วาห์นตื่นขึ้นอย่างรวดเร็วในเช้าวันถัดมาและมุ่งหน้าไปที่ประตูเมืองกับลิลลี่ เขามีเวลาเหลือนิดหน่อยก่อนจะไปพบกับเฮเฟสตัส ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเพลิดเพลินไปกับการดูพระอาทิตย์ขึ้นกับลิลลี่ก่อนที่เธอจะเริ่มต้นการฝึก ลิลลี่มีความสุขกับการตัดสินใจของเขาและใช้เวลาตลอดช่วงอาหารเช้าในการทานเครปที่วาห์นนำออกมาจากช่องเก็บของและฮัมเพลงเบาๆ
(TL: ช่วงนี้ผู้เขียนได้ไปทานเครปซีฟู้ดที่อร่อยมากๆ เลยอดไม่ได้ที่จะเอามาเขียนในนิยายบ่อยหน่อย)
หลังกำชับให้เธอฝึกฝนอย่างจริงจังแล้ว วาห์นก็แยกกับลิลลี่ขณะมองเธอเดินออกจากประตูไป แม้เขาจะยังเหลือเวลาอยู่ แต่วาห์นก็มุ่งหน้าไปที่โรงหลอมของเฮเฟสตัสทันที ในระหว่างทาง เขาสัมผัสได้ถึง ‘เพลิงนิรันดร์’ ในอกของตนที่กำลังเต้นแรงขึ้น เขาเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกนั้นขณะที่ค่อยๆ เดินผ่านการผู้คนที่สัญจรไปมาในตอนเช้าเพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง
—
วาห์นมาถึงโรงหลอมเกือบสองชั่วโมงก่อนเวลาที่นัดไว้ ตอนนี้ร้านยังปิดอยู่ เขาจึงเดินเตร็ดเตร่ในบริเวณรอบๆ และมองดูชาวเมืองที่กำลังเดินออกไปทำงานหรือทำธุระของตน เขามักจะประหลาดใจกับจำนวนของผู้คนบนโลกใบนี้รวมไปถึงขนาดตัวและรูปร่างหน้าตาอันหลากหลาย
ขณะที่ผู้คนเดินผ่านไปโดยไม่ได้สนใจการเฝ้ามองของเขา วาห์นก็สงสัยว่าเรื่องราวของของแต่ละคนนั้นจะเป็นอย่างไร ที่นี่ไม่เหมือนกับในมังงะที่บรรยายตัวละครเพียงบางตัว ตอนนี้เขาเห็นคนมากหน้าค่าตาเป็นร้อยๆ คนที่ต่างมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง พวกเขาต่างมีอดีตที่ส่งผลมาถึงชีวิตในตอนนี้ ความปรารถนาอันหนักแน่นที่อยู่ในใจ และเป้าหมายที่ช่วยปูทางไปสู่อนาคต
แม้จะเป็นเวลาเพียงแปดเดือนตั้งแต่ที่เขามาที่โลกใบนี้ รวมไปถึงเกือบสามสัปดาห์ตั้งแต่เขามาในเมือง วาห์นก็พบว่าชีวิตในปัจจุบันของตนนั้นสมบูรณ์และถูกเติมเต็มเสียยิ่งกว่าช่วงตลอด 14 ปีในช่วงชีวิตก่อนซะอีก เขาสงสัยว่าอนาคตของตัวเองจะเป็นอย่างไร จะพบเจออะไรต่อไปในวันข้างหน้า และถึงขนาดนึกภาพว่าตัวเองอาจจะได้รู้จักกับคนที่เดินผ่านไปมาอยู่ตรงหน้านี่บ้างหรือเปล่า
—
ขณะที่ยังเหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่า ความคิดของวาห์นก็ถูกขัดจังหวะโดยเสียงเปิดประตูจากด้านหลัง เขาเห็นเฮเฟสตัสมองเขาอย่างงุนงงพร้อมกับรอยยิ้มแห้งๆ บนใบหน้า แม้ว่าจะยังเหม่อลอยอยู่เล็กน้อย ปากของวาห์นก็พูดออกไปโดยสัญชาตญาณ “อรุณสวัสดิ์ เฮเฟสตัส”
—
เฮเฟสตัสเฝ้าสังเกตวาห์นนั่งดูฝูงชนตั้งแต่ที่เขามาถึงแล้ว ตอนที่เขากำลังมุ่งหน้ามาที่โรงหลอม เธอก็สัมผัสถึงการมาของเขาได้อย่างเลือนลาง เมื่อเวลาผ่านไปความรู้สึกก็ยิ่งรุนแรงขึ้นจนเธอรู้ว่าเขาอยู่ใกล้มาก
จากภายในห้องทำงาน เฮเฟสตัสกำลังรอวาห์นเคาะเรียกจากอีกด้านของประตู แต่หลังจากผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอก็ตัดสินใจมาแอบมองผ่านหน้าต่างเพื่อดูว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ เธอเห็นเขากำลังจ้องมองฝูงชนที่ผ่านไปผ่านมาด้วยความเหม่อลอย จากสีหน้าของเขา เธอสามารถเห็นได้ถึงความรู้สึกหดหู่ ความหวัง และแม้แต่ความคาดหวัง
เธอเฝ้ามองอย่างเงียบๆ เป็นเวลาเกือบชั่วโมงเพราะกลัวว่าจะไปขัดจังหวะความคิดของเขา ก่อนจะทำลายช่วงเวลานี้และเชิญเขาเข้ามาข้างใน
พอได้ยินเขากล่าวทักทาย ความรู้สึกอึดอัดในใจก็ค่อยๆ จางหายไป เธอกลับมายิ้มอย่างอ่อนโยนและทักทายเขากลับ
“อรุณสวัสดิ์ วาห์น เข้ามาข้างในสิ เดี๋ยวฉันหาอะไรให้ดื่มก่อนที่เราจะออกไป” วาห์นพยักหน้ารับและเดินผ่านประตูเข้าไปตามคำเชิญ
ทั้งคู่ไปนั่งตรงโต๊ะที่เฮเฟสตัสมักจะใช้เจรจาเรื่องงานกับลูกค้าและมีกาน้ำชากับกาแฟประจำอยู่ใกล้ๆ เฮเฟสตัสเติมเครื่องดื่มลงในถ้วยสองใบก่อนจะส่งให้วาห์นใบนึง วาห์นรับถ้วยมาและสูดกลิ่นอันหอมหวน ตอนนี้เขายังไม่หลุดจากสภาพจิตใจเมื่อครู่ดีนัก เขารู้สึกสงบและต้องการให้ความรู้สึกนี้คงอยู่ไปเรื่อยๆ
เฮเฟสตัสเข้าใจสภาพของเขาและปล่อยให้เขาเพลิดเพลินไปกับกาแฟอย่างสงบ เธอเพียงแค่นั่งอยู่ข้างเขาด้วยท่าทางผ่อนคลายพร้อมกับจิบเครื่องดื่มที่อยู่ในถ้วยเป็นพักๆ เธอเพลิดเพลินกับบรรยากาศในตอนนี้มาก และหัวใจของวาห์นที่เต้นอย่างสงบภายในดวงวิญญาณของเธอก็ทำให้เธอรู้สึกดีมากเช่นกัน เป็นเวลานานมากแล้วนับจากครั้งสุดท้ายที่เธอได้รู้สึกเพลิดเพลิน ‘แบบนี้’ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น
—
น่าเสียดายที่ทุกอย่างต้องมีวันเลิกรา และเวลาก็ไม่เคยหยุดให้กับบุรุษ สตรี หรือเทพคนไหนมาก่อน เมื่อช่วงเวลาที่ต้องออกเดินทางมาถึง พวกเขาก็ถอนหายใจอย่างพร้อมเพรียงและยิ้มให้กับการกระทำของอีกฝ่าย
เฮเฟสตัสทำความสะอาดถ้วยก่อนจะพาวาห์นออกจากร้านและล็อกประตู เขาสังเกตเห็นว่าเมื่อเธอล็อกกุญแจแล้ว รูปแบบป้องกันก็ทำงานขึ้นเพื่อสกัดกั้นทุกอย่างจากการเข้าใกล้อาคาร เมื่อเห็นใบหน้าอยากรู้ของเขา เฮเฟสตัสก็อธิบายว่ามันเอาไว้สำหรับป้องกันใครก็ตามที่พยายามขโมยผลงานในตอนที่เธอไม่อยู่ แถมเธอยังบอกความลับให้กับเขาว่าอาคารรอบๆ ทั้งหมดนี่คือฉากหน้าของหน่วยรักษาความปลอดภัย ถึงไม่มีใครอยู่ในร้านแต่ก็จะมีคนเฝ้ามันอยู่ตลอดเวลา
—
ทั้งสองเดินผ่านใจกลางเมืองและเฮเฟสตัสก็ชี้ให้ดูสิ่งก่อสร้างแปลกตาที่เธอคุ้นเคย เพราะอยู่ที่โอราริโอ้มาหลายปีแล้วเธอจึงมีความรู้เกี่ยวกับสถานที่สำคัญและทิวทัศน์สะดุดตามากมาย วาห์นสนุกไปกับบทสนทนาและมันยังช่วยให้เขาอัพเดทแผนที่ย่อตามคำอธิบายที่เธอบอกอีกด้วย
หลังผ่านไป 2 ชั่วโมงทั้งสองก็มาถึงที่หมาย ตอนนี้พวกเขาอยู่ในส่วนตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง ในเขตพื้นที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ซึ่งเป็นของเฮเฟสตัสแฟมิเลียทั้งหมด ตั้งแต่ที่เฮเฟสตัสทำข้อตกลงกับทางกิลด์ สมาชิกทั้งหมดของแฟมิเลียก็ได้รับการจัดสรรสถานที่ทำงานและพื้นที่อยู่อาศัยของตัวเอง แม้จะมีร้านค้ามากมายที่เปิดอยู่ในหอคอยบาเบล แต่ก็ยังมีช่างตีเหล็กมากประสบการณ์หลายคนที่ทำงานจากบ้านของตน
อาคารที่อยู่เบื้องหน้าทั้งสองเป็นบ้านสไตล์ ‘ตะวันออก’ เพียงหลังเดียวในพื้นที่แห่งนี้ วาห์นพบว่ามันมีรูปลักษณ์ที่สบายตาเหมือนกับบ้านเรือนที่เขาเคยเห็นมาแล้วในอนิเมะและมังงะ เขารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้สำรวจภายในบ้านและได้อาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ทั้งคู่เดินผ่านลานหน้าบ้านและเข้าไปในตัวอาคารที่ประตูถูกแง้มเอาไว้เล็กน้อย หลังจากที่วาห์นก้าวเข้ามาข้างใน เขาก็พบกับ ‘สึบากิ คอลแบรนด์’ หญิงสาวผู้ที่จะมาสร้างความทุกข์ทรมานให้กับเขาอย่างไม่รู้จักจบสิ้นในอนาคตเป็นครั้งแรก เธอกำลังนั่งอยู่บนพื้นพร้อมกับลับดาบคาตานะที่ดูอันตรายมาก สิ่งที่วาห์นเห็นมีเพียงเสื้อผ้าชิ้นเดียวบนร่างกายของเธอคือฮาคามะสีแดงที่รัดรอบเอวด้วยโอบิ กับผ้าคาดสีขาวที่พันรอบทรวงอกคู่ที่ใหญ่ที่สุดที่เขาเคยเห็น นอกจากนี้เธอยังสวมผ้าปิดตาบนดวงตาข้างซ้าย ซึ่งตรงกันข้ามกับของเฮเฟสตัสที่สวมไว้ที่ด้านขวา
เมื่อสังเกตเห็นผู้มาใหม่ทั้งสอง สึบากิก็จ้องไปที่พวกเขาด้วยสายตาอันน่าหวาดหวั่นจนกระทั่งเธอจำได้ว่าเป็นใคร การแสดงออกของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นดีใจแทน เธอเก็บคาตานะเข้าฝักก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อต้อนรับพวกเขา
“ยินดีต้อนรับสู่ที่ทำงานอันต่ำต้อยของฉันนะคะ ท่านเฮเฟสตัส ต้องขอประทานโทษด้วยที่ให้ท่านต้องมาถึงที่นี่ แล้วก็เธอ… คงจะเป็นวาห์นใช่ไหม?” ขณะที่เธอถามออกไป สึบากิเข้าใกล้วาห์นอย่างไม่ทันรู้ตัว
ด้วยความตกใจ วาห์นก้าวถอยหลังกลับตามสัญชาตญาณแต่มันก็เปล่าประโยชน์ สึบากิเข้าใกล้เขาในทันทีและหยุดห่างจากใบหน้าของเขาเพียงแค่ไม่กี่นิ้ว เนื่องจากเธอมีความสูงถึง 170 ซม. ซึ่งสูงกว่าวาห์นมาก เธอจึงต้องโค้งตัวลงมาเพื่อสบสายตากับเขา เมื่อเธอทำแบบนั้น วาห์นก็มองเห็นหน้าอกที่กำลังกวัดแกว่งไปมาภายใต้ร่างกายของเธอ
วาห์นพยายามลดความอึดอัดลงด้วยการแนะนำตัว
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณคอลเบรนด์ เฮเฟสตัสบอกผมแล้วว่าคุณจะช่วยสอนเกี่ยวกับการตีเหล็กและเทคนิคการต่อสู้ให้ผม” ขณะที่เขาพูด สึบากิยังคงจ้องมองเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่ค่อยๆ กว้างขึ้นบนใบหน้า
“เอ๊ะ ฉันรู้แล้วว่าทำไมท่านเฮเฟสตัสถึงชอบพูดแต่เรื่องของเธอ เพราะเธอเป็นเด็กน้อยที่น่ารักมากนี่เอง จะว่าอะไรไหมถ้าฉันกอดเธอหน่อย?” วาห์นถึงกับชะงักและพยายามตอบกลับ แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรเธอก็เข้ากอดเขาอย่างเต็มรักโดยไม่สนใจเขา สิ่งสุดท้ายที่เขามองเห็นก่อนจะสูญเสียวิสันทัศน์ไปก็คือภูเขาคู่มหึมาที่เข้ากระแทกลงบนใบหน้าของตน
เฮเฟสตัสเฝ้ามองอย่างไม่พอใจขณะที่สึบากิฝังวาห์นไว้ในหน้าอกของเธอ เธออยากจะเข้าไปห้ามปรามแต่ก็ต้องหยุดลงเพราะเธอไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าวาห์น
“สึบากิ ฉันว่าแค่นั้นคงพอแล้วนะ ถ้าเธอยังทำแบบนี้ต่อ เขาอาจจะขาดอากาศตายก็ได้” เฮเฟสตัสพูดออกมาแต่ละคำด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว แม้สึบากิจะเป็นคนที่ไว้ใจได้และน่าเชื่อถือ แต่เธอก็ยังมีนิสัยที่ควบคุมไม่ได้ซึ่งแม้แต่เฮเฟสตัสเองต้องพบกับช่วงที่ลำบากเป็นบางครั้ง
—
สึบากิปล่อยวาห์นออกมาและเขาก็เริ่มอ้าปากพะงาบเพื่อหายใจ เรี่ยวแรงมหาศาลที่ใช้กอดรัดหัวของเขาไว้ตรงหน้าอกเธอเกือบทำให้เขาหายใจไม่ออกตายไปจริงๆ แม้เขาจะดิ้นรนในตอนแรก แต่ความแตกต่างอย่างมากของค่าพละก็ทำให้วาห์นรู้ว่ามันเปล่าประโยชน์แค่ไหน สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือการยอมแพ้ให้กับโชคชะตาและรอรับการช่วยเหลือจากเฮเฟสตัส
หลังจากนั้นเธอก็พาเขาไปดูห้องนอนก่อนจะย้ายไปที่ห้องด้านข้างเพื่อพูดคุยปรึกษากับเฮเฟสตัส วาห์นเดาว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ของเขา แต่ก็ไม่ได้กังวลอะไรเนื่องจากเขาเชื่อใจเฮเฟสตัสมาก สึบากิเองก็มีออร่าที่บ่งบอกว่าเธอเป็นคนที่น่าเชื่อถือ หลังจากที่ทั้งคู่พบกันเป็นเวลาสั้นๆ วาห์นก็เห็นค่าความชื่นชอบและความสนใจของเธออยู่ที่ 66 และ 73 แต้ม
วาห์นกำลังนั่งอยู่ในห้องและเฝ้ารอให้บทสนทนาจบลง หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ทั้งเฮเฟสทั้งและสึบากิก็ออกมาก่อนคนหลังจะลากเขาออกไปยังพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ตรงลานบ้าน
เมื่อเห็นเพียงครั้งเดียว วาห์นก็รู้ว่านี่เป็นพื้นที่ฝึกฝน มีทั้งหุ่นฝึก เสาไม้ไผ่และแม้กระทั่งเครื่องมือแปลกๆ ที่คงเอาไว้ช่วยพัฒนาทักษะการต่อสู้เรียงรายอยู่เต็มพื้นที่ อีกด้านหนึ่ง วาห์นมองเห็นอาวุธหลากหลายประเภทไม่ซ้ำแบบที่มีมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเรียงจากซ้ายไปขวา
สึบากิทิ้งระยะห่างจากตัววาห์นที่กำลังมองดูพื้นที่โดยรอบ แม้จะไม่รู้สึกกลัวแต่เขาก็เริ่มตื่นตัวเมื่อเห็นเฮสเฟตัสยืนอยู่รอบนอก ตอนนี้เขาอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากหญิงสาวทั้งสองและเริ่มรู้สึกว่ากล้ามเนื้อของตนค่อยๆ เครียดเขม็งตามสัญชาตญาณ
“โห? สัญชาตญาณใช้ได้เลยนี่ ฉันกำลังจะโจมตีขณะที่เธอกำลังเรื่อยเปื่อยอยู่ แต่แบบนี้ก็ยิ่งทำให้น่าสนใจเข้าไปใหญ่” เมื่อเธอพูดจบ สึบากิก็หายไปจากวิสัยทัศน์ของวาห์นทันที เขาเปิดใช้สกิล [จิตแห่งราชัน] ตามสัญชาตญาณ แต่มันต้องใช้เวลาหลายเสี้ยววินาทีเพื่อให้สกิลทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตอนนั้นเองที่วาห์นถูกซัดกระเด็นขึ้นไปบนท้องฟ้า
วิสัยทัศน์ของเขาเปลี่ยนไปหลายครั้งระหว่างท้องฟ้ากับพื้นดินก่อนจะกระแทกเข้ากับพื้นเป็นการปิดท้าย เนื่องจากสึบากิใช้พื้นที่ตรงนี้ในการฝึกฝน พื้นดินจึงถูกอัดกันจนแน่นจากการใช้งานอย่างต่อเนื่อง นั่นทำให้ผืนดินที่ควรจะอ่อนนุ่มสำหรับวาห์นสร้างความเจ็บปวดให้เขาอย่างมหาศาลขณะที่ร่างของเขากระแทกลงไป
“ฮ่าฮ่า ออกจะอ่อนไปหน่อยหรือเปล่านะ? ท่านเฮเฟสตัสบอกว่าเธอมีสายเลือดแห่งเทพไหลเวียนอยู่ในร่างกาย และถึงเธอจะมีสกิลที่ทำให้แม้แต่ฉันเองยังรู้สึกกดดัน แต่เธอก็ตามการเคลื่อนไหวของฉันไม่ทันอยู่ดี สกิลมันจะมีประโยชน์อะไรถ้าเธอไม่สามารถใช้มันตอนที่ตกอยู่ในอันตรายได้ล่ะ?”
วาห์นค่อยๆ ยกร่างของตนขึ้นมาจากพื้น [จิตแห่งราชัน] เริ่มทำงานอย่างเต็มที่และเขาก็ตั้งท่าต่อสู้ตามที่ได้เรียนรู้มาจากคู่มือการต่อสู้ระยะประชิด เขารู้ว่าเธออาจจะโจมตีเข้ามาในตอนที่ยืนขึ้น และอย่างน้อยครั้งนี้เขาก็ต้องการที่จะตอบโต้เธอให้ทัน
“โอ้ ตัดสินใจได้ดี ยอดเยี่ยมมาก! ฉันชอบสีหน้าของเธอในตอนนี้จริงๆ! แต่ว่า-” สึบากิที่กำลังพยักหน้าเห็นด้วยกลับหายตัวไปอีกครั้ง แม้เธอจะอยู่ภายในเขตแดนของเขา แต่วาห์นก็ไม่สามารถสัมผัสถึงตัวของเธอได้
หลังผ่านไปไม่ถึงพริบตา วาห์นรู้สึกถึงบางอย่างจากด้านขวาของตนและพยายามตอบโต้ออกไป สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเขาถูกเตะกวาดด้านล่างจากทางซ้ายแทน
สำหรับรอบที่สองในเวลาไม่ถึงนาที เป็นอีกครั้งที่วาห์นกลายเป็นเหมือนเหรียญมีชีวิตที่พลิกไปมาอยู่บนอากาศ
เมื่อตกลงถึงพื้น วาห์นรู้สึกว่าอากาศกำลังรั่วออกจากปอดขณะที่คลื่นความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา เขาพยายามสูดหายใจขณะที่สึบากิกลับไปยืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิม
“อย่าพักนานเกินไปนะวาห์น เรายังมีเรื่องต้องทำอีกแยะก่อนจะอุ่นเครื่องเสร็จ”
วาห์นที่เริ่มปรับลมหายใจของตนได้แล้ว ก็เริ่มหายใจอย่างหนักอีกครั้งหลังได้ยินน้ำเสียงที่มีความสุขแต่คำพูดกลับโหดร้ายมาก
ตั้งแต่ที่มาถึงโลกใบนี้… นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเสียใจกับเส้นทางที่ตนเองเลือกเดิน…
(TL: ชื่อตอนสำรอง: ภูเขาคู่ยักษ์ของไซคลอปส์!?)