“ปัญหานี้ข้าจะจัดการให้ ในเมื่อตระกูลอยู่ที่เมืองเจ็ดสี ข้าจะมุ่งหน้าไปเมืองเจ็ดสี” ชู่มู่บอก
ก่อนหน้านี้ผู้เฒ่าหลีบอกว่า แหล่งวิญญาณอยู่ที่เมืองซีหลิน เมืองนี้เชื่อมกับเมืองตะวันตก ชู่มู่ไม่คิดว่า เมืองของตระกูลจะอยู่ในเมืองที่ใกล้กับแหล่งวิญญาณนี้ ถ้าชู่มู่ต้องการวิญญาณในระยะยาว จำต้องช่วยเหลือตระกูลจริง ๆ
“พอดี ที่นี่ยังไม่มีเรื่องอะไร ข้ากลับไปพร้อมกับเจ้าเถอะ คาดว่าทุกคนเห็นเจ้ากลับมา จะต้องดีใจอย่างมาก” ชู่หลั่งบอก
ตอนที่พูด ชู่หลั่งได้ให้ชู่เซิ่งฮวาจัดการเรื่องร้านผลึกนี้
“ในแหวนช่องว่างนี้มีเศษวิญญาณ ผลึกวิญญาณ หินผลึก ถือว่าเป็นของขวัญเล็กๆ ที่ข้านำกลับมา” ตอนที่พูด ชู่มู่ได้หยิบแหวนช่องว่างที่ไม่สะดุดตาเท่าไรออกมา
ในแหวนช่องว่างนี้เป็นของเล็กๆ น้อยๆ ชู่มู่มอบแหวนช่องว่างนี้ให้ชู่เซิ่งฮวา
แม้ชู่หลั่งเองก็อยากรู้ว่า ชู่มู่ให้ของขวัญเล็ก ๆ อะไรมา แต่ไม่ได้ถามอีก อย่างไรก็ตาม ของที่ชู่มู่ให้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
ในตอนนี้ ชู่หลั่งได้ปลุกเสือปีกของตัวเอง คิดจะพาชู่มู่ออกเดินทางไปยังเมืองเจ็ดสีทันที
ชู่หลั่งกับชู่มู่จากไปไม่นาน เสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้นในร้านหินผลึกทันที
เสียงนี้มาจากชู่เซิ่งฮวา เขาได้ทำใจไว้แล้วระดับหนึ่ง แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า จะมีผลึกวิญญาณ หินผลึกนับพันแบบนี้อยู่ อีกทั้งมีผลึกวิญญาณ หินผลึกขั้นแปดสิบกว่าอัน แล้วยังมีขั้นเก้าอันหนึ่งอยู่ !
ร้านค้าไม่เคยได้ค้าขายหินผลึกขั้นเก้ามาก่อน ส่วนใหญ่มักจะส่งเข้าสถานแลกเปลี่ยนเพื่อทำการประมูล นี่ไม่ใช่ของขวัญเล็กๆ แล้ว นี่เป็นเงินจำนวนมหาศาลที่เหมาร้านใหญ่ทั้งร้านนี้ได้แล้ว !
ในตอนนี้ ชู่เซิ่งฮวาแอบชื่นชม ความสามารถของวัยหนุ่มที่เปลี่ยนชะตาตระกูลนี้อยู่ในระดับที่น่าตกใจมากเพียงใดกัน
…
ชู่หลั่งมีเสือปีกอยู่ ถ้าบินโดยตรงละก็ น่าจะสะดวกไม่น้อย เดิมชู่หลั่งจะให้ชู่มู่ขี่เสือปีกกลับไปพร้อมกับตัวเอง
และแล้วชู่หลั่งกลับพบว่า อสูรสายฟ้านิมิตราตรีของชู่มู่วิ่งด้วยความช้ายังไวกว่าเสือปีกของเขามาก ทำได้แค่ให้เสือปีกของตัวเองกระพือปีกสุดกำลังตามชู่มู่ไป
ระหว่างทาง ชู่หลั่งได้เล่าเรื่องของตระกูลในปีที่ผ่านมานี้ให้ชู่มู่ฟัง
ด้วยเมืองเจ็ดสี ทำให้ปีที่ผ่านมานี้ตระกูลเติบโตอย่างรวดเร็ว มีพื้นที่ขั้นแปดหลายแห่งแล้ว
ความสมบูรณ์ของพื้นที่ขั้นแปดนี้ย่อมไม่ต้องพูดถึง อย่างน้อยจะจับดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับจักพรรดิจากในนั้นได้ ต่างจากตระกูลชู่เล็กๆ เมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง
เมื่อได้ครอบครองแหล่งทรัพยากร ตระกูลเองก็ซื้อวัตถุวิญญาณราคาแพงได้แล้ว ความสามารถของรุ่นท่านอาเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน ชู่เทียนเหิงเป็นคนที่มีความสามารถแข็งแกร่งที่สุด
ดวงวิญญาณของชู่เทียนหมังมีสมรรถภาพที่ไม่แย่ ส่วนใหญ่อยู่ในลักษณะเจ็ดที่ยากจะข้ามผ่านไปได้ เนื่องจากไม่ได้ทรัพยากรทำให้ความสามารถดวงวิญญาณอยู่ในลักษณะเจ็ดเป็นเวลานาน ไม่สามารถข้ามไปลักษณะแปดได้
แต่ในปีที่ผ่านมานี้ ด้วยวัตถุวิญญาณที่ได้มา บวกกับชู่เทียนเหิงมักสู้กับหายนะของเมืองเจ็ดสีบ่อยครั้ง หนึ่งในดวงวิญญาณหลักได้มีโอกาสเพิ่มขึ้น ทำให้ความสามารถของชู่เทียนเหิงเพิ่มขึ้นอย่างมาก มีดวงวิญญาณไม่น้อยที่อยู่ในลักษณะสิบแล้ว นับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงในเมืองตะวันตก
หลายครั้งผู้คุมดวงวิญญาณก็ต้องอาศัยดวง ทันทีที่ได้มา จะพุ่งทะยานขึ้น
แน่นอนว่า สิ่งที่เรียกว่าดวงมักมาพร้อมกับอันตรายมหาศาลไม่ใช่ทุกคนจะเข้าไปในโลกอลวนบ่อยครั้งอย่างบ้าคลั่งเหมือนชู่มู่ คนปกติ เข้าไปครั้งสองครั้งก็ไม่มีความกล้าอีกแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องดวง…
ชู่เหอ ผู้แข็งแกร่งลำดับที่สองของตระกูลชู่ ชู่เหอเป็นรุ่นวัยหนุ่ม เดิมเขาเป็นผู้คุมดวงวิญญาณที่มีพรสวรรค์อย่างมากคนหนึ่งอยู่แล้ว ในตอนแรกความสามารถของเขาไม่ด้อยกว่าชู่ซิ่งเท่าไร
เขตเมืองเป็นรองจากเขตโลก คาดว่าความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดน่าจะอยู่ที่จักรพรรดิชั้นยอดลักษณะสิบ อีกทั้งคนที่มีความสามารถแบบนี้มักอยู่ในเมืองเขตโลก ไม่ชอบอยู่ในเมืองเล็กๆ โดยเฉพาะเมืองตะวันตกที่ค่อนข้างไกลและยากจนแบบนี้ อาจไม่มีแม้แต่จักรพรรดิชั้นยอดก็ได้…
ดังนั้น ชู่มู่คาดว่า ดวงวิญญาณตัวใดของตัวเองน่าจะอยู่ในสิบอันดับแรกของความสามารถเขตเมืองนี้แล้ว
…
เวลาประมาณสามวัน ชู่มู่กับชู่หลั่งได้มาถึงเมืองเจ็ดสีแล้ว
ตอนแรกชู่มู่รู้สึกว่า เมืองเจ็ดสีเป็นถึงเมืองขั้นเก้า เมื่อเทียบกับเมืองหวั่งหลัวขั้นแปดเมื่อก่อนจะต้องเจริญกว่ามาก
และแล้ว ในตอนที่ชู่มู่เห็นเมืองนี้ กลับผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
เมืองนี้ไม่ได้ดีอย่างที่ชู่มู่คิดไว้ นอกจากกว้างกว่าเมืองขั้นแปดมากแล้ว ในนั้นกลับธรรมดามาก อีกทั้งไม่สามารถใช้คำว่าธรรมดาได้…
ถนนเต็มไปด้วยรอยแยกมากมาย บ้านหินที่เก่าและเตี้ย ฝูงคนที่เสียงดังไร้ระเบียบ แม้แต่กำแพงเมืองที่สำคัญอย่างมาก ยังมีหลายจุดที่เกิดการถล่มชัดเจน
“นี่…แม้ภายนอกเมืองเจ็ดสีจะไม่เท่าไร แต่ยังได้กำไรไม่น้อย” ชู่หลั่งพูดพร้อมฝืนยิ้ม สีหน้าของเขาในตอนนี้ เหมือนญาติที่กลับมาเยี่ยมเยียน แต่บ้านของตัวเองกลับเสียหายอย่างมากจนน่าอับอาย
เมืองตะวันตก ยังคงเทียบกับเมืองหวั่งหลัวของเมืองหลัว หลังจากเห็นภาพนี้ ชู่มู่เองได้เข้าใจแล้ว
ตระกูลได้ตั้งอยู่บนเมืองที่ยากลำบากแห่งหนึ่ง เกรงว่าปีที่ผ่านมานี้ คนในตระกูลคงยากลำบากกว่าหลายสิบปีที่เมืองหวั่งหลัวมาก
เดินไปตามถนนหลักที่เสียหายอย่างหนัก ตลอดทางที่เดินไป ชู่มู่เห็นแต่ร้านค้าที่ทรุดโทรมอย่างมาก การซื้อขายส่วนใหญ่เป็นหินผลึก ผลึกวิญญาณ เศษวิญญาณ และหินแร่พลังงานต่างๆ เห็นได้ชัดว่า ที่นี่เป็นเมืองที่มีทรัพยากรหินแร่ที่สมบูรณ์ มิฉะนั้นด้วยลักษณะทรุดโทรมของเมืองนี้ เกรงว่าคงไม่มีคนจะเข้ามา
“ข้อเสียใหญ่สุดของเมืองนี้คือภัยแร้งและสิ่งมีชีวิตรอบๆ ดุร้ายเกินไป ท่านอาใช้เวลาหลายปีสำรวจมาแล้ว ถ้าจัดการต้นเหตุหายนะรอบๆ ได้ เมืองเจ็ดสีจะเจริญกว่าเมืองตะวันตกแน่นอน อีกทั้งถ้าทำถนนเชื่อมหลายเส้นละก็ พวกเราจะทำกิจการเหมืองแร่ของทั้งเขตโลกได้ ถึงตอนนั้น พวกเราจะเป็นตระกูลอันดับกลางถึงต้นของเขตโลกแล้ว” ชู่หลั่งพูดกับชู่มู่ต่อ
ชู่มู่กำลังจะพูดบางอย่าง ในตอนนี้รถม้าคันหนึ่งที่ขับเข้ามามีหัวยื่นออกมา เธอมองไปยังอสูรสายฟ้านิมิตราตรีของชู่มู่ เผยความสงสัยออกมา
“ชู่หลั่ง คนที่อยู่ข้างเจ้าคือใคร แนะนำหน่อย” หญิงสาวที่ยื่นหัวออกจากรถม้าถามขึ้นทันที
“คนนี้คือชู่มู่ น้องชายที่เป็นญาติสนิทของข้า คุณหญิงเสี่ยวหยุนมาเมืองเจ็ดสีอีกแล้ว ครั้งนี้จะมุ่งหน้าออกล่าที่เขตชื้นวายุอีกเหรอ?”ชู่หลั่งฉีกยิ้มออกมา พูดกับหญิงสาวในรถม้า
“รู้แล้วยังถาม ข้าจะเดินเล่นในเมือง ซื้อของเล็กน้อย เจ้ากลับตระกูลเจ้า บอกพวกเขาว่าข้ามาแล้ว เตรียมของให้เรียบร้อย…”คุณหญิงเสี่ยวหยุนพูดด้วยความเย่อหยิ่งเล็กน้อย
พูดจบ เธอมองไปยังชู่มู่ ไม่รอให้ชู่หลั่งแนะนำเธอให้ชู่มู่รู้จัก ก็ให้รถม้าเคลื่อนที่ต่อไปแล้ว
รถม้าของผู้หญิงคนนี้เคลื่อนที่โดยปีศาจลูกม้าดาวป่าสองตัว อีกทั้งมีลักษณะขั้นสูงมาก มองจากตรงนี้ก็รู้ว่าเธอมีตำแหน่งไม่ธรรมดาในเมืองนี้
ชู่มู่มองไปยังผู้หญิงคนนั้น กลับไม่พูดอะไร แต่ท่าทีชอบออกคำสั่งของลูกคุณหนูทำให้ชู่มู่ไม่ชอบใจอย่างมาก
“เธอเป็นลูกสาวของเจ้าเมือง เป็นผู้แข็งแกร่งวัยหนุ่มห้าอันดับของเมืองพวกเรา ทุกๆ ช่วงเวลาหนึ่ง เธอจะมาที่เมืองเจ็ดสี มุ่งหน้าเพื่อออกล่าฝึกฝนที่เขตชื้นวายุ ตอนที่มาจะให้พวกเราต้อนรับ นับว่าเป็นลูกค้าที่สนิทคนหนึ่ง” ชู่หลั่งพูดอธิบาย
“เขตชื้นวายุงั้นหรือ” ชู่มู่ถามขึ้น
“เขตชื้นวายุเป็นหนึ่งในอุปสรรคขยายกิจการของตระกูลพวกเรา ในนั้นมีดวงวิญญาณลักษณะขั้นสูงกลุ่มใหญ่ ตระกูลของพวกเราใช้เงินมหาศาลจ้างคนไปเก็บกวาด มิฉะนั้น จะเกิดอุปสรรคครั้งใหญ่ในด้านการขนส่ง…” ชู่หลั่งบอก
ตอนที่ชู่หลั่งพูดจบ เสียงของผู้เฒ่าหลีดังขึ้นว่า “เขตชื้นวายุนี้อยู่ที่ขอบของบ่อน้ำตะวันตก บ่อน้ำตะวันตกเข้าใกล้เมืองต้องห้ามอย่างมากแล้ว นับว่าเป็นโลกอลวนขั้นเก้าแห่งหนึ่ง…”
“โลกอลวนขั้นเก้า ถ้าอย่างนั้นมันจะมีสิ่งมีชีวิตระดับราชันอยู่ใช่หรือไม่” ชู่มู่รีบถามขึ้น
“อืม ความจริงการแบ่งระดับโลกอลวนไม่เข้มงวดมาก เหมาะกับผู้คุมดวงวิญญาณต่ำกว่าราชัน อย่างไรก็ตามสำหรับผู้คุมดวงวิญญาณเหล่านี้แล้ว โลกอลวนขั้นสิบคือสูงสุดแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นต้องแบ่งอย่างไร” ชู่มู่ถามขึ้น
“โลกอลวนในบรรดาโลกมนุษย์ส่วนใหญ่เป็นโลกอลวนสลับซับซ้อน กลุ่มพวกนั้นไม่มีกฎระเบียบที่แท้จริง และในเมืองต้องห้าม กลุ่มดวงวิญญาณใหญ่จะมีการแบ่งอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับอาณาจักรปีศาจวายุร้ายของเมืองพันวายุ อาณาจักรแมลงปีศาจเวหาของเหวดับมังกรหมื่นนั้น”
“และภายใต้รูปแบบอาณาจักรยังมีสิ่งที่เรียกว่า ‘ชนเผ่า’ กับ ‘กลุ่ม’ อยู่”
“ถ้าแบ่งกลุ่มตามแบบนี้ละก็ กลุ่มที่ว่าจะเทียนได้กับเขตเมืองของพวกเจ้า มนุษย์พวกเจ้าแบ่งเขตเมืองออกเป็นสิบระดับ เมืองขั้นสิบเรียกว่า เมืองอาณาเขต ต่ำกว่าขั้นสิบเรียกว่าเมือง เช่นเมืองขั้นเก้า เมืองขั้นแปด…”
“ความจริงนี่เป็นวิธีเรียกของคนทั่วไป เมืองขั้นเก้า เมืองขั้นแปด เมืองขั้นเจ็ดต่างๆ ความจริงควรจะเรียกว่าเมืองอาณาเขตขั้นเก้า ขั้นแปด…พื้นที่ของเมืองในระดับพวกนี้ ควรแบ่งระดับตามเขตเมืองด้วย เช่นเมืองเจ็ดสีเป็นเมืองขั้นเก้า พื้นที่ทั้งหมดของมันจะเป็นเขตเมืองขั้นเก้า”
“กลุ่มขั้นหนึ่ง เทียบได้กับเขตเมืองขั้นหนึ่งของพวกเจ้า คือเมืองขั้นหนึ่งที่พวกเจ้าพูดถึง กลุ่มขั้นเก้า เท่ากับเขตเมืองขั้นเก้าของพวกเจ้า น่าจะเทียบเท่ากับพื้นที่และจำนวนประชากรของเมืองเจ็ดสีซึ่งเป็นเมืองขั้นเก้าได้”
“เหนือกว่าเขตเมืองขั้นสิบ จะเป็นเขตโลกขั้นหนึ่ง เขตโลกขั้นหนึ่งจะเทียบเท่ากับชนเผ่าของสิ่งมีชีวิตขั้นหนึ่ง” ผู้เฒ่าหลีบอก
ในตอนแรกชู่มู่ก็แปลกใจอย่างมาก ทำไมเมืองอาณาเขตหนึ่งเป็นของเขตเมืองเล็กๆ แต่กลับถูกแบ่งอยู่ในลำดับสูงสุดของสิบขั้น ที่แท้เมืองขั้นเก้า ขั้นแปด ขั้นเจ็ดที่ว่าเป็นเขตเมืองที่เล็กกว่า
“หายนะเมืองเจ็ดสี มาจากชนเผ่าขั้นหนึ่งของเทียนเท่าราชันแห่งหนึ่ง !”
“อีกทั้งต้นตอของเขตชื้นวายุ บ่อน้ำตะวันตกน่ากลัวยิ่งกว่า เป็นชนเผ่าขั้นสามของราชันขั้นต่ำตัวหนึ่ง !”
“เขตเมืองเล็กที่เทียบเท่ากับกลุ่มขั้นเก้าแห่งหนึ่ง ไม่มีแม้แต่จักรพรรดิชั้นยอด ถ้าจะเอาชีวิตรอดจากขอบและช่องว่างระหว่างชนเผ่าที่ใหญ่แบบนี้ เป็นเรื่องที่น่าหวาดระแวงอย่างมาก ทำเงินหลายปีเสร็จแล้วก็รีบเผ่นเถอะ…” ผู้เฒ่าหลีบอก