Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 81

ตอนที่ 81

วาห์นเปิดตาขึ้นและพบว่าเขากำลังถูกห้อมล้อมไปด้วยความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด

ร่างของเขารู้สึกหนักอึ้งและไร้น้ำหนักในเวลาเดียวกัน

มันเหมือนกับว่าเขาได้ตกลงไปในมหาสมุทรลึกและยังคงตกต่อไปอีกเรื่อยๆ

วาห์นพยายามขยับร่างเพื่อหยุดยั้งไม่ให้ตัวเองตกลงไปลึกกว่านี้

เขารู้สึกถึงสัมผัสอันทรงพลังที่เอ่อล้นอยู่ในหน้าอก

ความร้อนเริ่มแผ่ขยายออกไปขับไล่ความเย็นที่กระจายอยู่ทั่วร่างของเขา

ร่างกายของเขารู้สึกเหมือนกำลัง ‘ละลาย’ จากความร้อนขณะที่เริ่มขยับตัวได้อีกครั้ง

โดยเริ่มจากการขยับนิ้วมือและนิ้วเท้าจนกระทั่งแขนและขาเองก็เริ่มขยับได้

ขณะที่แขนและขาของเขากลับมาทำงานอีกครั้ง วาห์นก็พยายามว่ายสวนแรงดันที่พยายามกดเขาลงไป

ความร้อนยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และทำให้วาห์นเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระมากขึ้น

หัวใจของเขาดูเหมือนกำลังสูบฉีดอย่างรุนแรงและบ้าคลั่งจนน่าอกเริ่มเปล่งประกายสีแดงสดออกมา

แสงที่กระจายออกมาเริ่มขยายไปทั่วร่างของเขา

เมื่อแสงสว่างเริ่มรุนแรงมากขึ้น ความมืดรอบตัววาห์นก็สูญเสียพลังในการยับยั้งเขา

วาห์นพยายามขึ้นอีกเป็นเท่าตัวและเริ่มพุ่งขึ้นไปเพื่อหนีจากแรงกดดัน

ยิ่งเขาว่ายขึ้นไปมากเท่าไร แรงกดดันที่มีต่อร่างของเขาก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น

ความตื่นเต้นเริ่มก่อตัวขึ้นในหัวของวาห์นพร้อมกับความปรารถนาที่จะได้รับอิสระของเขาพุ่งสูงขึ้นจนแทบระเบิดออกมา

เสียงหัวเราะกึกก้องเริ่มดังขึ้นในใจของเขาและวาห์นก็ตระหนักว่านั่นเสียงของเขาเอง

เสียงไม่ได้ออกมาจากตัวเขาที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในพื้นที่สุดลูกหูลูกตานี่ แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงจิตที่อยู่เบื้องหลังเสียงหัวเราะอันรุนแรงนั่น

ทันใดนั้นเอง แสงสีแดงสดตรงหน้าอกของวาห์นก็เปลี่ยนเป็นสีทองขณะที่มันระเบิดออกมาจากร่างของเขา

วาห์นหยุดว่ายขึ้นไปและคำรามอย่างรุนแรงไปที่ความมืด

เปลวเพลิงปรากฏออกมาจากร่างของเขาจนก่อให้เกิดอาณาเขตวงกลมที่ขับไล่ความมืดไม่ให้มันเข้ามาข้างใน

เปลวเพลิงยังคงแผ่ขยายออกไปจนสุดสายตาจนร่างของวาห์นดูราวกับดวงอาทิตย์ขนาดเล็กที่ลอยอยู่ในมิติอันไร้ที่สิ้นสุด

วาห์นอาบความอบอุ่นของเปลวเพลิงและเพลิดเพลินไปกับพลังอันเต็มเปี่ยมที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือด

รอบร่างกายของเขานั้น เริ่มปรากฏรูปภาพมากมายขึ้นภายในเขตแดนของเปลวเพลิง

สัตว์ทั้งสี่ปรากฏตัวขึ้นมาจากความว่างเปล่าและมองไปยังมนุษย์ที่อยู่เบื้องหน้าของพวกมัน

ดวงตาของพวกมันเต็มไปด้วยความเคารพพร้อมกับที่ทุกตัวก้มหัวลงต่ำให้กับเด็กหนุ่ม

วาห์นมองดูสัตว์ทั้งสี่อย่างสนใจและเข้าใจทันทีว่าพวกมันเป็นตัวแทนของอะไรบ้าง

พวกมันคือร่างแปลงของ [ร่างจตุรเทพ] โดยมี เสือขาว เต่าดำ นกไฟ และ มังกรฟ้า นั่นเอง

แต่ละตัวต่างดูมีสง่าราศีน่าเกรงขามพร้อมกับแผ่พลังอันไร้ขีดจำกัดออกมา

วาห์นยิ้มและยื่นมือออกไปทางสัตว์ที่อยู่ใกล้ที่สุดซึ่งก็คือเสือขาวและวางฝ่ามือลงบนสัญลักษณ์ ‘ราชัน’ บนหน้าผากของมัน

เสียงร้องอันทรงพลังดังออกมาจากร่างของเสือขาวขณะที่มันเปิดตาและมองไปทางวาห์น

วาห์นมองไปที่ดวงตาสีน้ำฟ้าครามและรู้สึกถึงบางอย่างที่ยากจะหยั่งถึง

ภายในดวงตาของมัน วาห์นมองเห็น ชีวิต ความตาย สติปัญญา และความภาคภูมิไร้ใครเทียบซึ่งก่อกำเนิดเป็นแกนหลักของมัน

แม้ว่ามันจะเป็นผู้อยู่เหนือทั้งหมดนั่น แต่มันก็ยังมองไปทางวาห์นด้วยสีหน้าคาดหวังและเคารพ

วาห์นยิ้มและกระซิบด้วยเสียงอันทรงพลังที่ฉีกทะลุความว่างเปล่าออกมา

ไม่มีเสียงออกมาจากริมฝีปากของเขา แต่มิติโดยรอบก็เต็มไปด้วยคำๆ เดียว ราวกับมันเป็นคำที่ไม่ว่าจะโลกหรือสวรรค์ก็ไม่อาจฝ่าฝืนได้

“พยัคฆ์ขาว”

เมื่อมัน ‘ได้ยิน’ ชื่อของตัวเอง เสือขาวก็เงยหัวขึ้นและคำรามออกมา

มิติความมืดโดยรอบแตกเป็นเสี่ยงๆ คล้ายกับเศษแก้วที่แตกกระจายกลับไปสู่ความว่างเปล่า

พื้นที่สีขาวเริ่มก่อตัวขึ้นรอบเขตแดนที่วาห์นสร้าง

เมื่อมองไปรอบๆ วาห์นก็รู้สึกถึงความภาคภูมิใจขณะที่สติของเขาเริ่มเลือนราง

เขามองไปทางสัตว์อีกสามตัวซึ่งกำลังทำสีหน้าคาดหวังคล้ายกับพยัคฆ์ขาวก่อนหน้านี้

เขาจ้องไปที่ดวงตาของพวกมันแต่ละตัวก่อนที่สติของเขาจะจางหายไปโดยสมบูรณ์

ผ่านไปอีกอึดใจ วาห์นก็ตื่นขึ้นมาบนพื้นที่แข็งและเย็นของดันเจี้ยน

รอบกายของเขาเต็มไปด้วยสสารสีดำที่ส่งกลิ่นเหม็นและติดตามผิวหนังของเขาเต็มไปหมด

วาห์นย่นจมูกของตนหลังจากสูดกลิ่นเหม็นเข้าไป จากนั้นเขาจึงนำ [คนโทแห่งการเติมเต็ม] ออกมาชำระล้างร่างกาย

หลังจากนั้น เพราะยังอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า เขาจึงนำอุปกรณ์สำรองออกมาใส่

ตอนนี้เขากำลังใส่ชุดธรรมดาเนื่องจากชุดทนไฟของเขาถูกเพลิงสีแดงที่ออกมาจากร่างเผาเป็นขี้เถ้าไปหมดแล้ว

เขามองไปยังจุดที่ตกลงมาซึ่งบัดนี้มันกลายเป็นพื้นมันวาวสีดำคล้ายกับอัญมณีดิบ

(“พี่สาว เมื่อกี้นี้คือร่างที่สามของ [ร่างจตุรเทพ] ใช่ไหม? เปลวเพลิงของมันทรงพลังมาก…”)

วาห์นรู้สึกว่าเปลวเพลิงมันไม่ใช่ไฟธรรมชาติเพราะแม้แต่ ‘เพลิงนิรันดร์’ ของเขาก็ยังไม่ทรงพลังขนาดนี้เลย

(*ใช่แล้ว วาห์น รูปแบบที่สามคือวิหคเพลิง หรือก็คือนกไฟ ดูเหมือนว่ามันจะช่วยเสริมการฟื้นฟูร่างกายของเธอในระดับน่าเหลือเชื่อและยังเพิ่มพลังโจมตีขึ้นมาหลายขุมแต่ต้องแลกมาด้วยพลังป้องกันของเธอ*)

วาห์นพยักหน้าอย่างเข้าใจ และเขาพบว่าแขนที่ควรจะร้าวอยู่นั้นกำลังฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ร่างของเขาไม่มีบาดแผลเหลืออยู่เลยและยังรู้สึกได้ถึงพลังงานมหาศาลที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือด

ด้วยความอยากรู้ วาห์นจึงสำรวจร่างกายของตนโดยใช้พลังจิตและพบกับต้นตอของพลังงานแบบใหม่

‘เพลิงนิรันดร์’ ซึ่งปกติจะเปล่งแสงสีทองอยู่ในหน้าอกของเขาตอนนี้ได้มีสีแดงผสมอยู่และทำให้มันเผาไหม้ด้วยความรุนแรงยิ่งกว่าแต่ก่อน

‘เพลิงนิรันดร์’ ดูเหมือนจะรู้สึกถึงสัมผัสของเขาขณะที่มันเริ่มสั่นไหนไปรอบๆ ด้วยความยินดี

วาห์นรู้สึกได้ถึง ‘ความสุข’ ที่มาจากเปลวเพลิงขณะที่มันกำลังขอบคุณเขา

วาห์นเองก็ยิ้มให้อย่างมีความสุขและส่งความรู้สึกนี้ไปที่ ‘เพลิงนิรันดร์’ เพื่อบอกให้มันรู้ว่าเขาเองก็ดีใจกับการเติบโตของมัน

ตอนนี้วาห์นมาถึงชั้นที่ 14 แล้วซึ่งทุกอย่างดูจะไม่ง่ายแบบแต่ก่อน

ตอนนี้เขาเหลืออีกเพียง 300 OP ที่สามารถใช้จ่ายได้ก่อนที่จะเกินขีดจำกัดของภารกิจ

เพราะเขาเข้าสู่ดันเจี้ยนด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำภารกิจให้สำเร็จ วาห์นจึงไม่อยากหันหลังให้กับอุปสรรคแรกที่พบเจอ

ตอนนี้เขาพ้นอันตรายแล้วและรู้สึกว่าคงจะน่าเสียดายหากเขากลับไปแบบมือเปล่า

วาห์นเริ่มชั่งน้ำหนักว่าจะเดินหน้าต่อหรือถอยกลับดี

หากเขาเดินหน้าต่อก็จะมีโอกาสได้รับ OP จำนวนมากจากมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่ง แต่นั่นก็เป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งเช่นกัน

การถอยกลับจะทำให้เขาได้โอกาสไปแจ้งให้ทางกิลด์ทราบเกี่ยวกับจักเกอร์นอต แต่การทำแบบนั้นอาจเป็นการดึงดูดความสนใจมาที่เข้าโดยไม่จำเป็น

ต้องมีคนสงสัยแน่นอนว่าทำไมนักผจญภัยเลเวล 2 อย่างเขาถึงสามารถเอาชีวิตรอดกลับมาหลังได้เผชิญหน้ากับเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้น…

ขณะที่กำลังคิดหนัก วาห์นก็ตัดสินใจตรวจสอบค่าสถานะตนเองก่อน

การพบเจออันตรายเสี่ยงตายและรอดชีวิตออกมาได้นั้นน่าจะมีผลต่อการเติบโตอยู่บ้าง

ส่วนร่างแปลงที่เพิ่มมาใหม่จากสกิล [ร่างจตุรเทพ] เหมือนกับเป็นการบอกกลายๆ ว่าระดับของสกิลได้เพิ่มขึ้นมาแล้ว

————————————————————————-

[[สถานะ]]

ชื่อ: [วาห์น เมสัน]

อายุ: 14

เผ่าพันธุ์: มนุษย์, *ถูกผนึก*

ค่าสถานะ: [ดันมาจิ: 1-4]

-เลเวล:2(2)

-พลังโจมตี:1001+(E498)->(C609)

-ความอดทน:1108+(C665)->(S914)

-ความแม่นยำ:887+(F372)->(E470)

-ความว่องไว:940+(E449)->(D551)

-พลังเวท:1611+(B750)->(S949)

ค่าสถานะรวมทั้งหมด:5547+(2734)->(3393)

ความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณ: ระดับ 2 (วิญญาณวีรชน)

[กรรม]: 1,022

[OP]: 182,037

[วาลิส]: 171,630

————————————————————————-

[OP] ที่ใช้จ่ายไป: 99,700/100,000

แน่นอนว่าการตกอยู่ในอันตรายและรอดชีวิตออกมาได้นั้นทำให้เขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

เขายังมีเส้นทางให้เดินอีกยาวไกล แต่วาห์นก็รู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากที่อย่างน้อยก็ได้รับอะไรกลับมาจากอุปสรรค์ที่พบ

ถ้าหากว่าเขาสังหารจักเกอร์นอตได้ล่ะก็…

วาห์นส่ายหัวขณะที่ความคิดนั่นแล่นผ่านเข้ามาเพราะจักเกอร์นอตนั้นแข็งแกร่งกว่าสึบากิมาก

การที่เขาทำให้มันบาดเจ็บได้นั้นก็เหลือเชื่อมากพออยู่แล้ว

เมื่อนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ วาห์นก็รู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้มาก

[เสียงเพรียกแห่งยมทูต] นั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้ และแม้แต่จักเกอร์นอตที่มีสัมผัสเฉียบคมก็ไม่สามารถตรวจจับลูกศรได้ก่อนที่จะสายเกินไป

หากเขาแข็งแกร่งมากขึ้นและมีพลังงานเพียงพอที่จะใส่เข้าไปในลูกศรดอกนั้น อาจเป็นไปได้ที่เขาจะสามารถสังหารเจ้าสัตว์ร้ายนั่นได้ก่อนที่มันจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ลูกศร [อี้] เป็นไอเท็มที่ทรงพลังมาก และวาห์นรู้ว่าเขายังไม่ได้ดึงศักยภาพของมันออกมาอย่างเต็มที่เลย

การที่มันมีราคาเป็น 5 เท่าของ [ดาบอาคมทามาฮากาเนะ: A] ก็พอจะบอกได้แล้วว่าพลังของมันมีมากขนาดไหน

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ วาห์นจึงขอให้พี่สาวแสดงข้อมูลของลูกศรดอกนั้นออกมา

เนื่องจากเขาได้ซื้อมันไปแล้ว และแม้จะไม่ได้อ่านรายละเอียดของมันในตอนนั้น แต่เขาก็ควรจะเข้าถึงข้อมูลของลูกศรดอกนี้ได้

ไม่นานก็มีหน้าต่างข้อมูลปรากฏขึ้นในวิสัยทัศน์ของเขาและวาห์นก็เริ่มอ่านรายละเอียดของมัน

[อี้]

ระดับ:S-SSS

ช่อง:0

พลังโจมตี:0

พลังโจมตีเวท:0

การใช้งาน: เมื่อใส่พลังงานเข้าไปภายในลูกศรเทพดอกนี้ มันจะสร้างภาพของดวงอาทิตย์ทั้ง 10 ขึ้นมา ดวงอาทิตย์แต่ละดวงนั้นจะเพิ่มพลังโจมตีและพลังโจมตีเวท 1,000 แต้ม การใส่พลังงานเข้าไปในลูกศรเพิ่มเติมจะทำให้ดวงอาทิตย์ดับลงและเพิ่มความรุนแรงของลูกศรขึ้นไปอีก [พลังโจมตี/พลังโจมตีเวท + 10,000(จำนวนดวงอาทิตย์ที่ดับ)]

หมายเหตุ: ไอเท็มชิ้นนี้ถูก ‘กฎ’ ของโลกกำกับไว้และไม่สามารถใช้พลังที่รุนแรงเกินกว่าดวงอาทิตย์สี่ดวงได้

ค่าสถานะของลูกศรนั้นน่าเหลือเชื่อมากและมันยังถูกเพิ่มพลังขึ้นไปอีก 300% จาก [เสียงเรียกแห่งยมทูต] ของเขา

ดังนั้นวาห์นคงสร้างความเสียหายให้กับจักเกอร์นอตไปประมาณ 20,000 – 25,000

เขาพอจะคำนวณตัวเลขนี้ได้จากการที่เขาเกือบจะดับดวงอาทิตย์ดวงแรกได้เกือบ 70%

ถ้าเขาใส่พลังงานเข้าไปอีกหน่อย วาห์นเชื่อว่าเขาอาจจะสังหารจักเกอร์นอตลงได้หากโชคดีพอ…

วาห์นตัดสินใจว่าเมื่อเขาเสร็จสิ้นภารกิจแลกอาวุธ เขาจะซื้อลูกศร [อี้] หลายดอกเพื่อเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน

มันแตกต่างไปจากลูกศรอันอื่นอย่างสิ้นเชิงและถึงจะเป็นไอเท็มแบบใช้แล้วหมดไป แต่วาห์นก็อดไม่ได้ที่จะทึ่งไปกับการโจมตีที่เขาเห็นก่อนหน้านี้

ลูกศรดอกเดียวสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตเลเวล 7 บาดเจ็บสาหัสถึงแม้ว่าคนที่ใช้มันจะเป็นเพียงนักผจญภัยเลเวล 2 เท่านั้น

ในขณะที่เขายังคงตรวจสอบค่าสถานะและไอเท็มไปเรื่อยๆ วาห์นก็สังเกตเห็นความผิดปกติตรงส่วนสกิลของเขา

ตอนนี้ [ร่างจตุรเทพ] ได้เพิ่มจากระดับ F เป็น E แล้ว แถมยังมีข้อมูลใหม่ปรากฏขึ้นในช่องคำอธิบายซึ่งดึงดูดความสนใจของวาห์นมาก

[ร่างจตุรเทพ]

ระดับ: สกิลแฝง (F) *สกิลแฝงนั้นไม่สามารถทำการระบุได้ ความพยายามที่จะระบุมันจะส่งผลให้เกิดแรงโต้กลับ*

[ติดตัว]: เพิ่มความต้านทานความเจ็บปวดระดับสูง ช่วยสลายพลังที่อยู่ภายในร่างกาย เพิ่มการฟื้นฟูร่างกายตามธรรมชาติระดับปานกลาง

[ใช้งาน]: เพิ่มพลังโจมตีและความอดทนตามความเสียหายที่ได้รับ สกิลนี้ใช้ค่าพละกำลังในปริมาณปานกลาง

[ใช้งาน]: ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานร่างที่ตื่นขึ้นมาแล้วได้ในทันที

ร่างที่ตื่นขึ้น: [???]0%, [???]10%, [???]31%, [พยัคฆ์ขาว]100%

วาห์นประหลาดใจที่เห็นพัฒนาการมากมาย แต่พอคิดว่านี่คือสกิล [แฝง] มันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะจินตนาการว่าศักยภาพของมันนั้นไร้ขีดจำกัด

หากวาห์นต้องรอจนตัวเองจะปางตายก่อนจะใช้สกิลนี้ได้ มันก็คงดูไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่

ตอนนี้เขาสามารถใช้งานมันได้ตามที่ต้องการและมันจะช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ของเขาเป็นอย่างมาก

วาห์นเริ่มทำสมาธิและไหลเวียนพลังงานภายในร่างกาย

เขารู้สึกได้ถึงสัมผัสร้อนระอุบนแผ่นหลังและได้ยินเสียงกระซิบภายในหัว

สัมผัสที่แผ่นหลังของเขาเริ่มรุ่นแรงขึ้นขณะที่เสียงนั่นยังพูดคำเดิมครั้งแล้วครั้งเล่า

พอเริ่มเข้าใจว่าเขาเองก็ต้องพูดมันเช่นกัน วาห์นจึงพึมพำออกมา

“พยัคฆ์ขาว”

ในตอนที่คำพูดออกจากปากไป แขนและขาของเขาก็เริ่มงอกขนสีขาวที่มีลวดลายสีดำออกมา

มันไม่เหมือนกับขนสีขาวนวลก่อนหน้านี้เลย

ตอนนี้มันกลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์ไร้มลทินพร้อมกับลวดลายสีดำสวยงาม

กรงเล็บที่มือของเขาดูทรงพลังมากขึ้นและกล้ามเนื้อภายในร่างกายก็ให้ความรู้สึกเต่งตึงและเหนียวแน่นในเวลาเดียวกัน

วาห์นรู้สึกว่าร่างของตนกำลังอัดแน่นไปด้วยพลังงานที่พร้อมระเบิดออกมา และเขาก็ทำการทดสอบด้วยการพุ่งออกไปข้างหน้า

พื้นใต้เท้าของเขาแตกออกเป็นเสี่ยงขณะที่ความเร็วในการเคลื่อนไหวเพิ่มจากเดิมเป็นสามเท่าและเกือบทำให้ไปชนเข้ากับผนังฝั่งตรงข้ามที่อยู่ห่างออกไป 20 เมตร

เขาใช้สัมผัสกับความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้นและเริ่มทั้งท่าก่อนจะดีดตัวออกไปอย่างรวดเร็วโดยทิ้งไว้แต่เพียงรอยร้าวบนพื้นไว้เบื้องหลัง

เขาหมุนตัวกลางอากาศอยู่หลายครั้งก่อนจะร่อนกลับลงมาอย่างนิ่มนวล

วาห์นประหลาดใจกับความสามารถทางกายกรรมของตัวเองเพราะเขาไม่เคยให้ความสนใจกับค่าความว่องไวเหมือนกับค่าอื่นๆ มาก่อน

ความรู้สึกว่าร่างกายเบาขึ้นและกระดูกที่ยืดหยุ่นกว่าเดิมทำให้เขาตกตะลึง

หากสามารถอยู่ในร่างนี้ได้มากเท่าที่ต้องการ วาห์นรู้สึกว่าแม้แต่นักผจญภัยเลเวล 3 ส่วนใหญ่ก็คงต่อกรกับเขาไม่ได้

ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวและวาห์นก็ยิ้มออกมาพร้อมกับเปิดใช้ [จิตแห่งราชัน]

เขาผสานธาตุไฟเข้าไปในเขตแดนและเริ่มดูดซับมันเข้าร่างกายในปริมาณมาก

เส้นขนสีขาวหนาบนร่างกายของเขาเริ่มส่องแสงสีทองขณะที่ฝ่ามือกับกรงเล็บเริ่มแผ่ความร้อนรุนแรงออกมา

าห์นสูดหายใจเข้าลึกและพยายามปรับตัวให้ชินกับร่างแปลงและประสาทสัมผัสที่เพิ่มขึ้น

ทันใดนั้นเขาก็เปิดตาก่อนจะถีบตัวขึ้นจากพื้นด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี

วาห์นรู้สึกว่าร่างของตนกำลังพุ่งผ่านเยื่อหุ้มบางๆ ขณะที่กระแสอากาศระเบิดขึ้นรอบตัวเขา

วาห์นพุ่งต่อไปและทุบกำปั้นใส่ผนังหินของดันเจี้ยน พลังงานอันรุนแรงปะทุออกจากร่างของเขาและถูกส่งผ่านเข้าไปในผนังจนมันระเบิดออกในวินาทีต่อมา

การระเบิดทำให้ผนังมีรอยแตกที่คล้ายกับใยแมงมุม ขณะที่เพดานด้านบนถล่มลงมาเล็กน้อยเนื่องจากสูญเสียตัวรับน้ำหนักไป

วาห์นกระโดดไปด้านหลังและรอให้ฝุ่นจางก่อนจะมองไปยังที่พื้นที่ว่างเปล่าหลังผนังที่ถูกเขาทำลาย

จากสัมผัสพิเศษ เขารู้ว่านี่คือทางเดินที่ขนานคู่กับเส้นทางที่เขาอยู่ในตอนนี้ และวาห์นก็เริ่มกระจายสัมผัสของตนเข้าไปในห้องที่เปิดโล่ง

มีมอนสเตอร์อยู่หลายตัวอยู่ในนั้น ทั้งเฮลฮาวด์และอัลมิราจต่างอยู่ในสภาพตกใจจากการที่ผนังถล่มลงมาอย่างกะทันหันพร้อมกับจ้องมองไปทางผู้บุกรุก

เมื่อเห็นวาห์นโผล่ออกมาจากหลุม พวกมันก็เริ่มเข้าโจมตีในทันที

วาห์นยิ้มและกางแขนกว้างๆ ราวกับยอมรับคำท้าของพวกมัน

ออร่าที่เขาปล่อยออกมาจากร่างกายทำให้เส้นผมของเขาพริ้วไหวไปตามสายลมที่เกิดจากพลังเขตแดนขณะที่เขาก้มตัวไปข้างหน้าและพุ่งออกไปหามอนสเตอร์ด้วยมือเปล่า

หลังจากนั้นไม่กี่นาที วาห์นได้ทำการกวาดล้างทั่วทั้งห้องและได้รับมา 611 OP จากความพยายาม

เขายิ้มและมองไปที่เพดานก่อนจะส่ายหัว

ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาถอยกลับแล้ว วาห์นตัดสินใจว่าจะยังไม่ออกจากดันเจี้ยนและยังคงเดินหน้าต่อเพื่อไปให้ถึงชั้นที่ 18

เขาจะไปอาศัยอยู่ที่นั่นจนกว่าภารกิจจะสำเร็จ วิธีนี้จะช่วยให้เขาแข็งแกร่งได้เร็วกว่าเดิมและทำให้เขามีเวลาในการปลุกร่างแปลงอื่นๆ ขึ้นมา

หากสามารถไปถึงจุดที่เขาไหลเวียนเปลวเพลิงของนกไฟได้ สิ่งที่จะมาหยุดยั้งการเติบโตในอนาคตของเขาคงจะเหลืออยู่เพียงไม่กี่อย่าง…

(TL: ชื่อตอนสำรอง: ‘บางทีอาจจะไม่ใช่แค่ระยะเดียวก็เป็นได้’, ‘ลางบอกเหตุของมิลาน’, ‘RIP เฮเฟสตัส’)
—————

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท