ตอนที่อยู่เมืองหลี ปีศาจขาวอยู่แค่จักรพรรดิขั้นกลาง ลักษณะเจ็ด บวกกับผลของเลือดศักดิ์สิทธิ์ ก็ฆ่าล้างทุกอย่างได้แล้ว !
ในวันนี้ มารนิรยขาวอยู่ในจักรพรรดิขั้นสูง ลักษณะเก้าแล้ว ร่ายวิญญาณของชู่มู่เข้าใกล้เจ้าวิญญาณแปดร่ายแล้ว ความสามารถของครึ่งมารจะแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้อย่างมาก บวกกับเลือดศักดิ์สิทธิ์บ่อมรกต จะน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม !
ที่สำคัญที่สุดคือ เทียนทิงยังได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งแทบไม่ป้องกันตัวเอง !
ถ้าสามารถลอบสังหารได้ เกรงว่าเขายังไม่ทันได้อัญเชิญดวงวิญญาณแม้แต่ตัวเดียว ก็คงถูกตัวเองฆ่าตายก่อนแล้ว !
“โอกาสสุดท้ายที่เทียนทิงให้มาเป็นคืนนี้ ถ้าอย่างนั้นลงมือในคืนนี้ !”
ชู่มู่แน่วแน่มาก ในเมื่อจะฆ่า ก็ห้ามลังเลใด ๆ !
แทบไม่มีใครรู้ตัวตนครึ่งมาร ชู่มู่ฆ่าเทียนทิงในร่างครึ่งมาร แล้วให้ท่านอาวุโสสร้างข่าวลือบางอย่าง ถ้าอย่างนั้นการตายของเทียนทิง องค์กรวิญญาณจะไม่ตามสืบแน่นอน ไม่มีใครรู้ความลับนี้ ชู่มู่เองก็ลอยนวลต่อไปได้ !
…
“นายท่าน ปริมาณของน้ำแข็งเทพดินมีไม่มาก น่าจะให้นายท่านใช้ภาวะครึ่งมารสองครั้งได้ ทว่า ถ้านายท่านจะฆ่าเทียนทิงละก็ ข้าแนะนำให้นายท่านดูดแค่ส่วนหนึ่งของน้ำแข็งเทพดินก็พอ เพื่อมั่นใจว่า ลดอุณหภูมิหลังภาวะครึ่งมารครั้งนี้ได้ ส่วนน้ำแข็งเทพดินที่เหลือเก็บไว้จะดีกว่า เพื่อใช้เพิ่มความแข็งแกร่งให้ภูตเวหาน้ำแข็งของท่าน” ผู้เฒ่าหลีบอก
ชู่มู่ก็รู้ดี ถ้าตัวเองใช้น้ำแข็งเทพดินละก็ ประโยชน์หลักก็เพื่อลดอุณหภูมิวิญญาณของตัวเอง แม้ภูตเวหาน้ำแข็งจะได้ประโยชน์ด้วย แต่ก็ได้อย่างจำกัด
และถ้านำมาเพิ่มความแข็งแกร่งภูตเวหาน้ำแข็งโดยตรงละก็ พลังต่อสู้ของภูตเวหาน้ำแข็งจะทะยานขึ้นอย่างมาก !
“น่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งภูตเวหาน้ำแข็งจนถึงระดับขั้นใดได้” ชู่มู่ถามขึ้น
“แค่นายท่านเพิ่มความแข็งแกร่งให้ภูตเวหาน้ำแข็งเทียบเท่าราชัน แล้วใช้น้ำแข็งเทพดินนี้เพิ่มความแข็งแกร่งต่อ น่าจะอยู่ในระดับราชันขั้นต่ำได้อย่างไม่มีปัญหา สมบัติแบบนี้จะทำให้ราชันวิญญาณเข้าแย่งชิงแน่นอน ไม่รู้ว่าท่านหญิงหาได้จากที่ใด” ผู้เฒ่าหลีบอก
“ราชันขั้นต่ำ !!!” ชู่มู่ดีใจอย่างมาก
เทียนเท่าราชันกับราชันขั้นต่ำเป็นการก้าวข้ามความสามารถอีกอย่าง เท่ากับว่า แค่ตัวเองหาวัตถุวิญญาณที่เพิ่มความแข็งแกร่งภูตเวหาน้ำแข็งให้อยู่ในระดับราชันได้ ถ้าอย่างนั้นตัวเขาจะใช้น้ำแข็งเทพดินนี้เพิ่มความแข็งแกร่งให้ภูตเวหาน้ำแข็งอยู่ในราชันขั้นต่ำได้แล้ว !
ตอนนี้ แม้แต่ชู่มู่เองยังรู้สึกอนาคตของตัวเองเต็มไปด้วยความหวัง !
แน่นอนว่า ต้องจัดการปัญหาที่รับมือยากที่สุดนี้ก่อน ไม่ฆ่าเทียนทิงให้ตายพูดอะไรก็ไร้ประโยชน์
“นายท่าน เพื่อความปลอดภัย เจ้าไปทำความเข้าใจกับดวงวิญญาณหลักทั้งหมดของเทียนทิงก่อน เพื่อจะได้รู้เอาไว้ ท่านจะมีความมั่นใจมากขึ้น” ผู้เฒ่าหลีบอก
ชู่มู่พยักหน้า จำต้องคิดวิธีฆ่าเทียนทิงนี้ภายในหนึ่งวัน และวิธีที่ไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ในขณะเดียวกัน !
จะรู้ความสามารถของเทียนทิงไม่นับว่ายากมาก ชู่มู่เองได้ให้ถิงหลันไปตามท่านอาวุโสถิง
ในไม่ช้า ถิงหลันได้บอกสถานการณ์คร่าว ๆ เกี่ยวกับดวงวิญญาณของเทียนทิงให้ชู่มู่ฟัง ในขณะเดียวกันได้นำข่าวร้ายอย่างหนึ่งมาให้ชู่มู่
“ดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชันการประลองฟ้าดินตัวนั้นถูกกักไว้กับเทียนทิงงั้นหรือ” ชู่มู่รู้สึกแปลกใจ
ที่แท้เทียนทิงมาถึงตำหนักวิญญาณเอง ก็เพื่อเอาดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชันไป !
ในคำพูดนี้เป็นการบอกกับชู่มู่ว่า “ถ้าคืนนี้ไม่ส่งมอบให้ตรงเวลา ชู่มู่อย่าคิดจะได้ดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชันซึ่งเป็นเกียรติสุดท้ายขั้นหนึ่งแล้ว”
…
…
ตำหนักเทียนทิง
เทียนทิงมีลูกน้ององค์กรวิญญาณทั้งหมดเจ็ดคน ลูกน้องทั้งเจ็ดคนนี้ต่างเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีดวงวิญญาณระดับราชัน
ผู้แข็งแกร่งราชันวิญญาณทั้งเจ็ดคนนี้อยู่ในเมืองเทียนเซี่ยมาหลายปี เป็นพลังตัวแทนขององค์กรวิญญาณ ทำการควบคุมอำนาจพื้นที่แห่งนี้
ในบรรดาผู้แข็งแกร่งราชันวิญญาณ จะมีคนหนึ่งที่อยู่ข้างเทียนทิงตลอด เป็นผู้แข็งแกร่งองค์กรวิญญาณที่ชื่อว่าหม่าอี้หลู่คนหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งคนนี้ควบคุมพื้นที่ต่าง ๆ ในเขตเมืองเทียนเซี่ย รวมถึงแหล่งวิญญาณหนึ่งในสี่ในพื้นที่ใกล้กับเมืองเทียนเซี่ยแห่งนี้ด้วย
ถ้าเปรียบเทียบวิญญาณเป็นเงินทองละก็ ถ้าอย่างนั้นแหล่งวิญญาณนับว่าเป็นเหมืองแร่ทองคำ ว่าจ้างนักวิญญาณขั้นต่ำแต่รู้จักวิธีเก็บวิญญาณมา จะขุดวิญญาณในจำนวนที่มากเพียงพอในแต่ละเดือน เพื่อให้เหล่าราชันวิญญาณเลี้ยงดูดวงวิญญาณราชันของพวกเขา
เมืองเทียนเซี่ยเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุด ก็เพราะมันเป็นหนึ่งในที่ที่มีแหล่งวิญญาณมากที่สุด
บริเวณที่มีบ่อวิญญาณมาก มักแปลว่ามีระบบนิเวศดวงวิญญาณที่สมบูรณ์ จะมีดวงวิญญาณหลากหลายชนิดปรากฏอยู่ ผู้คุมดวงวิญญาณคิดอยากจะได้ดวงวิญญาณที่ดี จำต้องมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ที่มีดวงวิญญาณหลากหลาย ดังนั้น แหล่งวิญญาณก็ไม่ต่างจากบริเวณที่มีดวงวิญญาณมากมาย
หม่าอี้หลู่มีดวงวิญญาณหลักเทียบเท่าราชันสามตัว อายุของเขาไม่น้อย ไม่มีความกล้าที่จะเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ดังนั้นจึงปักหลักอยู่ที่เมืองเทียนเซี่ย อาศัยเทียบเท่าราชันสามตัวนี้ และแหล่งวิญญาณที่มั่นคง เขายังคงมีชื่อเสียง ตำแหน่ง อำนาจในเมืองเทียนเซี่ยนี้อย่างมั่นคงได้…
“เจี่ยซุ่นติง ทำไมวันนี้ถึงว่างมาตำหนักท่านเทียนทิงได้” หม่าอี้หลู่พึ่งถวายวิญญาณของเดือนนี้ เห็นเจี่ยซุ่นติงวังมารนิรย จึงอดใจที่จะทักทายไม่ได้
แม้เจี่ยซุ่นติงจะเป็นคนของวังมารนิรย แต่ความจริงมีตำแหน่งอีกอันคือลูกน้องโดยตรงของเทียนทิง
เช่นเดียวกับส่วนในของตำหนักวิญญาณ จะมีผู้แข็งแกร่งองค์กรวิญญาณแบบนี้ นี่เป็นวิธีที่องค์กรวิญญาณใช้ติดตามอำนาจใหญ่เหล่านี้
เจี่ยซุ่นจิงไม่เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ราชันภูตสายฟ้าของท่านได้รับบาดเจ็บแล้ว ไม่รู้ว่าเจ้าพวกโง่คนไหนที่บอกว่าในมือข้ามีวัตถุวิญญาณหมวดสายฟ้า”
พูดถึงตรงนี้ เจี่ยซุ่นติงโกรธอย่างมาก เดิมวัตถุวิญญาณหมวดสายฟ้าเหล่านี้เขาคิดจะนำมาให้ภูตมงกุฎสายฟ้าอลวนของตัวเองใช้ ลองดูว่า ภูตมงกุฎสายฟ้าอลวนจะเพิ่มความแข็งแกร่งจนอยู่ในระดับเทียบเท่าราชันได้ไหม แม้โอกาสมีเพียงหนึ่งในร้อย วัตถุวิญญาณเหล่านี้เขาใช้เงินไม่น้อยถึงจะได้มา และแล้วตอนนี้จำต้องถวายให้เทียนทิง ให้ราชันภูตสายฟ้าของเขารักษาแผล
“แหะ แหะ เจ้าโชคร้ายจริง ๆ” หม่าอี้หลู่หัวเราะออกมา
“ทำไมเจ้าไม่อยู่ในตำหนักของตัวเอง มาทำอะไรที่นี่” เจี่ยซุ่นติงถามขึ้น
“ข้าก็ไม่รู้ วันนี้จู่ ๆ ท่านก็เรียกข้ากับลี่เถิงมาที่นี่ แต่กลับไม่บอกพวกข้าว่าจะทำอะไร” หม่าอี้หลู่บอก
“ราชันเขี้ยวของเขาก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว ไม่แน่จะให้พวกเจ้ากตัญญูเขาสักหน่อย” เจี่ยซุ่นติงส่งเสียงเยือกเย็น
พูดถึงราชันเขี้ยว สีหน้าของหม่าอี้หลู่แย่ลงมาก
ไม่กี่ปีก่อน หม่าอี้หลู่ไม่รู้ว่า เทียนทิงเป็นผู้แข็งแกร่งองค์กรวิญญาณที่ถูกส่งมาจากเมืองว่านเซี่ยง จงใจหาเรื่องเขา
และในตอนนั้น เทียนทิงได้อัญเชิญราชันเขี้ยวระดับราชันตัวนี้ออกมาตัวเดียว เอาชนะราชันทั้งสามตัวมากประสบการณ์ของเขาหมด
ดังนั้น ตอนที่พูดถึงราชันเขี้ยวตัวนี้ หม่าอี้หลู่ไม่สบายใจทันที อย่างไรก็ตาม พลังต่อสู้ของดวงวิญญาณตัวนั้นน่ากลัวอย่างมากจริง ๆ !
ราชันเขี้ยว ตระกูลภูตวิญญาณ หมวดอสูร กลุ่มราชันเขี้ยว ระดับจักรพรรดิ
เดิมราชันเขี้ยวดุร้ายอย่างมากอยู่แล้ว ลำตัวคล้ายสิงโตและเสือ แต่ส่วนหัวกลับเหมือนหมาป่า มีดวงตาสี่อัน บริเวณไหล่มีกริดกระดูกยักษ์ใหญ่ ตั้งขึ้นได้ นอนราบได้ ต่อให้เคลื่อนไหวเล็กน้อยก็มีพลังทำลายล้างมหาศาล
จุดเด่นของมันคือ เขี้ยวยักษ์ใหญ่ยาวทั้งสี่นั้น ไม่อาจสลายได้อีกทั้งยังทำลายหินได้อย่างง่ายดาย ราชันเขี้ยวจึงได้ชื่อจากสิ่งนี้
ราชันเขี้ยวเป็นดวงวิญญาณหลักอีกตัวของเทียนทิงที่เพิ่มความแข็งแกร่งจนอยู่ในระดับราชันขั้นสูง ตอนที่เทียนทิงยังไม่ได้ราชันภูตสายฟ้ามา ก็อาศัยราชันเขี้ยวตัวนี้เอาชนะทุกสรรพสิ่ง
…
“เจี่ยซุ่นติง วัตถุวิญญาณหมวดสายฟ้าที่เจ้าให้มา เหมาะกับราชันภูตสายฟ้าของข้าพอดี ดีมาก ข้ารับความหวังดีของเจ้าไว้แล้ว นอกจากนี้ ข้ามีบางเรื่องจะปรึกษากับเจ้า เจ้าอยู่ในตำหนักของข้าก่อนเถอะ”เทียนทิงนั่งอยู่ในห้องโถง พยักหน้าไปยังเจี่ยซุ่นติงวังมารนิรยอย่างพึงพอใจ
เจี่ยซุ่นติงฉีกยิ้ม แต่ในใจกลับด่าเทียนทิงผู้แสแสร้งนี้ล้านรอบแล้ว ทำไมถึงเก็บวัตถุวิญญาณหมวดสายฟ้าที่กว่าเขาจะเก็บมาได้แบบนี้ !
เจี่ยซุ่นจิงโค้งคำนับแล้วจากไป มีคนรับใช้หญิงเข้ามานำทาง พอเจี่ยซุ่นติงเข้าไปพักในตำหนักเทียนทิง
ในวันปกติ ตำหนักเทียนทิงจะมีราชันวิญญาณร่างอวบกับเฉินหงคอยเดินตาม แต่วันนี้แปลกไป เทียนทิงให้ราชันวิญญาณสามคนอยู่ในตำหนัก
เทียนมิงเองก็ไม่โง่ ถ้าให้ท่านอาวุโสเห็นไข่ดวงวิญญาณที่ต้องห้ามนั้น ท่านอาวุโสจะรู้ว่าดวงวิญญาณที่อยู่ในนั้นไม่ธรรมดาแน่นอน ถ้าท่านอาวุโสคิดจะครองเอาไว้ ถ้าอย่างนั้นเทียนทิงเขาจะฆ่าปิดปากแน่นอน
แม้ท่านอาวุโสจะมีโอกาสลงมือกับเขาน้อยมาก ๆ แต่เทียนทิงเองก็ต้องป้องกันไว้ก่อน จึงให้ราชันวิญญาณสามคนนั้นอยู่ในตำหนักของตัวเอง ไม่หวังให้พวกเขาทำอะไร แต่อย่างน้อยก็ให้ท่านอาวุโสรู้ว่าเขาเองก็ตั้งตัวเหมือนกัน
“ท่าน มีคนรับใช้ของตำหนักวิญญาณบอกว่า มาส่งสารแทนชู่เฉิง” ผู้รับใช้คนหนึ่งเข้ามา พูดพร้อมชันเข่า
“พาเข้ามา” เทียนทิงบอก
หลังจากผ่านไปสักพัก หญิงรับใช้ส่วนตัวของชู่มู่เจียจิ้งปรากฏตัวในห้องโถงของตำหนักเทียนทิง หลังจากเห็นเทียนทิง เจียจิ้งเองไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ พูดเสียงเบาว่า “คุณ…คุณชายข้า ให้ข้าส่งสารบอกว่า…ตกดึกแล้วรบกวนท่านมุ่งหน้าไปยังประตูโลกมรณะ เขาจะส่งมอบของกับมือ”
เทียนทิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างว่า “บอกคุณชายเจ้า ให้ส่งมาที่ตำหนักข้าเอง !”
ร่ายวิญญาณของเทียนทิงสูงขนาดไหน น้ำเสียงแบบนี้ ยิ่งทำให้เจียจิ้งหวาดกลัว พูดตอบด้วยใบหน้าซีดขาวว่า “คุณชาย…คุณชายบอกว่า…จะให้ท่านเทียนทิงนำดวงวิญญาณตัวอ่อนราชันการประลองฟ้าดินมาแลก ถ้าท่านเทียนทิงไม่มา…คุณชาย…คุณชายจะเปิดเผยความลับของสิ่งนั้นออกไป”
เทียนทิงตบโต๊ะ ลุกขึ้นทันที !
เจ้าองค์กรสั่งไว้หลายรอบ ในตอนนี้ต้องเก็บเป็นความลับให้ดีมาก ถ้ากระจายออกไป เทียนทิงจะถูกเจ้าองค์กรทำโทษ เทียนทิงไม่คิดว่า เจ้าเด็กนี้กลับใช้สิ่งนี้ขู่ตัวเอง
เจียจิ้งตกใจกับท่าทีนี้ทันที ล้มนั่งกับพื้น ไม่กล้าพูดอะไรอีก
“หึ !” เทียนทิงส่งเสียงอย่างเยือกเย็น สายตาคู่นั้นจับจ้องไปยังเจียจิ้ง
ผ่านไปเนิ่นนาน เทียนทิงถึงพูดขึ้นว่า “บอกคุณชายเจ้า ข้าจะพาดวงวิญญาณตัวอ่อนไปที่นั่น ถ้าคืนนี้ไม่ส่งมอบ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน !”
เจียจิ้งรีบลุกขึ้น วิ่งออกไปอย่างรีบร้อน
เมื่อก่อนเจียจิ้งยังรู้สึกว่า ประธานที่นั่งทั้งสี่เป็นคนรูปงามสุขุม อีกทั้งยังมีท่าทีของผู้แข็งแกร่ง วันนี้ได้เจอแล้ว เหมือนกับอสูรคลั่งตัวหนึ่ง น่ากลัวอย่างมาก !
หลังจากเห็นหญิงรับใช้หนีไป เทียนทิงยิ้มอย่างเยือกเย็น “เจ้าเด็กที่มีดวงวิญญาณราชันแค่ตัวเดียว ข้าจะดูว่าเจ้าจะเล่นอะไร อย่าหวังว่าท่านอาวุโสจะลงมือ ข้าไม่ให้เขามีโอกาสลงมือแน่นอน !”