วาห์นเข้าไปในห้องอาหารและพบว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย
เนื่องจากคาดว่าทุกคนคงจะรอทานอาหารเช้าด้วยกัน เขาจึงสับสนเล็กน้อยเมื่อเห็นห้องที่ว่างเปล่า
หลังจากพยายามตั้งใจฟัง เขาก็ได้ยินเสียงมาจากด้านหน้าของตัวบ้าน
วาห์นตัดสินใจออกไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เมื่อเข้าไปในห้องที่สึบากิใช้ต้อนรับลูกค้าประจำของเธอ วาห์นก็เห็นผู้คนมากมายนอกเหนือไปจากสึบากิ นาซ่า และลิลลี่
แม้เขาไม่เคยเห็นพวกเขาในโลกจริงๆ มาก่อน แต่วาห์นก็จำหน้าผู้มาเยือนได้แม่น
พวกเขาคือสมาชิกของโลกิแฟมิเลีย หรือถ้าให้เจาะจงก็คือ แกเร็ธ, ไอส์, ริเวเรีย, ทีโอน่าและเลฟิย่า
วาห์นประหลาดใจที่ได้เห็นพวกเขาอยู่ที่นี่ แต่ที่อยากรู้มากกว่าก็คือเฮเฟสตัสหายไปไหนแล้วล่ะ?
“คุณสึบากิ เฮเฟสตัส-”
“นายคือวัลแคน วาห์น เมสันใช่ไหม?”
ก่อนที่วาห์นจะพูดจบ เขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงตะโกนที่มีชีวิตชีวาของเด็กสาว
ขณะที่เขาก้าวเข้ามาในห้อง ดวงตาทุกคู่ก็มารวมอยู่ที่เขาหมดแล้ว รวมไปถึงดวงตาของทีโอน่า ฮิริวเตะด้วย
ในช่วงเวลาที่เธอเห็นวาห์น เธอสามารถจำเขาได้อย่างง่ายดายจากข้อมูลที่ไปหามา
เธอรีบเข้ามาหาเขาและมองหน้าใกล้ๆ ขณะถามคำถาม
วาห์นรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเธอมีท่าทางตื่นเต้นขนาดไหน ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าก่อนที่จะมองไปทางสึบากิที่กำลังยิ้มอยู่
เธอดูสงบเสงี่ยมลงมากเวลามีแขก แต่วาห์นรู้ว่าเธอกำลังหัวเราะอยู่ในใจ
เมื่อเห็นเขาพยักหน้า ทีโอน่าจึงฉีกยิ้มกว้างและแนะนำตัวเอง
“สวัสดี ยินดีที่ได้พบ~ ฉัน ทีโอน่า ฮิริวเตะ นักผจญภัยที่มีฉายาว่า ‘อเมซอน’ หลังจากที่ได้ยินเรื่องราวของนาย ฉันก็อยากพบกับคนที่ทุกคนกล่าวขานว่าเป็น ‘วีรบุรุษ’ มากเลย! ต่อไปเรามาเป็นเพื่อนกันเถอะนะ”
วาห์นสูดลมหายใจก่อนจะแนะนำตัวเองเช่นกัน
เขามองเห็นว่าออร่าของเธอเป็นสีเหลืองสดใสและดูเหมือนจะสั่วไหวไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น
เนื่องจากเธอดูตื่นเต้นมากจริงๆ ที่ได้พบเขา เขาจึงไม่ต้องการสร้างความประทับใจแย่ๆ ด้วยการเมินเธอ
“สวัสดีทีโอน่า ฉัน วาห์น เมสัน ยินดีที่ได้พบเช่นกัน”
พอได้ยินการแนะนำตัวของวาห์น ทีโอน่าก็รู้สึกดีใจมากขณะเริ่มสอดส่องร่างกายของเขา
เขาตัวเล็กกว่าที่เธอคาดไว้ถึงขนาดตัวเตี้ยกว่าเธออีก แม้ในข่าวลือจะระบุว่าพวกเธอน่าจะมีอายุราวๆ เดียวกันก็ตาม
เธอสังเกตเห็นว่าร่างเล็กๆ ของเขาสมส่วนและดูเหมือนจะซ่อนพลังงานบางอย่างที่ทำให้สัญชาตญาณของเธอรู้สึกตื่นเต้น
“ฉันอยากฟังเรื่องราวของนายมากเลยนะ ได้ยินมาว่านายช่วยหญิงสาวที่ตกอยู่ในอันตราย…”
ทีโอน่ามองไปทางเด็กสาวทั้งสองคนที่มองราวกับเธอเป็นศัตรู
“เป็นหนึ่งในสองคนนี้เหรอ? หรือว่าทั้งคู่เลยล่ะ!?”
เมื่อเห็นว่าสองสาวมีปฏิกิริยาอย่างไร ทีโอน่าจึงรู้ว่าพวกเธอมีแรงดึงดูดเข้าหาวาห์นคล้ายๆ กัน
“ทีโอน่า พอได้แล้ว เรามาทำธุระกันนะ ถ้าจะคุยก็ไปคุยกันทีหลัง”
เสียงขรึมๆ เข้ามาตัดบทก่อนที่ทีโอน่าจะได้พูดอะไรต่อ
วาห์นสังเกตเห็นว่ามันเป็นเสียงของเอลฟ์ผู้มีเรือนผมผมสีเขียว ริเวเรียนั่นเอง
เขาประหลาดใจเมื่อมองดูใบหน้าอันไร้ที่ติของเธออย่างทึ่งๆ แต่น่าเสียดายที่เธอดูเหมือนจะมีสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่มีความรู้สึกอะไรเลย
ทีโอน่าทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย แต่ก็หันไปหาวาห์นก่อนเดินกลับไปที่กลุ่ม
“เฮ้วาห์น ไว้เราค่อยนัดเจอกันทีหลังได้ไหม?”
วาห์นพยักหน้าและปล่อยให้ทีโอน่ากลับไปยืนที่เดิม
เธอมองไปทางไอส์ก่อนที่จะกระซิบกระซาบบางอย่างที่หูของเธอ
ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร ดูเหมือนว่ามันจะทำให้สีหน้าของหญิงสาวที่งดงามราวกับตุ๊กตาเกิดความสนใจเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เธอมาถึง
ใบหน้าเรียบๆ ของเธอดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ไอส์เดินไปหาวาห์นขณะที่แกเร็ธกับริเวเรียต่างก็ถอนหายใจและจ้องไปทางทีโอน่าผู้ที่กำลังหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์
เลฟิย่าดูเหมือนจะกังวลเรื่องไอส์ขณะที่เธอเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่ม
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่กลับไม่มีความเกลียดชังในออร่าของเธอ
“นายแข็งแรงหรือเปล่า?”
ไอส์ถามแบบตรงๆ เมื่อมาอยู่ตรงหน้าวาห์น
วาห์นครุ่นคิดถึงสิ่งที่ถูกถามและตระหนักว่าเขาเองก็ไม่รู้คำตอบเช่นกัน
แม้ว่าเขาจะก้าวหน้าไปมากตั้งแต่ที่มาถึงโลกใบนี้ แต่เขาก็ยังไม่ใกล้เคียงกับพวกคนระดับสึบากิเลย
วาห์นรู้ดีว่าหญิงสาวที่ดูอ่อนเยาว์และบอบบางต่อหน้าเขานั้นแข็งแกร่งกว่ามาก
วาห์นส่ายหัวจนไอส์ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ตอนนี้ยัง… แต่สักวันฉันจะแข็งแกร่งที่สุด”
วาห์นกล่าวออกมาอย่างมั่นใจซึ่งทำให้สีหน้าของเหล่าของคนรุ่นเก่าๆ เปลี่ยนไป
พวกเขาต่างยิ้มและดูเหมือนจะรับรู้ถึงความมุ่งมั่นที่อยู่เบื้องหลังคำพูดนั้น
ไอส์เองก็สังเกตเห็นว่าเขาจริงจัง ดังนั้นหลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ทำไมกัน?”
ไอส์มีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นเธอจึงให้ความสนใจกับเหตุผลของคนอื่นมาก
วาห์นรู้ว่าเธออยากจะถามอะไรถึงแม้ว่าเธอจะพูดออกมานิดเดียวก็ตาม
แม้ว่าเขาจะยังอ่านมังงะไม่จบและไม่รู้เรื่องราวแบบเต็มๆ แต่เขารู้ว่าเธอมีความเกลียดชังอย่างรุนแรงต่อมอนสเตอร์และต้องการล้างแค้นให้กับแม่ของเธอ
วาห์นมองไปทางทุกคนที่อยู่รอบห้อง
ไอส์มองตามดวงตาของเขาขณะที่มันจ้องมองไปเรื่อยๆ รวมถึงแฟมิเลียของเธอเองด้วย
ในที่สุดดวงตาของวาห์นก็กลับมาอยู่ที่ไอส์ทำให้เธอจ้องประสานตากับเขา
“เพื่อปกป้องคนที่ฉันห่วงใย… และไม่ให้พวกเขาต้องมาเป็นห่วงฉันมากเกินไปนัก ฉันอยากแข็งแกร่งมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาของของตัวเองและเปิดอนาคตให้กับคนอื่นเพื่อที่พวกเขาจะไม่ต้องมาหวาดหวั่นกับช่วงเวลาที่ยังมาไม่ถึง”
ทุกคนภายในห้องยิ้มออกมา แม้แต่เอลฟ์เงียบขรึมอย่างริเวเรียเองก็เช่นกัน
ไอส์พิจารณาคำพูดของวาห์นก่อนจะพยักหน้าและพูดสิ่งที่ตัวเองคิดบ้าง
“นายแข็งแกร่ง”
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่ไอส์จะกลับไปยืนที่กลุ่มและอยู่ระหว่างทีโอน่ากับเลฟิย่า
ดูเหมือนทีโอน่าจะพอใจกับสิ่งที่ไอส์พูดมาก แต่เลฟิย่ากลับแสดงสีหน้าหงุดหงิดและมองไปที่วาห์นเป็นระยะ
ครึ่งชั่วโมงถัดมานั้นหมดไปกับกับการสนทนาเรื่องอุปกรณ์ต่างๆ ระหว่างแกเร็ธกับสึบากิ
เธอจดบันทึกและนำเทปวัดตัวออกมาเพื่อบันทึกสัดส่วนของกาเร็ธ
“ร่างกายของนายไม่ได้เปลี่ยนไปจากครั้งที่แล้วเท่าไหร่นะ ยกเว้นตรงนี้-”
สึบากิตบท้องของแกเร็ธ ขณะที่เขาหายใจออกทางจมูกอย่างไม่เห็นด้วย
“ช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไรเลย จากการสำรวจครั้งล่าสุดก็ปาเข้าไปครึ่งปีแล้ว”
แกเร็ธเป็นคนแคระวัยกลางคนที่มีผมสีน้ำตาล
เขาเกือบจะสูงเท่าวาห์นแต่รูปร่างของเขานั้นดูมั่นคงราวกับภูเขา
เขาเชี่ยวชาญด้านการป้องกันแต่ก็ยังมีความแข็งแกร่งทางกายภาพที่สูงมากซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของเผ่าคนแคระ
สึบากิยังคงจดบันทึกต่อไปก่อนจะหันไปถามคนอื่นๆ
ไอส์ทำอาวุธที่ใช้อยู่พังหมดเลยตั้งแต่ได้ขึ้นเป็นเลเวล 5 และกลายมาเป็นฝันร้ายของช่างตีเหล็กมากประสบการณ์ทั้งหลายภายในเมือง
เธอขอให้สึบากิหลอมดาบที่มีความทนทานสูงและให้มีความต้านทานมากพอที่จะทนแรงของเธอได้
สึบากิถอนหายใจแบบแรงๆ ขณะที่จดรายละเอียดเอาไว้
หลังจากที่ทุกคนบอกคำขอครบหมดแล้ว สึบากิก็มอบใบแจ้งหนี้จำนวน 273,000,000 วาลิสกลับไปให้พวกเขา
วาห์น ลิลลี่ และนาซ่าถึงกับตาเท่าไข่ห่านเมื่อเห็นตัวเลข แต่ทุกคนจากโลกิแฟมิเลียกลับทำหน้าตาเฉยๆ
เนื่องจากเป็นนักผจญภัยชั้นหนึ่ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะใช้เงินหลายสิบล้านเพื่อทำอุปกรณ์ชิ้นเดียว
แถมพวกเขายังนำเงินออกมาจ่ายได้ในทันทีอีกด้วย เนื่องจากการจ่ายเงินล่วงหน้าให้กับช่างที่มีฝือมือแบบสึบากินั้นนับเป็นเรื่องปกติสำหรับลูกค้าที่ทำสัญญากันไว้
สามัญสำนึกของวาห์นถูกซัดลอยออกไปไกลด้วยฝีมือของสมาชิกจากโลกิแฟมิเลีย
เขาเริ่มกังวลเรื่องแข็งแกร่งของตัวเอง เพราะขนาดเลฟิย่าซึ่งดูเหมือนจะไม่มีศักยภาพในการต่อสู้ก็ยังเป็นถึงนักผจญภัยเลเวล 3
คนอื่นในกลุ่มนั้นอยู่ที่เลเวล 4 หรือสูงกว่านั้น รวมไปถึงไอส์ผู้ที่มีอายุน้อยกว่าเขาถึงหนึ่งปี…
ขณะที่พวกเขาเตรียมเดินทางกลับ วาห์นก็พูดขึ้นก่อน
“เดี๋ยวก่อนครับ ผมมีเรื่องหนึ่งอยากให้ช่วยหน่อย”
เมื่อเห็นพวกเขาหยุดและมองกลับมาอย่างสงสัย วาห์นจึงกล่าวต่อ
“ผมอยากจะขอสู้กับพวกคุณแต่ละคน… ผมรู้ว่ามันอาจฟังดูหยาบคาย แต่ผมอยากจะเปรียบเทียบตัวเองกับนักผจญภัยชั้นหนึ่งคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่สึบากิ”
ทันทีที่เขาพูดจบ ดวงตาทั้งสองของไอส์และทีโอน่าก็สว่างขึ้นขณะมองไปทางริเวเรียด้วยสายตาเชิงขอร้อง
ริเวเรียวางมือลงบนหน้าผากของตัวเองขณะถอนหายใจแรงๆ
เธอไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะเลือดร้อนได้ขนาดนี้
เขาได้พูดมันออกไปแล้วและไม่มีทางที่เธอจะหยุดพวกคลั่งการต่อสู้ทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าได้เลย
“ก็ได้ แต่แค่ทีโอน่ากับไอส์เท่านั้นนะ เลฟิย่าไม่เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะใกล้ ส่วนฉันกับแกเร็ธคงไม่เหมาะจะมาเป็นตัวชี้วัดให้กับเธอเนื่องจากสไตล์การต่อสู้ของเรา”
“อ้า ต้องแบบนี้สิ! สุดยอดไปเลย!”
ทีโอน่ารู้สึกตื่นเต้นมากทันทีที่ริเวเรียอนุญาตให้เธอสู้ ไอส์เพียงแค่พยักหน้าและ ‘อืม’ ออกมา แต่วาห์นมองเห็นวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ลุกโชนอยู่ในดวงตาของเธอได้อย่างชัดเจน
สึบากิคาดว่าเรื่องนี้คงเกิดขึ้นอยู่แล้วและไม่ได้แสดงสีหน้าประหลาดใจใดๆ เลย
เธอมองไปทางเด็กสาวสองคนที่อยู่ข้างหลังและกระซิบบอก
“ดูเหมือนว่าพวกเธออาจได้คู่แข่งมาเพิ่มแล้วล่ะ พยายามให้มากขึ้นหน่อยก็ดีนะ~”
แล้วสึบากิก็หัวเราะร่าหลังจากเห็นสีหน้าน่าตกใจของพวกเธอและพาทุกคนไปยังลานฝึกซ้อม
—
เนื่องจากทีโอน่าฝีมือด้อยกว่าไอส์ เธอจึงเป็นฝ่ายได้สู้ก่อน
พวกเขาทั้งคู่อยู่ห่างกันในระยะ 10 เมตรและเริ่มตั้งท่าต่อสู้
วาห์นมีตั้งท่าแบบลดตัวลงต่ำโดยยกมือข้างซ้ายออกมาในขณะที่กำหมัดขวาไว้ข้างตัว
เขาคาดว่าทีโอน่าคงจะเร็วและแข็งแกร่งกว่าเขามาก ดังนั้นเขาจะต้องสู้แบบจริงจังตั้งแต่ตอนแรกเลย
ทีโอน่าสังเกตท่าร่างของเขาและเริ่มตั้งท่าที่ดูคล้ายกับนักซูโม่
เธอยื่นมือทั้งสองข้างไปทางวาห์นราวกับตั้งใจจะพุ่งไปจับเขา
ก่อนที่สึบากิจะส่งสัญญาณเริ่มต้นต่อสู้ เธอก็มองไปที่วาห์นจนเขาหันมาหา
“วาห์น ใส่ให้เต็มที่เลยนะ ถ้ายังหมกเม็ดอะไรไว้จะต้องมาเสียใจทีหลังแน่ๆ แล้วก็เฮเฟสตัสแฟมิเลียน่ะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับโลกิแฟมิเลียเสมอ ไม่ต้องไปคิดมาก”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ วาห์นก็พยักหน้าให้ในขณะที่ทีโอน่ารู้สึกตื่นเต้นหลังจากได้ยินว่าเขาจะสู้แบบ ‘จัดเต็ม’
วาห์นทำสมาธิและและเปิดใช้สกิล [จิตแห่งราชัน] ออกมา
เขตแดนแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งพื้นที่ทำให้ทั้งโลกิแฟมิเลียถึงกับตื่นตะลึงเมื่อมันซ้อนทับกับที่ๆ พวกเขายืนอยู่
ริเวเรียมีสีหน้าสงสัยขณะที่เธอพยายามตรวจจับผลกระทบของเขตแดน
เธอสังเกตเห็นว่ามันคล้ายกับพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพและดูเหมือนจะส่งผลกระทบต่อมานาในพื้นที่ทำการ…
“สักวันเด็กคนนี้จะต้องแข็งแกร่งมาก…”
แกเร็ธพูดด้วยน้ำเสียงเงียบสงบและดังพอให้ริเวเรียได้ยินคนเดียว
เธอพยักหน้าให้ก่อนจะพูดตอบ
“ใช่ เราควรพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาในอนาคต หากเขาไปถึงเลเวล 3 เมื่อไหร่ เราก็ควรจะติดต่อให้เขาไปกับทีมสำรวจด้วย”
ทั้งคู่มองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายและเข้าใจตรงกันว่าสึบากิกำลังให้วาห์นแสดงฝีมือออกมาเพื่อสร้างความประทับใจให้กับพวกตน
วาห์นเริ่มรวบรวมพลังเขตแดนของเขาออกมาเป็นชั้นที่สองซึ่งมีระยะ 5 เมตรรอบตัว
ทีโอน่ารอให้เขาเตรียมการจนเสร็จแม้ว่าเวลาจะผ่านไปไม่กี่วินาทีเท่านั้น
แรงกดดันที่เธอรู้สึกจากเขตแดนทำให้เลือดของเธอเดือดปุดๆ และเพิ่มความกระหายในการต่อสู้ของเธอขึ้นอีก
วาห์นนั้นมีดีกว่าที่เธอคาดไว้มาก และแม้เขาจะเป็นเพียงนักผจญภัยเลเวล 2 แต่ก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นด้วยความคาดหวัง
ไอส์ผู้เฝ้ามองจากด้านข้างถึงขนาดชักดาบของเธอออกมาโดยไม่รู้ตัว
เธอเองก็อยากกระโจนเข้าไปร่วมวงเพื่อสู้กับเด็กหนุ่มลึกลับที่ดูเหมือนจะมีพลังแปลกๆ และไร้ขอบเขต
ความตึงเครียดเริ่มเพิ่มขึ้นเมื่อสึบากิยกมือก่อนที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ
พอมองดูทั้งทีโอน่าและวาห์น พวกเขาต่างพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการบอกว่าพร้อมแล้วดังนั้นเธอจึงทิ้งมือลงและตะโกนขึ้น
“เริ่มได้!”
เมื่อเสียงของเธอดังออกมา ทั้งสองก็เริ่มขยับตัวและการต่อสู้ครั้งแรกระหว่างวาห์นและโลกิแฟมิเลียก็ได้เริ่มต้นขึ้น
(TL: ชื่อตอนสำรอง: ‘จบแบบนี้โคตรจะค้าง’, ‘สองสาว หนึ่งหนุ่ม’, ‘ลางสังหรณ์ของนาซ่าและลิลลี่’, ‘ความหงุดหงิดของแกเร็ธและริเวเรีย’, ‘เลฟิย่าหน้าบูด’, ‘เฮเฟสตัสหายไปไหนแล้วล่ะ’)