Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 78

ตอนที่ 78

หลังออกจากชั้นที่ 10 วาห์นก็เดินไปทางชั้นที่ 11 โดยไม่หยุดพัก

ออร์คจากชั้นที่แล้วนั้นให้ผลตอบแทนที่ดีใช้ได้เลย เนื่องจากคริสตัลของพวกมันสามารถนำแลกเปลี่ยนได้เกือบก้อนละ 30 OP แต่จำนวนที่ได้มามีไม่มากเท่าไหร่นัก

ส่วนของอิมพ์นั้นแทบจะมีค่าเท่ากับของก็อบลิน

ขณะเดียวกันพวกค้างคาวที่มักเข้าโจมตีเขาเป็นระยะนั้นได้อยู่ที่ตัวละ 13-15 OP เท่านั้น

หากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนก่อนที่วาห์นจะทำภารกิจได้สำเร็จ ดังนั้นทางเลือกเดียวของเขาคือต้องมุ่งหน้าต่อไปเท่านั้น

ชั้นที่ 11 มีโครงสร้างคล้ายกับชั้นที่ 10 เว้นแต่ว่ามีหมอกที่หนาขึ้นพร้อมกับบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกชื้นและหนาวเย็น

วาห์นถึงขั้นมองเห็นลมหายใจของตัวเองในตอนที่เขาหายใจออกมา ดังนั้นเขาจึงเริ่มใช้ [หัวใจของเพลิงนิรันดร์] เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น

เขาใช้วิธีเดียวกับตอนก่อนหน้านี้โดยผสานสกิลลงไปในเขตแดนและเริ่มสลายหมอกเพื่อเพิ่มระยะการมองเห็น

ภายหลังวาห์นถึงได้ตระหนักว่าการกระทำแบบนั้นเหมือนกับขุดหลุมฝังตัวเองแท้ๆ…

ทันทีที่เขตแดนของเขาสลายหมอกออกไป เงาสีขาวมากมายก็เริ่มพุ่งเข้ามาใกล้

เขาถอยหลบการโจมตีในทันทีและมองดูสิ่งมีชีวิตที่ซุ่มโจมตีเขา

วาห์นประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าพวกมันคือมอนสเตอร์แบบเดียวกับที่เบลล์ต่อสู้ตรงถนนเดดาลัสในมังงะ

พวกมันมีความสูงประมาณ 4 เมตรและถูกปกคลุมด้วยขนสีขาวและมีลวดลายสีเงินบนแผ่นหลัง

ตอนนี้วาห์นได้มาเผชิญหน้าอยู่กับกลุ่มซิลเวอร์แบ็คถึงสี่ตัว

พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายกับลิงโดยมีความว่องไวที่สูงและพละกำลังมหาศาล

แต่เท่านี้ยังไม่พอ เนื่องจากวาห์นยังสังเกตเห็นมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ที่กำลังเคลื่อนเข้ามาจากระยะไกล

มันมีความสูงประมาณ 4 – 5 เมตร และปกคลุมไปด้วยหนังหนาสีส้ม

มันมีรูปร่างคล้ายกับมังกรตัวเล็กแต่ไม่มีปีกและดูท่าจะบินไม่ได้

ไอน้ำถูกพ่นออกมาจากจมูกขณะที่มันเข้าใกล้สนามรบของวาห์นและซิลเวอร์แบ็คอย่างเกรี้ยวกราด

วาห์นกระโดดหลบเพื่อไม่ให้ถูกซิลเวอร์แบ็คทั้ง 4 ล้อมกรอบ และเปลี่ยนไปใช้ธนูในทันที

แม้เขามั่นใจว่าจะสามารถกำจัดพวกมันได้ทีละตัว แต่เขายังไม่ถึงขั้นที่จะจัดการกับพวกมันทั้งฝูงด้วยความสามารถในตอนนี้

โชคยังดีที่แม้ว่าพวกมันจะมีร่างกายปราดเปรียวและว่องไว แต่พวกมันก็ไม่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนทิศทางของวาห์นได้ทัน

เขาสามารถปรับตำแหน่งของตัวเองเรื่อยๆ เพื่อให้ซิลเวอร์แบ็คหนึ่งตัวมาขวางกั้นระหว่างตัวเขากับตัวที่เหลือ

แผนนี้ทำให้พวกมันไม่สามารถโจมตีเขาได้พร้อมกันเว้นแต่จะโจมตีใส่พวกเดียวกันเข้ามา

เมื่อวาห์นมองเห็นมุมเหมาะๆ เขาก็หยิบลูกศรระเบิดออกมาก่อนจะยิงมันออกไปที่หัวของซิลเวอร์แบ็คตัวที่ใกล้ที่สุด

มันอ้าปากและพยายามกัดลูกธนู แต่ในตอนนั้นเองฟันของมันก็แตกออกเป็นเสี่ยงและชีวิตของมันก็จบลงจากผลของระเบิด

ในความโกลาหลที่เกิดจากการระเบิด ซิลเวอร์แบ็คตัวอื่นพยายามถอยห่างจากสหายที่เพิ่งจะลาโลกนี้ไป

เป็นจังหวะเดียวกับที่มีลำแสงสีดำรุนแรงพุ่งผ่านฝุ่นควันที่เกิดจากการตายของซิลเวอร์แบ็คตัวแรก

ลำแสงพุ่งออกมาและเจาะทะลวงหน้าอกของซิลเวอร์แบ็คตัวที่สองซึ่งสลายกลายเป็นฝุ่นเช่นกัน

คันธนูปรากฏขึ้นในมือของวาห์นอีกครั้งและเขาก็ยิงลูกศรระเบิดอีกสองดอกไปยังซิลเวอร์แบ็คที่เหลือ

ในตอนที่เขาปล่อยลูกศรออกไปนั้น วาห์นก็สลับคันธนูมาเป็นดาบทามาฮากาเนะพร้อมกับตั้งท่าเตรียมพุ่งโจมตี

ลูกศรยังคงพุ่งต่อไปและปะทะเข้ากับซิลเวอร์แบ็คตัวที่สามทว่าตัวสุดท้ายนั้นหลบออกมาทัน

ลูกศรที่พลาดเป้าพุ่งต่อไปและระเบิดออกทางด้านหลังขณะที่วาห์นพุ่งตัวออกไปแทงใส่หน้าอกของซิลเวอร์แบ็คตัวสุดท้ายก่อนจะถีบตัวออกและพุ่งไปทางกิ้งกว่ายักษ์ที่กำลังใกล้เข้ามาโดยพี่สาวระบุว่ามันคือ อินแฟนท์ดราก้อน (ลูกมังกร)

มอนสเตอร์ทั้ง 4 ตัวนั้นถูกจัดการภายในเวลาน้อยกว่า 20 วินาทีหลังจากที่วาห์นยิงลูกศรดอกแรกออกไป

เขาใช้ประโยชน์การระเบิดของเหยื่อตัวแรกและขว้างดาบทามาฮากาเนะออกไปใส่ซิลเวอร์แบ็คตัวที่สองซึ่งกำลังตื่นตะลึงอยู่

ก่อนที่มันจะกลายเป็นฝุ่นผง วาห์นก็เก็บดาบเข้าไปในช่องเก็บของและจัดการกับซิลเวอร์แบ็คที่เหลืออยู่ด้วยธนู

เมื่อสังเกตเห็นลูกศรพลาดเป้าไปดอกหนึ่ง เขาจึงเปลี่ยนไปใช้ดาบและสังหารซิลเวอร์แบ็คตัวสุดท้ายก่อนที่มันจะสามารถตั้งตัวได้

เขาไม่อยากมากังวลกับการโจมตีจากพวกมันขณะที่ต้องไปสู้กับอินแฟนท์ดราก้อน

ตอนนี้วาห์นกำลังเข้าปะทะกับอินแฟนท์ดราก้อนที่กำลังชูคอขึ้นเหมือนงูและพยายามพ่นไฟออกมาจากปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคม

เมื่อเห็นไฟที่กำลังใกล้เข้ามา วาห์นก็ยิ้มหยันให้มันก่อนจะสลับอุปกรณ์ที่ใส่อยู่ออกและเปลี่ยนไปใช้เสื้อผ้าทนไฟ

เขากระโจนเข้าไปในเปลวเพลิงโดยตรงจนอินแฟนท์ดราก้อนต้องมองเขาด้วยแววตาหงุดหงิด

ก่อนที่มันจะได้ฉลองชัยชนะและเพลิดเพลินไปกับมื้ออาหาร ดาบยาวสีดำก็ตัดผ่านเปลวเพลิงเข้ามาแยกหัวออกจากร่างของมัน

“กล้ามากที่ใช้ไฟมาสู้กับฉัน…”

เมื่อเห็นซากศพที่กำลังจะหายไป วาห์นก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้

เขาส่ายหัวก่อนปล่อยให้หมอกกลับเข้ามารวมตัวกัน

แม้ว่าเขาจะจัดการมอนสเตอร์ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่การสลายหมอกและดึงดูดมอนสเตอร์มามากกว่าเดิมนั้นอาจไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่

เขาไม่จำเป็นต้องเห็นมอนสเตอร์เพื่อหาตัวพวกมันและหมอกยังช่วยให้มอนส์เตอร์เห็นตัวเขายากขึ้นด้วย

วาห์นสวมใส่เสื้อคลุมถักเงาไหมที่ไม่ได้ใส่มานานและตัดสินใจหาวิธีการใหม่เพื่อเคลียร์ดันเจี้ยนชั้นนี้

เขาไม่ได้ล่ามอนสเตอร์ในรูปแบบนี้มาพักหนึ่งแล้ว

หลังจากที่นำธนูออกมาและดึงผ้าคลุมหน้าขึ้น เขาก็เริ่มทำตัวกลมกลืนเข้ากับสภาพแวดล้อมโดยใช้สกิล [อำพรางตัว]

ตราบใดที่เขาไม่ได้เพ่งจิตเข้าไปในเขตแดน พวกมอนสเตอร์จะตรวจจับเขาไม่พบในขณะที่เขาสามารถสัมผัสถึงพวกมันได้อย่างง่ายดาย

วาห์นข้ามผ่านส่วนที่เหลือของชั้น 11 โดยที่ไม่ต้องปะทะกับมอนสเตอร์ตรงๆ เลยแม้แต่ตัวเดียว

เขาสามารถตรวจจับทุกอย่างได้ในระยะ 68 เมตร และยังใช้สัมผัสพิเศษร่วมกับสกิลยิงธนูเพื่อซุ่มโจมตีมอนสเตอร์ไปหลายสิบตัว

พวกมันถึงกับโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่หาต้นตอที่โจมตีมาไม่พบและทำได้แค่แผดเสียงคำรามภายในหมอกขณะถูกวาห์นเก็บไปเรื่อยๆ ทีละตัวสองตัว

วาห์นเคลื่อนไหวผ่านชั้นที่ 11 แบบสบายๆ ก่อนจะพบบันไดลงสู่ชั้นที่ 12

เขารู้สึกดีที่มีโอกาสได้ ‘ออกล่า’ อีกครั้ และมันก็สร้างความรื่นเริงอีกแบบที่ต่างไปจากการต่อสู้กับศัตรูแบบตรงๆ

เมื่อเห็นพวกมันวิ่งพล่านขณะพยายามหาตัวเขา วาห์นก็รู้สึกพึงพอใจและเพลิดเพลินไปกับหาจังหวะไล่เก็บพวกมันอย่างอิสระ

ตราบใดที่เขาระวังตัว ตัวเลือกเดียวที่พวกมันมีก็คือเฝ้ารอให้เขามาเอาชีวิตไปแบบเจ็บปวดน้อยที่สุด

เมื่อเข้าสู่ชั้นที่ 12 วาห์นก็ยิ้มกว้างขณะสังเกตเห็นว่าชั้นนี้ก็มีหมอกเช่นกัน

แต่ไม่เพียงเท่านั้น เพราะหมอกที่นี่ยังหนากว่าชั้นก่อนหน้านี้หลายเท่า

ชั้นนี้อาจสร้างปัญหาให้กับนักผจญภัยคนอื่น แต่มันกลับเป็นสถานที่ล่าชั้นดีสำหรับวาห์น

เขาเริ่มปกปิดสัมผัสของตัวเองพร้อมกับเคลื่อนตัวเข้าไปในส่วนลึกของชั้นที่ 12 และเริ่ม ‘ออกล่า’ ต่อ

เนื่องจากมอนสเตอร์ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก วาห์นจึงสามารถเคลียร์ชั้นที่ 12 ได้ภายในเวลา 3 ชั่วโมง

ขณะนี้เป็นเวลาบ่ายแก่แล้ว วาห์นจึงตัดสินใจว่าควรจะผักผ่อนเป็นการชั่วคราว

ตอนนี้เขามักจะทำการสำรวจต่อหลังจากพักระยะสั้นๆ และงีบเพียงไม่กี่ชั่วโมง

วาห์นตรวจสอบสิ่งที่ได้มาในวันนี้และรู้สึกดีเมื่อเห็นว่าเขาได้มาเกือบ 20,000 OP จากการเก็บเกี่ยวในชั้นที่ 11 และ 12

ซิลเวอร์แบ็คนั้นมีค่ามากกว่ามอนสเตอร์ตัวอื่นที่เขาเคยล่ามาและคริสตัลของพวกมันก็มีราคาถึง 120 – 150 OP

อย่างไรก็ตาม พวกมันจะดูด้อยไปเลยหากเทียบกับอินแฟนท์ดราก้อนเจ็ดตัวที่ล่ามาได้ซึ่งแต่ละตัวนั้นมีค่าถึง 400 – 430 OP

พอมารวมเข้ากับส่วนที่ได้จากฮาร์ดอาเมอร์ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายตัวนิ่มที่มีผิวหนังหนาเหมือนเกราะเหล็กแต่ถูกวาห์นใช้ดาบหั่นแบบสบายๆ เขาจะได้มาทั้งหมด 19,962 OP ภายในเวลาเพียง 5 – 6 ชั่วโมง

นั่นทำให้ OP รวมทั้งหมดของเขาตอนนี้เป็น 171,832 แต้มและกำลังเข้าใกล้เป้าหมายที่กำหนดมากขึ้นทุกที

วาห์นเริ่มรู้สึกตื่นเต้นเพราะถ้ามอนสเตอร์ในชั้นนี้มีมูลค่าสูง งั้นมอนสเตอร์ที่อยู่ชั้นลึกกว่าก็น่าจะมีมูลค่าที่สูงขึ้นไปอีก

ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เขาอาจจะเก็บ OP ได้ครบและสำเร็จภารกิจก่อนจะถึงโซนปลอดภัยในชั้นที่ 18 เสียอีก

เนื่องจากชั้นที่ 12 เป็นจุดสิ้นสุดอย่างเป็นทางการของ ‘ชั้นส่วนบน’ วาห์นจึงตัดสินใจอ่านหนังสือบทสรุปก่อนจะเข้านอน

ชั้นต่อไปจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในแบบที่เขาคาดไม่ถึงแน่นอน และเขาก็ไม่อยากพลาดท่าเสียทีให้กับเรื่องไม่คาดฝัน

แม้พี่สาวมักจะอธิบายลักษณะและจุดอ่อนของมอนสเตอร์ที่เขาปะทะด้วยให้ฟังอยู่ตลอด แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่ต้องแบ่งความสนใจมาฟังคำแนะนำในระหว่างที่สู้อยู่

(TL: คำเตือน จากตรงนี้ไปจะเป็นข้อมูลจำนวนมากเพื่อผู้แต่งจะได้ไม่ต้องอธิบายมอนสเตอร์ทุกตัวที่พบในตอนต่อไป~!)

มอนสเตอร์ที่เขาจะได้พบในชั้นส่วนกลางก็มี ไวเวิร์น แบทเทิลบอร์ เฮลฮาวด์ อัลมิราจ ดันเจี้ยนเวิร์ม มิโนทอร์ ไลเกอร์แฟงก์ และหากเขา ‘โชคร้าย’ ก็อาจจะเจอกับราชันมอนสเตอร์ในชั้น 17 ที่มีชื่อว่า ‘โกไลแอธ’

วาห์นจำชื่อของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ได้อย่างแม่นหลังเห็นภาพของมันในหนังสือบทสรุปและยังทำให้จิตวิญญาณนักสู้ในตัวเขาเริ่มเดือดพล่าน

เบลล์สามารถปราบแบล็คโกไลแอธลงได้ด้วยความช่วยเหลือของเหล่านักผจญภัยเลเวล 2 และวาห์นก็อยากรู้ว่าเขาจะสามารถต่อสู้กับโกไลแอธธรรมดาซึ่งอ่อนแอกว่าแบล็คโกไลแอธได้มากน้อยขนาดไหน

วาห์นปัดความคิดนั้นออกไปก่อนและเริ่มตรวจสอบลักษณะและจุดอ่อนของมอนสเตอร์แต่ละตัว

ไวเวิร์นนั้นมีขนาดตัวยาวประมาณ 5 เมตรและมีผิวหนังสีชมพูที่มีความต้านทานสูงมาก

พวกมันสามารถพ่นไฟและแก๊สพิษออกมาได้แต่ไม่ค่อยมีใครพบเห็นมอนสเตอร์ชนิดนี้บ่อยนัก

ส่วนแบทเทิลบอร์และเฮลฮาวด์นั้นสามารถพบได้ทั่วไปเนื่องจากพวกมันมักชอบเดินทางไปมาแบบเป็นฝูง

แม้จะเป็นมอนสเตอร์ที่อ่อนแอ แต่พวกมันก็สามารถเอาชนะศัตรูได้ด้วยจำนวนที่มากกว่าและการโจมตีร่วมกัน

อัลมิราจค่อนข้างเป็นมอนสเตอร์ที่สร้างปัญหาและมีรูปร่างคล้ายกับนีดเดิ้ลแรบบิทจากชั้นที่ 7

สิ่งที่แตกต่างกันก็คือพวกมันเร็วและฉลาดกว่ามาก

พวกมันสามารถเดินสองขาได้และใช้ท่ากายกรรมผาดโผนต่างๆ ในการโจมตีศัตรู

พวกมันมักจะออกล่าในพื้นที่เดียวกับมอนสเตอร์ที่จะกล่าวถึงเป็นตัวถัดไป

ดันเจี้ยนเวิร์ม เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ซึ่งมีร่างกายที่ประกอบไปด้วยฟันกลายซี่และช่องท้อง

พวกมันคือกับดักตามธรรมชาติภายในดันเจี้ยนและเหล่าอัลมิราจจะทำการก่อกวนเหล่านักผจญภัยให้หลงเข้าไปในอาญาเขตของดันเจี้ยนเวิร์มแบบไม่รู้ตัว

มอนสเตอร์อีกสองตัวที่เหลือนั้นสร้างความสนใจให้วาห์นเป็นอย่างมาก

เริ่มจากชั้นที่ 15 ลงไป เขาจะได้พบกับมิโนทอร์ซึ่งในบทสรุประบุว่าพวกมันคือ ‘ผู้พิฆาตนักผจญภัยเลเวล 2’

พวกมันถูกขนานนามให้เป็นมอนสเตอร์เลเวล 2 ที่แข็งแกร่งที่สุดและมีพละกำลังอันน่าเหลือเชื่อ

มิโนทอร์บางตัวยังสามารถใช้อาวุธที่พวกมันเก็บได้จากในดันเจี้ยนและอาจถึงขั้นพัฒนาสกิลขึ้นมาได้ด้วย

ตัวถัดไปก็คือ ไลเกอร์แฟงก์ ซึ่งมันทำให้วาห์นึกถึงสกิล [ร่างจตุรเทพ] ของตัวเองมาก

พวกมันเป็นเสือขนาดใหญ่ที่มีสีแตกต่างกันไป บางตัวอาจมีสีสนิมหรือมีสีขาวนวลพร้อมกับลวดลายสีดำ

ว่ากันว่าเขี้ยวของพวกมันสามารถเจาะทะลุชุดเกราะระดับกลางได้อย่างง่ายดายและยังเป็นวัตถุดิบยอดนิยมที่ใช้สร้างอาวุธสำหรับแทงอีกด้วย

วาห์นตั้งเป้าไว้ว่าจะล่ามิโนทอร์กับไลเกอร์แฟงค์เป็นหลัก เขาวางแผนว่าจะไปให้ถึงชั้นที่ 18 และอาศัยอยู่ในบริเวณนั้นจนกว่าจะทำภารกิจสำเร็จ

ตอนนี้เรื่องที่เขาจะใกล้สูญเสียความสามารถในการใช้ OP ภายในร้านค้าเริ่มกลายมาเป็นปัญหาหลักของเขาแล้ว

ถึงจะรู้ว่าช่วงนี้ไม่ได้พึ่งพาระบบร้านค้าสักเท่าไร แต่การที่ไม่สามารถใช้มันได้อย่างอิสระนั้นก็ทำให้วาห์นเครียดไปพอสมควร

หลังจากตรวจสอบค่าสถานะและซ่อมแซมอุปกรณ์สวมใส่เรียบร้อยแล้ว วาห์นก็มานั่งพิงกำแพงและเตรียมตัวงีบ

เขากระจายเขตแดนออกไปเพียง 50 เมตรเพื่อประหยัดพลังงานและรีบเข้าสู่การหลับใหล

(TL: ค่าสถานะในปัจจุบันของวาห์น)

————————————————————————-

[[สถานะ]]

ชื่อ: [วาห์น เมสัน]

อายุ: 14

เผ่าพันธุ์: มนุษย์, *ถูกผนึก*

ค่าสถานะ: [ดันมาจิ: 1-4]

-เลเวล:2(2)

-พลังโจมตี:1001+(E498)->(D513)

-ความอดทน:1108+(C665)->(C690)

-ความแม่นยำ:887+(F372)->(E444)

-ความว่องไว:940+(E449)->(E461)

-พลังเวท:1611+(B750)->(A831)

ค่าสถานะรวมทั้งหมด:5547+(2734)->(2939)

ความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณ: ระดับ 2 (วิญญาณวีรชน)

[กรรม]: 1,022

[OP]: 171,832

[วาลิส]: 171,630

————————————————————————-

[อำพรางตัว: D] -> [อำพรางตัว: C]

[ความเชี่ยวชาญด้านธนู: C] -> [ความเชี่ยวชาญด้านธนู: B]

(TL: อย่าลืมนะครับว่าการได้รับเอ็กซีเลียจากการใช้สกิลเข้าต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับที่สูงกว่าจะช่วยให้อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น~!)

(TL: ชื่อตอนสำรอง: ‘ข้อมูลเพียบ’, ‘เด็กชอบซุ่ม’, ‘ชายที่ไม่ฮอท ทำยังไงก็ไม่ฮอทอยู่ดี’,‘ธง มีธงอยู่เต็มไปหมดเลย อย่างกับจะประชุมนานาชาติกันแถวนี้งั้นแหละ’)

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท