Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 76

ตอนที่ 76

วาห์นใช้เวลาหลายนาทีเพื่อปลอบเฮเฟสตัสที่กำลังร้องไห้

เมื่อเธอสงบลงแล้วก็เริ่มถามเขาในทันทีว่าใช้วิธีอะไรในการรักษาดวงตาของเธอที่แม้แต่พลังของเหล่าทวยเทพก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้

เขาอธิบายไปว่าตัวเองสามารถรักษาบาดแผลและรอยแผลเป็นได้โดยใช้สกิลที่มีชื่อว่า [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] บวกกับสกิลฟื้นฟูอื่นๆ ที่มี

สิ่งที่ไม่ได้บอกเธอก็คือเขาได้ผสานเลือดตัวเองเข้าไปในสกิลโดยใช้ ‘เพลิงนิรันดร์’ ทำให้มันระเหยออกมาเป็นไอ

วาห์นสงสัยว่าเลือดของตนน่าจะสามารถลบรอยแผลเป็นได้และดีใจมากที่พบว่าการคาดเดาของตัวเองนั้นถูกต้อง

เฮเฟสตัสคิดว่าน่าจะมีอะไรมากกว่าที่เขาเล่ามา แต่ในตอนนี้ ความเชื่อใจในตัววาห์นนั้นมีมากกว่าความสงสัยของเธอเสียอีก

เธอรู้ว่าเขาจะบอกเธอเองเมื่อถึงเวลาสมควร

พอเห็นความเป็นห่วงและความเอาใจใส่ในแววตาของเขา เธอก็ฝังความกังวลไว้ก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะ

เธอเดินเข้าไปใกล้ๆ และโผกอดวาห์นอย่างแนบชิด

เธอไม่เคยรู้สึกขอบคุณใครมากขนาดนี้ในตลอดช่วงเวลาหลายล้านปีตั้งแต่ที่เธอถือกำเนิดขึ้นมา

วาห์นกอดตอบและรู้สึกได้ถึงสัมผัสเชื่อมโยงที่ทั้งสองมีให้กันนั้นเพิ่มสูงขึ้นพร้อมกับที่ ‘เพลิงนิรันดร์’ ในใจของเขาสั่นไหวไปมาอย่างตื่นเต้น

ทั้งสองยังคงกอดกันไปอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งเฮเฟสตัสผละตัวออกมาเล็กน้อยโดยที่ยังจับเขาอยู่

เนื่องจากเธอสูงกว่าวาห์นถึง 15 ซม. จึงสร้างความรู้สึกแปลกๆ เมื่อกอดเด็กที่หนุ่มตัวเล็กกว่า เพราะใบหน้าของเขาอยู่ในระดับเดียวกับหน้าอกเธอเท่านั้นเอง

เธอไม่ได้สนใจมากนักแต่พอรู้สึกถึงลมหายใจที่มาสัมผัสกับผิวกาย มันก็ทำให้หัวใจของเฮเฟสตัสเต้นแรงขึ้น

หลังจากรักษาระยะห่างเล็กน้อย เฮเฟสตัสก็จับจ้องไปที่วาห์นก่อนที่จะเอนตัวไปข้างหน้าและจุมพิตไปที่หน้าผากของเขา

“ฉันจะรอจนกว่านายจะทำตามที่สัญญาไว้ได้นะ”

เฮเฟสตัสยิ้มก่อนจะกล่าวต่อ

“แต่อย่าให้รอนานนักล่ะ”

จากนั้นเธอก็กอดเขาอย่างแนบแน่นก่อนจะปล่อยเด็กหนุ่มที่กำลังงุนงง

เขาลูบหัวตัวเองแบบเอ๋อๆ ก่อนจะยิ้มออกมาและมุ่งหน้าออกจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว

หัวใจของเขากำลังเต้นแรงมากและเขาต้องการเร่งการออกเดินทางเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในทันที

เฮเฟสตัสมองเขาจากไปและทรุดลงไปนั่งบนเก้าอี้ของตัวเอง

เธอวางศีรษะไว้บนโต๊ะทำงานและเริ่มเล่นแผนผังที่ทำค้างเอาไว้

เธอถอนหายใจก่อนจะโทษวาห์นในใจ

“แล้ววันนี้เราจะทำงานเสร็จไหมเนี่ย…”

เฮเฟสตัสยังคงวุ่นอยู่กับเอกสารไปมาก่อนจะรู้สึกเบื่อหน่าย

เธอเริ่มปิดตาลงและฟังเสียงจังหวะหัวใจของวาห์นและดื่มด่ำไปกับความรู้สึกตื่นเต้นของเขาพร้อมรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าอันไร้ที่ติ

วาห์นวิ่งไปทางหอคอยบาเบลอย่างรวดเร็ว

ฝูงชนเปิดทางให้กับเขาผ่านขณะมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาใคร่รู้

จากมุมมองของพวกเขา พวกเขาเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาและมีสีหน้ายิ้มแย้มกำลังวิ่งผ่านการจราจรในเมืองอย่างไม่สนใจสิ่งรอบตัว

สาวๆ บางคนสังเกตเห็นเด็กหนุ่มและรู้สึกคล้อยตามไปกับบรรยากาศที่วาห์นเปล่งออกมา

พวกเธอจึงส่งรอยยิ้มไปทางเขาและพยายามให้เขามาสนใจ

วาห์นพยักหน้าให้กับทุกคนที่สบสายตากับเขาแต่ก็ยังคงมุ่งหน้าต่อไปโดยไม่หยุดแม้ก้าวเดียว

เขามาถึงจัตุรัสด้านนอกหอคอยบาเบลเร็วกว่าครั้งไหนๆ ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นไปที่หอคอยสูงเสียดฟ้า

ไม่มีอะไรต้องลังเลอีกแล้ว วาห์นเริ่มเดินเข้าไปข้างในก่อนจะมีความคิดอย่างหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว

เขาหันกลับไปข้างหลังและเพิ่งนึกออกว่ายังไม่ได้แวะไปหามิลานกับทีน่าเลย

เขาครุ่นคิดว่าควรจะกลับไปดีหรือไม่

แต่เมื่อมาถึงตรงนี้แล้วพร้อมกับมีแรงผลักดันมากมาย เขาจึงไม่อยากกับออกไปก่อนที่ยังไม่ได้เข้าไปในดันเจี้ยนสักชั้นเลย

วาห์นส่ายหัวและเข้าสู่ดันเจี้ยนชั้นที่หนึ่งของหอคอยบาเบลพร้อมตัดสินใจว่าจะซื้อของขวัญให้กับทีน่าในภายหลัง

เนื่องจากเธอไม่รู้ว่าเขาอยู่แถวนี่ดังนั้นเธอก็คงจะว่าอะไรไม่ได้

ทว่าตอนที่เขากำลังวิ่งตามถนนนั้น เด็กสาวมนุษย์แมวตัวน้อยที่มีเส้นผมสีน้ำตาลได้พยายามทักเขาแต่กลับไม่สำเร็จ

เธอจ้องมองมาอย่างคาดโทษก่อนที่ร่างนั้นจะหายไปในเวลาเดียวกับที่เธอกระทืบเท้าเสียงดัง (TL: RIP วาห์น)

ก่อนที่เขาจะมุ่งหน้าเข้าสู่ดันเจี้ยน วาห์นได้เดินไปที่เคาน์เตอร์จัดหาข้อมูลและซื้อแผนที่กับหนังสือสรุปทั้งหมดตั้งแต่ชั้นแรกถึงชั้นที่ 18

นอกจากนี้เขายังลงบันทึกข้อมูลตัวเองและพอพนักงานกิลด์สังเกตเห็นเขาเขียนฉายา ‘วัลแคน’ ลงไป พนักงานคนนั้นก็มองมาทางเขาแบบแปลกๆ ก่อนจะอวยพรให้เขาโชคดี

วาห์นกล่าวขอบคุณแต่หลังจากมองเห็นออร่าสีเทาที่ออกมาจากตัวของพนักงาน เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป

วาห์นไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรให้ชายหนุ่มไม่พอใจ แต่เขาก็เริ่มเตรียมใจสำหรับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตไว้แล้ว

เขารู้ว่าฉายาของตัวเองนั้นจะดึงดูดทั้งเจตนาดีแจะไม่ดีจากจากผู้คนรอบตัว

พนักงานคนนั้นอาจเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ไม่พอใจกับชื่อเสียงที่พุ่งขึ้นมาของเขาหรืออาจจะอยู่ในกลุ่มที่วางแผนทำร้ายเขาในอนาคต

แต่โชคร้ายหน่อยที่วาห์นสามารถมองเห็นเจตนาของพวกเขาผ่านทางออร่าได้ ดังนั้นเขาจะไม่ถูกหลอกง่ายๆ เด็ดขาด

หลังจากเข้าสู่ชั้นแรกของดันเจี้ยน วาห์นก็สูดหายใจเอาอากาศที่อับชื้นและหนาวเหน็บเข้าไปแบบลึกๆ

นี่เป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือนที่เขาได้เข้ามาสำรวจดันเจี้ยนคนเดียว

เขาอยากเห็นว่าตนเองจะไปได้ไกลขนาดไหนก่อนจะต้องหันหลังกลับ

ด้วยรอยยิ้มมั่นใจบนใบหน้า วาห์นออกเดินก้าวแรกสู่ความพยายามครั้งที่สองเพื่อพิชิตดันเจี้ยนแห่งนี้

ระหว่างความพยายามในครั้งนี้ วาห์นต้องการสำเร็จภารกิจให้สำเร็จเนื่องจากเขาใกล้ถึงขีดจำกัด 100,000 OP ไปมากแล้ว

ตั้งแต่ที่เขารับภารกิจมาก็ปาเข้าไปเกือบสองเดือนและตอนนี้วาห์นได้ใช้ไปทั้งหมด 81,700 OP จาก 100,000 OP ที่กำหนด

ถ้าหากไม่ทำภารกิจนี้ให้สำเร็จในเร็ววัน เขาจะต้องพบกับปัญหามากมายหากต้องการใช้ระบบร้านค้าในอนาคต

(TL: เตือนความจำให้กับคนที่ลืมภารกิจนี้ไปแล้วนะครับ)

———————————————————————————————

[เควส: การกำเนิดของผู้เป็นตำนาน]

ระดับ: SS

วีรบุรุษผู้มีชื่อเสียงตามอาวุธที่เขาใช้ แม้แต่สไควร์ผู้ต่ำต้อยก็สามารถกลายเป็นตำนานได้เมื่อกวัดแกว่งดาบที่ถูกตีขึ้นโดยฝีมือของทวยเทพ เงื่อนไข: แลกเปลี่ยนแต้ม 1,000,000 OP กับระบบเพื่อรับอาวุธแบบสุ่มหนึ่งชิ้น

รางวัล: ‘ปลดล็อคระบบกาชา’ หมุนกาชาพรีเมี่ยม 10+1 ครั้ง, ค่ากรรม 1000 แต้ม

เงื่อนไขความล้มเหลว: เสียชีวิต, ระยะเวลาผ่านไป 12 เดือน เหลืออีก [302 วัน 16 ชั่วโมง 28 นาที], ใช้จ่ายแต้มเกิน 100,000 OP [81,700/100,000]

ผลจากความล้มเหลว: ไอเท็มทั้งหมดที่อยู่ภายในช่องเก็บของจะถูกทำลาย ไม่สามารถใช้ระบบร้านค้าได้ 12 เดือน ไอเท็มที่สวมใส่ปัจจุบันจะถูกสาปเป็นระยะเวลา 1 เดือน [ไอเท็มที่ถูกสาปจะไม่สามารถถอดออกได้]

———————————————————————————————

เนื่องจากวาห์นต้องการใช้ความพยายามครั้งนี้มาเป็นตัววัดการเติบโตของเขา เขาจึงตัดสินใจที่จะเคลียร์แต่ละชั้นลงมาตามลำดับแทนที่จะข้ามไปชั้นสุดท้ายที่เคยไปถึงล่าสุด

มีสกิลมากมายที่เขาต้องพัฒนาแบบลับๆ เนื่องจากไม่สามารถใช้มันตอนที่ลิลลี่อยู่ด้วยได้

เขาอยากจะทดลองใช้มันตอนนี้เพื่อตรวจสอบการทำงานก่อนที่จะเผชิญหน้ากับภัยคุกคามของจริง

อันดับแรกคือสิ่งที่วาห์นค้นพบเมื่อไม่นานมานี้และเป็นการใช้งานร่วมกับแขตแดนของสกิล [จิตแห่งราชัน] โดยทำให้เขาสามารถเก็บไอเท็มที่มีร่องรอยของเวทมนตร์ได้โดยอัตโนมัติ

ตราบใดที่วาห์นสัมผัสได้ถึงสิ่งของในเขตแดน เขาก็สามารถเล็งออร่าไปที่วัตถุชิ้นนั้นและเก็บมันเข้าไปในช่องเก็บของได้

สิ่งที่มีประโยชน์ที่สุดของวิธีนี้ก็คือวาห์นสามารถเก็บอาวุธของตนได้ในทันที หากเขาเกิดทิ้งหรือโยนมันออกไปชั่วคราวในระหว่างการต่อสู้

วาห์นเดินทางผ่านสี่ชั้นแรกของดันเจี้ยนได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

แม้ว่าค่าสถานะของเขาจะไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนตอนที่เข้าดันเจี้ยนครั้งแรก แต่สัมผัสการรับรู้และเทคนิคของเขานั้นได้พัฒนาขึ้นเป็นอย่างเห็นได้ชัด

หลังได้สู้กับปาร์ตี้ 5 คนนั้น วาห์นก็ขัดเกลาสกิล [ย่างก้าวไร้สัมผัส] ไปจนถึงระดับ C ทำให้รับมือเครื่องฝึกได้จนถึงระดับที่ 7

ตอนนี้การเคลื่อนไหวของเขาไม่อาจถูกยับยั้งได้โดยมอนสเตอร์และยังมุ่งหน้าสังหารพวกที่เข้ามาขวางทางได้อย่างหมดจด

หลังจากผ่านชั้นที่ 5 ในแบบเดียวกับชั้นก่อนๆ ในที่สุดวาห์นก็มาถึงชั้นที่ 6 ซึ่งเขาจะได้พบกับความท้าทายของจริงเป็นครั้งแรก

ไม่ใช่ว่ามอนสเตอร์ในชั้นนี้จะกลายมาเป็นอุปสรรคของเขา แต่เพราะวาห์นมีความแค้นกับเหล่าวอร์ชาโดว์ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ของนาซ่า

เขาจึงต้องการกวาดล้างพวกมันให้มากที่สุดขณะทดสอบความสามารถลับที่สองที่เขาพัฒนาขึ้นหลังจากได้รับ [หัวใจของเพลิงนิรันดร์]

วาห์นได้เรียนรู้จากหนังสือบทสรุปเกี่ยวกับ ‘ห้องแหล่งอาหาร’

แม้ว่าส่วนหลักจะไม่ปรากฏออกมาจนกว่าจะถึงชั้น 7 แต่มันก็มีพื้นที่ย่อยในชั้นที่ 6 ซึ่งวอร์ชาโดว์และมอนสเตอร์ตัวอื่นๆ จะไปกระจุกรวมกัน

พวกมันจะรวมตัวกันเพื่อกัดกินสสารที่ถูกปล่อยออกมาจากโครงสร้างผลึกคริสตัล และที่นั่นถือเป็นเขตหวงห้ามสำหรับกลุ่มนักผจญภัยกลุ่มเล็กๆ

เป็นเรื่องพอดีมากที่สกิลใหม่ของเขานั้นเหมาะกับการต่อสู้กับศัตรูกลุ่มใหญ่และวาห์นพบว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทดสอบสมมุติฐานของเขา

เขาไม่สนใจคำเตือนจากหนังสือและเดินตามทางแผนที่ชั้นหกจนมาถึงห้องแหล่งอาหาร

มีเสาคริสตัลมากมายแทงทะลุขึ้นมาจากพื้นของดันเจี้ยนซึ่งมีสีเขียวประหลาดคล้ายกับตัวผนัง

รอบด้านเสาคริสตัลเต็มไปด้วยมอนสเตอร์หลายสิบตัวรวมไปถึงวอร์ชาโดว์ทั้งหมด 9 ตัวที่กำลังล้อมรอบเสาคริสตัลพร้อมกับขับไล่มอนสเตอร์ชนิดอื่น

วาห์นดำเนินการตามแผนและลดเขตแดนของตนให้อยู่ในระยะ 10 เมตรซึ่งเป็นระยะสูงสุดที่เขาสามารถใช้ความสามารถใหม่ได้สำเร็จ

เขาเริ่มเปิดใช้งาน ‘เพลิงนิรันดร์’ ภายในใจขณะที่ร่างของเขาเริ่มสูบฉีดเลือดที่มีอัดแน่นไปด้วยพลังงาน

ธาตุไฟที่อยู่ในอากาศเริ่มควบแน่นและเขตแดนก็กลายเป็นสีทองสลัวที่ลุกไหม้จนผนังและพื้นดันเจี้ยนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ

วาห์นยังคงดูดซับธาตุไฟและไหลเวียนมันไปทั่วร่างของเขาโดยตรง

ตอนนี้ร่างของเขามีคุณสมบัติต้านทานไฟที่มีระดับพลังวิญญาต่ำกว่า 4 ทั้งหมด

วาห์นพบว่าร่างของเขายังดูดซับความร้อนได้อย่างดีเยี่ยมโดยไม่มีผลข้างเคียง

การค้นพบนี้เกิดขึ้นจากการที่เขาแช่อยู่ในออนเซ็นตอนกลางคืนขณะที่สึบากิก็พยายามจะลงมาแช่ร่วมกันกับเขา

ในตอนที่เอาเท้าจุ่มลงไป เธอก็รีบชักเท้ากลับเนื่องจากอุณหภูมิอันร้อนจัดที่วาห์นรู้สึกว่ามัน ‘พอดี’ กับตัวเอง

ก่อนที่สึบากิจะมาถึง เขาได้ใส่คริสตัลมากมายเพื่อทำให้น้ำอยู่ในสภาวะเกือบถึงจุดเดือด

ตั้งแต่นั้นมาเขาก็เลยลองดูว่าจะสามารถไหลเวียนผล ‘การเผาไหม้’ ของ [หัวใจของเพลิงนิรันดร์] เข้าไปในร่างของตัวเองได้หรือเปล่า

ขณะที่ยังคงดูดซับพลังงานธาตุไฟเข้ามาในร่าง เขาก็มองเห็นว่าเส้นเลือดในแขนของตนเริ่มเปล่งประกายออกมาจนทำให้นึกถึงเลือดสีทองจากชีวิตก่อน

แม้จะไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ยังคงไหลเวียนพลังงานต่อไปเพื่อดูว่าจะประยุกต์ใช้ผลของมันได้มากน้อยแค่ไหน

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที ผิวหนังของเขาก็เปล่งประกายราวกับโลหะที่ร้อนจัดพร้อมกับที่มือของเขากลายเป็นสีทองเจิดจรัสและเริ่มละลายถุงมือเหล็กที่ใส่อยู่

เมื่อเห็นฉากประหลาดนี้ วาห์นก็เริ่มรู้สึกว่าเสื้อผ้าที่ใส่อยู่กำลังแห้งกรอบและเริ่มมีควันขึ้น

เขาเริ่มซื้อเสื้อผ้าต้านทานไฟและเรียนรู้ที่จะไหลเวียนพลังงานนั้นไปที่แขนแทนที่จะเป็นทั่วทั้งร่างของตนตั้งแต่เริ่มฝึกวิชานี้

ตอนนี้เขาสามารถบีบอัดพลังได้มากขึ้นขณะยังคงรักษาเขตแดนรอบตัวไว้ได้อย่างสมบูรณ์ในระยะ 10 เมตร

ทุกสิ่งที่อยู่ภายในเขตแดนจะถูกเผาไหม้ขณะที่พลังงานธาตุไฟในอากาศจะชอนไชเข้าไปทั่วร่างของศัตรู

แน่นอนว่านั่นรวมถึงเนื้อเยื่อและอวัยวะภายในที่เปราะบางต่างๆ เช่น ดวงตา จมูก และหูของมอนสเตอร์ด้วยเช่นกัน

สิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่ยังรอดชีวิตจากการเผาไหม้จะถูกจัดการด้วยการโจมตีและจากดาบของวาห์นที่มีคุณสมบัติเผาไหม้เช่นเดียวกัน

ในเวลานี้เอง เหล่ามอนสเตอร์ทั้งหลายเริ่มรับรู้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป

พวกมันหันไปทางเด็กหนุ่มที่เปล่งประกายไปด้วยแสงสีทองที่เริ่มทำให้ทุกอย่างสว่างไปหมด

ด้วยความโกรธที่ถูกรบกวนเวลาอาหาร มอนสเตอร์ทั้งหมดก็เริ่มพุ่งเข้าใส่ผู้บุกรุกอย่างรุนแรง

อย่างแรกที่มาถึงคือพวกวอร์ชาโดว์ที่เป็นเป้าหมายหลักของของวาห์น

พอพวกมันเข้ามาในพื้นที่เขตแดนก็เริ่มกรีดร้องออกมาและพยายามปกป้องคริสตัลที่อยู่ตรงส่วน ‘ดวงตา’

พวกมันพยายามใช้กรงเล็บเพื่อป้องกันจุดอ่อนจากการถูกความร้อน แต่สิ่งที่รอพวกมันอยู่ก็คือนิ้วเปลวเพลิงของวาห์นที่แทงลึกเข้าไปในร่างกายอันไร้การป้องกัน

มันคล้ายคลึงกับวิธีที่ไวท์ชาโดว์ใช้เพื่อทรมานนาซ่าและวาห์นก็ค่อยๆ แยกส่วนร่างกายของเหล่าชาโดว์อย่างช้าๆ

ปกติแล้วพวกมันจะสามารถงอกอวัยวะและกลับมาสู่สภาพปกติได้ แต่ตอนนี้พวกมันไม่สามารถทำแบบนั้นได้ในทันทีเนื่องจากการค้นพบอย่างที่สามของวาห์น

เขารู้แล้วว่า ‘พลังงานต้นกำเนิด’ ในร่างของตนนั้นมีคุณสมบัติยับยั้งผลของมานาและเวทมนตร์บนโลกใบนี้

หากเขาใช้สกิลหรือความสามารถเดียวกันกับคนอื่น สิ่งที่เข้าใช้จะได้ผลลัพธ์ที่สูงกว่ามากแม้ระดับของสกิลหรือเวทมนตร์จะเท่ากันก็ตาม

เนื่องจากร่างของวอร์ชาโดว์มีพื้นฐานมาจากเวทมนตร์ บาดแผลใดก็ตามที่วาห์นสร้างขึ้นนั้นจะฟื้นฟูได้ช้ากว่าปกติ

แต่ในทางกลับกัน ผลของ ‘การเผาไหม้’ จากฝีมือวาห์นจะเร่งให้เกิดความเสียหายมากขึ้นขณะที่พวกมันได้แต่พยายามหลบหนีจากสัตว์ประหลาดที่อยู่ตรงหน้าอย่างสิ้นหวัง

เวลานี้ มอนสเตอร์ทุกตัวที่พยายามเข้ามาช่วยก็ต้องจบลงด้วยการนอนลุกไหม้อยู่บนพื้น

มอนสเตอร์บางตัวที่อ่อนแอกว่าถึงกับเริ่มเหี่ยวแห้งขณะที่ดวงตาของพวกมันถูกเผาทำลายจนดำสนิท

วาห์นยังคงไล่สังหารมอนสเตอร์ทุกตัวที่เข้ามาในห้องแหล่งอาหารจนกระทั่งความโกรธของเขาเริ่มสงบลง

วันนั้นเขาได้สังหารวอร์ชาโดว์ไปทั้งหมด 43 ตัวและฝูงมอนสเตอร์อื่นๆ อีกกว่า 300 ตัว

พอคำนวณจากของดรอปแล้ว วาห์นได้มาทั้งหมด 4,760 OP ก่อนที่เขาจะไปตั้งแคมป์อยู่ตรงทางเดินที่เชื่อมกับบันไดไปยังส่วนอื่นของดันเจี้ยน

(TL: ชื่อตอนสำรอง: ‘ใจเย็นก่อนนะไอ้หนู…’, ‘ทั่วทั้งโลกจะกลายเป็นเถ้าถ่าน, จงเผาไหม้ [หัวใจของเพลิงนิรันดร์]’, ‘ศัตรูตามธรรมชาติของฟร็อกชูตเตอร์’, ‘RIP วาห์น’, ‘ไชน์นิ่งฟิงเกอร์!!’)

—————

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท