หลังจากเข้าสู่ปราสาทโบราณมืดมัวแล้ว หุ่นเชิดเด็กสาวทรยศเดินไปยังห้องโถงที่กว้างเท่าปราสาททั้งหมดแต่กลับมืดมัวอย่างมากช้า ๆ
ความจริงปราสาทนี้เหลือแค่เปลือกนอก ห้องโถงเป็นพื้นที่ด้านใน เมื่อก่อนเคยเป็นที่อยู่ของดวงวิญญาณหมวดผี แต่หลังจากนั้นได้ถูกฝ่ายจัดการประลองกวาดล้างแล้ว
แม้ที่นี่ไม่มีดวงวิญญาณหมวดผีใด ๆ แล้ว แต่ยังคงเต็มไปด้วยความน่ากลัวที่ชวนขนลุก บางครั้งอาจมีใบหน้าผีที่ปรากฏเลือนลาง มักมีดวงตาบางคู่ซ่อนอยู่ในซอกมุม จับจ้องไปยังทุกคนที่เข้ามาในปราสาทโบราณแห่งนี้
ในตอนนี้ ทั้งปราสาทโบราณมีแค่หุ่นเชิดเด็กสาวทรยศคนเดียว เธอยืนอยู่ตรงกลางของปราสาททั้งหมด ร่ายคาถาขึ้นช้า ๆ
หลังจากร่ายคาถาสำเร็จ ดอกไม้ปรากฏใต้เท้าเธออย่างช้า ๆ ดอกไม้สีฟ้านี้ค่อย ๆ บานออก ที่น่าประหลาดคือบริเวณใจกลางดอกไม้กลับมีของเหลวผ่องใสมากมาย
ของเหลวเหล่านี้เคลื่อนไหวเบา ๆ กลับเผยให้เห็นใบหน้างดงามท่ามกลางการสั่นไหวนั้น
นี่เป็นเงาสะท้อนของโครงหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าไม่เห็นว่า หุ่นเชิดเด็กสาวทรยศยืนอยู่อีกด้าน อาจทำให้รู้สึกว่านั่นเป็นเงาสะท้อนของหุ่นเชิดเด็กสาวเอง
ใบหน้าของผู้หญิงมัวหมอง ดวงตาผ่องใสคู่นั้นกลับมองข้ามมิติประหลาดนี้ได้ สังเกตปราสาทโบราณแห่งนี้
“น่าจะเป็นที่นี่แล้ว…” หญิงสาวที่อยู่ในเงาสะท้อนพูดขึ้น
“น่าจะเป็นที่นี่แล้ว…” ขณะที่หญิงสาวในเงาสะท้อนพูดขึ้น หุ่นเชิดเด็กสาวทรยศพูดเหมือนกัน อีกทั้งเกือบจะพร้อมกัน
ในไม่ช้า ของเหลวสีฟ้าของดอกไม้ได้หายไป ดวงตาอ้างว้างของหุ่นเชิดเด็กสาวดุร้ายมากขึ้น กลายเป็นราชินีเยือกเย็นสูงส่งอีกครั้ง
ความจริง หุ่นเชิดเด็กสาวที่ให้ความรู้สึกแบบนี้ มาจากจิตวิญญาณของเด็กสาวทรยศเอง
ตอนที่สายตาอ้างว้าง แปลว่าเธอเป็นหุ่นเชิด เป็นเปลือกที่เด็กสาวทรยศสร้างขึ้น หุ่นเชิดมีความคิดของตัวเอง มีพลังของตัวเอง แต่แท้จริงแล้ว สำหรับเด็กสาวทรยศนั้น ความสามารถด้านต่าง ๆ ของเธอยังแย่กว่ามาก
ปกติแล้ว หุ่นเชิดหญิงจะทำตามคำสั่งของเด็กสาวทรยศ มีเพียงช่วงเวลาสำคัญ เด็กสาวทรยศจะใช้ความคิดของตัวเองควบคุมหุ่นเชิดหญิงนี้ ในตอนนั้น ท่าทีทั้งหมดของหุ่นเชิดหญิงเหมือนกับด็กสาวทรยศทั้งหมด
“ต่อไปน่าจะง่ายมากแล้ว” หุ่นเชิดเด็กสาวพึมพำ นัยน์ตาเผยท่าทีขบขันออกมา
ตอนที่พูด หุ่นเชิดเด็กสาวร่ายคาถาขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้ดอกไม้ขนาดใหญ่ที่เหมือนดอกไม้กินคนปรากฏข้างตัวเธอช้า ๆ กลีบดอกไม้ที่ใหญ่เหมือนปากเปิดออกช้า ๆ ด้านในกลับมีศพที่เหนียวข้นไหลออกมา !
ศพนี้เป็นผู้ชาย เสื้อผ้าถูกกัดกร่อนจนไม่เหลือแล้ว แม้แต่ผิวก็จะถูกย่อยจนหมดแล้ว ไม่เห็นใบหน้าใด ๆ เห็นแล้วชวนขนลุกอย่างมาก
หุ่นเชิดเด็กสาวทรยศไม่สนใจใด ๆ ในมือมีกิ่งดอกไม้เส้นหนึ่ง เห็นได้ชัดว่า กิ่งดอกไม้นี้มีความสามารถดูดเลือดพิเศษ ปักลงบริเวณเส้นเลือดลำคอของศพนี้อย่างแม่นยำ
กิ่งดอกไม้เริ่มดูดซึม ในไม่ช้า เห็นได้ชัดว่า ศพนี้แห้งลง สุดท้ายหายจากไปด้วยของเหลวกัดกร่อนเหล่านี้ในที่สุด
หลังจากเก็บเลือดมาแล้ว หุ่นเชิดเด็กสาวทรยศเริ่มนำเลือดนี้ไปหยดในทุกมุมของปราสาทโบราณ ดูเหมือนเป็นการสาดธรรมดา แต่ถ้ามองจากที่สูง จะพบว่านี่เป็นลายเส้นเลือดอันหนึ่ง !
เด็กสาวทรยศใช้เวลาวาดนานมาก แต่ว่าในตอนที่สำเร็จในตอนท้ายสุด เธอกลับขมวดคิ้วขึ้น
“ไม่ได้ผล” สีหน้าของหุ่นเชิดเด็กสาวทรยศดูแย่มาก
“เลือดนี้มีปัญหา หึ !” หุ่นเชิดเด็กสาวทำใบหน้าเยือกเย็น ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
“กำจัดเลือดทิ้ง อย่าให้คนอื่นสังเกตเห็น เจ้าไปเปิดผนึกด่านที่สิบ ทำท่าเหมือนจะคว้าเกียรติสุดท้าย” หุ่นเชิดเด็กสาวเหมือนกำลังพูดกับตัวเอง
หลังจากพูดจบ สายตาของหุ่นเชิดอ่อนโยนลงช้า ๆ แต่หลังจากอ่อนโยนลงกลับอ้างว้างเหมือนเดิม ราวกับไม่มีวิญญาณ
หลังจากไม่มีวิญญาณแล้ว หุ่นเชิดเด็กสาวทรยศเหมือนศพเดินได้ เดินไปด้านนอกปราสาทช้า ๆ
เกียรติสุดท้ายของด่านที่สิบคือสิ่งมีชีวิตที่ผนึกไว้ด้านนอกประตูปราสาทโบราณ ซึ่งเป็นป้ายศิลานั้น รอบ ๆ ป้ายศิลานั้นยังมีสิ่งมีชีวิตผู้เฝ้าสิบกว่าตัว
เกียรติสุดท้ายที่ฝ่ายจัดการประลองตั้งไว้มีความยากสูงมา สิ่งมีชีวิตในเกียรติสุดท้ายของด่านที่สิบนี้เป็นจักรพรรดิที่สู้กับกลุ่มมังกรได้ นอกจากนี้ สิ่งมีชีวิตผู้เฝ้าสิบกว่าตัวรอบ ๆ อยู่ในจักรพรรดิขั้นสูง ยังมีระดับจักรพรรดิชั้นยอดด้วย นอกจากผู้เข้าแข่งขันจะมีความสามารถที่เกินคนแล้ว มิฉะนั้น แทบไม่สามารถคว้านด่านที่สิบนี้ได้ลำพังแน่นอน
หุ่นเชิดเด็กสาวไม่ได้มาเพราะเกียรติสุดท้ายด่านที่สิบนี้ เธอรู้ว่ารอบ ๆ ปราสาทโบราณยังมีกฎต้องห้ามของฝ่ายจัดการประลอง เพื่อไม่ให้ฝ่ายจัดการประลองสังเกตเห็นแผนของตัวเอง เธอได้เปิดผนึกสิ่งมีชีวิตผู้เฝ้าอันหนึ่งขึ้น
สิ่งมีชีวิตผู้เฝ้าตัวแรกที่หุ่นเชิดเด็กสาวปล่อยออกมาคือดวงวิญญาณที่อยู่ระหว่างจักรพรรดิขั้นสูงและจักรพรรดิชั้นยอด
หลังจากดวงวิญญาณเห็นหุ่นเชิดเด็กสาว มันพุ่งเข้ามาอย่างดุร้ายทันที กรงเล็บนั้นกำลังจะฉีกร่างอ่อนแอของเธอ
หุ่นเชิดเด็กสาวหลบได้อย่างง่ายดาย ด้านหลังเธอมีเถาวัลย์ดอกไม้ปรากขึ้นตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เถาวัลย์ดอกไม้เหล่านี้ปักเข้าผิวของสิ่งมีชีวิตผู้เฝ้าอย่างลึกลับ
สิ่งมีชีวิตผู้เฝ้ายากที่จะต่อต้านได้ ตามที่สารพิษของเถาวัลย์ดอกไม้ซึมเข้า ดวงตาของสิ่งมีชีวิตผู้เฝ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ …
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร ก่อนที่กลิ่นไอดุร้ายของสิ่งมีชีวิตผู้เฝ้าจะหายไปหมด แล้วคลานอย่างช้า ๆ เดินไปตรงหน้าเด็กสาวทรยศ หมอบอยู่ข้างเธอราวกับเป็นทาส !
หลังจากควบคุมสิ่งมีชีวิตผู้เฝ้าตัวนี้ได้แล้ว หุ่นเชิดเด็กสาวทรยศทำเช่นเดียวกัน เปิดผนึกของสิ่งมีชีวิตผู้เฝ้าด่านที่สิบนี้ต่อ ควบคุมสิ่งมีชีวิตผู้เฝ้าทั้งหมดเอาไว้…
…
…
ซูซายืนอยู่บนเนินเมฆดำตลอด เมฆหมอกลอยต่ำลงเรื่อย ๆ แล้ว ตอนนี้เขาแทบไม่เห็นปราสาทโบราณบนยอดเนินนั้นแล้ว ยิ่งมองไม่เห็นเงาของคุณท่านหญิง
ซูซารอที่นี่สักพักแล้ว ระหว่างนี้ซูซาได้ต่อสู้กับผู้เข้าแข่งขันขั้นหนึ่งที่คิดจะเข้ามาในเนินเมฆดำแห่งนี้
ความสามารถของซูซาแข็งแกร่งอย่างมาก ต่อให้เผชิญหน้ากับลี่ฮวัง ฟงหลั่ว เขามั่นใจได้ว่าจะชนะ ส่วนผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ไม่อาจมีชีวิตรอดไปได้แล้ว
“เจ้าเซี่ยกว่างหาน เรื่องแค่นี้ยังต้องใช้เวลานานขนาดนี้ !” ซูซาบ่น
เพราะเซี่ยกว่างหานไม่ปรากฏตัวสักที ซูซาต้องคอยรออยู่ที่นี่ เขาไม่สามารถขัดคำสั่งของคุณท่านหญิงวิ่งเข้าไปในปราสาทโบราณได้
“เซี่ยกว่างหานไม่มาแล้ว”
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้น !
ซูซาตกใจขึ้น ตัวเองเป็นเจ้าวิญญาณหกร่าย ตามปกติในขั้นที่หนึ่งยากที่จะมีผู้แข็งแกร่งที่สูงกว่าตัวเอง แต่ฝ่ายตรงข้ามสังเกตเห็นตัวเอง อีกทั้งได้ยินเสียงบ่นของตัวเอง แต่ตัวเขากลับไม่สังเกตเห็นอีกฝ่าย
“ใคร !” ซูซาร้องขึ้นอย่างเยือกเย็น กวาดตามองไปยังอีกด้านของเนินเมฆดำ
ตำแหน่งที่ซูซาอยู่เป็นด้านคดโค้งของเนิน เขาในตอนนี้ที่มองไปยังต้นตอของเสียง สิ่งทีเห็นกลับไม่ใช่คนที่พูด แต่เป็นสิ่งมีชีวิตร่างมังกรที่มีความสูงแปดเมตรเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ
“นี่มัน…” ซูซานิ่งอึ้ง เห็นได้ชัดว่า นี่เป็นมังกรวายุอลวนลักษณะสิบตัวหนึ่ง !!!
กลุ่มมังกรขึ้นชื่อว่าเป็นกลุ่มไร้เทียมทานในจักรพรรดิ ดวงวิญญาณของซูซาตัวใหญ่ก็จริง แต่เมื่อเทียบกับมังกรจักรพรรดิแล้ว ใช่ว่าจะเอาชนะมันได้
ตอนนี้ซูซาแอบคิดในใจ เขาจำได้ว่า ในขั้นหนึ่งน่าจะมีแค่ลี่ฮวังที่มีมังกรจำศีลมรกตตัวหนึ่ง มังกรจำศีลตัวนั้นเนื่องจากผ่านการล้างสมองด้วยหยดแห่งความจำ ไม่มีแม้แต่วิญญาณ ความสามารถธรรมดา ไม่น่ากลัว
แต่ว่า สายตาของมังกรวายุอลวนตรงหน้าตัวนี้ เต็มไปด้วยพลัง ความมุ่งมั่นในการต่อสู้ที่เต็มเปี่ยม ต่อให้ร่างผอมบางติดกระดูก แต่คาดว่า เป็นชั้นยอดของมังกร ดูจากภายนอกก็มั่นใจได้แล้ว !
เป็นจักรพรรดิชั้นยอดเช่นกัน สู้กับจักรพรรดิชั้นยอดสองตัวของเขาละก็ เกรงว่ามังกรวายุอลวนตัวนี้ก็จัดการได้ !
มังกรวายุอลวนถูกผนึกไว้นานแล้ว ไม่ได้ยืดเส้นยืดสายสักที หลังจากรู้ว่าซูซาคือศัตรู ยิ่งพุ่งตรงไป ก่อพายุสลายขึ้น กลายเป็นพายุสีดำ พัดพาไปยังซูซาและดวงวิญญาณของเขา !
ซูซาได้อัญเชิญจักรพรรดิชั้นยอดออกมาสามตัว และแล้ว เขาเผชิญหน้ากับจักรพรรดิชั้นยอดสามตัวนี้ มังกรวายุอลวนกลับไม่กลัวที่จะพุ่งเข้าไป เผยท่าทีทรงพลังของกลุ่มมังกรออกมาอย่างหมดจด !
ซูซาตกใจยิ่งกว่าเดิม พลังของมังกรวายุอลวนตัวนี้แข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้ !
มังกรวายุอลวนได้เปรียบตรงความสามารถควบคุมหมวดลมและพลังหมวดอสูรที่แข็งแกร่งยิ่ง
ในตอนที่ภูตพันวายุของชู่มู่ต่อสู้ในระยะประชิด ทำได้แค่หลบซ่อน แล้วเว้นระยะห่างออกมาเพื่อปล่อยทักษะหมวดลมต่อสู้ต่อ
ส่วนมังกรวายุอลวนต่างกัน อาศัยร่างเนื้อของกลุ่มมังกร ต่อสู้ระยะประชิดกับดวงวิญญาณจักรพรรดิชั้นยอดหมวดอสูร มังกรวายุอลวนชนะได้แน่นอน
ถ้าต่อสู้ในระยะไกล มังกรวายุอลวนจะให้เจ้าพวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงรู้ถึงความน่ากลัวของวายุสลาย !
เช่นนี้ การรวมตัวของหมวดอสูรกับหมวดลม ทำให้มังกรวายุอลวนได้ชื่อว่าเป็รจักรพรรดิไร้เทียมทาน บวกกับพรสวรรค์และหมวดที่โดดเด่ของมังกรวายุอลวนชู่เทียนหมังตัวนี้ เผชิญกับจักรพรรดิชั้นยอดทั้งสามของซูซาได้เหลือเฟือ!
ตอนที่สู้กับมังกรจำศีลมรกต ชู่มู่มั่นใจในความสามารถของมังกรวายุอลวน มองจากตอนนี้ อาจต้องให้ดวงวิญญาณระดับราชันลงมือ ถึงจะจับมังกรวายุอลวนตัวนี้ได้ !
“มั่วเย้ ฆ่าซูซา” ชู่มู่ใช้ร่ายวิญญาณพูดกับมั่วเย้
ซูซากำลังร่ายคาถาขึ้น เห็นได้ชัดว่า ไม่อยากผูกมัด จำต้องใช้ควบคุมสี่ถึงจะล้มมังกรวายุอลวนได้
ทว่า ชู่มู่ไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสอัญเชิญดวงวิญญาณ !
“โซ โซ”
ความเร็วของมั่วเย้น่ากลัวยิ่งกว่ามังกรวายุอลวน ซูซาที่กำลังจดจ่อกับการต่อสู้แทบไม่สังเกตเห็นราชันตัวหนึ่งที่กำลังเข้าใกล้ !!!
“ซัวะ !!!”
กรงเล็บอัคคีแห่งโทษตวัดลงลำคอของซูซาอย่างลึกลับ ซูซาเบิกตากว้าง ดวงตานั้นเผยให้เห็นความหวาดกลัว !
อัคคีแห่งโทษกระจายจากลำคอของซูซาไปทั่วทั้งตัว ชีวิตของซูซาหายไปอย่างรวดเร็ว !
ดวงตาของซูซาขยายเรื่อย ๆ กระทั่งตอนตายเขาก็ยังไม่เข้าใจ ตัวเองกลับถูกจิ้งจอกน้อยตัวหนึ่งฆ่าตายในการโจมตีเดียว วินาทีก่อนตาย เขายังรู้สึกว่า จิ้งจอกน้อยนั้นน่ารัก ไร้เดียงสา…