Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 67

ตอนที่ 67

แม้สึบากิจะเชิญให้พวกเขามาด้วยกัน แต่มิอาคก็ให้ทุกคนขอบคุณเฮเฟสตัสแฟมิเลียอีกครั้งก่อนจะกลับไปที่พัก

ถึงการฉลองให้กับการกลับมาของนาซ่าจะไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่เขาก็อยากให้เด็กๆ ในแฟมิเลียใช้เวลานี้เพื่อไว้อาลัยให้กับพวกพ้องที่เสียชีวิต

แถมเขาเองก็ยังต้องหาเวลาไปที่กิลด์และยื่นคำร้องขอให้มีการสืบสวนเรื่องในคราวนี้ด้วย

มิอาคจะไม่ยอมหยุดจนกว่านักผจญภัยสองคนนั้นจะถูกจับและทวงความยุติธรรมให้กับเหล่าเด็กๆ ของเขา

สึบากิเข้าใจความกังวลของมิอาคและบอกให้เขารู้ว่าเฮเฟสตัสแฟมิเลียจะให้ความร่วมมืออย่างดีในการสืบสวนนี้

แม้ว่าจะไม่ได้ส่งผลโดยตรง แต่สองคนนั้นก็เกือบทำให้วาห์นตายเช่นกัน

เพราะความเข้าใจผิดที่ทำให้วาห์นถูกโจมตีจะไม่เกิดขึ้นหากไม่มีเหตุการณ์ ‘พาสพาเหรด’

หากสึบากิจับพวกนั้นได้ เธอกะว่าจะจับทั้งสองแขวนไว้จนกว่าจะแห้งตายเลย

ทั้งสองกลุ่มแยกทางกันและสึบากิก็นำสมาชิกของเฮเฟสตัสแฟมิเลียไปยังร้าน ‘เจ้าของร้านผู้เพียบพร้อม’

วาห์นกับลิลลี่มาที่ร้านนี้บ่อยมากและคิดว่ามันคือสถานที่ที่หลายคนคิดถึงเมื่อต้องการเฉลิมฉลอง

เมื่อมาถึง พวกเขาก็ได้รับการต้อนรับจากอาเนียที่รีบไปแจ้งให้มามามีอาจัดเตรียมที่นั่งขณะที่เธอไปบอกโคลอี้

เมื่อไหร่ก็ตามที่เป็นเวลางานของโคลอี้ เธอมักจะมาดูแลวาห์นและแขกที่มากับเขาอยู่เสมอ

หลังจากมามามีอารู้สาตุของงานฉลอง เธอก็เริ่มหัวเราะออกมาเสียงดังคล้ายกับสึบากิ

เธอมองไปทางวาห์นด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ไปเล่นบทวีรบุรุษมาอีกรอบแล้วนะ เจ้าหนู ตอนแรกก็สาวน้อยคนนั้น ตอนนี้ยังจับปลาตัวใหญ่ได้อีกตัว

ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อย โคลอี้ของเราก็อกหักกันพอดีสิ ฮ่าฮ่าฮ่า!”

มามามีอาเห็นโคลอี้กำลังเข้ามาใกล้จึงพูดต่ออีกสองสามคำซึ่งดังพอที่ทั้งร้านจะได้ยินออกมา

โคลอี้หัวเราะเจื่อนๆ พร้อมกับเดินเข้ามาหา

“มามามีอา~! พูดแบบนี้แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะ~เมี้ยว!

คุณก็รู้นี่ว่าถ้าวาห์นมีความสุข ฉันเองก็มีความสุขไปด้วย~”

แม้เธอจะทำท่าเขินอาย แต่โคลอี้กลับไม่ได้แสดงสีหน้าตามท่าทางเลย แถมเธอยังพูดตอบและขยิบตาเพื่อหยอกวาห์นอีกด้วย

วาห์นยิ้มตอบและมานั่งอยู่ระหว่างสึบากิและลิลลี่ขณะที่คนในแฟมิเลียก็เริ่มสั่งอาหารของตนเอง

ทุกคนเต็มไปด้วยอารมณ์ครึกครื้นขณะฉลองให้กับการกลับมาอย่างปลอดภัยและการกระทำที่กล้าหาญของสมาชิกรุ่นน้อง

สำหรับหลายๆ คนแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบวาห์นและลิลลี่ ดังนั้นพวกเขาจึงสนใจและอยากรู้ว่าทั้งสองเป็นคนแบบไหน

เนื่องจากเห็นว่าเทพธิดาของพวกตนให้ความสำคัญกับการ ‘ช่วยเหลือ’ เด็กคนนี้มากแถมพวกเขายังถูกสั่งให้มารวมพลกันอย่างเร่งด่วนด้วย

หลายคนจึงอยากจะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับดาวรุ่งหนุ่มคนนี้

วาห์นตอบคำถามของพวกเขาหลายข้อขณะที่สึบากิเข้าสกัดคำถามที่เกี่ยวข้องกับความลับของเขา

เธอไม่ได้ห้ามคนอื่นถามแบบตรงๆ แต่จะใช้วิธีเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาแทน

วาห์นรู้สึกขอบคุณสึบากิที่ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาไม่คุ้นชินกับการพูดคุยกับคนจำนวนมากสักเท่าไหร่

มันถึงขนาดที่ว่าลิลลี่และโคลอี้ต้องคอยช่วยเปลี่ยนบรรยากาศหรือช่วยเบนความสนใจของวาห์นเมื่อเขาตอบสนองช้าไปหลายครั้ง

สมาชิกทีมกู้ภัยเองก็พอจะอ่านออกและเริ่มรู้ว่าเป็นเรื่องไม่สมควรที่จะถามคำถามส่วนตัวเกี่ยวกับวาห์นมากเกินไป

สมาชิกส่วนใหญ่ในกลุ่มนั้นมีเลเวล 3 หรือสูงกว่า และพวกเขาเองก็รู้จักกับสึบากิมาเป็นเวลานานแล้ว

มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เฮเฟสตัสจัดให้สึบากิผู้เป็นหัวหน้าของแฟมิเลียเป็นคนนำภารกิจฉุกเฉินในครั้งนี้

แทนที่จะขุดคุ้ยต่อ พวกเขาจึงช่วยสร้างบรรยากาศรื่นเริงและลืมข้อสงสัยของตนไปก่อนและหันไปหยอกล้อ ‘โชค’ เรื่องผู้หญิงของวาห์นแทน

งานเลี้ยงดำเนินต่อไปจนดึกดื่นก่อนที่สุดท้ายแล้วมามามีอาต้องมาไล่ทุกคนออกจากร้าน

สึบากิจ่ายค่าอาหารทั้งหมดให้กับทั้งกลุ่มซึ่งสร้างเสียงขอบคุณไปทั่วทั้งงานเลี้ยงก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันไปในค่ำคืนอันหนาวเย็น

หลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้ว สึบากิก็พาวาห์นและลิลลี่กลับมาบ้านก่อนจะให้พวกเขาอาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอน

เนื่องจากนี่เป็นโอกาสพิเศษ เธอจึงบอกให้ทั้งคู่หยุดพักในพรุ่งนี้

วาห์นและลิลลี่รู้สึกดีใจที่ได้ยินแบบนั้นเพราะพวกเขาต่างฝึกฝนอย่างหนักมาตลอดสามสัปดาห์

สึบากิไม่ได้ให้เวลาว่างกับทั้งคู่มากนักและแม้จะเป็นวันหยุด ทั้งคู่ก็ต้องมาอ่านหนังสือหรือไม่ก็ซ่อมแซมอุปกรณ์ของตน

วาห์นทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยที่ดีมากและถึงขนาดได้สร้างอาวุธระดับกลางของตัวเองไปบ้างแล้ว

ในคืนนั้น วาห์นนอนหลับสนิทและเริ่มฝันไปเรื่อยจนถึงเช้าวันถัดมา

นานมากแล้วที่เขาไม่ได้นอนหลับอย่างเพลิดเพลินแบบนี้และเขาก็ยังนอนต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งลิลลี่มาเคาะประตูห้อง

สุดท้ายเขาก็ต้องดึงตัวเองออกจากฟูกแสนสบาย

ลิลลี่มาแจ้งวาห์นว่าถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้วและสึบากิเองก็มีข่าวบางอย่างอยากจะพูดกับเขา

วาห์นพยักหน้าและเดินออกไปล้างหน้าก่อนจะตรงไปยังห้องทานอาหาร

เมื่อเขามาถึง วาห์นก็รู้สึกแปลกใจมากที่เห็นเฮเฟสตัสกำลังดื่มชากับสึบากิและลิลลี่

ทุกคนกำลังรอให้เขามาถึงเพื่อทานอาหารเที่ยงที่มีทั้งปลาย่างกับข้าวและซุบผักหอมกรุ่น

เฮเฟสตัสเผยรอยยิ้มสดใสเมื่อเห็นวาห์นเข้ามาในห้อง ส่วนวาห์นก็โค้งรับการทักทายของเธอ

“สวัสดีครับ เฮเฟสตัส ขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อวานมากเลย ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณเดือดร้อนเพราะปัญหาส่วนตัว”

เฮเฟสตัสถอนหายใจออกมาพร้อมกับส่ายหัวให้กับวาห์น

“ไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนอะไรหรอก วาห์น

โชคดีที่เจ้าพวกนั้นไม่ได้เก่งกาจอะไรมาก หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ฉันจะส่งไทคีกลับสวรรค์หลังจากกวาดล้างแฟมิเลียของเธอด้วยตัวเองเลย”

เฮเฟสตัสกล่าวออกมาด้วยสีหน้านิ่งๆ และวาห์นบอกได้เลยว่าเธอไม่ได้กำลังล้อเล่น

เขานั่งลงก่อนจะพยายามทำให้เธอเย็นลง

“เอาเถอะครับ มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้นเอง ผมโชคดีเรื่องคนพวกนั้นจริงๆ ไม่งั้นคงต้องฆ่าแทนที่จะทำให้พวกนั้นบาดเจ็บ แถมผมก็ยังไม่อยากสวมบทฆาตกรเพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ด้วย”

ขณะวาห์นพูด ลิลลี่ที่นั่งอยู่ด้านซ้ายของเขาก็ผงะเล็กน้อย

เธอก้มหัวลงพร้อมกับถือถ้วยสองมือและจิบมันช้าๆ

เฮเฟสตัสพยักหน้าให้กับตอบของวาห์น

“ฉันดีใจนะวาห์น การที่เธอตัดสินใจได้อย่างใจเย็นในสถานการณ์แบบนั้นเป็นเรื่องน่ายกย่องมาก

พยายามพัฒนาตัวเองต่อไปเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องฝืนฆ่าคนที่ไม่ได้ตั้งใจจะคุกคามเธอหรือสิ่งเธอที่ต้องการปกป้องล่ะ”

เฮเฟสตัสเผยรอยยิ้มอ่อนโยนและให้กำลังใจขณะที่สึบากิเริ่มหัวเราะด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านจะไม่พูดเรื่องที่เกือบจะทำให้ทั้งปาร์ตี้ถูกเนรเทศออกจากแฟมิเลียหรือเรื่องที่อยากให้เจ้าเอลฟ์คนนั้นจ่ายค่าชดใช้เป็นจำนวน 100,000,000 วาลิส สักหน่อยเหรอ?

ฉันได้ยินมาว่าเทพไทคีถึงกับต้องคุกเข่าพนมมือขอร้องให้ท่านระงับความโกรธด้วยนี่!”

สึบากิหัวเราะจนกรามแทบค้างและพอเห็นเฮเฟสตัสทำทีเป็นใจเย็นแล้วเธอก็ยิ่งรู้สึกตลก

เฮเฟสตัสหน้าแดงและทำหน้าเขม่นใส่สึบากิที่ยังคงหัวเราะร่าแม้ว่าจะเจอเข้ากับสายตาเชิงตำหนิของเธอก็ตาม

สุดท้ายแล้ว เฮเฟสตัสก็ได้แต่ถอนหายใจและนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน

เธอรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนที่จะมีข่าวจากดันเจี้ยนเสียอีก

ขณะอยู่ในห้องทำงาน เธอก็รู้สึกได้ว่าหัวใจของวาห์นเริ่มเต้นเร็วขึ้น

เมื่อเพ่งสมาธิไปหา เธอก็รู้สึกได้ถึงความเครียดและความไม่พอใจของเขา

เธอรู้สึกได้จากสัมผัสที่เชื่อมทั้งคู่ไว้ด้วยกันว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตราย

เฮเฟสตัสจึงทิ้งเหล็กกล้าที่เธอกำลังขึ้นรูปอยู่และใช้อุปกรณ์สื่อสารเวทมนตร์เพื่อบอกให้สึบากิติดต่อนักผจญภัยระดับสูงในทันที

จากนั้นเฮเฟสตัสก็ใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงต่อมาในสภาพวิตกกังวล

เธอถึงขนาดคิดที่จะลองเข้าไปในดันเจี้ยนด้วยตัวเอง เนื่องจากเธอเชื่อว่าจะสามารถติดตามร่องรอยของวาห์นได้โดยใช้สัมผัสเชื่อมโยงระหว่างพวกเขา

เธอออกมาพบกับกลุ่มที่นำทีมโดยสึบากิและถูกพนักงานกิลด์ที่เข้ามาตรวจตราขัดขวางไม่ให้เข้าไปด้านใน

หลังเถียงกับพนักงานอยู่ครู่หนึ่ง เฮเฟสตัสก็เริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมาแต่ยังคงใจเย็นอยู่ได้เนื่องจากหัวใจของวาห์นเริ่มกลับมาเต้นปกติอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม แม้จะเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็มีบางช่วงที่หัวใจของเขาเต้นเร็วมาก เร็วจนเธอคิดว่ามันอาจจะระเบิดใส่ดวงวิญญาณของเธอ

หลังจากนั้นไม่นาน จังหวะการเต้นก็เหมือนเกือบจะหยุดลงจนเฮเฟสตัสเองเกือบจะวูบไปก่อนพบว่ามันยังคงเต้นอยู่ด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอและเป็นปกติ

หลังจากนั้น เธอก็รู้สึกว้าวุ่นไปหมดและเท้าเจ้ากรรมก็พาเธอมาสู่ด้านนอกทางเข้าดันเจี้ยน

ขณะที่พวกเธอยังคงเถียงกับพนักงานของกิลด์ ปาร์ตี้นักผจญภัยห้าคนก็วิ่งสวนออกมาจากดันเจี้ยน

เมื่อเห็นคนของกิลด์ พวกเขาก็เริ่มแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นภายใน

แม้ว่าเฮเฟสตัสจะไม่สนใจในตอนแรก แต่เมื่อเธอได้ยินพวกเขาพูดถึงเด็กหนุ่มที่ชื่อ ‘วาห์น’ เธอก็รีบเข้าไปหาแต่กลับถูกสึบากิตัดหน้าเสียก่อน

สึบากิบังคับให้พวกเขาเล่าเรื่องตั้งแต่แรกจนจบและเกือบจะนอตหลุดหลังได้ยินว่าพวกเขาพยายามทำร้ายวาห์น

เฮเฟสตัสเองเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มมองไปที่ทั้งห้าคนด้วยสีหน้าเย็นชา

หลังจากที่รู้ว่าพวกเขาอยู่แฟมิเลียอะไร เธอก็แบ่งทีมกู้ภัยครึ่งหนึ่งออกก่อนจะลากพวกนักผจญภัยกลับไปยังที่พักของเทพธิดาไทคี

ส่วนที่เหลือก็เป็นไปตามที่ที่สึบากิเล่า… เรื่องยังไม่จบง่ายๆ จนกระทั่งไทคีได้กล่าวคำสาบานกับเฮเฟสตัสและทำให้เธอเย็นลง

“ขอบคุณนะ เฮเฟสตัส ที่โกรธแทนผม…”

เฮเฟสตัสหลุดจากภวังค์เพราะวาห์นมากระซิบขอบคุณเธออีกครั้ง

เมื่อเห็นว่าเขาขอบคุณเธออย่างจริงจัง เธอจึงละความโมโหที่ยังหลงเหลืออยู่ในใจและเผยรอยยิ้มที่งดงามที่สุด

“ก็บอกแล้วไงว่าฉันจะปกป้องเธอ วาห์น ฉันเป็นคนที่รักษาคำพูดนะ”

หลังจาากคุยกันไปสักพัก ลิลลี่ก็เริ่มเสิร์ฟอาหารเที่ยงให้ทุกคน

พวกเขายังคงคุยกันอีกหลายเรื่องรวมไปถึงมิอาคแฟมิเลียและเรื่องที่กำลังทำการสอบสวนอยู่

เฮเฟสตัสเองก็สนใจในการตามหาคู่นักผจญภัยที่ทำการ ‘พาสพาเหรด’ ดังนั้นเธอจึงกดดันทางกิลด์คู่กับมิอาคเพื่อบังคับให้พวกเขาเร่งสืบสวน

เนื่องจากทางกิลด์มีฐานข้อมูลทั้งหมดของแฟมิเลียและสมาชิกบันทึกเอาไว้ การตามหาตัวคนร้ายจึงไม่ควรจะกินเวลามากนัก

การสนทนาดำเนินต่อไปก่อนที่สึบากิจะหยิบหัวข้อที่เธอตั้งใจพูดแต่เดิมออกมา

“อีกไม่นานเธอก็จะได้รับฉายาแล้วนะวาห์น ชื่อเสียงของเธอน่าจะแพร่กระจายออกไปแล้วหลังจากผู้คนรับรู้เรื่องทั้งหมดที่เธอทำเมื่อไม่นานมานี้ แล้วก็ระวังอย่าให้คนอื่นมาหลอกใช้เธอเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองล่ะ!”

วาห์นประหลาดใจเมื่อได้ยินว่าเขาจะได้รับฉายาแต่ก็ไม่ได้นักเพราะเขาก็อยู่เลเวล 2 มาพักหนึ่งแล้ว

เฮเฟสตัสเริ่มพูดเสริมก่อนจะเพิ่มส่วนของตัวเองลงไป

“สึบากิพูดถูก นี่ก็เกือบจะถึงเวลาสำหรับ ‘เดนาตัส’ แล้ว

มันคือเวลาที่เทพทั้งหมดในพื้นที่จะมารวมตัวกันเพื่อประชุมหารือเรื่องต่างๆ

หนึ่งในหัวข้อที่หยิบยกมาพูดกันบ่อยก็คือเรื่องฉายาของนักผจญภัยที่ขึ้นเลเวล 2 หรือสูงกว่านั้น

ฉันจะไปเข้าร่วมงานเป็นเวลาสองสามวันและกลับมาพร้อมกับฉายาของเธอ

พยายามอย่าหวังให้มากนักล่ะ… ไม่ใช่ฉายาของนักผจญภัยเลเวล 2 ทุกอันหรอกนะที่ฟังดูดี”

พอได้ยินคำอธิบายของเธอ วาห์นก็พยักหน้าให้อย่างเข้าใจ

เขาจำได้ว่าเฮสเทียต้องพยายามอย่างหนักเพื่อหาฉายา ‘ธรรมดาทั่วไป’ สำหรับเบลล์ที่เพิ่งขึ้นเลเวล 2

หวังว่าฉายาของเขาจะไม่แปลกเกินไปนัก และถึงมันจะแปลก วาห์นก็มั่นใจว่าเขาจะพยายามให้มากขึ้นในอีกสามเดือนถัดไปจนขึ้นเป็นเลเวล 3 และรับฉายาใหม่อีกครั้ง…

สึบากิพูดแทรกขึ้น

“ลิลลี่ เธอเองก็ต้องพยายามให้มากขึ้นด้วยนะ เธอมีคุณสมบัติพอที่จะขึ้นเป็นเลเวล 2 แล้ว ดังนั้นเธอมีเวลาอีกสามเดือนเพื่อพัฒนาพื้นฐานก่อนจะถึงเดนาตัสครั้งต่อไป

เมื่อเธอได้รับฉายาแล้ว การเดินทางในฐานะนักผจญภัยอย่างเป็นทางการก็จะเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริง

เธอจะสามารถรับภารกิจจากทางกิลด์และอาจมีผู้คนมาขอพึ่่งพาเธอจากชื่อเสียงที่ทำไว้ก็ได้”

สึบากิคุ้นเคยกับอิทธิพลจากฉายาเป็นอย่างดี

แม้แต้ชื่อเล่น ‘ไซคลอปส์’ ของเธอก็มีผลต่อชีวิตของเธออย่างมาก

จนถึงตอนนี้เธอยังอยากจะชกหน้าคนที่คิดชื่อนี้ขึ้นมาอยู่เลย…

หลังจากอาหารเที่ยง เฮเฟสตัสก็ออกไปจัดการเรื่องอื่นต่อ

ก่อนจะจากไป เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังกลับมาและโอบกอดวาห์น

ถึงจะรู้สึกตกใจ แต่วาห์นก็ยอมรับอ้อมกอดของเฮเฟสตัสและกอดเธอกลับเช่นกัน

เขามองเห็นออร่าอันยุ่งเหยิงตั้งแต่ที่เธอมองเขาก่อนหน้านี้แล้ว

เธอคงจะเป็นกังวลเรื่องเมื่อวานนี้มากและวาห์นก็อยากจะช่วยบรรเทาความไม่สบายใจของเธอออกไป

เฮเฟสตัสกระซิบข้างหูเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ห้ามไปเสี่ยงตายในที่ที่ฉันเอื้อมไปไม่ถึงล่ะ…”

วาห์นพยักหน้า แม้ว่าตอนนี้ใบหน้าของเขาจะอยู่ใกล้กับหน้าอกของเธอมากไปหน่อยก็ตาม

เขาเพิ่มแรงเข้าไปที่แขนและกระซิบตอบเธอ

“ผมสัญญา… ว่าจะแข็งแกร่งที่สุดจนไม่ต้องให้คุณรู้สึกเป็นห่วงอีก”

เฮเฟสตัสหัวเราะเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดของเขา

เธอใส่แรงเข้าไปในอ้อมกอดมากขึ้นเช่นกันและดึงใบหน้าของเขาเข้ามาใกล้ขึ้นอีก

“ฉันห่วงเธอก็เพราะว่าฉันอยากห่วงต่างหาก

ถึงเธอจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แต่หัวใจของฉันจะสงบลงได้ก็ต่อเมื่อเห็นเธอปลอดภัยด้วยตาของตัวเองเท่านั้น”

หลังจากกอดกันสักพัก ทั้งสองก็แยกจากกัน

วาห์นยังคงจ้องมองไปยังแผ่นหลังของเฮเฟสตัสขณะที่ความมุ่งมั่นเริ่มฝังรากลึกลงในหัวใจของเขา

เขากำมือแน่นและมุ่งหน้าตรงไปยังพื้นที่ฝึกซ้อมขณะที่สึบากิมองเหตุการณ์นี้ด้วยความสนใจพร้อมกับส่ายหัว

ลิลลี่มองไปที่แผ่นหลังของวาห์นและคิดไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งเขาเดินห่างไปไกลแล้ว

เมื่อเห็นเขาเลี้ยวเข้าลานฝึก เธอเองก็รีบตามไปติดๆ เช่นกัน

(TL: ชื่อตอนสำรอง: ‘กลับมาพร้อมชัยชนะ… หรือไม่ก็ตายอย่างมีศักดิ์ศรี’, ‘สองไซคลอปส์ หนึ่งวีรบุรุษ’, ‘ไทคีไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย!’)

—————

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท