Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 48

ตอนที่ 48

หลังจากวาห์นเข้ามาในห้อง บรรยากาศก็ดูเป็นตึงเครียดขึ้นมาก ลิลลี่นั่งอยู่บนเตียงโดยหันหลังให้กับวาห์นและเขามองเห็นว่าเธอพยายามเป็นอย่างมากเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงระเรื่อของตัวเอง รอยแดงๆ นั่นยังแผ่ลงมาถึงคอและเริ่มจางหายไปตรงแผ่นหลังของเธอ

วาห์นพยายามยับยั้งไม่ให้บรรยากาศแปลกๆ ส่งผลกับตน ดังนั้นเขาจึงขยับไปนั่งตรงขอบเตียงและหันไปหาลิลลี่ พอสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาก็มองไปที่ผิวหนังไร้สิ่งปกปิดของเธอและสมองก็พลันว่างเปล่า

ทั่วทั้งแผ่นหลังของลิลลี่นั้นเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผลและแผลเป็นจางๆ ที่ทำให้มันเสียโฉม

แม้วาห์นจะรู้ว่าเธอถูกทารุณกรรม แต่เขาก็ไม่ได้เตรียมใจที่จะเห็นร่องรอยความความทรมานและความเสียหายที่ร่างกายของเธอได้รับ ตั้งแต่ที่ทั้งสองได้พบกันเป็นครั้งแรก เธอพยายามทำตัวมีชีวิตชีวาและร่าเริงซึ่งทำให้วาห์นลดความระวังตัวลงโดยไม่คิดถึงเรื่องอื่นๆ ที่เขาต้องจัดการในอนาคต

แม้ลิลลี่จะก้มหน้าอยู่แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงความเศร้าโศกของเขา ความเขินอายเริ่มจางหายไปจากพวงแก้มขณะที่เธอถามออกมาด้วยเสียงอันเบา

“นายคงคิดว่ามันน่าเกลียดมากสินะ… ฉันพยายามรักษาบาดแผลส่วนใหญ่เท่าที่ทำได้แล้ว แต่หลังเป็นส่วนที่ฉันทายาไม่ค่อยถึงน่ะ”

วาห์นถอนหายใจเมื่อได้ยินลิลลี่ตำหนิตัวเองถึงสิ่งที่เธอควบคุมไม่ได้ เขายื่นมือออกมาและใช้นิ้วชี้ลากตามลอยแผลเป็นขนาดใหญ่ทื่อยู่ใกล้กับหัวไหล่ของเธอ ลิลลี่ตอบสนองต่อการสัมผัสของเขาด้วยความสั่นสะท้านแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เธอเริ่มรู้สึกถึงความร้อนตามรอยแผลเป็นบนแผ่นหลัง แม้จะรู้สึกร้อนมากแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด

หลังจากเห็นรอยแผลเป็นบนหลังของเธอ วาห์นขอให้พี่สาวซื้อสกิลที่จะทำให้เขารักษาหรือลบรอยแผลเป็นออกไปได้ หลังจากจ่ายไป 2000 OP เขาก็ได้รับสกิลลบรอยแผลแบบอ่อนแอที่สุดที่มีชื่อว่า [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ซึ่งมันจะไปกระตุ้นเนื้อเยื่อที่ไปตายแล้วหรือเสียหายและฟื้นฟูกลับขึ้นมาใหม่ ด้วยการสนับสนุนของ [พรแห่งอิกดราซิล] เขาสามารถส่งพลังงานเข้าไปที่ปลายนิ้วและค่อยๆ ขจัดรอยแผลเป็นออกไป พอเสร็จแล้วก็จะเหลือแค่รอยแดงๆ เล็กน้อยที่ยังอุ่นอยู่

วาห์นยังคงลบรอยแผลเป็นต่อไปขณะที่ลิลลี่นั่งอยู่เงียบๆ แม้จะไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง แต่เธอก็รู้ว่าเขากำลังทำการรักษารอยแผลเป็นบนหลังของเธออยู่ จากสัมผัสอันร้อนระอุที่สัมผัสผิวกายแต่ละครั้ง น้ำตาก็เริ่มไปคลออยู่ที่ดวงตามากขึ้น แต่มันไม่ได้เป็นเพราะความร้อนนั่นเลย

เมื่อเขาทำทุกอย่างเสร็จแล้ว วาห์นก็เริ่มอ่านค่าสถานะของลิลลี่ เขาพอมองออกจากการตอบสนองของเธอว่าเธอรู้ดีว่าเขาทำอะไรอยู่ และมันจะต้องถูกเอ่ยถามแน่นอนแต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ วาห์นทำตามกระบวนการที่พี่สาวบอก เขากรีดนิ้วของตัวเองเล็กน้อยก่อนจะวางมันลงที่จุดกึ่งกลางตราสัญลักษณ์ของลิลลี่ เมื่อเลือดที่ไหลออกมาสัมผัสกับลวดลายจอกเหล้าและพระจันทร์เสี้ยวจางๆ ทั่วทั้งตราสัญลักษณ์ก็เริ่มเปล่งแสงสว่างไปทั่ว แม้วาห์นจะไม่สามารถเข้าใจตัวอักษรต่างๆ แต่เขาสามารถแปลมันออกมาได้ผ่านหน้าต่างระบบ

[[ค่าสถานะ]]

ชื่อ: ลิลิรูก้า อาเด้

เผ่าพันธ์: พลูม

เลเวล 1

พลังโจมตี: I63 -> I91

-ความอดทน: I98 -> H107

ความแม่นยำ: H170 -> H183

ความว่องไว: G223 -> G250

พลังเวท: F351 -> F353

สกิล: [หน่วยช่วยเหลือ:E], [แอตลาส: สกิลแฝง(ถูกผนึก)]

เวทมนตร์: [ซินเดอเรลล่า:C]

สกิลกำลังพัฒนา: –

ขณะที่กำลังอ่านกระดานค่าสถานะของเธอ วาห์นก็ยังคงส่งพลังของตนเข้าไปในตราสัญลักษณ์เพื่อกระตุ้นฟาลน่าที่หลับอยู่ เนื่องจากลิลลี่มีตราสัญลักษณ์มาตั้งแต่เกิดและไม่เคยอัพเดทมันเลย ทำให้ฟาลน่าที่อยู่ในร่างกายของเธอมานานอยู่ในสภาพอ่อนแอและไปจำกัดการเติบโตของเธอ ตอนนี้ลิลลี่น่าจะสามารถก้าวหน้าต่อได้แบบนักผจญภัยทั่วไปแล้ว

สิ่งที่ดึงดูดสายตามากก็คือสกิลที่เขาไม่เคยเห็นอยู่ในมังงะ ลิลลี่มีสกิลที่เรียกว่า [แอตลาส] ซึ่งถูกผนึกเอาไว้

เรื่องที่หน้าประหลาดใจที่สุดคือมันอยู่ในหมวดของสกิลแฝง หลังจากสอบถามพี่สาวว่าทำไมเขาถึงมองเห็นสกิลนี้ได้ พี่สาวจึงอธิบายว่าระดับของ ‘เดอะพาธ’ นั้นอยู่สูงกว่าสกิลแฝงมาก ดังนั้นมันจึงสามารถตรวจจับอะไรก็ตามที่ไม่ได้ถูกซ่อนเอาไว้โดยเจตนา

หลังจากอัพเดทค่าสถานะแล้ว วาห์นก็คัดลอกมันออกมาให้ลิลลี่ สำหรับตอนนี้ เขาจะเก็บเรื่องสกิล [แอตลาส] ไว้เป็นความลับเนื่องจากพี่สาวบอกว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้สกิลแฝงตื่นขึ้นหากผู้ครอบครองรู้ว่ามีมันอยู่ สกิลจะตื่นขึ้นมาได้หากผู้ครอบครองพยายามพัฒนาและเผชิญหน้ากับอุปสรรคไปเรื่อยๆ

ลิลลี่ตื่นเต้นมากหลังจากได้ยินว่าค่าสถานะของตนมีการเปลี่ยนแปลง เธอยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวาห์นสามารถทำตามที่บอกได้ และเมื่อเห็นผลที่ออกมามันก็ทำให้เธอมีความสุขมาก ด้วยความตื่นเต้น เธอถึงกับพุ่งใส่วาห์นและเป็นผลให้ร่างทั้งสองกระเด็นตกจากเตียงลงไปอยู่บนพื้นไม้แข็งๆ

เพื่อปกป้องเธอ วาห์นใช้ร่างกายของตัวเองรับแรงกระแทก เขาถอนหายใจก่อนจะลูบหัวของลิลลี่ที่ตอนนี้กำลังมีความสุขจนถึงขั้นเพ้อไปแล้ว หลังผ่านไปสักพัก เธอดูเหมือนจะใจเย็นลงแต่ก็ไม่ได้ผละตัวออกจากร่างกายของเขา วาห์นเริ่มรู้สึกกังวล ดังนั้นเขาจึงพยายามยืนขึ้นและจบสิ่งที่กำลังทำอยู่ลง

ลิลลี่ยังเกาะอยู่แบบนั้นและกอดเอวพร้อมกับพิงหัวไว้บนหน้าท้องของเขา ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอยู่พักหนึ่งจนในที่สุดลิลลี่ก็ปล่อยมือและมองเข้าไปในดวงตาของเขา

“วาห์น ฉันจะแข็งแกร่งกว่านี้ แข็งแกร่งขึ้่นจนสามารถตอบแทนที่สิ่งที่นายทำให้กับฉันได้…” หลังจากพูดคำเหล่านั้นออกมา เธอก็หันไปที่เตียงและลงไปอยู่ใต้ผ้าห่ม

//[ลิลิรูก้า อาเด้] ความชื่นชอบ +5//

วาห์นยังคงยืนอยู่เงียบๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจออกไปจากห้อง ขณะที่หันหลังไป เขาไม่รู้เลยว่าผ้าห่มมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยหลังรับรู้ได้ถึงการก้าวเดินของเขา หูแมวเล็กๆ โผล่ออกมาจากผ้าห่มและจ้องมองแผ่นหลังของเขาขณะที่เดินออกจากห้องไป…

//[ลิลิรูก้า อาเด้] ความชื่นชอบ -3//

ตอนที่วาห์นก้าวออกมาที่โถงทางเดิน เขาก็เกือบจะล้มหน้ากระแทกพื้น (“นี่เราทำอะไรผิดเนี่ย!?”)

เขาใช้พละกำลังที่้เหลืออยู่และค่อยๆ เดินตรงไปยังห้องของตนและทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง เขาคิดไม่ตกจริงๆ ว่าทำไมค่าความชอบมากมายที่เพิ่งได้มากลับถูกลบออกไปแทบจะในทันที

ในเช้าวันถัดมา ทั้งสองตื่นขึ้นก่อนรุ่งสางเหมือนกับวันก่อน วาห์นมีถุงใต้ตาเล็กน้อยเนื่องจากหมกมุ่นไปกับการครุ่นคิดเกือบตลอดทั้งคืน เมื่อเขาพบกับลิลลี่ซึ่งดูเหมือนเธอจะมองเขาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะเดินนำไปที่ประตู วาห์นเพียงแต่เดินตามหลังเธอไปอย่างเงียบๆ ขณะที่พยายามถามพี่สาวว่ามันเกิดอะไรขึ้น คำตอบที่ได้ก็มีแค่ว่าเขาจำเป็นต้องทำความเข้าใจเรื่องผู้หญิงให้มากกว่านี้

ที่ประตูเมือง ในที่สุดวาห์นก็ได้พบกับเกรกอรี่ ทั้งสองคนพูดคุยกันและเกรกอรี่ก็ยินดีกับความสำเร็จของเขาจากการได้เข้าร่วมแฟมิเลียที่ได้รับการยกย่อง วาห์นยังพยายามคืนเงินที่ยืมไปให้กับเกรกอรี่แต่เขากลับหัวเราะเสียงดังและตบหลังของวาห์นหนักๆ เท่านั้น เขาบอกกับวาห์นว่าถ้าอยากตอบแทนกันจริงๆ งั้นก็ให้วาห์นสร้างชื่อเสียงเพื่อที่เขาจะได้เอาวาห์นไปโม้ให้เพื่อนๆ ฟังได้ หากวาห์นกลายเป็นนักผจญภัยที่ได้รับการยกย่อง เขาเองก็จะได้หน้าไปด้วย

หลังจากแยกกับเกรกอรี่ ทั้งสองก็มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ฝึกฝนของเมื่อวาน วาห์นสาธิตเทคนิคมากมายเพื่อเป็นการอุ่นเครื่องก่อนจะเริ่มการฝึกแบบเดิม แม้จะไม่มากนักแต่ลิลลี่ก็ก้าวหน้าขึ้นกว่าเดิม เธอเปิดรับรูปแบบการฝึกใหม่ๆ หลายอย่างและใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อฝึกทุกอย่างให้ชำนาญ

พวกเขาฝึกฝนแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ และหยุดพักช่วงสั้นๆ เพื่อทานอาหารเช้าเท่านั้น เมื่อถึงประมาณ 10 โมงเช้า ทั้งสองก็เริ่มมุ่งหน้าไปที่ดันเจี้ยนเพื่อทำตามตารางฝึกขั้นต่อไป ทั้งสองเริ่มคุ้นเคยกับทหารยามเฝ้าประตู ดังนั้นหลังจากตรวจสอบแค่คร่าวๆ ทั้งสองจึงสามารถเข้าเมืองได้อย่างรวดเร็ว ระหว่างทางไปสู่หอคอยบาเบล ทั้งสองตัดสินใจซื้อเครปรสซีฟู้ดจากร้านเมื่อคืนที่วาห์นชื่นชอบมาก เขาถึงกับซื้อเพิ่มอีกสองสามชิ้นและเก็บมันเอาไว้ในช่องเก็บของตอนไม่มีใครเห็น…

เมื่อทั้งสองเข้าไปในหอคอย ลิลลี่ก็เริ่มพยายามจัดการกับมอนสเตอร์ด้วยตัวคนเดียวขณะที่วาห์นดูอยู่ห่างๆ โดยใช้ [จิตแห่งราชัน] เขาพบว่าลิลลี่มีความกล้ามากกว่าวันก่อนและด้วยความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นทำให้เธอแสดงทักษะพื้นฐานออกมาได้ดีกว่าเดิม

ระหว่างพัก วาห์นก็บอกว่าตอนนี้เธอว่ากำลังพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและคงจะเติบโตได้เร็วขึ้นไปอีกหากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ลิลลี่รู้สึกตื่นเต้นหลังจากได้ยินคำชมของวาห์นและยิ่งใส่ความพยายามมากขึ้นอีกหลังหมดเวลาพัก

แต่น่าเสียดาย เนื่องจากอารมณ์ที่ไม่สงบนิ่งและความกระตือรือร้นเกินเหตุทำให้เธอเกือบจะสูญเสียมือให้กับก็อบลินที่กวัดแกว่งมีดสั้นขึ้นสนิม

บาดแผลถูกตัดลึกไปถึงกระดูกข้อมือของเธอพร้อมกับเลือดที่ไหลทะลักออกมามากจนทำให้เธอรู้สึกเวียนหัวและมึนงง ในตอนที่เธอรู้สึกเหมือนจะอาเจียนจากอาการคลื่นไส้ ทันใดนั้นความเจ็บปวดก็มลายหายไปและร่างๆ หนึ่งก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าเธอและสกัดการโจมตีของก็อบลินไว้

วาห์นเห็นความผิดพลาดของลิลลี่และรีบใช้สกิล [เคลื่อนย้ายบาดแผล] พร้อมกับ [ร่างจตุรเทพ] อย่างรวดเร็วเพื่อดูดซับและบรรเทาความเสียหาย แม้จะยังมีเลือดไหลออกมาจากขอบถุงมือเหล็ก แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ว่าบาดแผลกำลังถูกฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ก็อบลินจะได้โจมตีรอบที่สอง เขาก็ขังมันเอาไว้ภายในเขตแดนและสกัดมีดสั้นที่ใกล้เข้ามา

วาห์นจับและตัดข้อมือของก็อบลินออกจนขาดวิ่น เขาหมุนตัวก่อนจะกระแทกก็อบลินที่พยายามดิ้นรนเข้ากับผนังดันเจี้ยน เมื่อเห็นว่ามันกลายเป็นฝุ่นผงไปแล้ว วาห์นจึงหันไปทางลิลลี่เพื่อดูว่าเธอบาดเจ็บตรงส่วนอื่นหรือเปล่า เขามองเห็นสีหน้าตกใจและประหลาดใจของเธอเลยคิดว่าเธอยังคงสับสนกับเหตุการณ์เมื่อครู่ เขายื่นมือออกไปช่วยเธอลุกขึ้นยืนแต่ก็หยุดชะงัก…

ลิลลี่มองไปยังมือที่ยื่นออกมาซึ่งตอนนี้มีรูปทรงที่เปลี่ยนไปจากเดิม แทนที่จะเป็นมือผิวสีแทนเรียบเนียนที่ใช้ลูบหัวเธอเป็นประจำ ตอนนี้ขนาดของมือได้ขยายใหญ่ขึ้นและถูกปกคลุมไปด้วยแผงขนหนาแน่น เส้นขนนั้นสั้นจนเกือบเกรียนแต่กินพื้นที่ส่วนบนของมือไปครึ่งหนึ่ง ตัวขนมีสีเทาหม่นพร้อมสีขาวที่แซมอยู่เล็กน้อยและมีลวดลายแปลกประหลาด

ทั้งสองยังคงจ้องมองไปยังมือประหลาดของวาห์น หลังจากได้สติ วาห์นก็ยกมือขึ้นและสำรวจการเปลี่ยนแปลง จากที่เห็น มือของเขาได้แปรสภาพเป็นกรงเล็บของสัตว์แม้นิ้วมือจะยังอยู่ครบก็ตาม ขณะที่เขากำลังตรวจสอบ เส้นขนก็เริ่มหดเข้าไปในผิวอย่างช้าๆ จนกระทั่งขนทั้งหมดหายไปอย่างสิ้นเชิงและทุกอย่างก็กลับสู่สภาพปกติเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 7 นาที

เขาใช้มือที่กลับมาเป็นปกติฉุดลิลลี่ขึ้นจากพื้น ดูเหมือนเธออยากจะถามเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ก็เปลี่ยนใจกลางคัน วาห์นเข้าใจความกังวลของเธอและเขาเองก็อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ภายในหัวของเขา เขาได้ยินเสียงของพี่สาวอธิบายว่ามันเป็นผลมาจากการใช้สกิล [ร่างจตุรเทพ] ตามที่พี่สาวบอก ยิ่งเขาได้รับความเสียหายมากเท่าไหร่ ร่างกายของเขาก็จะเปลี่ยนแปลงเพื่อเพิ่มความสามารถในการป้องกันความเสียหายมากขึ้น

(“นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดจากการต่อสู้แบบยืดเยื้อเหรอ?”) วาห์นรู้สึกกังวลมากเพราะเขารู้ว่ามอนสเตอร์ที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์จะถูกคนส่วนใหญ่ดูถูกและได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีนัก หากเขาไม่ได้อธิบายการเปลี่ยนแปลงนี้ว่าเป็นผลมาจากสกิล เขาจะต้องเผชิญหน้ากับผลกระทบร้ายแรงเมื่อใช้มันในอนาคต

(*เธอจะไม่กลายเป็นสัตว์ประหลาดหรอก แต่จะได้รับลักษณะบางอย่างของสัตว์มาเท่านั้น จากการวิเคราะห์ของฉัน [ร่างจตุรเทพ] ของเธอดูเหมือนจะได้รับคุณสมบัติมาจากเสือ แต่จะเป็นสายพันธุ์ไหนนั้นยังตอบไม่ได้ ในขณะที่พัฒนาสกิลไปเรื่อยๆ เธอก็จะสามารถควบคุมการแปลงร่างได้ดั่งใจ หากเธอกังวลว่ามันจะสร้างความเข้าใจผิดก็ควรซื้อสกิลที่มีผลในการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ดูนะ*)

หลังจากให้อนุญาตแก่พี่สาว เธอก็ซื้อเวทมนตร์ที่มีชื่อว่า [แปลงโฉมพันหน้า:C] ในราคา 7,000 OP คำอธิบายระบุว่าเขาสามารถใช้สกิลนี้เพื่อปรับเปลี่ยนบางส่วนของร่างกายได้ และหากเชี่ยวชาญมากพอก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นสัตว์ชนิดต่างๆ ได้ด้วย ข้อเสียคือเขาจะไม่สามารถใช้สกิลอื่นได้หากไม่ปลดการแปลงร่างออกก่อน

วาห์นใช้เวทมนตร์ที่ได้มาใหม่เพื่อแสดงให้ลิลลี่ดู เขาพูดเสริมว่าเผลอใช้มันออกไปเนื่องจากรู้สึกโกรธเมื่อเห็นเธอบาดเจ็บ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้เรื่องเวทมนตร์มาก่อนและดูเหมือนจะใช้มันได้โดยที่ไม่ต้องร่ายเวทเลย

แน่นอนว่าสิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของลิลลี่ก็คือความดีใจที่เห็นว่าวาห์นเองก็มีเวทมนตร์คล้ายกับเธอ
—————

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท