Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 61

ตอนที่ 61

เสียงตะโกนทำให้วาห์นตื่นขึ้นจากอ้อมกอดของสึบากิ

เขายังคงรู้สึกงัวเงียบวกกับร่างกายที่แสนผ่อนคลายและเซื่องซึมแบบสุดๆ

จากมุมมองของตัวเอง เขามองเห็นลิลลี่ที่กำลังเบิกตากว้างอยู่ตรงประตู

เขาหาวขณะยืนขึ้นและออกจากออนเซ็นในขณะเดียวกับที่สึบากิเริ่มขยับเข้าไปหาลิลลี่ซึ่งกำลังชี้นิ้วที่สั่นระรัวมาทางเธอ

วาห์นเริ่มแต่งตัวช้าๆ ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้น

สึบากิจับตัวลิลลี่ที่กำลังโวยวายและดิ้นไปมาและเริ่มถอดเสื้อผ้าของเธอออก

ใบหน้าของลิลลี่เริ่มแดงก่ำขณะมองไปทางวาห์นอย่างเขินๆ

พอเห็นว่าเขาแค่ใส่เสื้อผ้าอย่างงัวเงียต่อไปแบบไม่สนใจ เธอก็รู้สึกเหมือนสมองไม่ทำงานและเปิดโอกาสให้สึบากิลอกคราบทุกอย่างออกหมดแบบไม่เหลือเลยสักชิ้น

ลิลลี่กรีดร้องและพยายามปกปิดร่างกายขณะที่สึบากิหัวเราะพลางลากเธอไปยังออนเซ็น

หลังจากแต่งตัวแล้ว วาห์นก็มุ่งหน้ากลับห้องเพื่อเตรียมตัวนอน

เขาเอนกายลงบนฟูกและกอดหมอนขนาดใหญ่ที่ได้รับมาเมื่อตอนกลางวัน

ไม่นานเขาก็หลับไปทั้งแบบนั้น

ในขณะที่กำลังล่องลอยอยู่ในความฝัน เขาเริ่มกอดหมอนแน่นขึ้นราวกับว่ามันจะทำให้เขาได้รับความอบอุ่นมากกว่าเดิม

วาห์นหลับไปด้วยความรู้สึกที่ราวกับกำลังโหยหา ‘บางอย่าง’

วาห์นตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นเกือบสองชั่วโมงก่อนเวลาตื่นปกติ

เขาจ้องมองไปรอบห้องที่ยังไม่คุ้นเคยและเพิ่งนึกออกว่าตัวเองได้ย้ายมาอยู่กับสึบากิแล้ว

หลังจากคิดถึงเรื่องสึบากิ ภาพในฝันก็เริ่มผุดขึ้นมา…

หลังจากหลับไป วาห์นก็ฝันเห็นสึบากิสูง 3 เมตร กำลังหยอกล้อเขาขณะที่ตัวเองพยายามหลบหนีอย่างเปล่าประโยชน์

ไม่ว่าจะพยายามมากเท่าไหร่ เขาก็ไม่สามารถดิ้นหลุดจากเงื้อมมือของเธอและเริ่มรู้สึกหมดหวัง

ขณะที่เขากำลังจะยอมแพ้ ร่างยักษ์นั่นก็นำเขาไปซุกไว้ตรงหว่างอกมหึมาและเขากลัวว่าตัวเองอาจหายใจไม่ออกตายก่อนจะถูกบดขยี้เสียอีก

อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกหายใจไม่ออกนั้นกลับไม่ได้เกิดขึ้น

เขารู้สึกเหมือนถูกห่อหุ้มด้วยความอบอุ่นไม่รู้จบซึ่งค่อยๆ ซึมซับไปทั่วร่างกาย

ความอบอุ่นนั้นทำให้รู้สึกสบายจนวาห์นเผลอหลับไปในความฝัน…

ความฝันแปลกๆ นั่นทำให้วาห์นยังอยู่ในสภาพงุนงงขณะที่เดินออกไปจากห้องเพื่อล้างหน้า

ลิลลี่จับได้ว่าเขาละเลยเรื่องสุขภาพในช่องปากมาตลอดและเธอก็เริ่มช่วยเขาสร้างนิสัยในการแปรงฟันก่อนจะเริ่มต้นวันใหม่

แม้วาห์นจะรู้สึกรำคาญในตอนแรก แต่เขาก็ชินกับมันอย่างรวดเร็วและเริ่มทำมันโดยไม่ต้องถูกบังคับทุกเช้า

ขณะที่กำลังออกจากห้องน้ำ เขาก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศที่ดังออกมาจากลานใกล้เคียง

เขาเดินตามหาต้นตอของเสียงและเห็นสึบากิกำลังกวัดแกว่งดาบคาตานะที่มีด้ามจับสีแดงเข้มอย่างดุดัน

การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งดูราวกับจะตัดผ่านความว่างเปล่าออกเป็นเสี่ยงๆ และยังสร้างลมหมุนรุนแรงไปทั่วร่างกายของเธอในขณะที่ใบมีดยังคงวาดลวดลายอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์

เมื่อเห็นสกิลและเทคนิคที่ไร้ใครเทียบเทียมของสึบากิ ความคิดที่มึนมัวของวาห์นก็ตื่นขึ้นทันที

เขาเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของเธอ แต่ละกระบวนท่านั้นแฝงด้วยความตั้งใจที่นำไปสู่การเคลื่อนไหวชุดต่อไปอย่างลื่นไหล

วาห์นเกือบจะเปรียบเทียบ ‘ระบำดาบ’ นี้กับเทคนิคของตัวเอง แต่ก็รู้สึกว่าการทำเช่นนั้นจะเป็นการดูถูกทักษะอันน่าหลงใหลนี้มากเกินไป

เขายังคงเฝ้าดูต่อไปในความเงียบและกลัวว่าการเคลื่อนไหวหรือเสียงรบกวนนิดเดียวของเขาอาจทำให้บรรยากาศที่ไร้สิ่ง้จือปนหม่นหมองลง

ประมาณสิบนาทีก่อนที่เวลาฝึกของพวกเขาจะเริ่มขึ้น สึบากิก็จบ ‘ระบำดาบ’ ของเธอลง

เธอค่อยๆ เก็บดาบเข้าฝักก่อนจะคุกเข่าในความเงียบ

หลังจากลมหายใจของเธอสงบลงแล้ว เธอก็ยิ้มและพูดขึ้น

“ฉันไม่ชอบแสดงแบบมีคนดูเท่าไหร่หรอกนะ ดูแล้วเพลินดีไหมล่ะ?”

วาห์นพยักหน้าแบบไม่ต้องคิดและพูดสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในใจของเขา

“งดงามมาก… มันไม่เหมือนอะไรที่ผมเคยเห็นมาก่อนเลย”

เขายังคงนึกถึงการเคลื่อนไหวซ้ำไปซ้ำมาในใจและพยายามเก็บมันไว้ใจความทรงจำอย่างเหนียวแน่น

ขณะที่ยังคงจ้องมองอย่างเหม่อลอย จู่ๆ วิสัยทัศน์ก็กลับตาลปัตรไปหมดและหน้าของเขาก็ลงไปจุ่มพื้นอย่างเช่นเคย

เขาล้มลงกับพื้นอย่างหนักหน่วงและรู้สึกว่าอากาศกำลังหนีออกจากปอดขณะที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย

เขามองไปทางสึบากิที่กำลังยืนท้าวเอวและหัวเราะเสียงดัง

“การฝึกจะเริ่มตรงเวลาทุกวัน ทำไมยังมัวแต่ยืนบื้ออยู่ทั้งๆ ที่ศัตรูมาอยู่ตรงหน้าแล้วล่ะ? ตอนนี้แต้มอยู่ที่ 3 ต่อ 101 แล้วนะ!”

ขณะที่กำลังพูดอย่างภาคภูมิ เธอก็หันไปทางผนังที่ติดกับลานกว้าง

จากมุมมองของวาห์น สึบากิหายตัวไปจากจุดที่ยืนอยู่ก่อนเดินออกมาจากด้านหลังผนังโดยหิ้วลิลลี่ไว้ใต้วงแขน

หลังถูกโยนเพื่อเป็นการอุ่นเครื่อง การฝึกก็เริ่มขึ้นอย่างจริงจัง

สึบากินั้นไร้ความปราณีกับกับวาห์นและจับเขาโยนไปเรื่อยๆ ขณะที่ร่างของเขาเจ็บปวดราวกับถูกทรมานอย่างไม่รู้จบ

แต่เมื่อถึงคราวฝึกลิลลี่ เธอกลับแสดงความอ่อนโยนและอดทนกว่ามาก

ครั้งแรกที่วาห์นเห็นเธออธิบายอย่างถี่ถ้วนถึงท่าร่างและเทคนิคต่างๆ ให้ลิลลี่ฟัง เขาเกือบคิดไปว่าตัวเองยังคงฝันอยู่ ก่อนที่ความเจ็บปวดตรงแผ่นหลังจะปะทุขึ้นและทำให้เขาหายใจเข้าอย่างรวดเร็ว

สึบากิใช้วิธีฝึกที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละบุคคล

เนื่องจากลิลลี่เป็นเผ่าพลูมและมีร่างกายขนาดเล็ก สึบากิจึงอยากช่วยเน้นพัฒนาด้านเทคนิคและความว่องไวแทน

หลังจากรู้เรื่องสกิลของลิลลี่ สึบากิก็เริ่มอธิบายถึงความสำคัญของการวางตำแหน่งต่อสู้และใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของศัตรู

เธอต้องการให้ลิลลี่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคที่สามารถใช้อาวุธได้หลายอย่างที่สัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมเพื่อชิงความได้เปรียบ

สำหรับวาห์นนั้น สึบากิสังเกตเห็นว่าเขามีพรสวรรค์มากจนน่าเหลือเชื่อ

เนื่องจากเขามีสัมผัสการรับรู้และความสามารถในการปรับตัวที่สูงมาก เธอจึงพยายามทำให้เขาพัฒนาสไตล์การต่อสู้ของตัวเองขึ้นมา

วิธีที่ว่าก็คือการต่อสู้กับวาห์นไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายแล้วเขาก็จะเริ่มปรับตัวเข้ากับความเร็วของเธอได้อย่างช้าๆ รวมถึงการพัฒนาความสามารถในการป้องกันตัวไปได้อีกขั้น

สึบากิต้องการให้เขามีสัญชาตญาณในการปกป้องตัวเองจากอันตรายเพราะเธอเชื่อว่านั่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาขาดมากที่สุดในตอนนี้

หลังจากฝึกอย่างหนักเป็นเวลาสองชั่วโมง วาห์นก็ถูกจับโยนไปทั้งหมดรวม 187 ครั้งแล้ว

เขาพยายามโจมตีสวนอยู่หลายครั้งและประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่เคยโจมตีถูกสึบากิเลยสักครั้ง

ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ทัน ‘แผนการ’ ของเขาและไม่ยอมลดความระวังตัวลงแบบวันก่อน

วาห์นรู้สึกหงุดหงิดมากเพราะเมื่อสึบากิหลบการโจมตีสวนแบบระยะเผาขนได้ เธอก็จะหัวเราะและเยาะเย้ยเขาซ้ำอีก

เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า พวกเขาจึงหยุดพักทานอาหารเช้า

วาห์นถูกบังคับให้รอที่โต๊ะขณะที่สึบากิลากลิลลี่เข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหาร

ในขณะที่เขานั่งอยู่ในความเงียบ วาห์นเริ่มสงสัยว่าทำไมสึบากิถึงชอบลากลิลลี่ไปไหนมาไหนกับเธอด้วยเสมอ แต่เขาก็นึกหาเหตุผลไม่เจอ

มันอาจเป็นหนึ่งในนิสัยแปลกๆ ของสึบากิที่ชอบสิ่งน่ารักเพราะลิลลี่นั้นตัวเล็กและน่ารักมาก

วาห์นตัดสินใจฆ่าเวลาด้วยการตรวจสอบค่าสถานะและไอเท็มต่างๆ ของตัวเอง

ตัวค่าสถานะนั้นไม่ได้ขึ้นเร็วแบบเมื่อก่อนเพราะเขาไม่ได้ลงไปสำรวจดันเจี้ยนชั้นที่ลึกกว่ามาพักหนึ่งแล้วแต่ก็ยังรู้สึกว่าพื้นฐานของเขากำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

————————————————————————-

[[สถานะ]]

ชื่อ: [วาห์น เมสัน]

อายุ: 14

เผ่าพันธุ์: มนุษย์, *ถูกผนึก*

ค่าสถานะ: [ดันมาจิ: 1-4]

-เลเวล:2(2)

-พละกำลัง: 1001+(I38)->(H119)

-ความอดทน: 1108+(I51)->(G240)

-ความแม่นยำ: 887+(I41)->(H101)

-ความว่องไว: 940+(I40)->(H192)

-พลังเวท: 1611+(G244)->(E444)

ค่าสถานะรวมทั้งหมด: 5547+(414)->(1096)

ความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณ: ระดับ 2 (วิญญาณวีรชน)

[กรรม]: 931

[OP]: 78,090

[วาลิส]: 149,300

————————————————————————-

ค่าพลังเวทของเขาเติบโตเร็วกว่าค่าอื่นๆ อย่างเช่นเคยและสาเหตุคงมาจากการใช้สกิล [จิตแห่งราชัน] อย่างต่อเนื่อง

ค่าความอดทนของเขาก็เพิ่มขึ้นเยอะกว่าค่าอื่นๆ เช่นกัน

วาห์นคิดว่าน่าจะเป็นเพราะผลจากสกิล [ร่างจตุรเทพ] รวมไปถึงการถูกสึบากิทรมานอย่างต่อเนื่อง

เขาสงสัยว่าหลังฝึกเสร็จ ร่างกายจะพัฒนาไปถึงขั้นที่ไม่มีทางบุบสลายเลยหรือเปล่า…

ไอเท็มที่เขากังวลมากที่สุดก็คือ [คัมภีร์เสริมสกิล: A] และ [ความปรารถนาของหัวใจ: เพลิงนิรันดร์] ที่เขาได้รับจากการเพิ่มค่าความชื่นชอบของ ‘เพลิงนิรันดร์’ จนเต็ม 100

เนื่องจากช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย เขาจึงลืมมันไปซะสนิทเลย

พอเปิดคำอธิบายขึ้นมาอ่าน วาห์นก็รู้สึกสับสนและหวาดหวั่นไปพร้อมๆ กัน

[ความปรารถนาของหัวใจ: เพลิงนิรันดร์]

ระดับ: พิเศษ

การใช้งาน: ทำให้ผู้ใช้มองเห็นความปรารถนาส่วนลึกของเป้าหมาย (เพลิงนิรันดร์) การเติมเต็มความปรารถนาดังกล่าวจะปลดล็อคค่าสถานะแฝงของเป้าหมาย

//คำเตือนจากระบบ: โปรดใช้ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ//

วาห์นไม่เข้าใจว่าเปลวเพลิงจะมีความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ได้ยังไง แต่ก็พอจำได้ว่ามันมีการแสดงออกที่รุนแรงมากขณะได้สัมผัสกับเขา

แม้จะดูไม่ฉลาดล้ำเลิศอะไร แต่มันก็มีความรู้สึกนึกคิดมากพอที่จะตอบสนองกับสภาพแวดล้อมและเข้าใจสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ได้ในระดับหนึ่ง

หลังพิจารณาอย่างรอบคอบ วาห์นก็ตัดสินใจเพิกเฉยต่อคำเตือนจากระบบและ ‘ใช้’ ไอเท็ม

อากาศรอบตัวเขาดูเหมือนจะหยุดนิ่งและเวลาก็เริ่มเดินช้าลง

วาห์นไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ขณะที่มีภาพมากมายถูกเล่นอยู่ในหัวของเขา

เขากำลังนอนอยู่ในเตาหลอมและมองขึ้นไปในความมืดโดยมีเพียงแสงจากตัวเองที่ส่องสว่างอยู่ในห้องที่ดูกว้างขวาง

ทันใดนั้นเอง จากภายในความมืดมิดทั้งปวง อาจเพราะมุมมองในตอนนี้ของเขาต่ำมาก วาห์นจึงเห็นใบหน้าของตัวเองที่ดูใหญ่กว่าปกติ

ใบหน้า ‘ใหญ่ๆ’ ของตัวเขาเองค่อยๆ ยื่นแขนออกมาขณะที่เปลวเพลิงเริ่มเคลื่อนที่ไปยังฝ่ามือนั่น

ภายในส่วนลึกของเปลวเพลิงนั้น วาห์นมองเห็นบางอย่างที่ดูคล้ายกับ… ตัวอ่อน?

ห้วงเวลารอบตัวเขาดูเหมือนจะกลับสู่สภาพปกติเมื่ออากาศที่ ‘หยุดนิ่ง’ เริ่มจางหายไป

วาห์นเคลื่อนไหวร่างกายได้อีกครั้งและเริ่มไตร่ตรองภาพที่เห็น

เขาคิดว่านั่นคือมุมมองของ ‘เพลิงนิรันดร์’ แต่ก็ยังไม่ทราบว่าความปรารถนาของมันคืออะไร

เปลวเพลิงที่ถูก ‘ตัวเขาอีกคน’ ถืออยู่น่าจะเป็นชิ้นส่วนของเพลิงนิรันดร์ที่แยกออกจากร่างหลักแต่พอตรวจดูภายในหัวใจของตัวเองก็กลับไม่เห็นอะไรที่ดูเหมือนตัวอ่อนเลย

เขาไม่รู้ว่าจะเติมเต็มความปรารถนาของเปลวเพลิงได้อย่างไรเพราะทุกอย่างที่เห็นดูคลุมเครือมาก

ทั้งหมดที่เขาสัมผัสได้ก็คือความคาดหวัง… และความสุข?

เพราะไม่เข้าใจความหมายของภาพพวกนั้นเท่าไหร่ เขาจึงตัดสินใจเก็บมันไว้ก่อนจนกว่าจะได้คุยเรื่องนี้กับเฮเฟสตัส

วาห์นมั่นใจว่าเธอคงยินดีช่วยเหลือเขาเมื่อการฝึกนี้เสร็จสิ้นลง

สำหรับตอนนี้ เขาตัดสินใจคิดเรื่องการใช้คัมภีร์เสริมสกิลเพราะถ้าปล่อยมันทิ้งไว้แบบนี้ก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไร

วาห์นได้ทำการเปรียบเทียบประโยชน์ของสกิลที่มีอยู่ ในขณะเดียวกันก็ดูร้านค้าเพื่อหาสิ่งที่อาจมีประโยชน์ในอนาคต

วาห์นคงซื้ออะไรไปหลายอย่างแล้วหากไม่ใช่เพราะภารกิจปัจจุบันที่จำกัดการใช้ OP ของเขา

สัมผัสน่าสะพรึงกลัวที่พบเมื่อหลายวันก่อนยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเขาและทุกๆ อึดใจดูเหมือนจะดึงเขาเข้าไปใกล้ภัยอันตรายที่ซ่อนเร้นมากขึ้นทุกที

ในขณะที่เขากำลังตกอยู่ในความกังวล ประตูก็เปิดออกเผยให้เห็นลิลลี่และสึบากิที่กำลังถือหม้อขนาดใหญ่เข้ามา

หลังจากนั่งลงแล้วสึบากิก็เปิดหม้อออก ส่งผลให้กลิ่นหอมหวนที่วาห์นคุ้นเคยเริ่มแพร่กระจายไปทั่วห้อง

สึบากิทำข้าวผัดให้กับพวกเขาเป็นครั้งที่สามติดต่อกัน…

“คุณสึบากิ ทำไมถึงทำแต่ข้าวผัดล่ะครับ?”

แม้ไม่สนใจที่จะได้ทานมันอีกครั้ง แต่วาห์นก็ตัดสินในถามเรื่องที่ค้างคาในใจออกไป

หลังจากถามออกไปแล้ว เขาก็เริ่มทานอาหารแสนอร่อยก่อนจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศมืดมนที่กระจายออกไปทั่วห้อง

เขาหยุดทานกลางคันและหันไปทางตัวต้นเหตุ

สึบากิมีสีหน้ามืดมนจนใบหน้าครึ่งบนหายเข้าไปอยู่ในความมืด

‘รอยยิ้ม’ ที่เธอแสดงออกมาแทบตลอดเวลา บัดนี้มันกลับบิดเบี้ยวอย่างสยดสยองขณะที่เธอหัวเราะแบบตายๆ

เสียงหัวเราะน่าขนลุกเริ่มดังไปทั่วห้องและมันต่างจากเสียงหัวเราะร่าเริงที่วาห์นคุ้นเคยอย่างลิบลับ

ลิลลี่รู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันตึงเครียดจึงกระซิบไปหาวาห์นด้วยเสียงที่แผ่วเบาที่สุด

“วาห์น… ท่านสึบากิไม่รู้วิธีการทำอย่างอื่นนอกจากข้าวผัดน่ะ อย่างอื่นที่ทำไว้ ถ้าไม่ดำเป็นตอตะโกก็กินไม่ได้เลย…”

แม้จะพยายามลดเสียงลงสุดๆ แล้ว แต่เงาบนใบหน้าของสึบากิก็มืดลงกว่าเดิมขณะที่หูเริ่มกระตุก

เพราะประสาทสัมผัสที่เพิ่มขึ้นในฐานะนักรบและปรมาจารย์ช่างตีเหล็ก เธอจึงได้ยินเสียงพึมพำของลิลลี่ได้อย่างชัดเจน

เมื่อเสียงหัวเราะหยุดลง เธอก็มองไปที่ทั้งสองซึ่งจ้องมองเธออย่างหวาดกลัว

“ทานให้เยอะๆ นะ เรายังมีการฝึกสนุกๆ และน่าตื่นเต้นเหลืออีกแยะเลย…”

เธอเริ่มหัวเราะอย่างชั่วร้ายขณะที่เด็กทั้งสองทำช้อนส้อมหล่นพร้อมกัน

วาห์นมองดูอาหารราวกับว่านี่คือมื้อสุดท้ายในขณะที่ลิลลี่เริ่มตัวสั่นเทาเมื่อนึกถึงเรื่องที่ตัวเองพูดออกไปเมื่อกี้

(TL: ชื่อตอนสำรอง: ‘วิญญาณแห่งเปลวเพลิงที่เต้นตึกตัก’, ‘ไซคลอปส์ยอดนักปรุง’, ‘อย่าได้ประมาทเลเวล 5 เด็ดขาด’)
—————

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท