Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 51

ตอนที่ 51

ทั้งสองยืนอยู่ในบรรยากาศที่ชวนอึดอัดไปพักหนึ่งก่อนที่เฮเฟสตัสจะเดินไปตรงมุมห้องและคว้าห่อที่ถูกผูกด้วยริบบิ้นสีเขียว เธอส่งมันให้กับวาห์นที่ยังดูสับสนและพูดอธิบาย

“นี่คือของขวัญเพื่อเฉลิมฉลองการเข้าร่วมแฟมีเลียของเธอ ลองเปิดมันดูสิ…” เฮเฟสตัสรู้สึกอึดอัดที่ให้ของขวัญกับเขาหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้

วาห์นแกะห่อออกและรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นค้อนรูปร่างแปลกที่อยู่ภายใน เขาดึงมันออกมาและตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ตัวด้ามค้อนนั้นทำมาจากโลหะและห่อด้วยเนื้อผ้าทนไฟ วาห์นจับมันและรู้สึกว่ามันพอดีกับมือของเขามากราวกับว่าค้อนอันนี้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายตัวเอง ส่วนตรงหัวค้อนนั้นมีการผสมผสานกันของโลหะเวทมนตร์และโลหะผลึกสีแดงเข้มที่วาห์นไม่เคยเห็นมาก่อน โลหะสองชนิดนั้นถูกทำออกมาเป็นลวดลายที่หมุนรอบกันก่อนที่จะมาบรรจบกันตรงส่วนที่ใช้ตีเหล็ก

“นี่คือค้อนที่ฉันสร้างขึ้นเองกับมือโดยใช้แท่งโลหะเวทมนตร์ที่เธอขึ้นรูปบวกกับโลหะฮิฮิอิโระคาเนะ การรวมกันของโลหะสองชนิดทำให้ตัวค้อนมีความทนทานอย่างไม่น่าเชื่อ และเพราะส่วนหนึ่งของมันถูกสร้างขึ้นจากโลหะเวทมนตร์ที่เธอทำขึ้นมาเอง ประสิทธิภาพของมันจึงสูงขึ้นได้อีกเมื่อได้รับมานาของเธอ”

ขณะที่เฮเฟสตัสเริ่มอธิบายการทำงานของค้อน เธอก็เริ่มกระสับกระส่ายและแอบชำเลืองมองวาห์นก่อนจะพูดต่อ

“ฉันออกแบบค้อนอันนี้เพื่อเป็นตัวแทนความปรารถนาของฉันที่อยากให้เธอเป็นช่างตีเหล็กที่มีความสามารถในอนาคต มันคือการรวมกันระหว่างความสำเร็จครั้งแรกของเธอและความหวังของฉันว่าสักวันหนึ่งเธอจะสามารถสร้างอาวุธที่ทำให้ฉันพึงพอใจได้…”

วาห์นลองถือค้อนที่มีความรู้สึก ‘คุ้นเคย’ ขณะฟังเธอพูด เมื่อเฮเฟสตัสพูดถึงตอนที่เธอหวังว่าเขาจะสร้างอาวุธที่ทำให้เธอพึงพอใจได้ เขาก็พยักหน้ารับด้วยความมั่นใจโดยไม่รู้ความหมายแฝงที่อยู่ในคำพูดนั้น หลังจากได้เห็นการตอบรับของเขา เฮเฟสตัสก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา

“เอาล่ะ วาห์น ตอนนี้เธอก็มีค้อนอันใหม่แล้ว ฉันอยากให้เธอลองสร้างแท่งโลหะขึ้นมาดู อย่างที่เธอเห็นว่า ‘เพลิงนิรันดร์’ ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปบ้างตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่เธอมา ฉันอยากรู้ว่าเธอจะสามารถควบคุมเปลวเพลิงได้ดีขึ้นจากการที่ ‘เพลิงนิรันดร์’ ดูดกลืนมานาของเธอเข้าไปหรือเปล่า”

เฮเฟสตัสลากเขาไปที่เตาหลอมและให้เขานั่งลง เธอต้องการทดสอบทฤษฎีของเธอโดยเร็วที่สุด

วาห์นรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ เล็กน้อยกับการหลอมโลหะโดยใช้ ‘เพลิงนิรันดร์’ แต่ก็เชื่อว่าคงจะไม่มีปัญหาอะไรเว้นแต่ว่าเขาจะพยายามผสานการรับรู้ของตัวเองเข้าไปในพื้นที่รอบๆ เปลวเพลิง เขาเริ่มทำงานอย่างรวดเร็วหลังจากนำโลหะเวทมนตร์ออกจากสารละลายที่อยู่ข้างเตาหลอม

ถึงเขาจะยังไม่ใช้สกิล [จิตแห่งราชัน] แต่วาห์นก็กลั่นโลหะออกมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แม้เขาจะพอมองออกว่าเปลวเพลิงนั้นรุนแรงกว่าครั้งก่อนมาก แต่มันก็ดูสงบกว่าเดิม สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือเมื่อโลหะถึงจุดหลอมเหลว เปลวเพลิงก็เปลี่ยนทิศทางของมันออกจากโลหะด้วยตัวเอง

จาก ‘ความร่วมมือ’ ของเปลวเพลิงทำให้วาห์นสามารถกลั่นโลหะออกมาได้ในขณะที่ยังคงรักษาปริมาณมากถึง 85% จากทั้งหมด นี่มันยิ่งกว่าตอนที่เขาใช้ [จิตแห่งราชัน] ในความพยายามครั้งก่อนเสียอีก จากด้านข้าง เฮเฟสตัสกำลังเฝ้าดูกระบวนการทั้งหมดนี้อย่างตื่นเต้น เธอเริ่มเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าวาห์นคงจะสืบเชื้อสายมาจากเทพแห่งการหลอม

วาห์นยังคงทำงานต่อไปเพื่อขึ้นรูปแท่งโลหะแต่ก็ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยเนื่องจากเขาไม่ได้ใช้สกิลในการขึ้นรูป เขาอยากลองใช้ความสามารถของตัวเองในการสร้างแท่งโลหะ แต่หลังจากล้มเหลวไปถึง 13 ครั้ง เขาก็เปิดใช้สกิล [จิตแห่งราชัน] เพื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จ คราวนี้เขาหลีกเลี่ยงการปะทะกับ ‘เพลิงนิรันดร์’ และไม่พยายามที่จะแทรกสัมผัสทางวิญญาณของตัวเองเข้าไปในเปลวเพลิง

หลังจากที่เขาทำเสร็จ เฮเฟสตัสก็ตรวจสอบแท่งโลหะก่อนจะพยักหน้าให้ผ่าน

“นี่เป็นผลงานที่ดีมากหากพิจารณาว่ามันคือผลงานชิ้นที่สามของเธอ หลังจากที่เธอเพิ่มพูนความรู้และปรับปรุงเทคนิคของตัวเองแล้ว เธอก็จะสามารถเปลี่ยนแท่งโลหะให้เป็นอาวุธและชุดเกราะได้”

วาห์นมีความสุขที่ได้ยินคำชมจากเธอ มันเกือบจะทำให้เขาต้องการใช้ OP เพื่อลองเพิ่มระดับสกิล [ช่างตีเหล็ก] ขึ้นไปอีก แต่หลังจากเห็น OP ที่เหลืออยู่แล้วเขาก็ต้องเปลี่ยนใจ เขาเกือบจะใช้มันหมดหลังจากที่แปลงของดรอปทั้งหมดไปเป็นวาลิสแทนและตอนนี้การทำภารกิจให้ถึงเป้า 1,000,000 OP ยิ่งดูห่างไกลออกไปเรื่อยๆ

(TL: ตอนนี้วาห์นมีเหลืออยู่ประมาณ 18,090 OP)

“ก่อนที่เราจะเริ่มคุยเรื่องอนาคตของเธอ ฉันอยากจะให้เธอช่วยทดสอบอะไรหน่อยนะวาห์น” เมื่อได้ยินคำพูดของเธอเฮเฟสตัส วาห์นก็เริ่มตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ

“ฉันต้องการให้เธอลองส่งพลังวิญญาณเข้าไปในเพลิงนิรันดร์… เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งมองฉันแบบนั้น ให้ฉันอธิบายก่อน…”

วาห์นเริ่มขมวดคิ้วหลังจากได้ยินคำขอนั้นแต่ก็ยอมให้เธอพูดต่อ “คือว่านะ ถ้าการคำนวณของฉันถูกต้อง ตอนนี้เธอน่าจะสามารถเชื่อมต่อกับ ‘เพลิงนิรันดร์’ ได้อย่างไม่มีปัญหา เธอคงเห็นแล้วว่ามันให้ความร่วมมือขนาดไหนตอนที่เธอทำงาน ไม่ต้องห่วงหรอกเพราะรอบนี้ฉันเตรียมตัวมาดี ขอรับรองได้เลยว่าเธอจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”

วาห์นยังรู้สึกวิตกอยู่บ้างหลังได้ยินคำพูดของเธอ แต่เมื่อเห็นสายตาที่ดูมั่นใจของเฮเฟสตัส เขาก็ถอนหายใจและนั่งลงข้างหน้าเตาหลอม เขาจ้องเข้าไปในเปลวเพลิงสีทองในขณะที่พยายามทำให้จิตใจสงบ… หลังจากนั้นจึงเริ่มเปิดใช้สกิล [จิตแห่งราชัน] และเพ่งมันไปที่เปลวเพลิง มันแตกต่างจากครั้งที่แล้วอย่างลิบลับ เปลวเพลิงไม่ได้พยายามที่จะยึดพลังงานของเขาอีกแล้ว ตอนนี้ออร่าของมันบ่งบอกว่ามันกำลังรู้สึกตื่นเต้น

//เพลิงนิรันดร์: ค่าความชื่นชอบ +17//

แม้เขาจะประหลาดใจกับการแจ้งเตือน แต่วาห์นก็พยายามรักษาความสงบไว้เพื่อไม่ให้การเชื่อมต่อผิดพลาด แทนที่จะโจมตีวาห์นแบบรอบที่แล้ว เปลวเพลิงเริ่มเข้ามาพัวพันกับพลังของเขาซึ่งทำให้จิตใจของเขารู้สึกอบอุ่นและสงบ ดูเหมือนว่า ‘เพลิงนิรันดร์’ จะกำลังขออนุญาตเพื่อดูดซับพลังงานของเขาบางส่วน วาห์นจึงปล่อยพลังให้มันไปเล็กน้อยซึ่งทำให้เปลวเพลิงสุกสว่างขึ้นกว่าเดิม

//เพลิงนิรันดร์: ค่าความชื่นชอบ +2//

จากด้านข้าง เฮเฟสตัสจ้องมองการโต้ตอบนี้อย่างตื่นเต้นและใคร่รู้ นี่เป็นการยืนยันข้อสงสัยของเธอในเรื่องที่มาของวาห์น แต่เธออยากรู้ว่าพลังสายเลือดส่วนไหนของเขาที่ช่วยปรับปรุงวัตถุศักดิ์สิทธิ์อย่าง ‘เพลิงนิรันดร์’ ได้

‘เพลิงนิรันดร์’ เป็นผลพวงของพลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอเองและมันได้ติดตามเธอมาตั้งแต่ครั้งที่เธอยังอยู่บนสวรรค์ แม้ว่าตอนนี้มันจะอ่อนแอกว่าเมื่อก่อนมาก แต่วาห์นก็กำลังพามันกลับมาสู่จุดสูงสุดแต่เก่าก่อน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอคงจะสามารถหลอมอุปกรณ์ระดับกึ่งศักดิ์สิทธิ์ได้โดยไม่ต้องใช้อาร์คานั่มของเธอ

(TL: อาร์คานั่มคือพลังของทวยเทพที่ถูกผนึกไว้ก่อนที่จะลงมาจากสวรรค์)

วาห์นหลอมรวมพลังของเขาเข้าไปในเพลิงนิรันดร์ในขณะที่อยู่ในสภาพกึ่งไม่รู้สึกตัว ไม่ใช่เพราะว่าเขามีปัญหาในการเชื่อมต่อแต่เป็นเพราะข้อมูลที่ปรากฏขึ้นมาในหัวอย่างต่อเนื่อง

//เพลิงนิรันดร์: ค่าความชื่นชอบ +1//

//เพลิงนิรันดร์: ค่าความชื่นชอบ +1//

//เพลิงนิรันดร์: ค่าความชื่นชอบ +1//

//เพลิงนิรันดร์: ค่าความ…

เมื่อมาถึงจุดนี้ ค่าความชื่นชอบของเปลวเพลิงได้มาถึง 98 แต้มแล้วและวาห์นกำลังดูตัวเลขที่ใกล้ไปถึง 100 หลังจากผ่านไปอีกสิบนาที ในที่สุดวาห์นก็พบกัน ‘คนๆ’ แรกที่มีค่าความชื่นชอบเต็มร้อย ช่วงที่ตัวเลขไปถึง 100 ก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นหลายครั้งในหัว

//เพลิงนิรันดร์มีค่าความชื่นชอบเต็มแล้ว//

//เพลิงนิรันดร์ประสงค์ที่จะเป็นลูกน้องของคุณ: ตกลง/ปฏิเสธ//

//ภารกิจสำเร็จ: [ความปรารถนาของหัวใจ:C-SS]//

เกรดความสำเร็จ: SS

รางวัล: ปลดล็อคระบบ ‘ของขวัญ’, 10,000 OP, 1x [ความปรารถนาของหัวใจ:เพลิงนิรันดร์]

รางวัลจากเกรด: ปลดล็อคสกิล [โพรมีธีอุส: A], 1x [คัมภีร์เสริมสกิล: A], 50,000OP

[โพรมีธีอุส]

ระดับ: A

ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างเมล็ดเปลวเพลิงและฝังมันลงไปในสิ่งมีชีวิต เพิ่มศักยภาพของสิ่งมีชีวิตตามอัตราส่วนความสามารถของผู้ใช้ การใช้สกิลนี้แต่ละครั้งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ใช้ การใช้งานแต่ละครั้งจะลดความอดทนต่อความเจ็บปวดลง 10% (ปัจจุบัน: 0) การใช้สกิลนี้ที่ 100% จะส่งผลให้ผู้ใช้เสียชีวิต ความอดทนต่อความเจ็บปวดจะเพิ่มกลับขึ้นมาในอัตรา 1% ต่อเดือน

วาห์นตกใจมากหลังอ่านการแจ้งเตือนทั้งหมด เฮเฟสตัสสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเขาและรีบส่งพลังงานแปลกๆ ไปที่แผ่นหลังเพื่อตัดการเชื่อมต่อระหว่างเขากับ ‘เพลิงนิรันดร์’

“เธอไม่เป็นไรใช่ไหมวาห์น พอจะบอกได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น? เท่าที่ฉันเห็น ทุกอย่างก็ดูเรียบร้อยดีนี่นา” เฮเฟสตัสทำตัวไม่ถูกเพราะเธอสัญญาแล้วว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา หลังจากเห็นว่าเขาไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน เธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

วาห์นหัวเราะแห้งๆ และอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา เขาบอกเธอว่าเขารู้สึกผูกพันอย่างประหลาดกับ ‘เพลิงนิรันดร์’ และ ‘เสียง’ ในหัวก็ถามเขาว่าจะรับมันมาเป็นลูกน้องหรือไม่ เมื่อได้ยินคำอธิบายนี้ก็ถึงคราวที่เฮเฟสตัสจะต้องตกใจบ้าง ยังไงซะ ‘เพลิงนิรันดร์’ ก็เป็นผลพวงจากพลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอ มันเป็นส่วนหนึ่งของเธอและความคิดที่ว่ามันอยากไปเป็นลูกน้องของคนอื่นนั้นดูเหลือเชื่อเกินไป

เฮเฟสตัสหันมามองเปลวเพลิงสีทองที่สั่นไหวไปมาและเกือบจะรู้สึกราวกับว่ามันกำลังคร่ำครวญที่ต้องแยกจากวาห์น เพื่อเป็นการทดลอง เธอจับมือของเขาและนำมันออกห่างเปลวเพลิง ไม่นานการสั่นไหวก็หายไป …

“สายเลือดของเธอคงแข็งแกร่งมากกว่าที่ฉันคิดเอาไว้… ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีคนที่สามารถทำให้วัตถุศักดิ์สิทธิ์ยอมมาเป็นลูกน้องมาก่อนเลย” ตอนนี้เฮเฟสตัสนำวาห์นเข้าไปใกล้กับเปลวเพลิงอีกครั้ง และดูเหมือนว่ามันกำลังเฝ้ารออย่างกระปรี้กระเปร่า เธอรู้สึกเหมือนถูกหักหลังเมื่อเห็นปฏิกิริยาของมัน แต่ไม่อาจตำหนิวาห์นได้เพราะเธอเป็นคนขอให้ทำการทดลองนี้เอง

ภายในหัวของวาห์น การแจ้งเตือนเดิมก็ยังปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ ‘เพลิงนิรันดร์’ ดูเหมือนว่าจะดึงดันเรื่องนี้มาก แต่หากไม่ได้รับอนุญาตจากเฮเฟสตัส เขาก็จะไม่ยอมรับมันแน่นอน เขาเห็นว่าเธอกำลังคิดหนักจึงตัดสินใจพูดขึ้นเพื่อลดความกังวลของเธอ

“ไม่ต้องห่วงนะเฮเฟสตัส ผมจะไม่พรากสิ่งสำคัญของคนที่ผมห่วงใยอยู่แล้ว ผมแน่ใจว่าเดี๋ยวเปลวเพลิงก็คงกลับมาเป็นปกติ”

เมื่อได้ยินวาห์นพูดถึง ‘คนที่เขาห่วงใย’ ซึ่งเธอก็ถูกรวมอยู่ในนั้นด้วย เฮเฟสตัสก็ตัดสินใจได้

“ไม่เป็นไร วาห์น ฉันเองก็อยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอรับเพลิงของฉันเป็นลูกน้อง เพราะนี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ฉันจึงสงสัยมากว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน อีกอย่างนะ ฉันเชื่อว่าเธอคงจะไม่หนีไปพร้อมกับเปลวเพลิงหลังจากที่ได้มันไปแล้ว มันต้องอาศัยอยู่ในเตาไฟแบบพิเศษไม่งั้นพลังก็จะเริ่มเสื่อมถอยลง ดังนั้นมันจึงไม่สามารถออกจากที่นี่ได้อยู่แล้ว”

ตั้งแต่เขาได้รับอนุญาตจากเธอ วาห์นก็ตัดสินใจแล้วว่าจะยอมรับ ‘เพลิงนิรันดร์’ ในฐานะลูกน้องของเขา เช่นเดียวกับเฮเฟสตัส เขาเองก็อยากรู้มากว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากกระบวนการเสร็จสิ้น เขาใช้คำสั่งในใจเพื่อตอบรับคำขอและรู้สึกถึง ‘การเชื่อมโยง’ ที่เชื่อมต่อเขาเข้ากับเปลวเพลิงในเตาหลอม

จิตใจของเขาเต็มเริ่มไปด้วยความสุข และเขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นอันอ่อนโยนจากการเชื่อมต่อกับ ‘เพลิงนิรันดร์’ แม้เขาจะไม่สามารถได้ยินคำพูดใดๆ แต่ก็พอเข้าใจเจตนาที่มันปล่อยออกมาได้ จากนั้นมันก็กระตุ้นให้วาห์นวางมือของเขาเข้าไปในเปลวเพลิงหลังใช้มีดผ่าตรงส่วนฝ่ามือเล็กน้อย

เฮเฟสตัสเฝ้าดูกระบวนการด้วยความกลัว ความกังวลใจ และความคาดหวังหน่อยๆ เธอเองก็เชื่อมต่ออยู่กับ ‘เพลิงนิรันดร์’ และหลังจากที่วาห์นรับว่ามันเป็นลูกน้องแล้ว เธอรู้สึกได้ลางๆ ถึงตัวตนของเขาที่เชื่อมต่อกับดวงวิญญาณของเธอโดยมีเปลวเพลิงเป็นสื่อกลาง

หลังจากที่เขาวางมือลงในเปลวเพลิง เลือดของเขาก็กลายเป็นอนุภาคแสงและถูกดูดซึมเข้าไปในออร่าของ ‘เพลิงนิรันดร์’ หลังจากที่อนุภาคนั่นหายไป เปลวเพลิงก็เริ่มล้อมรอบมือและฝังส่วนหนึ่งของตัวเองไว้ในร่างกายของเขา มันผ่านเข้าไปในช่องไหลเวียนพลังงานก่อนที่จะปักหลักอยู่ตรงหัวใจของเขา

//ได้รับ [หัวใจของเพลิงนิรันดร์:SS]//

[หัวใจของเพลิงนิรันดร์]

ระดับ:SS

ติดตัว: สร้างความสัมพันธ์แบบสมบูรณ์ระหว่างผู้ครอบครองและธาตุไฟ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและเสริมพละกำลัง ต้านทานไฟธาตุหยางทั้งหมดที่อยู่ต่ำกว่าดวงวิญญาณระดับ: 4 อย่างสมบูรณ์

ใช้งาน: ช่วยให้การโจมตีติดสถานะเผาไหม้

วาห์นได้รับสกิลเพิ่มขึ้นมาใหม่ และเขาสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลคล้ายกลับเหล็กหลอมเหลวที่ไหลไปทั่วร่างของตัวเอง หัวใจของเขาเหมือนกับเป็นเตาหลอมที่กำลังสูบฉีดเลือดที่เต็มไปด้วยพลังงานผ่านร่างกายของเขา

(TL: ชื่อตอนสำรอง: ความชื่นชอบที่ลุกโชติช่วง!!! (ตั้งแต่ตรงนี้ผู้เขียนจะใส่ชื่อตอนสำรองไว้ที่ด้านล่าง โดยส่วนตัวผู้แปลเองก็ชอบเหมือนกันดังนั้นจะพยายามแปลออกมาตวามความเหมาะสมครับ)

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท