Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 73

ตอนที่ 73

วาห์นเข้าไปในห้องอาหารและพบว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย

เนื่องจากคาดว่าทุกคนคงจะรอทานอาหารเช้าด้วยกัน เขาจึงสับสนเล็กน้อยเมื่อเห็นห้องที่ว่างเปล่า

หลังจากพยายามตั้งใจฟัง เขาก็ได้ยินเสียงมาจากด้านหน้าของตัวบ้าน

วาห์นตัดสินใจออกไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เมื่อเข้าไปในห้องที่สึบากิใช้ต้อนรับลูกค้าประจำของเธอ วาห์นก็เห็นผู้คนมากมายนอกเหนือไปจากสึบากิ นาซ่า และลิลลี่

แม้เขาไม่เคยเห็นพวกเขาในโลกจริงๆ มาก่อน แต่วาห์นก็จำหน้าผู้มาเยือนได้แม่น

พวกเขาคือสมาชิกของโลกิแฟมิเลีย หรือถ้าให้เจาะจงก็คือ แกเร็ธ, ไอส์, ริเวเรีย, ทีโอน่าและเลฟิย่า

วาห์นประหลาดใจที่ได้เห็นพวกเขาอยู่ที่นี่ แต่ที่อยากรู้มากกว่าก็คือเฮเฟสตัสหายไปไหนแล้วล่ะ?

“คุณสึบากิ เฮเฟสตัส-”

“นายคือวัลแคน วาห์น เมสันใช่ไหม?”

ก่อนที่วาห์นจะพูดจบ เขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงตะโกนที่มีชีวิตชีวาของเด็กสาว

ขณะที่เขาก้าวเข้ามาในห้อง ดวงตาทุกคู่ก็มารวมอยู่ที่เขาหมดแล้ว รวมไปถึงดวงตาของทีโอน่า ฮิริวเตะด้วย

ในช่วงเวลาที่เธอเห็นวาห์น เธอสามารถจำเขาได้อย่างง่ายดายจากข้อมูลที่ไปหามา

เธอรีบเข้ามาหาเขาและมองหน้าใกล้ๆ ขณะถามคำถาม

วาห์นรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเธอมีท่าทางตื่นเต้นขนาดไหน ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าก่อนที่จะมองไปทางสึบากิที่กำลังยิ้มอยู่

เธอดูสงบเสงี่ยมลงมากเวลามีแขก แต่วาห์นรู้ว่าเธอกำลังหัวเราะอยู่ในใจ

เมื่อเห็นเขาพยักหน้า ทีโอน่าจึงฉีกยิ้มกว้างและแนะนำตัวเอง

“สวัสดี ยินดีที่ได้พบ~ ฉัน ทีโอน่า ฮิริวเตะ นักผจญภัยที่มีฉายาว่า ‘อเมซอน’ หลังจากที่ได้ยินเรื่องราวของนาย ฉันก็อยากพบกับคนที่ทุกคนกล่าวขานว่าเป็น ‘วีรบุรุษ’ มากเลย! ต่อไปเรามาเป็นเพื่อนกันเถอะนะ”

วาห์นสูดลมหายใจก่อนจะแนะนำตัวเองเช่นกัน

เขามองเห็นว่าออร่าของเธอเป็นสีเหลืองสดใสและดูเหมือนจะสั่วไหวไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น

เนื่องจากเธอดูตื่นเต้นมากจริงๆ ที่ได้พบเขา เขาจึงไม่ต้องการสร้างความประทับใจแย่ๆ ด้วยการเมินเธอ

“สวัสดีทีโอน่า ฉัน วาห์น เมสัน ยินดีที่ได้พบเช่นกัน”

พอได้ยินการแนะนำตัวของวาห์น ทีโอน่าก็รู้สึกดีใจมากขณะเริ่มสอดส่องร่างกายของเขา

เขาตัวเล็กกว่าที่เธอคาดไว้ถึงขนาดตัวเตี้ยกว่าเธออีก แม้ในข่าวลือจะระบุว่าพวกเธอน่าจะมีอายุราวๆ เดียวกันก็ตาม

เธอสังเกตเห็นว่าร่างเล็กๆ ของเขาสมส่วนและดูเหมือนจะซ่อนพลังงานบางอย่างที่ทำให้สัญชาตญาณของเธอรู้สึกตื่นเต้น

“ฉันอยากฟังเรื่องราวของนายมากเลยนะ ได้ยินมาว่านายช่วยหญิงสาวที่ตกอยู่ในอันตราย…”

ทีโอน่ามองไปทางเด็กสาวทั้งสองคนที่มองราวกับเธอเป็นศัตรู

“เป็นหนึ่งในสองคนนี้เหรอ? หรือว่าทั้งคู่เลยล่ะ!?”

เมื่อเห็นว่าสองสาวมีปฏิกิริยาอย่างไร ทีโอน่าจึงรู้ว่าพวกเธอมีแรงดึงดูดเข้าหาวาห์นคล้ายๆ กัน

“ทีโอน่า พอได้แล้ว เรามาทำธุระกันนะ ถ้าจะคุยก็ไปคุยกันทีหลัง”

เสียงขรึมๆ เข้ามาตัดบทก่อนที่ทีโอน่าจะได้พูดอะไรต่อ

วาห์นสังเกตเห็นว่ามันเป็นเสียงของเอลฟ์ผู้มีเรือนผมผมสีเขียว ริเวเรียนั่นเอง

เขาประหลาดใจเมื่อมองดูใบหน้าอันไร้ที่ติของเธออย่างทึ่งๆ แต่น่าเสียดายที่เธอดูเหมือนจะมีสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่มีความรู้สึกอะไรเลย

ทีโอน่าทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย แต่ก็หันไปหาวาห์นก่อนเดินกลับไปที่กลุ่ม

“เฮ้วาห์น ไว้เราค่อยนัดเจอกันทีหลังได้ไหม?”

วาห์นพยักหน้าและปล่อยให้ทีโอน่ากลับไปยืนที่เดิม

เธอมองไปทางไอส์ก่อนที่จะกระซิบกระซาบบางอย่างที่หูของเธอ

ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร ดูเหมือนว่ามันจะทำให้สีหน้าของหญิงสาวที่งดงามราวกับตุ๊กตาเกิดความสนใจเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เธอมาถึง

ใบหน้าเรียบๆ ของเธอดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ไอส์เดินไปหาวาห์นขณะที่แกเร็ธกับริเวเรียต่างก็ถอนหายใจและจ้องไปทางทีโอน่าผู้ที่กำลังหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์

เลฟิย่าดูเหมือนจะกังวลเรื่องไอส์ขณะที่เธอเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่ม

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่กลับไม่มีความเกลียดชังในออร่าของเธอ

“นายแข็งแรงหรือเปล่า?”

ไอส์ถามแบบตรงๆ เมื่อมาอยู่ตรงหน้าวาห์น

วาห์นครุ่นคิดถึงสิ่งที่ถูกถามและตระหนักว่าเขาเองก็ไม่รู้คำตอบเช่นกัน

แม้ว่าเขาจะก้าวหน้าไปมากตั้งแต่ที่มาถึงโลกใบนี้ แต่เขาก็ยังไม่ใกล้เคียงกับพวกคนระดับสึบากิเลย

วาห์นรู้ดีว่าหญิงสาวที่ดูอ่อนเยาว์และบอบบางต่อหน้าเขานั้นแข็งแกร่งกว่ามาก

วาห์นส่ายหัวจนไอส์ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ตอนนี้ยัง… แต่สักวันฉันจะแข็งแกร่งที่สุด”

วาห์นกล่าวออกมาอย่างมั่นใจซึ่งทำให้สีหน้าของเหล่าของคนรุ่นเก่าๆ เปลี่ยนไป

พวกเขาต่างยิ้มและดูเหมือนจะรับรู้ถึงความมุ่งมั่นที่อยู่เบื้องหลังคำพูดนั้น

ไอส์เองก็สังเกตเห็นว่าเขาจริงจัง ดังนั้นหลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง

“ทำไมกัน?”

ไอส์มีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นเธอจึงให้ความสนใจกับเหตุผลของคนอื่นมาก

วาห์นรู้ว่าเธออยากจะถามอะไรถึงแม้ว่าเธอจะพูดออกมานิดเดียวก็ตาม

แม้ว่าเขาจะยังอ่านมังงะไม่จบและไม่รู้เรื่องราวแบบเต็มๆ แต่เขารู้ว่าเธอมีความเกลียดชังอย่างรุนแรงต่อมอนสเตอร์และต้องการล้างแค้นให้กับแม่ของเธอ

วาห์นมองไปทางทุกคนที่อยู่รอบห้อง

ไอส์มองตามดวงตาของเขาขณะที่มันจ้องมองไปเรื่อยๆ รวมถึงแฟมิเลียของเธอเองด้วย

ในที่สุดดวงตาของวาห์นก็กลับมาอยู่ที่ไอส์ทำให้เธอจ้องประสานตากับเขา

“เพื่อปกป้องคนที่ฉันห่วงใย… และไม่ให้พวกเขาต้องมาเป็นห่วงฉันมากเกินไปนัก ฉันอยากแข็งแกร่งมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาของของตัวเองและเปิดอนาคตให้กับคนอื่นเพื่อที่พวกเขาจะไม่ต้องมาหวาดหวั่นกับช่วงเวลาที่ยังมาไม่ถึง”

ทุกคนภายในห้องยิ้มออกมา แม้แต่เอลฟ์เงียบขรึมอย่างริเวเรียเองก็เช่นกัน

ไอส์พิจารณาคำพูดของวาห์นก่อนจะพยักหน้าและพูดสิ่งที่ตัวเองคิดบ้าง

“นายแข็งแกร่ง”

นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่ไอส์จะกลับไปยืนที่กลุ่มและอยู่ระหว่างทีโอน่ากับเลฟิย่า

ดูเหมือนทีโอน่าจะพอใจกับสิ่งที่ไอส์พูดมาก แต่เลฟิย่ากลับแสดงสีหน้าหงุดหงิดและมองไปที่วาห์นเป็นระยะ

ครึ่งชั่วโมงถัดมานั้นหมดไปกับกับการสนทนาเรื่องอุปกรณ์ต่างๆ ระหว่างแกเร็ธกับสึบากิ

เธอจดบันทึกและนำเทปวัดตัวออกมาเพื่อบันทึกสัดส่วนของกาเร็ธ

“ร่างกายของนายไม่ได้เปลี่ยนไปจากครั้งที่แล้วเท่าไหร่นะ ยกเว้นตรงนี้-”

สึบากิตบท้องของแกเร็ธ ขณะที่เขาหายใจออกทางจมูกอย่างไม่เห็นด้วย

“ช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไรเลย จากการสำรวจครั้งล่าสุดก็ปาเข้าไปครึ่งปีแล้ว”

แกเร็ธเป็นคนแคระวัยกลางคนที่มีผมสีน้ำตาล

เขาเกือบจะสูงเท่าวาห์นแต่รูปร่างของเขานั้นดูมั่นคงราวกับภูเขา

เขาเชี่ยวชาญด้านการป้องกันแต่ก็ยังมีความแข็งแกร่งทางกายภาพที่สูงมากซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของเผ่าคนแคระ

สึบากิยังคงจดบันทึกต่อไปก่อนจะหันไปถามคนอื่นๆ

ไอส์ทำอาวุธที่ใช้อยู่พังหมดเลยตั้งแต่ได้ขึ้นเป็นเลเวล 5 และกลายมาเป็นฝันร้ายของช่างตีเหล็กมากประสบการณ์ทั้งหลายภายในเมือง

เธอขอให้สึบากิหลอมดาบที่มีความทนทานสูงและให้มีความต้านทานมากพอที่จะทนแรงของเธอได้

สึบากิถอนหายใจแบบแรงๆ ขณะที่จดรายละเอียดเอาไว้

หลังจากที่ทุกคนบอกคำขอครบหมดแล้ว สึบากิก็มอบใบแจ้งหนี้จำนวน 273,000,000 วาลิสกลับไปให้พวกเขา

วาห์น ลิลลี่ และนาซ่าถึงกับตาเท่าไข่ห่านเมื่อเห็นตัวเลข แต่ทุกคนจากโลกิแฟมิเลียกลับทำหน้าตาเฉยๆ

เนื่องจากเป็นนักผจญภัยชั้นหนึ่ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะใช้เงินหลายสิบล้านเพื่อทำอุปกรณ์ชิ้นเดียว

แถมพวกเขายังนำเงินออกมาจ่ายได้ในทันทีอีกด้วย เนื่องจากการจ่ายเงินล่วงหน้าให้กับช่างที่มีฝือมือแบบสึบากินั้นนับเป็นเรื่องปกติสำหรับลูกค้าที่ทำสัญญากันไว้

สามัญสำนึกของวาห์นถูกซัดลอยออกไปไกลด้วยฝีมือของสมาชิกจากโลกิแฟมิเลีย

เขาเริ่มกังวลเรื่องแข็งแกร่งของตัวเอง เพราะขนาดเลฟิย่าซึ่งดูเหมือนจะไม่มีศักยภาพในการต่อสู้ก็ยังเป็นถึงนักผจญภัยเลเวล 3

คนอื่นในกลุ่มนั้นอยู่ที่เลเวล 4 หรือสูงกว่านั้น รวมไปถึงไอส์ผู้ที่มีอายุน้อยกว่าเขาถึงหนึ่งปี…

ขณะที่พวกเขาเตรียมเดินทางกลับ วาห์นก็พูดขึ้นก่อน

“เดี๋ยวก่อนครับ ผมมีเรื่องหนึ่งอยากให้ช่วยหน่อย”

เมื่อเห็นพวกเขาหยุดและมองกลับมาอย่างสงสัย วาห์นจึงกล่าวต่อ

“ผมอยากจะขอสู้กับพวกคุณแต่ละคน… ผมรู้ว่ามันอาจฟังดูหยาบคาย แต่ผมอยากจะเปรียบเทียบตัวเองกับนักผจญภัยชั้นหนึ่งคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่สึบากิ”

ทันทีที่เขาพูดจบ ดวงตาทั้งสองของไอส์และทีโอน่าก็สว่างขึ้นขณะมองไปทางริเวเรียด้วยสายตาเชิงขอร้อง

ริเวเรียวางมือลงบนหน้าผากของตัวเองขณะถอนหายใจแรงๆ

เธอไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะเลือดร้อนได้ขนาดนี้

เขาได้พูดมันออกไปแล้วและไม่มีทางที่เธอจะหยุดพวกคลั่งการต่อสู้ทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าได้เลย

“ก็ได้ แต่แค่ทีโอน่ากับไอส์เท่านั้นนะ เลฟิย่าไม่เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะใกล้ ส่วนฉันกับแกเร็ธคงไม่เหมาะจะมาเป็นตัวชี้วัดให้กับเธอเนื่องจากสไตล์การต่อสู้ของเรา”

“อ้า ต้องแบบนี้สิ! สุดยอดไปเลย!”

ทีโอน่ารู้สึกตื่นเต้นมากทันทีที่ริเวเรียอนุญาตให้เธอสู้ ไอส์เพียงแค่พยักหน้าและ ‘อืม’ ออกมา แต่วาห์นมองเห็นวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ลุกโชนอยู่ในดวงตาของเธอได้อย่างชัดเจน

สึบากิคาดว่าเรื่องนี้คงเกิดขึ้นอยู่แล้วและไม่ได้แสดงสีหน้าประหลาดใจใดๆ เลย

เธอมองไปทางเด็กสาวสองคนที่อยู่ข้างหลังและกระซิบบอก

“ดูเหมือนว่าพวกเธออาจได้คู่แข่งมาเพิ่มแล้วล่ะ พยายามให้มากขึ้นหน่อยก็ดีนะ~”

แล้วสึบากิก็หัวเราะร่าหลังจากเห็นสีหน้าน่าตกใจของพวกเธอและพาทุกคนไปยังลานฝึกซ้อม

เนื่องจากทีโอน่าฝีมือด้อยกว่าไอส์ เธอจึงเป็นฝ่ายได้สู้ก่อน

พวกเขาทั้งคู่อยู่ห่างกันในระยะ 10 เมตรและเริ่มตั้งท่าต่อสู้

วาห์นมีตั้งท่าแบบลดตัวลงต่ำโดยยกมือข้างซ้ายออกมาในขณะที่กำหมัดขวาไว้ข้างตัว

เขาคาดว่าทีโอน่าคงจะเร็วและแข็งแกร่งกว่าเขามาก ดังนั้นเขาจะต้องสู้แบบจริงจังตั้งแต่ตอนแรกเลย

ทีโอน่าสังเกตท่าร่างของเขาและเริ่มตั้งท่าที่ดูคล้ายกับนักซูโม่

เธอยื่นมือทั้งสองข้างไปทางวาห์นราวกับตั้งใจจะพุ่งไปจับเขา

ก่อนที่สึบากิจะส่งสัญญาณเริ่มต้นต่อสู้ เธอก็มองไปที่วาห์นจนเขาหันมาหา

“วาห์น ใส่ให้เต็มที่เลยนะ ถ้ายังหมกเม็ดอะไรไว้จะต้องมาเสียใจทีหลังแน่ๆ แล้วก็เฮเฟสตัสแฟมิเลียน่ะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับโลกิแฟมิเลียเสมอ ไม่ต้องไปคิดมาก”

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ วาห์นก็พยักหน้าให้ในขณะที่ทีโอน่ารู้สึกตื่นเต้นหลังจากได้ยินว่าเขาจะสู้แบบ ‘จัดเต็ม’

วาห์นทำสมาธิและและเปิดใช้สกิล [จิตแห่งราชัน] ออกมา

เขตแดนแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งพื้นที่ทำให้ทั้งโลกิแฟมิเลียถึงกับตื่นตะลึงเมื่อมันซ้อนทับกับที่ๆ พวกเขายืนอยู่

ริเวเรียมีสีหน้าสงสัยขณะที่เธอพยายามตรวจจับผลกระทบของเขตแดน

เธอสังเกตเห็นว่ามันคล้ายกับพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพและดูเหมือนจะส่งผลกระทบต่อมานาในพื้นที่ทำการ…

“สักวันเด็กคนนี้จะต้องแข็งแกร่งมาก…”

แกเร็ธพูดด้วยน้ำเสียงเงียบสงบและดังพอให้ริเวเรียได้ยินคนเดียว

เธอพยักหน้าให้ก่อนจะพูดตอบ

“ใช่ เราควรพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาในอนาคต หากเขาไปถึงเลเวล 3 เมื่อไหร่ เราก็ควรจะติดต่อให้เขาไปกับทีมสำรวจด้วย”

ทั้งคู่มองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายและเข้าใจตรงกันว่าสึบากิกำลังให้วาห์นแสดงฝีมือออกมาเพื่อสร้างความประทับใจให้กับพวกตน

วาห์นเริ่มรวบรวมพลังเขตแดนของเขาออกมาเป็นชั้นที่สองซึ่งมีระยะ 5 เมตรรอบตัว

ทีโอน่ารอให้เขาเตรียมการจนเสร็จแม้ว่าเวลาจะผ่านไปไม่กี่วินาทีเท่านั้น

แรงกดดันที่เธอรู้สึกจากเขตแดนทำให้เลือดของเธอเดือดปุดๆ และเพิ่มความกระหายในการต่อสู้ของเธอขึ้นอีก

วาห์นนั้นมีดีกว่าที่เธอคาดไว้มาก และแม้เขาจะเป็นเพียงนักผจญภัยเลเวล 2 แต่ก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นด้วยความคาดหวัง

ไอส์ผู้เฝ้ามองจากด้านข้างถึงขนาดชักดาบของเธอออกมาโดยไม่รู้ตัว

เธอเองก็อยากกระโจนเข้าไปร่วมวงเพื่อสู้กับเด็กหนุ่มลึกลับที่ดูเหมือนจะมีพลังแปลกๆ และไร้ขอบเขต

ความตึงเครียดเริ่มเพิ่มขึ้นเมื่อสึบากิยกมือก่อนที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ

พอมองดูทั้งทีโอน่าและวาห์น พวกเขาต่างพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการบอกว่าพร้อมแล้วดังนั้นเธอจึงทิ้งมือลงและตะโกนขึ้น

“เริ่มได้!”

เมื่อเสียงของเธอดังออกมา ทั้งสองก็เริ่มขยับตัวและการต่อสู้ครั้งแรกระหว่างวาห์นและโลกิแฟมิเลียก็ได้เริ่มต้นขึ้น

(TL: ชื่อตอนสำรอง: ‘จบแบบนี้โคตรจะค้าง’, ‘สองสาว หนึ่งหนุ่ม’, ‘ลางสังหรณ์ของนาซ่าและลิลลี่’, ‘ความหงุดหงิดของแกเร็ธและริเวเรีย’, ‘เลฟิย่าหน้าบูด’, ‘เฮเฟสตัสหายไปไหนแล้วล่ะ’)

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท