Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 83

ตอนที่ 83

ร่างสีทองที่ส่องประกายไปทั่วห้องกำลังใช้ผนังเพื่อเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

ร่างนั่นเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องเพื่อหลบหลีกการขว้างหินอย่างไร้ความหมายของกลุ่มมิโนทอร์สี่ตัว

ร่างนั้นก็คือวาห์นผู้ที่กำลังพยายามผลักดันสกิล [ย่างก้าวไร้สัมผัส] ขึ้นไปอีกระดับหนึ่งโดยใช้ค่าความคล่องตัวที่เพิ่มขึ้นเพื่อเสริมความสามารถในการต่อสู้รอบทิศทางของเขา

วาห์นลองสู้ในแบบของลิลลี่โดยใช้โจมตีที่รวดเร็วและสร้างความได้เปรียบจากสภาพแวดล้อมแทนที่จะเข้าปะทะกับศัตรูโดยตรง

เขากระโดดออกจากผนังกับพื้นและเข้าไปอยู่ตรงช่องว่างระหว่างการโจมตีของมิโนทอร์

เขาใช้ธนูและเล็งไปที่ข้อต่อรวมไปถึงจุดอ่อนอื่นๆ ของพวกมันเพื่อเป็นการฝึกการเคลื่อนไหวขณะที่ยิงธนูกลางอากาศไปในตัว

วาห์นรู้ว่ามันจะส่งผลเป็นอย่างมากหากเขายิงไปโดนจุดที่กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นหดตัวเนื่องจากจะทำให้พวกมันขยับร่างกายส่วนดังกล่าวไม่ได้

นอกจากนี้เขายังเล็งไปตรงบริเวณดวงตาและซอกคอเพื่อลดประสิทธิภาพในการต่อสู้ของพวกมันก่อนจะเล็งไปตรงแกนที่ไร้การป้องกันเพื่อปิดเกม

หลังจากล้มมิโนทอร์ทั้งสี่ตัวลงได้ วาห์นก็ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับปาดเหงื่อบนหน้าผาก

เขาใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงแต่ในที่สุดก็ล่ามิโนทอร์ได้ครบ 50 ตัวตามเป้า

โชคดีที่ชั้นนี้ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยมิโนทอร์ที่อยู่กันเป็นกลุ่มเล็กๆ และไม่ค่อยมีมอนสเตอร์ชนิดอื่นอยู่เลย

วาห์นพบว่าการสู้กับมอนสเตอร์ประเภทเดียวนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพราะเขาสามารถปรับรูปแบบการต่อสู้เพื่อตอบโต้คุณสมบัติเฉพาะของพวกมันได้แทนที่จะต้องมาคอยระวังการโจมตีแบบต่างๆ ของมอนสเตอร์ชนิดอื่นไปด้วย

หลังจากเลยเวลาเที่ยงคืนไป ในที่สุดวาห์นก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า

แม้จะอยู่ในรูปแบบพยัคฆ์ขาวได้เป็นเวลานาน แต่ช่วงนี้เขากำลังมุ่งเน้นไปที่เรื่องปรับปรุงรูปแบบการต่อสู้ใหม่ทำให้พละกำลังลดลงไวกว่าปกติ

เขาจะต้องหาวิธีรักษาสมดุลให้ดีกว่านี้ในอนาคตไม่งั้นอาจหมดแรงกลางคันในขณะที่ยังสู้ไม่เสร็จ

เหตุผลหลักที่เขาเปลี่ยนมาเน้นเรื่องความเร็วก็เพราะหลังจากได้เผชิญหน้ากับจักเกอร์นอต สิ่งเดียวที่เขาคิดออกก็คืออยากจะเคลื่อนไหวได้เร็วกว่านี้

แม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้อยู่ในโซนปลอดภัย แต่วาห์นก็ตัดสินใจหยุดพักชั่วคราว

เขาปลดการแปลงร่างออกและขยายเขตแดนเพื่อตรวจจับศัตรูที่อาจเข้ามาก่อกวนก่อนจะเข้าสู่การหลับใหล

วาห์นถ่างตาก่อนจะดีดตัวขึ้นและวิ่งตรงไปทางที่เขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง

วาห์นรู้สึกถึงความสิ้นหวังภายในระยะเขตแดนซึ่งคล้ายกับตอนที่เขาช่วยนาซ่าเอาไว้

เขาเข้าสู่ร่างพยัคฆ์ขาวและเพิ่มความเร็วขึ้นขณะมองหาที่มาของความรู้สึกดังกล่าว

เมื่อมองไปที่เวลาในระบบก็เห็นว่าขณะนี้เป็นเวลาตี 5 กว่าๆ และเขาก็ไม่คิดว่าจะมีคนมาสำรวจดันเจี้ยนในช่วงเช้ามืดแบบนี้

หลังจากวิ่งไปประมาณสิบห้านาที วาห์นก็มาถึงห้องกว้างที่ซึ่งเขามองเห็นนักผจญภัยสามคนกำลังต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนมังกรสีม่วงขนาดใหญ่

จากลักษณะพื้นฐานของมัน วาห์นพอบอกได้ว่ามันคือไวเวิร์นแต่ไม่เหมือนกับตัวที่ยาว 5 เมตรและมีเกล็ดสีชมพู

ไวเวิร์นตัวนี้มีเกล็ดสีม่วงเข้มที่จัดเรียงกันอย่างแน่นหนาและมีขนาดตัวที่ยาวเกือบ 7 เมตร

ดวงตาของมันเป็นสีแดงหม่นที่ดูเหมือนเปลวเพลิงขณะที่มันเข้าจู่โจมกลุ่มคนทั้งสามอย่างดุเดือด

นักผจญภัยทั้งสามเป็นเผ่ามนุษย์และมีหน้าตาที่คล้ายกันมากราวกับว่าทุกเป็นญาติกัน

ชายที่กำลังต่อสู้กับเพอร์เพิลไวเวิร์นอยู่ในตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนที่อายุมากที่สุดในกลุ่มและน่าจะเป็นญาติกับเด็กหนุ่มสองคนที่อยู่ด้านหลัง

ชายคนนั้นดูท่าทางเคร่งขรึมและมีรูปร่างสูงและที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม

เขาต่อสู้กับเพอร์เพิลไวเวิร์นด้วยหอกยาวขณะพยายามดึงควาสนใจของมันออกมาจากเหล่าเด็กหนุ่ม

ที่ด้านหลังของชายคนนั้น เด็กหนุ่มที่ดูอายุน้อยสุดในกลุ่มกำลังพยายามห้ามเลือดให้กับเด็กอีกคนที่ดูเหมือนจะเป็นพี่ชายของตน

ใบหน้าของพวกเขาดูคล้ายกันแต่เด็กหนุ่มคนเล็กนั้นมีรูปร่างที่เตี้ยกว่าคนที่นอนอยู่บนพื้นมาก

วาห์นพยายามทำความเข้าใจกับฉากที่อยู่ตรงหน้าและรู้ทันทีกว่าแผลของเด็กที่นอนอยู่นั้นสาหัสมากและอาจ

โดยปกติแล้วการโจมตีมอนสเตอร์ที่คนอื่นกำลังต่อสู้อยู่นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ผิด แต่วาห์นดูจนแน่ใจแล้วว่าพวกเขากำลังต้องการความช่วยเหลือ

หากเขาเรียกชายที่กำลังสู้อยู่ มันอาจทำให้เขาเสียสมาธิและพลาดท่าให้กับเพอร์เพิลไวเวิร์น

สำหรับตอนนี้ วาห์นจึงเดินอ้อมไปรอบๆ และเริ่มโจมตีดวงตาไวเวิร์นด้วยธนูของเขา

ลูกศรเฉียดผ่านหน้าผากของเพอร์เพิลไวเวิร์นไปและทำให้มันเซถอยหลังเล็กน้อย

มันคำรามด้วยความโกรธแต่ชายวัยกลางคนก็ใช้ช่องว่างนั้นเพื่อแทงหอกไปที่ซอกคอของสัตว์ร้าย

เพอร์เพิลไวเวิร์นตอบโต้ด้วยการปล่อยควันพิษออกไปทางชายหนุ่มจนเขาต้องรีบทิ้งระยะห่างออกจากตัวของมันอย่างรวดเร็ว

เขาหลบการโจมตีก่อนที่จะตะโกนออกไปทางวาห์น

“ขอบใจนะ คนแปลกหน้า! หากพวกเรารอดไปได้ฉันจะตอบแทนนายอย่างแน่นอน ถ้านายมีโพชั่นเหลือล่ะก็ช่วยไปดูลูกๆ ของฉันหน่อยได้ไหม? ฉันจะดึงความสนใจของไอ้ตัวนี้ให้เอง”

วาห์นเห็นชายคนนั้นดูมีความสุขมากที่ได้รับการช่วยเหลือ ดังนั้นเขาจึงรีบเข้าไปหาเด็กหนุ่มทั้งสองที่ดูเหมือนจะเป็นลูกของชายคนนั้น

พวกเขาแต่ละคนมีอายุประมาณ 15 – 16 ปี ซึ่งแก่กว่าวาห์นเล็กน้อยและดูจากการที่พวกเขามาอยู่บนชั้นที่ 15 ก็ทำให้วาห์นพอเดาได้ว่าทั้งสองน่าจะเป็นนักผจญภัยเลเวล 2 ระดับกลางๆ

เด็กหนุ่มผู้เป็นน้องมองมาทางวาห์นด้วยท่าทางไม่สู้ดีขณะที่กำลังพยายามห้ามเลือดที่ไหลออกมาด้วยมือเปล่า

เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกตื่นตระหนกมากจนไม่สามารถรักษาแผลได้อย่างถูกต้อง

“ดะ-ได้โปรด ได้โปรด ช่วยพี่ชายด้วย ผมไม่… ผม…”

เด็กหนุ่มตัวสั่นเทาขณะกอดพี่ชายของตนไว้ในอ้อมแขนและพูดกับวาห์น

วาห์นขยับมือของเด็กหนุ่มออกขณะที่ออร่าสีทองบนร่างค่อยๆ เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว

แทนที่แสงสีทองนั้นกลับมีแสงสีขาวอ่อนโยนปรากฏออกมาจากฝ่ามือของเขาแทน จากนั้นเขาก็วางมันนั่นบนแผลของผู้เป็นพี่

วาห์นพบว่าตนยังอยู่ในร่างพยัคฆ์ขาวแต่การอธิบายคงต้องเก็บเอาไว้หลังเรื่องจบ

หนึ่งในข่าวลือเกี่ยวกับเขานั้นมีเรื่องเวทมนตร์ ‘ร่างแปลงอสูร’ รวมอยู่ด้วย ดังนั้นตราบใดที่พวกเขารู้จัก ‘วัลแคน’ ก็คงจะไม่เป็นไร

บาดแผลของเด็กหนุ่มเริ่มฟื้นฟูอย่างรวดเร็วขณะที่ผู้เป็นน้องชายเริ่มยิ้มออกมาเหมือนกับคนเสียสติ

“ขอบคุณครับ! ขอบคุณจริงๆ!”

วาห์นจ้องกลับจนเด็กหนุ่มเริ่มสงบลงก่อนจะส่งโพชั่นที่เขาเก็บไว้ใช้ตอนฉุกเฉินให้

เนื่องจากเขาไม่สามารถใช้ไอเท็มของร้านค้ากับคนอื่นได้ ดังนั้นเขาจึงเก็บของพวกนี้เอาไว้ในช่องเก็บของเผื่อกรณีแบบนี้

เขาไม่สามารถใช้สกิล [เคลื่อนย้ายบาดแผล] ได้ทุกครั้งเพราะจะเป็นการดึงดูดความสนใจมากเกินไป

เขาโชคดีมากที่ยังปกปิดสกิลนี้ไว้ได้จนถึงตอนนี้เพราะคนที่รู้เรื่องล้วนกลายมาเป็นคนรู้จักหมดเลย

หลังส่งโพชั่นให้กับเด็กหนุ่มที่พูดตะกุกตะกัก วาห์นก็กลับไปต่อสู้กับเพอร์เพิลไวเวิร์นต่อ

เขาปิดบาดแผลของเด็กหนุ่มด้วย [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] จนพ้นขีดอันตรายเรียบร้อยแล้ว

โพชั่นนั่นจะช่วยให้เขาฟื้นตัวขึ้นจนถึงขั้นที่พอจะขยับได้

อีกไม่นานทั้งสองคนคงจะขยับออกไปจนพ้นบริเวณที่สู้กันอยู่

วาห์นง้างคันธนูและปล่อยลูกศรออกไปเพื่อก่อกวนเจ้าไวเวิร์น

เพอร์เพิลไวเวิร์นรู้สึกหงุดหงิดกับผู้มาใหม่เป็นอย่างมากเพราะทุกครั้งที่มันถูกยิง ชายคนที่มันสู้ด้วยก็จะแทงหอกใส่เช่นเดียวกัน

ชายคนนี้เป็นนักผจญภัยชั้นสองซึ่งเกือบจะขึ้นเป็นเลเวล 4 อยู่แล้ว

เขาไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของเพอร์เพิลไวเวิร์น แต่มันคงต้องใช้เวลานานกว่าจะชายล้มชายคนนี้ลงได้

ด้วยการช่วยเหลือของวาห์น โอกาสชนะก็เพิ่มสูงขึ้นมาก และเขายังมองเห็นลูกชายทั้งสองของตัวเองที่กำลังถอยห่างออกไปด้านหลัง

เมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสองปลอดภัยแล้ว ชายคนนั้นได้ทำสิ่งที่นักผจญภัยไม่ควรทำอย่างยิ่ง

เขาลดความระมัดระวังตัวลงเล็กน้อยจากความรู้สึกโล่งใจ

นั่นเป็นช่องว่างที่เพอร์เพิลไวเวิร์นเล็งเห็นเช่นกันก่อนที่มันจะฟาดหางใส่ชายคนนั้น

เมื่อเห็นการโจมตีที่ใกล้เข้ามา เขาก็ได้แต่กัดฟันและพยายามใช้หอกรับการโจมตีนั่นไว้

ตัวหางปะทะกับหอกและทำให้ก้านหอกโค้งงอราวกับคันธนูขณะที่ผู้ถือนั้นกระเด็นไปชนเข้ากับผนังอย่างจัง

มีรอยแตกปรากฏขึ้นตรงจุดที่เข้าไปปะทะกับผนังขณะที่เขาถึงกับกระอักเลือด

เพอร์เพิลไวเวิร์นพยายามสังหารชายคนนั้น แต่ในตอนที่มันพุ่งไปข้างหน้าก็มีพลังอันรุนแรงกระแทกเข้ามาที่ส่วนหัวของมัน

การโจมตีนั่นทำให้หัวของไวเวิร์นลงไปทิ่มกับพื้นอย่างน่าตลกก่อนที่ดาบสีดำจะตามมาและจบชีวิตของมันลงที่ตรงนั้น

วาห์นยืนอยู่บนหัวที่ไร้ชีวิตของไวเวิร์นและมองไปทางชายวัยกลางคนคนก่อนจะยิ้มให้

เมื่อเห็นว่าเจ้าไวเวิร์นตายสนิท ชายคนนั้นก็เริ่มหัวเราะออกมาอย่างไม่สนใจบาดแผลตัวเอง

เขามองวาห์นด้วยสีหน้าขอบคุณขณะเริ่มตรวจดูบาดแผลของตัวเอง

ตอนนี้การต่อสู้จบลงแล้ว พวกลูกชายของเขาก็เริ่มเดินเข้ามาขณะที่เด็กหนุ่มที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้เริ่มตัดแกนคริสตัลออกมาจากมอนสเตอร์ตัวปัญหา

ชายคนนั้นทำหน้าเซ็งๆ หลังจากเห็นก้อนคริสตัลขนาดใหญ่ แต่เขาก็เพียงส่ายหัวขณะที่วาห์นเก็บมันใส่กระเป๋า

เด็กหนุ่มทั้งสองเดินเข้ามาและร้องเรียกเขา

“พ่อ!”

“คุณพ่อ!”

หลังจากที่ลูกๆ เข้ามาใกล้ ทั้งสามก็กอดกันกลมและร้องไห้ออกมาอย่างไม่สนใจวาห์น

พอเห็นสัมพันธ์อันลึกซึ้งของครอบครัวนี้ วาห์นก็เริ่มนึกถึงผู้คนที่รอเขาอยู่ด้านบนขึ้นมาหน่อยๆ

แม้ยังคงไม่เปลี่ยนความคิดที่จะอยู่ในดันเจี้ยนจนกว่าภารกิจจะเสร็จ แต่วาห์นก็เริ่มคิดถึงพวกเธอหลังจากได้เห็นฉากตรงหน้า

หลังจากถอนหายใจออกมา วาห์นก็หันหลังกลับและเริ่มมุ่งหน้าเข้าไปในดันเจี้ยนต่อ

ชายวัยกลางคนร้องเรียกเขา

“นี่ รอก่อนคนสิคนแปลกหน้า! ฉันอยากจะตอบแทนที่นายช่วยฉันกับลูกๆ เอาไว้!”

ลูกชายของเขาต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับผู้เป็นพ่อ

วาห์นหันกลับไปทางพวกเขาและนำคริสตัลออกมาให้ดูกันอีกครั้ง

“แค่นี้สำหรับผมก็เพียงพอแล้ว ขอให้คุณระวังตัวมากกว่านี้ในอนาคตก็พอ… คงไม่มีใครอยากให้สมาชิกครอบครัวมาตายอยู่ในนี้หรอกนะ”

หลังจากพูดปิดท้ายเสร็จ วาห์นก็เดินต่อไปท่ามสายตางุนงงจากทั้งสาม

ในตอนที่เขาเกือบจะถึงหัวมุม ชายวัยกลางคนก็เรียกเขาอีกครั้ง

“อ้า! อย่างน้อยก็บอกชื่อให้พวกเรารู้หน่อยเถอะ! ฉันจะดื่มให้นายเมื่อเรากลับไปถึงเมือง!”

วาห์นหยุดเดินหลังได้ยินคำพูดของเขาและคิดอยู่ครู่หนึ่ง

เขาหันกลับไปและเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจจนทำให้ทั้งสามต้องผงะ

“ผมมีฉายาว่าวัลแคน แต่คนในเฮเฟสตัสแฟมิเลียมักเรียกผมว่า วาห์น เมสัน”

วาห์นหันหลังอีกครั้งและเดินผ่านออกไปก่อนจะหายไปจากวิสัยทัศน์ของทั้งสาม

ชายคนนั้นมองไปทางลูกๆ ของตัวเองพร้อมกับนึกถึงสิ่งที่วาห์นพูดก่อนหน้านี้และตัดสินใจว่าถนอมชีวิตของตัวเองให้มากขึ้นอีกหน่อย

เขาจะต้องระวังตัวให้มากขึ้นในอนาคต ไม่งั้นชีวิตของคนรอบตัวก็จะพลอยลำบากไปด้วย

“เด็กหนุ่มคนนั้นแข็งแกร่งมากเลย… ถึงเขาจะดูอายุน้อยกว่าผมก็เถอะ…”

ลูกชายคนเล็กกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

ในการต่อสู้เมื่อกี้นั้นเขาไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลย

แม้แต่ในตอนที่พี่ชายได้รับบาดเจ็บเพราะพยายามปกป้องเขา สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือเฝ้ามองดูเลือดของพี่ไหลออกมาอย่างช้าๆ

ชายวัยกลางคนวางมือไว้บนหัวและขยี้ผมของลูกๆ ทั้งสอง

“อืม แต่เรื่องความแข็งแกร่งน่ะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับอายุหรอกนะ พวกลูกต้องพยายามฝึกฝนให้มากแล้วก็ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งกว่านี้ด้วย”

หลังจากที่พูดจบ ลูกๆ ของเขาก็พยักหน้าซึ่งทำให้เขายิ้มออกมา

ผู้เป็นพ่อมองเห็นความแน่วแน่ในดวงตาของลูกชายและรู้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นอีกในอนาคต

วาห์นกำลังเดินอยู่ที่ทางเดินและคอยตรวจสอบข้อมูลในระบบ

หลังจากสังหารเพอร์เพิลไวเวิร์นตัวนั้น วาห์นก็แลกเปลี่ยนคริสตัลของมันในระบบและได้รับมาถึง 7,180 OP

มันเป็นจำนวนที่ค่อนข้างเยอะหากนำมาเทียบกับมอนสเตอร์ธรรมดา

วาห์นพอจะคาดคะเนได้ว่ามอนสเตอร์แบบพิเศษน่าจะมีมูลค่ามากกว่ามอนสเตอร์รูปแบบธรรมดาประมาณ 20 เท่า

หากโชคดี เขาจะได้พบกับพวกมันอีกในอนาคตและเก็บ OP ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

2 ชั่วโมงต่อมา ในที่สุดวาห์นก็มาถึงบันไดที่จะนำไปสู่ชั้นที่ 16

เขาตัดสินใจหยุดพักอีกครั้งเนื่องจากก่อนหน้านี้ยังงีบได้ไม่เต็มอิ่มเลย

เนื่องจากเขาไม่ได้เป็นเป้าหมายหลักของเพอร์เพิลไวเวิร์น มันจึงไม่ใช่การต่อสู้ที่ตึงมือนัก แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ฆ่ามิโนทอร์ไปอีก 26 ตัวด้วยกัน

ตอนนี้เขามีอยู่ทั้งหมด 213,116 OP และได้มาตามจำนวนที่ภารกิจระบุไว้แล้วเกิน 20%

วาห์นนั่งพิงผนังขณะทานเครปก่อนจะตรวจสอบสถานะของตน

การคอยดูค่าสถานะกลายมาเป็นงานอดิเรกของเขาตั้งแต่เข้ามาในดันเจี้ยนเพราะมันทำให้เขาวัดอัตราการเติบโตของตัวเองได้อย่างแม่นยำ

วาห์นพบว่านอกจากค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นแล้ว รอบนี้ระดับของสกิล [ย่างก้าวไร้สัมผัส] ก็ยังเพิ่มเป็นระดับ B อีกด้วย

การฝึกเพื่อเพิ่มค่าความว่องไวและใช้รูปแบบต่อสู้แบบหลบหลีกนั้นได้ผลดีจริงๆ

————————————————————————-

[[สถานะ]]

ชื่อ: [วาห์น เมสัน]

อายุ: 14

เผ่าพันธุ์: มนุษย์, *ถูกผนึก*

ค่าสถานะ: [ดันมาจิ: 1-4]

-เลเวล:2(2)

-พลังโจมตี:1001+(C609)->(C690)

-ความอดทน:1108+(S914)->(S951)

-ความแม่นยำ:887+(E470)->(D522)

-ความว่องไว:940+(D551)->(B702)

-พลังเวท:1611+(S949)->(SS1008)

ค่าสถานะรวมทั้งหมด:5547+(3393)->(3873)

ความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณ: ระดับ 2 (วิญญาณวีรชน)

[กรรม]: 1,219

[OP]: 213,116

[วาลิส]: 171,630

————————————————————————-

[OP] ที่ใช้จ่ายไป: 99,700/100,000

วาห์นรู้สึกพึงพอใจกับพัฒนาการของตนเองและเข้าสู่การหลับใหลหลังจากขยายเขตแดนของตนออกไปทั่วทางเดิน

(TL: ชื่อตอนสำรอง: ‘ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่เลย, ‘ศัตรูตามธรรมชาติของมิโนทอร์’ , ‘วาห์น ผู้ชอบรังแกมอนเตอร์’, ‘ในเรื่องนี้ก็มีผู้ชายด้วยนะ แต่ว่าชื่อ…ไว้ถามทีกลังแล้วกัน’, ‘ระวังสิ่งที่ตัวเองขอให้ดีเถอะ’)
—————

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท