(นามของข้าคือคริสช่า เทพีแห่งความฝัน)
หญิงสาวมีสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนในขณะที่เธอจ้องเข้าไปในดวงตาของวาห์น
สิ่งที่เขามองเห็นในดวงตาของเธอก็คือความมืดอันไร้จุดสิ้นสุดซึ่งมันคล้ายกับขุมนรกที่เคยรุกล้ำเข้ามาใน ‘ความทรงจำ’ ของเขามาก่อน ภายในความมืดนั้นเป็นภาพของดวงดาวอันนับไม่ถ้วนที่ลอยอยู่ภายในเหมือนการรวมกันของภาพเหตุการณ์ต่างที่สร้างมุมมองคล้ายกับกลุ่มกาแล็กซี่
(วาห์น ข้าไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเจ้ามีชีวิตที่แสนเศร้า แต่จงรู้ว่าความรักและความหวังที่แม่ของเจ้ามอบให้จะกลายมาเป็นพลังของเจ้า)
“ที่บอกว่า ‘พลังของผม’ นี่หมายถึงอะไรเหรอครับ?” วาห์นถามอย่างงุนงง
(เจ้ารู้ไหมวาห์น ว่าทุกอย่างที่วิญญาณได้ประสบตอนยังมีชีวิตไม่ว่าจะดีหรือชั่วก็ตาม จะถูกสะสมและรวบรวมออกมาเป็นกรรม การตัดสินใจทุกอย่างของพวกเขาหรือแม้แต่วิธีที่พวกเขาใช้จัดการกับความคิดและความทรงจำก็จะถูกนำมาคำนวณเช่นกัน แม้ว่าเจ้าจะมีส่วนร่วมใน ‘กรรมชั่ว’ มากมายจากผู้อื่น แต่มันก็ไม่ได้เพิ่มค่ากรรมชั่วของเจ้าแต่อย่างใด ในความเป็นจริงแล้ว เพราะเจ้าเป็นผู้ถูกกระทำตามสถานการณ์จึงทำให้เจ้าได้รับค่ากรรมดีแทน และข้ารู้ดีว่านี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมาน แต่สายเลือดที่เป็นเอกลักษณ์ของเจ้าก็ส่งผลให้ผู้คนทั้ง 1,317,042 ชีวิตได้รอดพ้นจากความตายในตลอดสิบสี่ปีที่ผ่านมา)
วาห์นตกใจอย่างมาก แม้ว่าเขาเรียนรู้ที่จะเกลียดการมีอยู่ของตัวเองและการที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย แม้ว่าเขาจะสาปแช่งสายเลือดของตัวเอง แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงเครื่องมือที่จะใช้เพื่อความสะดวกสบายของผู้อื่น แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาก็ได้ช่วยชีวิตคนมากกว่าล้านคนเช่นกัน
“หนึ่งล้านชีวิต… ผมเนี่ยนะ?”
(1,317,042 ชีวิตต่างหาก! เจ้าไม่ควรมองข้ามอีก 317,042 ชีวิตนะวาห์น ชีวิตทุกชีวิตที่รอดมาได้คือผลจากการมีตัวตนของเจ้ากับความรักที่แม่มีต่อเจ้า)
วาห์นก้มลงมองที่พื้นอัน ‘ว่างเปล่า’ ดูเหมือนเขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
“ผมเข้าใจแล้วครับ…”
คริสช่ามองเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนกำลังไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง เขาดูตัวเล็กและอ่อนแอเหลือเกิน… ไม่น่าจะต้องมารับ ‘ภาระ’ เพื่อช่วยคนมากมายขนาดนี้เลย
(อย่างที่ข้าพูดไปนั่นแหละวาห์น แม้ว่าเจ้าอาจไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้นแต่เจ้าก็ได้ช่วยชีวิตคนทั้ง 1,317,042 ชีวิตเอาไว้ แค่การช่วยชีวิตคนเพียงคนเดียวก็ทำให้ได้รับกรรมดีจำนวนมหาศาลแล้ว แม้แต่วีรบุรุษที่แท้จริงก็ยังช่วยชีวิตผู้คนราวๆ หลายพันชีวิตในตลอดชั่วชีวิตของพวกเขาเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ เจ้าจึงมีกรรมดีสะสมมากพอที่จะใช้มันเพื่อประโยชน์ของตัวเจ้าเองหลังจากที่เจ้าตายไปแล้ว นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ข้าได้ยินเสียงสวดภาวนาของเจ้าและอัญเชิญดวงวิญญาณของเจ้ามายังที่แห่งนี้ และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าคงอยู่ในที่แห่งนี้มาได้ถึงสามปีโดยที่ไม่ถูกดึงกลับไปยังวงจรแห่งการกำเนิดใหม่)
หูของวาห์นกระตุกทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘กำเนิดใหม่’
“คุณหมายถึงคนเราจะได้กลับไปเกิดใหม่เหรอครับ?”
เทพียิ้มให้กับความอยากรู้อยากเห็นของวาห์นในเรื่องดังกล่าว
(แน่นอนวาห์น วิญญาณทุกๆ ดวงแม้แต่ดวงที่ชั่วร้ายนั้นจะได้ผ่านเข้าไปในวงจรแห่งการกำเนิดใหม่ โดยทั่วไปแล้ว เมื่อวิญญาณผ่านสิ่งที่เหล่าทวยเทพอย่างเราเรียกมันว่า ‘ประตู’ ความทรงจำของพวกเขาจะถูกลบออกหลังจากที่ได้รับการตรวจสอบผ่านทาง ‘วงล้อภาพลานตาแห่งกรรม’ ทุกอย่างนั้นขึ้นอยู่กับกรรมที่ดวงวิญญาณสะสมไว้ก่อนตาย ดวงวิญญาณอาจได้เกิดใหม่เป็นสิ่งมีชีวิตต่างๆ หรือแม้แต่กระทั่งได้ไปสิงสถิตย์อยู่ในสิ่งของที่ไม่มีชีวิต สำหรับเหล่าผู้ที่สะสมกรรมดีมากมายเช่น วีรบุรุษ นักบุญ และบุคคลในตำนานอื่นๆ พวกเขาสามารถเก็บรักษาความทรงจำบางส่วนหรือทั้งหมดเอาไว้ได้)
ดวงตาของเด็กหนุ่มดูสุกสว่างขึ้นในขณะที่เขาจ้องมองเทพีอย่างคาดหวัง
“คุณหมายความว่าผมสามารถกลับไปเกิดใหม่แล้วก็เก็บรักษาความทรงจำทั้งหมดเอาไว้ได้ใช่ไหมครับ?”
(ถูกต้องแล้ววาห์น ในความเป็นจริง เนื่องจากเจ้าสะสมกรรมดีที่มากมายมหาศาล เจ้าจะได้รับประโยชน์มากมายที่ตัวเจ้ามีสิทธิ์เลือกได้)
“ประโยชน์งั้นเหรอครับ?” เขาถาม ตอนนี้เข้ารู้สึกมึนงงกับคำพูดของเทพีที่อยู่ตรงหน้า
(ใช่แล้ว ในกรณีส่วนใหญ่นั้น วงจรแห่งการกำเนิดใหม่จะเกิดขึ้นตามอัตโนมัติเนื่องจากว่ามันคือหนึ่งในกฎพื้นฐานที่ควบคุมดูแลทุกจักรวาลเอาไว้ การที่เทพหรือเทพีจะนำดวงวิญญาณผ่านวงจรแห่งการกำเนิดใหม่เป็นการส่วนตัวนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นให้เห็นนัก ดวงวิญญาณจะต้องสะสมกรรมได้มากกว่าเกณฑ์ของดวงวิญญาณในระดับนั้นๆ ตัวอย่างเช่นเจ้าผู้มาจากโลกของสิ่งมีชีวิตภายในมิติที่ 3 จะมีระดับของดวงวิญญาณระดับ 1 โดยทั่วไปแล้ววิญญาณระดับ 1 ไม่สามารถสะสมกรรมได้เกินกว่า 100,000 แต้ม)
“แล้วผมมีค่ากรรมอยู่เท่าไหร่เหรอครับ?” วาห์นถามอย่างใคร่รู้
เทพีคริสช่า แสดงรอยยิ้มออกมาที่มากกว่าครั้งไหนๆ ในขณะที่แววตาของเธอดูส่องประกายมากกว่าเดิม
(173,419,003 แต้ม)
วาห์นถึงกับทำหน้าเหวอ “173 ล้านแต้ม!? ผมนึกว่าคุณบอกว่าผมช่วยชีวิตคนไว้ 1,317,042 เท่านั้นเองนี่ครับ!”
เทพีนำมือไปปิดที่ปากและหัวเราะคิกคัก
(ถูกแล้ววาห์น เป็นเรื่องดีที่ตอนนี้เจ้าบอกจำนวนเหล่านั้นได้อย่างครบถ้วน แม้แต่การทำเรื่องที่แสดงถึงความเมตตาให้กับใครสักคนก็ทำให้ค่ากรรมดีเพิ่มขึ้นมาแล้ว แน่นอนว่าการช่วยชีวิตย่อมได้รับแต้มที่มีจำนวนมากกว่านั้นหลายเท่า!)
“อะ อ๋อ… ผมเข้าใจแล้วครับ ใช่แล้ว นั่นฟังดูมีเหตุผล”
เทพีแห่งความฝันสำรวมท่าทางของตนอีกครั้งและพูดต่อ
(แน่นอน และตอนนี้ข้าจะอธิบาย ‘ประโยชน์’ ที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้ เมื่อดวงวิญญาณสะสมกรรมมากพอ พวกเขาจะมีโอกาสได้พบกับเทพ/เทพีก่อนที่พวกเขาจะไปเกิดใหม่ เทพผู้ที่จะมาปรากฏตัวนั้นขึ้นอยู่กับความปรารถนาของดวงวิญญาณแต่ละดวง ซึ่งในกรณีของเจ้าก็คือข้า คริสช่า เทพีแห่งความฝัน! เพราะเจ้ามีความฝันที่แรงกล้าแล้วยังสวดภาวนาอย่างต่อเนื่อง เสียงของเจ้าก็เลยถูกส่งมาถึงข้า ตอนนี้ข้าสามารถใช้พลังของตัวเองเพื่อให้พรและโอกาสแก่เจ้าในการเลือกประโยชน์ต่างๆ ก่อนที่เจ้าจะได้ไปกำเนิดใหม่ จงลองบอกข้ามาสิวาห์น ว่าความปรารถนาของเจ้าคืออะไร?)
วาห์นหยุดชะงักไปครู่หนึ่งและเริ่มไตร่ตรองตัวเลือกของตนอย่างจริงจัง เขานึกถึงการมีพลังอำนาจที่หลากหลายเช่นเหาะเหินเดินอากาศหรือความสามารถในการเดินทะลุกำแพง เขานึกถึงความแข็งแกร่งไร้เทียมทานหรือมีอำนาจควบคุมคนอื่นได้ ขณะที่ความคิดมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเขา วาห์นก็ตระหนักว่า ‘ความปรารถนา’ ของเขาต่างสะท้อนถึงประสบการณ์ไม่ดีที่เขาได้พบเจอในอดีตของตนเอง เขาอยากได้ความสามารถที่ทำให้ตัวเองหลบหนีจากทุกสิ่ง… ความสามารถในการลงโทษผู้คนที่ทำร้ายเขา… ความสามารถที่จะทำให้เขาทำทุกอย่างตามที่ต้องการเป็นครั้งแรกในชีวิต…
“….”
(เป็นอะไรไปหรือเปล่าวาห์น?) คริสช่าเอ่ยถาม สีหน้าของเธอดูเคร่งขรึมขึ้น
เด็กหนุ่มมองตรงไปที่เธอที่ด้วยดวงตาที่แฝงไปด้วยความเกลียดชัง สิ่งที่เทพีแห่งความฝันเห็นก็คือเด็กน้อยที่ไม่มีกรรมชั่วภายในวิญญาณอยู่เลยแม้แต่น้อย ความบริสุทธิ์นี้อาจเป็นอาหารอันโอชะของความมืดมิดได้เช่นกัน ความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเด็กชายเริ่มฝังรากเข้าไปอยู่ในจิตวิญญาณของเธอ… จนกระทั่งสีหน้าของเด็กที่อยู่ตรงหน้าจู่ๆ ก็ผ่อนคลายลง ความมืดที่ดูเหมือนจะกลายเป็นตัวตนของเขาค่อยๆ จางหายไปอยู่ในที่ที่ลึกและเงียบเหงา
“ผมอยากให้แม่ยังมีชีวิตอยู่ครับ” เด็กชายกล่าวพร้อมกับมองเข้าไปในดวงตาของเธอด้วยความหวัง
เธอถอนหายใจเบาๆ โดยไม่แน่ใจว่าจะตอบเกี่ยวกับคำปรารถนานี้อย่างไรดี หลังจากนั้นเธอก็เฝ้าสังเกตในขณะที่เด็กชายแสดงท่าทางเคร่งขรึม
(ขอโทษด้วยนะวาห์น แต่มันอยู่นอกเหนือสิทธิ์ของวิญญาณทั้งปวงที่จะร้องขอให้มีการเปลี่ยนแปลงของวิญญาณดวงอื่นที่ไม่ใช่ตนเอง แม้ว่าการไหลของเวลาในสถานที่แห่งนี้แตกต่างไปจากที่อื่นๆ แต่ตอนนี้แม่ของเจ้าก็ได้เข้า ‘ประตู’ ไปแล้ว ทุกสิ่งอย่างที่บ่งบอกการมีตัวตนของนางตอนนี้อยู่ที่ตัวของเจ้าหมดแล้ว ข้าเองก็ไม่สามารถหยั่งรู้ได้ว่านางไปเกิดที่ไหนหรือแม้แต่จะลิขิตชะตาให้เจ้าได้พบกับนางอีกครั้ง แต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้าให้สัญญากับเจ้าได้ เนื่องจากนางเป็นผู้ให้กำเนิดเจ้าซึ่งเป็นคนที่สะสมแต้มกรรมดีได้มากมายมหาศาล นางจึงได้ไปอยู่ในระดับของนักบุญก่อนที่นางจะสิ้นใจ ตอนนี้นางคงอยู่อย่างมีความสุขในโลกอื่นพร้อมความหวังว่าเจ้าจะมีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุข)
หลังจากได้ฟังสิ่งที่เทพีกล่าว วาห์นก็ดูเหมือนจะผ่อนคลายลงราวกับว่าได้ปลดของหนักลงจากบ่าของตน
“แบบนั้นเองเหรอครับ ผมมีความสุขตราบใดที่แม่มีความสุข… สิ่งเดียวที่ผมปรารถนานอกจากเรื่องของแม่ก็คือ… ผมต้องการเป็นอิสระครับ ผมต้องการโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามที่แม่ของผมปรารถนา ผมจะไม่ขออะไรมากไปกว่านี้”
เทพียิ้มอีกครั้งด้วยใบหน้าที่ดูอ่อนโยนกว่าเดิม
(ข้าภูมิใจในตัวเจ้ามากเลยนะวาห์น ข้าจะให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริงและมอบเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดเพื่อช่วยรับประกันอิสรภาพของเจ้า)
เธอเอื้อมมือและดึงวัตถุทรงกลมออกมาจากความว่างเปล่า
(วัตถุชิ้นนี้ก็คือ ‘เดอะพาธ’ (The Path) มันเป็นแกนประกอบไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของข้าในฐานะเทพีแห่งความฝัน ด้วยสิ่งนี้ เจ้าจะสามารถเข้าถึงทุกอย่างที่อยู่ในความฝันของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดจากทั่วทั้งจักรวาล ซึ่งรวมไปถึงอนิเมะและมังงะที่เจ้าชื่นชอบด้วยเช่นกัน) เธอกล่าวพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
“หมายความว่าผมสามารถไปยังโลกใบไหนก็ได้งั้นเหรอครับ!?” เด็กชายแทบจะเก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่อยู่
(สักวันหนึ่งมันจะเป็นเช่นนั้น แต่ก่อนหน้านั้นมันจะเติบโตไปพร้อมกับเจ้า ขณะที่เจ้าเดินทางผ่านโลกต่างๆ เจ้าก็จะแข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อยๆ ความแข็งแกร่งนั้นจะถูกส่งผ่านไปยัง ‘เดอะพาธ’ และจะทำให้เจ้ามีอิสระตามที่เจ้าปรารถนา สักวันหนึ่ง ‘เดอะพาธ’ อาจนำพาเจ้าไปยังที่ที่แม่ของเจ้าอยู่ก็เป็นได้
วาห์นถึงกับตะลึงจนแทบหยุด ‘หายใจ’ ไปหลายนาที ราวกับว่าสมองของเขาปิดตัวลงไปแล้ว
(เวลาของเจ้าเกือบหมดแล้วนะวาห์น เหตุผลที่ข้าต้องปลุกเจ้าจากภวังค์ก่อนหน้านี้ก็เพราะเวลาที่วิญญาณของเจ้าจะไปเกิดใหม่นั้นใกล้เข้ามาแล้ว
“ผม…ผมเข้าใจแล้วครับ” วาห์นกล่าว “ผมจะเลือกไปเกิดที่โลกไหนก็ได้งั้นเหรอครับ?”
เทพีแห่งความฝันพยักหน้ารับ
(เจ้าเพียงแค่นำ ‘เดอะพาธ’ ไปไว้ในใจของเจ้า เมื่อมันหลอมรวมกับดวงวิญญาณของเจ้า มันก็จะมอบพลังที่ทำให้เจ้าสามารถเลือกโชคชะตาของตัวเองได้)
วาห์นนำวัตถุทรงกลมมาว่างไว้บนหน้าอกของตน เมื่อสัมผัสกับตัววาห์น มันก็สลายเข้าไปในร่างกายของเขาราวกับว่ามีความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้ง ‘จิตวิญญาณ’
(*ทำการผสานกับร่างเป้าหมาย: 1%….37%….100% เริ่มการทำงาน ‘เดอะพาธ’ ตามที่ ‘เรคคอร์ด’ (Record) ของร่างเป้าหมายกำหนดไว้ : 1%….19%….90%….100% *ติ๊ง* ‘เรคคอร์ด’ ถูกระบุแล้ว โปรดยืนยัน ‘เรคคอร์ด’ ผ่านการคำสั่ง ‘แสดงเรคคอร์ด’*)
วาห์นได้ยินเสียงปัญญาประดิษฐ์ที่พูดอยู่ในหัวของเขาโดยตรง มันเป็นความรู้สึกที่แปลกและไม่เหมือนสิ่งที่เขาเคยเจอมาก่อน ก่อนที่เขาจะถามอะไรเพิ่มเติม เทพีคริสช่าก็ขัดจังหวะกระบวนความคิดของเขา
(เวลาของเจ้าหมดแล้ววาห์น เจ้าจะถูกพาไปยังมิติที่อยู่ภายใน ‘เดอะพาธ’ ข้าขออธิษฐานให้เจ้าค้นพบความสุขจากการเดินทาง)
สิ่งที่เธอพูดทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก แต่ก่อนที่เขาจะตอบอะไรกลับไป-
(*พบร่างเป้าหมายอยู่ภายใน *ไม่สามารถระบุได้* ทำการนำร่างเป้าหมายออกไปเพื่อยับยั้งการเสื่อมสลายของดวงวิญญาณ*)
หลังจากได้ยินคำเตือนดังกล่าว ร่างของเขาก็หายไปจากมิติสีขาวอันไร้ที่สิ้นสุด
คริสช่ายืนมองอย่างเงียบๆ ไปยังที่ที่เด็กหนุ่มที่ชื่อวาห์นเคยอยู่ เธอเอ่ยคำอธิษฐานในใจไปยังเทพเจ้าที่อยู่สูงกว่าตัวเธอเองโดยหวังว่าการเดินทางของเด็กหนุ่มจะสามารถรักษาบาดแผลในใจของเขาได้
—————