ตอนตกค่ำ ชู่มู่เดินออกจากห้องของตัวเอง ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่อง เผยให้เห็นไอเย็นเยียบบนตัวชู่มู่
ชู่มู่มีเวลาไม่มาก ดังนั้น หลังจากที่ได้น้ำแข็งเทพดิน เขาใช้ทันที แล้วใช้ร่ายวิญญาณนำมันเข้าไปในวิญญาณ เพื่อควบคุมอุณหภูมิสูงของวิญญาณเอาไว้
โชคดีที่ขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่มาก ส่วนผลของน้ำแข็งเทพดินชัดเจนอย่างยิ่ง ถ้ายืดเวลามากเกินไปละก็ ชู่มู่เองจะยากที่จะทำตามแผนของตัวเองได้
หลังจากดูดซึมพลังของน้ำแข็งเทพดินได้ครึ่งหนึ่งแล้ว ภูตเวหาน้ำแข็งที่มีวิญญาณเชื่อมต่อกับชู่มู่ก็ได้ประโยชน์จากมันไปด้วย
ต่อให้หลังจากที่ชู่มู่ดูดซึมแล้ว ภูตเวหาน้ำแข็งถึงจะได้พลังเล็กน้อยบ้าง แต่อย่างน้อยน้ำแข็งเทพดินนี้ก็เป็นสมบัติชิ้นดีที่นำมาเพิ่มความแข็งแกร่งดวงวิญญาณราชัน ถ้าคนปกติใช้น้ำแข็งเทพดินโดยตรง วิญญาณคงถูกแช่แข็งจนตายได้
หลังจากผลของน้ำแข็งเทพดิน ภูตเวหาน้ำแข็งได้เข้าสู่การหลับใหลทันที จำต้องใช้เวลาที่ค่อนข้างนานเพื่อดูดซึมวัตถุวิญญาณที่มีพลังหมวดน้ำแข็งมหาศาลนี้
คาดว่า หลังจากที่ภูตเวหาน้ำแข็งดูดซึมพลังของน้ำแข็งเทพดินจากวิญญาณของชู่มู่แล้ว พลังต่อสู้จะต้องเพิ่มขึ้นแน่นอน
…
เทียนทิงเองก็จัดการอย่างระมัดระวัง หลังจากรู้ว่า ชู่มู่ต้องการแลกเปลี่ยนที่ประตูโลกมรณะ เขาเลยเดาว่า ชู่มู่มีแผนแน่นอน จงใจให้เย้เทาวังมารนิรยมุ่งหน้าไปตำหนักวิญญาณ ให้เขารั้งท่านอาวุโสไว้ ไม่ปล่อยให้เจ้าแก่นี่มีโอกาส อีกทั้งบอกให้ชู่มู่ไปลำพังเท่านั้น
เทียนทิงระวังมากเพียงใด ยังคงไม่สามารถป้องกันตัวชู่มู่เองได้
ชู่มู่เองก็ใช้ประโยชน์จากความคิดนี้ของเทียนทิง จงใจให้เทียนทิงสนใจอยู่กับท่านอาวุโส แบบนี้เทียนทิงแค่มั่นใจว่าท่านอาวุโสอยู่ในควบคุมของเขา ถ้าอย่างนั้นเขาแทบไม่ต้องกังวลเรื่องแลกเปลี่ยนแม้แต่น้อย
เทียนทิงทำแบบนี้ ทำให้มั่นใจมากขึ้นว่า มีเพียงเทียนทิงคนเดียวที่รู้ความลับเรื่องนี้
เดินออกจากห้อง ชู่มู่อัญเชิญอสูรสายฟ้านิมิตราตรี มุ่งหน้าไปยังทิศทางของประตูโลกมรณะ
ที่ชู่มู่เลือกประตูโลกมรณะ ก็เพื่อให้ผู้คนเกิดภาพลวงตาว่าครึ่งมารนี้มาจากมิติลึกลับ เช่นนี้หลังจากฆ่าเทียนทิงแล้ว องค์กรวิญญาณส่งคนมาก็อยากที่จะสืบถึงตัวเองได้
อย่างไรก็ตาม เดิมครึ่งมารก็เป็นสิ่งที่อันตรายอยู่แล้ว คนขององค์กรสืบอย่างไร ก็ไม่อาจสืบถึงต้นตอของครึ่งมารได้ ยิ่งไม่มีทางสืบได้ว่า ผู้เข้าแข่งขันวัยหนุ่มอย่างชู่มู่จะเป็นครึ่งมารได้ !
…
ตอนที่ชู่มู่ไปถึงบริเวณประตูเมือง จงใจรอสักพัก
น่าจะรอได้ไม่นาน ผู้เฒ่าหลีวิ่งจากที่ไกลอย่างรีบร้อนทันที
“นายท่าน ในตำหนักเทียนทิงมีราชันวิญญาณประมาณสามคน ต่างเป็นสมาชิกขององค์กรวิญญาณ หม่าอี้หลู่ ขุนนางหลักเมืองเทียนเซี่ย ผู้แข็งแกร่งอิสระ ลี่เถิง แล้วก็ยังมีเจี่ยซุ่นติงวังมารนิรย ความสามารถของสามคนนี้นับว่าเป็นระดับพื้นฐานในวงการราชัน แต่สำหรับนายท่านกลับเป็นศัตรูตัวฉกาจ” ผู้เฒ่าหลีบอก
“ผู้เฒ่าหลี เจ้ารู้สึกว่า คนพวกนี้รู้ความลับไหม” ชู่มู่ถามขึ้น
“กำจัดไปก่อนจะปลอดภัยกว่า เพราะต่อให้พวกเขาไม่รู้ความลับ พวกเขาก็รู้ว่าท่านแลกเปลี่ยนกับเทียนทิงที่นี่” ผู้เฒ่าหลีบอก
ชู่มู่พยักหน้า ตบมั่วเย้บนไหล่ของตัวเองเบา ๆ
มั่วเย้ในภาวะอาวรณ์กระโดดลงจากไหล่ของชู่มู่ แสงจันทร์สาดส่อง ทำให้ขนของมั่วเย้งดงามยิ่งขึ้น
ชู่มู่เองก็รู้ว่า ถ้าเขาไม่ปรากฏตัว เทียนทิงก็จะไม่ปรากฏตัว ในตอนนี้ชู่มู่ให้มั่วเย้น้อยอยู่ที่บริเวณประตูเมืองนี้ ตัวเองตั้งใจวนไปอีกทาง มุ่งหน้าไปยังประตูโลกมรณะ
ประตูโลกมรณะหรือเรียกว่าภูเขาสะท้อนดาบ ชู่มู่ไม่ได้บอกตำแหน่งที่แน่ชัด แต่เพื่อให้ปกปิดได้ ชู่มู่ยังคงปีนขึ้นยอดเขา รอให้เทียนทิงมาถึง
ด้านตะวันออกของภูเขาสะท้อนดาบ กลุ่มคนที่สวมชุดประหลาดกำลังมุ่งหน้ามายังประตูโลกมรณะอย่างรวดเร็ว
ผู้คนเหล่านี้สวมหน้ากาก สวมชุดสีดำ เห็นได้ชัดว่า ไม่อยากให้คนอื่นรู้ตัวตนของพวกเขา
ดวงวิญญาณที่พวกเขาขี่ธรรมดาอย่างมาก มองดูไม่เหมือนผู้แข็งแกร่งชั้นยอดมาก และแล้ว พวกเขากลับรู้จักซ่อนกลิ่นอายใต้แสงจันทร์ เข้าใกล้ภูเขาสะท้อนดาบอย่างเงียบ ๆ
คนกลุ่มนี้ มีหัวหน้าคือราชันวิญญาณเฉินหง !
เดิมเฉินหงคิดจะร่วมมือกับเพื่อนพิเศษ แล้วหาโอกาสลอบฆ่าชู่มู่ แล้วชิงไข่มังกรจำศีลมรกตบนตัวชู่มู่มา
แต่เทียนทิงบอกเขากะทันหันว่า คืนนี้ชู่มู่จะปรากฏตัวที่ประตูโลกมรณะ ให้เขาพาคนกลุ่มหนึ่งไปจัดการดวงวิญญาณของชู่มู่ เหลือครึ่งชีวิตไว้ อีกทั้งต้องทำให้สะอาด ห้ามทิ้งอะไรไว้
แม้เฉินหงจะเป็นหัวหน้า เขากลับไม่คิดจะลงมือ อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาลงมือ ตำหนักวิญญาณตามสืบจะพบเห็นดวงวิญญาณของเขา เขาเฉินหงจะไม่มีวันสงบแน่
“พี่เฉินยุ่น เจ้าวางใจได้ ฝ่ายตรงข้ามเป็นแค่มือใหม่ที่มีความสามารถเทียนเท่าราชันตัวเดียวเท่านั้น ดวงวิญญาณอื่นเป็นแค่ขยะ ท่านแค่กำจัดเขาไม่กี่ญาณก็พอ เจ้าต้องการวิญญาณ ข้าจะมอบให้ในวันที่สองแน่นอน” เฉินหงพูดกับเฉินยุ่นด้านข้างด้วยรอยยิ้ม
ชื่อเฉินยุ่น เกรงว่าหลายคนในเมืองเทียนเซี่ยต่างรู้ดี อีกทั้งเป็นคนที่พูดถึงแล้วสีหน้าทุกคนจะเปลี่ยนไปทันที
เฉินยุ่นเป็นคนชั่วร้ายที่ทั้งตำหนักวิญญาณ วังดวงวิญญาณ วังมารนิรยทั้งสามอำนาจประกาศจับ เมื่อก่อนตอนยังเป็นเจ้าวิญญาณ ได้ทำชั่วร้ายไว้เยอะ มักฆ่าล้างผู้อ่อนแอ อีกทั้งไม่รักษากฎระเบียบใด ๆ ฆ่าล้างสมาชิกวัยหนุ่มของอำนาจต่าง ๆ ทำเรื่องที่ทำให้ผู้คนโกรธเคืองอย่างมาก
เดิมคนที่ถูกประกาศจับแบบนี้ควรจะยากที่จะเคลื่อนไหวได้ กลับไม่รู้ว่าคน ๆ นี้ได้เจอกับใครกันแน่ ถึงได้วัตถุวิญญาณเพิ่มความแข็งแกร่ง ทำให้ได้ดวงวิญญาณระดับราชัน ยิ่งอวดดีทำชั่วมากขึ้น !
ถ้าเฉินยุ่นลงมือละก็ ด้วยชื่อเสียงเลวร้ายของเขา ตำหนักวิญญาณจะไม่สงสัยองค์กรวิญญาณแน่นอน ดังนั้นเรื่องนี้ให้เฉินยุ่นลงมือดีที่สุดแล้ว !
“หึ ก็แค่จับเจ้าคนที่ได้เกียรติสองขั้นก็พอไม่ใช่เหรอ จะอ้าง ๆ อึ้ง ๆ ทำไม !” เฉินยุ่นพูดอย่างไม่พอใจ
“ขอรับ ขอรับ ขอรับ ที่แท้พี่ชายเฉินยุ่นได้ติดตามด้วย ในเมื่อแบบนี้พี่เฉินยุ่นมั่นใจมากขึ้นไหม” เฉินเถิงถามขึ้น
“เจ้าเด็กไม่รู้จักโต มั่นใจ ไม่มั่นใจอะไรกัน รอเก็บศพก็พอ” นัยน์ตาของเฉินยุ่นดุร้ายอย่างมาก เห็นได้ชัดว่า เป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย !
“นี่…นี่ อย่าฆ่าคนจะดีกว่า ฆ่าดวงวิญญาณก็พอ” เฉินหงพูดเสียงเบา
“ยุ่งยากจริง !” เฉินยุ่นสะบัดมืออย่างรำคาญ
เฉินหงเองก็รีบยิ้มขอโทษ
ฆ่าคนงั้นหรือ เฉินหงไม่กล้ารับแน่นอน โดยเฉพาะในตอนที่ท่านอาวุโสหลิ่วยังอยู่ในเมืองเทียนเซี่ย อย่างน้อยชู่มู่ก็เป็นคนของตำหนักวิญญาณ ฆ่าเขา ท่านอาวุโสหลิ่วจะสืบสาวมาแน่ ๆ
เฉินหงกล้าฆ่าชู่มู่ อย่างมากก็แค่ตามหาร่องรอยชู่มู่จากด้านนอก แล้วส่งคนไปสืบ เรื่องที่จะสร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองเขาไม่ทำแน่นอน
แน่นอนว่า ถ้าเฉินหงรู้ว่าชู่มู่เป็นบุตรของท่านหญิง หลานชายของท่านอาวุโส เขาจะไม่ทำภารกิจนี้แน่นอน แต่เสียดาย ถ้าจะเล่นแง่ เฉินหงสู้เทียนทิงไม่ได้จริง ๆ ทันทีที่จบเรื่อง เฉินหงยังต้องรับกรรมอยู่ดี
“พวกเจ้า สร้างความวุ่นวาย” เฉินยุ่นสั่งลูกน้องของตัวเอง
หลังจากสิบกว่าคนนั้นได้รับคำสั่ง แบ่งเป็นสองกลุ่ม มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ต่างกันของประตูโลกมรณะ การเคลื่อนที่ประหลาดมาก
…
“น่าแปลก ทำไมมีคนสองกลุ่มสู้กันใต้ประตูโลกมรณะ” ชู่มู่มองจากที่สูง กลับเกิดความสงสัยในใจ
ใต้ประตูโลกมรณะ มีดวงวิญญาณประมาณสิบกว่าตัว ความสามารถของดวงวิญญาณเหล่านี้อยู่ประมานจักรพรรดิ
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้อย่างรุนแรง ทักษะต่าง ๆ กระจายออก ในไม่ช้าได้ทำให้เหล่าประชาชนและผู้เฝ้าเมืองบริเวณประตูเมืองตื่นตระหนก
ชู่มู่ไม่เข้าใจอย่างมาก ทำไมจุดนัดที่คุยกันไว้ถึงมีบุคคลไร้ตัวตนสองฝ่าย
“แหะ แหะ เจ้าเด็ก ไม่เข้าใจใช่ไหม ให้พี่ชายมาไขข้อสงสัยให้ไหม” ในตอนที่ชู่มู่กำลังสงสัย เสียงเจ้าเล่ห์ดังขึ้นจากด้านล่างภูเขาทันที
ในไม่ช้า ชายชุดดำที่สวมหน้ากากปรากฏตรงหน้าชู่มู่
ชู่มู่ขมวดคิ้ว ผู้ที่เข้ามาไม่เป็นมิตร เห็นได้ชัดว่า เทียนทิงได้เล่นเกมชั่วร้าย !
ชู่มู่ไม่รุกรน แต่ที่ทำให้ชู่มู่สงสัยคือ หรือว่าเทียนทิงไม่อยากได้ไข่ดวงวิญญาณต้องห้ามเหรอ แต่กลับส่งนักฆ่ามาฆ่าตัวเองงั้นเหรอ
“หรือว่า…เจ้าเทียนทิง ไม่อยู่นิ่งจริง ๆ ด้วย !” ชู่มู่คิดให้ดีแล้ว เข้าใจทั้งหมด !
เจ้าเทียนทิงนี่ น่ากลัวจริง ๆ เกรงว่าต่อให้ตัวเองส่งมอบมั่วเย้ เขาไม่คิดจะให้ตัวเองรอดไปได้ !
“เจ้าเด็ก เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่หรือไร !!!” เฉินยุ่นเห็นเจ้าเด็กนี้กลับเพิกเฉยตัวเอง ตะโกนด้วยความโกรธทันที !!!
“ทั้งสองฝ่ายที่สู้กันด้านล่าง เป็นลูกน้องของเจ้างั้นหรือ” ชู่มู่ถามอย่างใจเย็น
สีหน้าของเฉินยุ่นที่อยู่ใต้หน้ากากแย่มาก
คนกลุ่มด้านล่างเป็นคนที่อยู่ในแผนการของเขา แม้เฉินยุ่นจะเป็นคนชั่วร้าย แต่เขาก็ไม่อยากหาเรื่องคนที่ไม่ควรจะหาเรื่อง
เหล่าลูกน้องพวกนั้นจะทำการต่อสู้ปลอม แล้วโยนศพของอำนาจอื่นไว้ที่นั่น…
ที่ทำให้เฉินยุ่นคาดไม่ถึงคือ เจ้าเด็กนี่มองออกได้เร็วขนาดนี้ การโยนความผิดเป็นเรื่องที่เขาถนัดมาตลอด
…
บริเวณทิศใต้ของประตูโลกมรณะ
เทียนทิงยืนอยู่บนพื้นที่อันกว้างใต้ท้องฟ้าสีดำ มองไปยังประตูโลกมรณะจากที่ไกล
ครั้งนี้เทียนทิงได้วางแผนที่แม้จะมีช่องโหว่ แต่กลับจัดการทุกอย่างได้
เทียนทิงรู้ว่า เฉินหงจะพา “เพื่อนพิเศษ” ไปฆ่าดวงวิญญาณของชู่มู่ รอให้ “เพื่อนพิเศษ” สั่งสอนชู่มู่ได้พอประมาณแล้ว เขาค่อยปรากฏตัว
ถึงตอนนั้น ดวงวิญญาณของชู่มู่คงถูกฆ่าพอประมาณแล้ว และเฉินหงคงได้แหวนช่องว่างของชู่มู่มาแล้ว
สิ่งที่เทียนทิงจะทำ คือปรากฎตัวด้วยผู้ใหญ่ที่เป็นธรรม ฆ่า”เพื่อนพิเศษ”และเฉินหงที่คิดจะขโมยของของผู้ชนะขั้นหนึ่ง !
ตามด้วย ชิงแหวนช่องว่างของชู่มู่จากเฉินหง
เทียนทิงเชื่อว่า ในนั้นมีไข่ดวงวิญญาณต้องห้ามแน่นอน
และต่อให้ไม่มี เทียนทิงก็ไม่กังวล ข่มขู่ต่อไปก็พอ อย่างไรก็ตาม คนที่ลงมือไม่ใช่เขา อีกทั้งถ้าเขาไม่ปรากฏตัว เจ้าเด็กนั่นอาจถูกฆ่าก็ได้ เขายังได้กลายเป็นผู้ช่วยชีวิตของชู่มู่ด้วย !
แผนนี้ดีมาก แต่มีช่องโหว่ และคงต้องให้เจ้าองค์กรอุดช่องโหว่นี้ให้เทียนทิง
“ไฟปีศาจสีขาวงั้นหรือ หรือว่าเจ้าเด็กนั่นอัญเชิญมารนิรยขาวเหรอ ตลกจริง มารนิรยขาวจักรพรรดิขั้นสูงจะทำอะไรได้” เทียนทิงมองไปยังไฟปีศาจสีขาวที่ลุกโชนบนภูเขาสะท้อนดาบ แล้วพูดพึมพำ