ในเมื่อชู่มู่ซ่อนความสามารถเอาไว้ หลีเหิงก็อยากรู้ว่า เขาจะจัดการผู้เฝ้ามารทั้งสามของหลู่ซานหลีอย่างไร ในตอนนั้นจึงขี่ดวงวิญญาณหมวดปีกไปยังตำแหน่งที่เห็นได้ชัดยิ่งขึ้น

ถ้าใช้ร่ายวิญญาณละก็ หลีเหิงยังเห็นการต่อสู้ได้ชัดเจน แต่ตอนนี้ผู้เฝ้ามารสามคนได้ขี่ปีศาจม้าวายุของเขาพุ่งลงมาแล้ว เข้าใกล้ชู่มู่อย่างมาก

ท่ามกลางบันไดเขา ชู่มู่ขี่จั้นเย้ ปีนขึ้นบันไดเขาที่สูงขึ้นอย่างช้า ๆ

“ชู่มู่ มีคนกำลังเข้าใกล้พวกเรา” เย้ชิงจืออยู่ข้างชู่มู่ มองไปยังบันไดเขาที่สูงกว่า

“ข้ารู้” ชู่มู่พยักหน้า เหมือนจะไม่ใส่ใจเท่าไร

“แล้วเจ้ายังจะขึ้นไปงั้นหรือ” เย้ชิงจือบอก

“ปีศาจม้าวายุ คนของวังมารนิรย ข้ากำลังตามหาพวกเขา เจ้ารอข้าที่นี่เถอะ ข้าจะจัดการอย่างรวดเร็ว” ชู่มู่พูดไป พลางตบจั้นเย้เล็กน้อย เป็นการบอกให้กระโดดขึ้นไปบนบันไดเขาที่สูงกว่าขั้นหนึ่ง

บันไดเขาแต่ละขั้นจะมีหินที่กว้างมากรองรับไว้ การต่อสู้ด้านบนจะไม่ส่งผลกระทบมากเท่าไร

พลังมืดรวมอยู่ใต้ขาทั้งสี่ของจั้นเย้ ตอนที่ปีนขึ้นบันไดเขาอีกครั้ง จั้นเย้ไม่ได้กระโดดโดยตรง แต่วิ่งไปตามหน้าผาหินนั้นโดยตรง ทิ้งรอยเล็บสีดำจำนวนหนึ่งไว้บนหน้าผาหิน

ในไม่ช้า ชู่มู่ได้กระโดดไปยังบันไดเขาที่ผู้เฝ้ามารทั้งสามอยู่ ความสูงนี้น่าจะเป็นครึ่งหนึ่งของบันไดเขา

ผู้เฝ้ามารทั้งสามได้ขี่ปีศาจม้าวายุ พวกเขาซ่อนเงาของตัวเองไว้ในเงาของหน้าผา มองไปยังชู่มู่ด้วยสายตาสบประหม่า

“มั่วเย้ลักษณะเก้าขั้นกลางงั้นหรือ” หัวหน้าผู้เฝ้ามองดวงวิญญาณที่ชู่มู่ขี่ทันที เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา

ผู้เฝ้ามารสองคนที่เหลือก็ประหลาดใจอย่างมาก จากมุมมองของพวกเขา คนแบบชู่เฉิงตำหนักวิญญาณ มีจักรพรรดิขั้นกลางลักษณะเก้าขั้นต่ำตัวสองตัวก็ดีแล้ว

“หึ คาดว่ามีเพียงอสูรมั่วเย้ที่จัดการค่อนข้างยาก ไม่มีอะไรต้องกังวล ! ” หัวหน้าผู้เฝ้าไม่หวาดหวั่นเพราะเหตุนี้

พวกเขามีทั้งหมดสามคน สามคนจัดการหนึ่งคน ต่อให้เขามีจักรพรรดิขั้นกลางลักษณะเก้าขั้นกลางแล้วจะทำอะไรได้!

ในไม่ช้า ผู้เฝ้ามารวังมารนิรยที่ขี่ปีศาจม้าวายุทั้งสามได้กระโดดออกจากเงา ควบคุมทิศทั้งสามของชู่มู่เอาไว้

“ชู่เฉิงตำหนักวิญญาณ ทำให้ท่านหลู่ซานหลีโกรธเป็นเรื่องโง่ที่สุดที่เจ้าทำในชีวิตนี้”หัวหน้าผู้เฝ้าชี้ไปยังชู่มู่ หัวเราะเยาะเย้ย

ในรุ่นเดียวกัน คนที่หลู่ซานหลีอยากจะฆ่า มีไม่กี่คนที่รอดไปได้

“ถ้าส่งแหวนนักโทษทั้งหมดละก็ พวกข้าจะให้เจ้าจบไว แต่ถ้าไม่ จะให้เจ้าได้รับความทรมานจากการแผดเผาวิญญาณ ! ” ผู้เฝ้าคนที่สองพูดขึ้น กลับร่ายคาถาขึ้นแล้ว !

ไฟปีศาจสีฟ้าลุกโชนบนตัวผู้เฝ้ามารคนนี้ ท่ามกลางแสงลึกลับ เงาปีศาจปรากฏขึ้นอย่างช้า ๆ !

จักรพรรดิขั้นต่ำ ลักษณะเก้าขั้นต่ำ มารนิรยฟ้า !

หัวหน้าผู้เฝ้ากับผู้เฝ้าสามก็รู้ว่าอาศัยมารนิรยฟ้าตัวเดียวจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมั่วเย้ลักษณะเก้าขั้นกลางของชู่มู่แน่นอน หลังจากมารนิรยฟ้าปรากฏตัวขึ้น พวกเขาได้อัญเชิญมารนิรยขาวพวกเขาออกมาทันที

หัวหน้าผู้เฝ้ามารได้อัญเชิญมารนิรยฟ้าจักรพรรดิขั้นกลาง ลักษณะเก้าขั้นต่ำตัวหนึ่ง พลังของมารนิรยฟ้าตัวนี้แข็งแกร่งกว่าผู้เฝ้าที่สองกับสามอีก!

ไฟปีศาจของมารนิรยฟ้าทั้งสามตัวทำให้บันไดเขานี้เป็นสีฟ้า ในตอนนี้ ผู้เฝ้ามารทั้งสามก็ไม่พูดมาก ออกคำสั่งโจมตีชู่มู่กับเหล่ามารนิรยของตัวเองทันที

ไฟปีศาจสีฟ้าทั้งสามก้อนไขว้กัน ปิดเส้นทางหลบทั้งหมดของชู่มู่เอาไว้

ไฟร้อนระอุลุกโชนขึ้น พุ่งตรงไปยังชู่มู่ทันที กลืนกินชู่มู่กับจั้นเย้อย่างง่ายดาย

ชู่มู่กลับยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้ทักษะของมารนิรยขาวพุ่งตรงมา กลับไม่ทำอะไร !

ไฟปีศาจสีฟ้าม้วนขึ้นสูง พลังเย็นเยียบเพียงพอที่จะทำให้วิญญาณเกิดความเจ็บปวดจากการแผดเผา ผู้คุมดวงวิญญาณมากมายไม่กล้าที่จะไปทำให้คนของวังมารนิรยโกรธ นั่นเป็นเพราะดวงวิญญาณชั่วร้ายของพวกเขามักทำให้หวาดกลัวยิ่ง

“ฮู ฮู ฮู ฮู ฮู”

ไฟปีศาจสีฟ้าทั้งสามพุ่งไปรอบ ๆ อย่างบ้าคลั่ง เหล่าผู้เฝ้ามารต่างมองดูชู่มู่ที่ถูกไฟปีศาจกลืนกินอย่างเยือกเย็น ใบหน้าเผยความเย้ยหยัน

แต่ว่าตามการแผดเผาของไฟปีศาจสีฟ้า ทั้งสามคนกลับขมวดคิ้วเข้าหากัน

พวกเขาไม่ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของชู่มู่และดวงวิญญาณของเขา อีกทั้งพวกเขารู้สึกว่า มั่วเย้ของเขายืนอยู่ท่ามกลางเปลวไฟตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ขยับใด ๆ !

ท่ามกลางงูเหลือมไฟสีฟ้าที่เริงระบำ ชู่มู่ที่สวมชุดสีดำถูกล้อมด้วยเปลวไฟสีฟ้าเหล่านี้ ปล่อยให้เปลวไฟร้อนระอุเหล่านี้แผดเผา แต่แม้แต่มุมเสื้อของเขากลับไม่ถูกเผาแม้แต่น้อย

ไฟปีศาจเก้าวิญญาณของมารนิรยขาวเป็นผลึกไฟปีศาจขั้นที่สี่ ไฟปีศาจฟ้านี่อยู่แค่ขั้นที่สาม ขณะเดียวกัน ผลที่เห็นนี้อ่อนกว่าไฟปีศาจขาวของมารนิรยขาวอย่างมาก อุณหภูมิแบบนี้ แทบไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อชู่มู่ แม้แต่ทักษะป้องกันยังไม่ต้องใช้

ส่วนจั้นเย้ เดิมการป้องกันของเกราะมันก็สูงมากแล้ว บวกกับเกราะวิญญาณขั้นเก้า ไฟปีศาจฟ้าที่มีผลแผดเผาวิญญาณนี้อย่างมากก็ทำให้เกราะของมันมีอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น แค่นั้น !

“จั้นเย้ จัดการพวกเขา” ชู่มู่ออกคำสั่งต่อจั้นเย้อย่างเรียบ ๆ

กลุ่มมารนิรยแบบนี้ ต่อให้มารนิรยขาวกลืนกินไป ก็ไร้ประโยชน์ใด ๆ ส่วนผู้เฝ้ามารทั้งสาม เป็นแค่ขยะในสายตาชู่มู่ !

“โซ !!! ”

ความเร็วของจั้นเย้เพิ่มขึ้นกะทันหัน ในตอนที่เงาสีดำของมันพุ่งออกไป ไฟปีศาจสีฟ้าที่แผดเผาเกิดารสั่นสะเทือนเล็กน้อย !

ความเร็วของจั้นเย้ไวมาก มันเล็งไปยังมารนิรยฟ้าทั้งสามของผู้เฝ้ามาร กรงเล็บสลายเวหาตวัดลงบนตัวมารนิรยฟ้านี้อย่างแม่นยำ !

กรงเล็บของจั้นเย้อยู่ในขั้นเก้าระยะต้น พลังของลายเเส้นปีศาจอสูรเขาทำให้ทักษะกับผลของมันทับซ้อนขึ้น ทำให้พลังโจมตีของจั้นเย้อยู่ในขั้นเก้าระยะกลาง พลังโจมตีแบบนี้ แข็งแกร่งกว่ามารนิรยขากจักรพรรดิขั้นกลางลักษณะแปดขั้นเก้าของผู้เฝ้ามารทั้งสามถึงสามขั้น !!!

“ซัวะ !!! ”

กรงเล็บสลายเวหาตวัดลงบนอกของมารนิรยฟ้าอย่างไร้เยื่อใย !!!

มารนิรยฟ้าถูกพลังสีดำก้อนหนึ่งห่อหุ้มเอาไว้ หลังจากที่ร่างกายถูกฉีกเป็นเศษ ไฟปีศาจบนจตัวมารนิรยฟ้าสลายอย่างรวดเร็ว ถูกทักษะเดียวของจั้นเย้ฆ่าล้างในเสี้ยววินาที !!!

ฆ่าในเสี้ยววินาที ด้วยทักษะเดียว มารนิรยฟ้าตัวนี้สลายเป็นเถ้าถ่าน !!!

“เป็น…เป็นไปได้อย่างไร !!!” ผู้เฝ้าคนที่สามมองไปยังมารนิรยฟ้าที่หายไปในพลังมืดอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

ในไม่ช้า การกระแทกของวิญญาณทำให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าเขากระตุก สีหน้าของเขาประหลาดอย่างมาก

ผู้เฝ้าคนที่สองกับหัวหน้าผู้เฝ้าต่างอึ้งนิ่ง พวกเขาเห็นมารนิรยขาวตัวนั้นถูกมั่วเย้ของชู่มู่ฆ่าในเสี้ยววินาทีกับตา !

และแล้วต่อให้เป็นจักรพรรดิขั้นกลาง ลักษณะเก้าขั้นกลาง แค่สูงกว่ามารนิรฟ้าสองขั้นเท่านั้น ทำไมการโจมตีเดียวก็ฆ่ามารนิรยฟ้าได้ !

เพื่อให้แน่ใจว่า สิ่งที่เห็นไม่ได้หลอกพวกเขา ชู่มู่ยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วออกคำสั่งไปยังจั้นเย้อีกครั้ง

หลังจากจั้นเย้ฆ่ามารนิรยฟ้าในเสี้ยววินาทีแล้ว ร่างกายได้กลายเป็นแสงสีดำ พุ่งออกไป

ครั้งนี้จั้นเย้เล็งไปยังจักรพรรดิขั้นต่ำ ลักษณะเก้าขั้นต่ำของผู้เฝ้าคนที่สอง !

ความสามารถของมารนิรยฟ้าระดับจักรพรรดิขั้นต่ำนี้เทียบเท่ากับมารนิรยฟ้าของผู้เฝ้าคนที่สาม มันเห็นจั้นเย้พุ่งตรงมา ใบหน้าบนไฟปีศาจเผยความหวาดกลัวออกมาทันที มือทั้งสองสะบัดออก ก่อเป็นคลื่นแห่งไฟปีศาจร้อนระอุ พุ่งตรงไปยังจั้นเย้ !

“ซ่า !!! ”

จั้นเย้กระโดดขึ้น กรงเล็บตวัดเป็นประกายสีดำสองเส้นกลางอากาศ !!!

ประกายกริดทั้งสองนี้ทำลายไฟปีศาจสีฟ้า ไขว้กันบนตัวของมารนิรยฟ้านี้ !

การป้องกันของมารนิรยฟ้านี้แทบไม่สามารถต้านทานการโจมตีระดับนี้ได้ ในไม่ช้า ร่างกายที่เต็มไปด้วยไฟปีศาจนี้ถูกฉีกเป็นรอยแหว่งทันที

“จั้นเย้ แสงสลาย ! ”

หลังจากจั้นเย้ตกถึงพื้น ประกายแสงมืดปรากฏในลำคอทันที

พลังสีดำพ่นออกจากปากของจั้นเย้ ทะลุไฟสีฟ้าเลือนลางนั้นอย่างง่ายดาย ระเบิดออกบนตัวของมารนิรยฟ้าระดับจักรพรรดิขั้นต่ำตัวนี้ !!!

เดิมมารนิรยฟ้าตัวนี้ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว ตอนนี้ถูกพลังมืดขั้นเก้านี้โจมตีอีก ลำตัวที่ห่อหุ้มด้วยไฟปีศาจสีฟ้านี้ได้ระเบิดออกหมด กลายเป็นก้อนไฟสีฟ้านับไม่ถ้วน กระจายทั่วพื้นที่ขั้นบันไดภูเขาแห่งนี้

ฆ่ามารนิรยฟ้าอีกตัวหนึ่งแล้ว !!!

ผู้เฝ้ามารทั้งสามในตอนนี้แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ! เดิมพวกเขาคิดว่า ทั้งสามคนร่วมมือกัน จะจัดการชู่มู่ได้อย่างง่ายดาย แต่กลับถูกฆ่าตายอย่างง่ายดายในเสี้ยววินาที !

“เจ้า…ทำไมเจ้า…ถึงมีดวงวิญญาณที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้ !!! ” หัวหน้าผู้เฝ้าไม่กล้าดูถูกอีก กลับมองไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว !!!

ชู่มู่กวาดตามองไปยังผู้เฝ้ามารทั้งสามที่หวาดกลัวยิ่งด้วยความเฉยเมย ในตอนที่ชู่มู่อยู่เมืองที่ราบโบราณ ความสามารถไม่ต่างจากผู้เฝ้ามารของหลู่ซานเท่าไร แต่ในตอนนี้ ผู้เฝ้ามารของหลู่ซานหลีกลับทนต่อการโจมตีไม่ได้แล้ว !

“จั้นเย้ จัดการพวกเขา” ชู่มู่ในตอนนี้รู้สึกว่าการต่อสู้กับพวกเขาเป็นการเสียเวลาอย่างมาก

หลังจากออกคำสั่งต่อจั้นเย้ ชู่มู่ได้ก้าวเท้าออก กระโดดขึ้นขั้นบันไดเขาที่สูงขึ้น

ชู่มู่รู้ว่า หลู่ซานหลีอยู่ข้างบนแน่นอน หลู่ซานหลีเป็นคนคุ้มกับให้ชู่มู่ลงมือ ชู่มู่ต้องการให้มารนิรยของหลู่ซานหลีมาเป็นเครื่องบูชาเพิ่มความสามารถของตัวเอง !

ผู้เฝ้ามารทั้งสามถูกชู่มู่มองข้ามไป !!!

ต้องรู้ไว้ก่อนว่า พวกเขาไม่เคยอ่อนแอจนถูกเพิกเฉยตั้งแต่เริ่มการประลองฟ้าดิน อย่างไรก็ตามถ้าอยู่ที่อื่น พวกเขาเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอดที่หนึ่งไม่เป็นรองใคร !

“ให้ดวงวิญญาณตัวหนึ่งจัดการผู้เฝ้ามารสามคนที่ฝ่ามาด่านที่แปดได้ แล้วตรงไปยังหลู่ซานหลี ชู่เฉิงนี่…อะไรเกินไปแล้ว…” บนฟ้า หลังจากที่ซ่างเหิงเห็นฉากนี้แล้วก็เบิกตากว้าง

ความสามารถของผู้เฝ้ามารทั้งสามก็ไม่อ่อน อย่างมากก็ควรให้เกียรติบ้าง

“เอ่อ…เกินคาด…คาดว่าสีหน้าของหลู่ซานหลีจะน่าสนุกมาก” หลีเหิงบอก

หลู่ซานหลีอวดดีคิดว่า ผู้เฝ้ามารสามคนก็พอที่จะจัดการชู่มู่ได้แล้ว และแล้ว…ผู้เฝ้ามารทั้งสาม แทบจะเป็นขยะในสายตาของชู่มู่

ตอนนี้ชู่มู่ได้กระโดดขึ้นบันไดภูเขาโดยตรง เห็นได้ชัดว่า จะไปสู้กับหลู่ซานหลี !

ด้านบนขั้นบันไดภูเขา

การต่อสู้เมื่อกี้หลู่ซานหลีเห็นทั้งหมด ในตอนนี้สีหน้าของเขาไม่แน่นิ่งเหมือนเก่าแล้ว กลายเป็นลุกลน

อย่างน้อยผู้เฝ้ามารทั้งสามของเขาเป็นมือฉมังอันดับห้าสิบคนแรกของวังมารนิรยทั้งหมด สามคนล้อมหนุ่งคน กลับถูกเพิกเฉยแบบนี้ !

ความสามารถของชู่มู่เกินกว่าที่หลู่ซานหลีคิดเอาไว้ และเจ้าคนที่ไม่มีดวงวิญญาณแม้แต่ตัวเดียวได้กระโดดขึ้นขั้นบันไดแล้ว ตอนที่เผชิญหน้ากับหลู่ซานหลี เขาสัมผัสได้ถึงพลังที่ทำให้เขาเกิดความหวาดกลัวได้ !!!

ในไม่ช้า ชู่มู่ได้กระโดดขึ้นมาอยู่บนบันไดเขาขั้นเดียวกับหลู่ซานหลี ข้างกายชู่มู่ไม่มีดวงวิญญาณใด ๆ แต่ยืนอยู่อย่างนั้นบริเวณขอบบันได จับจ้องไปยังปีศาจลูกม้าวายุของหลู่ซานหลี !

ชู่มู่ไม่ได้พูดอะไร เขาเหมือนจะไม่ทำการป้องกันใด ๆ กับหลู่ซานหลี เดินไปยังหน้าผาด้านในของบันไดเขา เปิดแหวนช่องว่างออก แล้วเทแหวนนักโทษทั้งหมดไว้บนพื้น

แหวนนักโทษยี่สิบกว่าวงกระจายเต็มพื้นเป็นเสียง ‘แกร๊กๆ’

มองดูท่าทีนี้ของชู่มู่ สีหน้าของหลู่ซานหลีเคร่งเครียดกว่าเดิม

เห็นได้ชัดว่า ชู่มู่จะสู้กับหลู่ซานหลี และเดิมพันด้วยแหวนนักโทษทั้งหมดที่มี !

“คาดไม่ถึงจริง ๆ เจ้าปิดบังได้มากขนาดนี้ ข้าหลู่ซานหลีมองผิดจริง ๆ ! ” หลู่ซานหลีพูดกับชู่มู่ด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรมาก

“ข้ามีเวลาน้อย ไม่อยากพูดมาก” หลังจากชู่มู่โยนแหวนนักโทษไว้ตรงนั้น ก็พูดกับหลู่ซานหลีด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

สีหน้าของหลู่ซานหลีกระตุกเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงท่าทีดูถูกของชู่มู่ !

“ข้ายอมรับว่า เจ้าซ่อนความสามารถไว้ได้ดีมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าความสามารถแค่นั้นของเจ้าจะอวดดีต่อหน้าข้าหลู่ซานหลีได้ เจ้าในตอนนี้ ข้าแค่ต้องใช้เวลาเล็กน้อยในการจัดการเท่านั้น ผลยังคงเหมือนเดิม” หลู่ซานหลีกระโดดลงจากปีศาจลูกม้าวายุ

เขาเดินไปบริเวณหน้าผาเช่นกัน เปิดแหวนช่องว่างออก เทแหวนนักโทษทั้งหมดไว้ตรงนั้น

“เจ้าเก็บแหวนนักโทษเยอะพอสมควร สมกับที่ให้ข้าต้องใช้ความสามารถทั้งหมด ! ” หลู่ซานหลีพบว่า จำนวนแหวนนักโทษของชู่มู่มีมากกว่าเขาอีก

ชู่มู่อยากให้หลู่ซานหลีใช้ความสามารถที่แท้จริง เขามั่นใจได้ว่า หลู่ซานหลีมีมารนิรยที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งจำนวนตัวสองตัวแน่นอน ถ้าปีศาจขาวได้กลืนกินดวงวิญญาณของเขา ร่ายวิญญาณจะเพิ่มขึ้นแน่นอน

“เรียกอสูรมั่วเย้ของเจ้าขึ้นมาด้วยเถอะ ในเมื่อจะสู้ ก็จะให้เจ้าแพ้อย่างราบคราบ” หลู่ซานหลีมองไปยังด้านล่างขั้นบันได พูดอย่างเยือกเย็น

“มันกำลังอบอุ่นร่างกาย” ชู่มู่ตอบอย่างราบเรียบ พูดจบ ชู่มู่ตบมั่วเย้น้อยที่หมอบอยู่บนไหล่ของตัวเอง มั่วเย้น้อยได้นอนงีบสักพัก หลังจากถูกชู่มู่ปลุกให้ตื่นก็ได้ลืมตาขึ้น…

สีหน้าของหลู่ซานหลีแข็งทื่อ แอบคิดในใจ เจ้าชู่เฉิงเป็นใครกันแน่ กล้าใช้ลูกน้องของเขาเป็นเครื่องอบอุ่นร่างกายดวงวิญญาณของเขา

แต่แล้ว นั่นเรียกว่าอบอุ่นร่างกายได้อย่างไร มันกำลังฆ่าล้างดวงวิญญาณของเหล่าลูกน้องของเขา !

Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์

Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์

Status: Ongoing

ตอนที่ 1 – 550 อ่านนิยาย

(ช่วงแรกจะเป็นคนแปลคนเก่า) อ่านต่อข้างล่าง


โลกที่มนุษย์อยู่ร่วมกับสัตว์ดวงวิญญาณนานาชนิด มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่อยู่รอด! เด็กชายผู้คุมดวงวิญญาณกำลังเผชิญหน้ากับความตายที่คืบคลานเข้ามาทุกวินาที ปีศาจในร่างจ้องจะกินวิญญาณของเขา วิธีรอดมีเพียงทางเดียวคือการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น! หนทางของผู้พิชิตย่อมเต็มไปด้วยขวากหนาม สุนัขจิ้งจอกแสงจันทร์ดวงวิญญาณหลักของเขาถูกมองว่าเป็นดวงวิญญาณที่อ่อนแอที่สุด แต่ใครเล่าจะรู้ถึงความลับในสายเลือดของเจ้าจิ้งจอกตัวนี้

ที่นำพา ‘ชู่มู่’ เด็กหนุ่มผู้เคยถูกเย้ยหยันในวันนั้นไปสู่ผู้แข็งแกร่งที่น่าเกรงขามในวันข้างหน้า!

Show less 

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท