Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 105

ตอนที่ 105

วาห์นรีบทรงตัวก่อนจะมองกลับไปที่เลฟิย่าที่ยังคงจ้องมองเขาด้วยสายตากล่าวหา

เมื่อเห็นสีหน้าของเธอ วาห์นก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างในใจของเขากำลังจมหายไป

เขาเริ่มคิดว่าทุกอย่างที่กำลังจะพูดออกไปนั้นคงฟังเหมือนคำแก้ตัวซะมากกว่า

“ขอโทษนะ… ฉันแค่ไม่ชอบเวลาเห็นคนเสียใจ”

สีหน้าของเลฟิย่าดูอ่อนลงไปถนัดตา แต่ไม่นานคิ้วของเธอก็ขมวดขึ้นมาอีกครั้ง

“ทำไมทุกคนที่นายอยาก ‘ปลอบใจ’ ถึงมีแต่ผู้หญิงล่ะ? ฉันแน่ใจนะว่ามีทั้งผู้ชายและผู้หญิงมากมายในกลุ่มที่อยากให้นาย ‘ช่วย’ น่ะ”

เลฟิย่าพูดอย่างเน้นคำขณะยังคงจ้องมองท่าทางเลิกลั่กของเขา

ที่จริงแล้ววาห์นกำลังใคร่ครวญคำพูดของเธออยู่

เขาเริ่มหันหัวไปและเห็นผู้คนมากมายที่ดูเป็นกังวลหรือไม่ก็เริ่มกลับมาหวาดกลัวอีกครั้ง

วาห์นรู้แล้วว่าเลฟิย่าไม่ได้พูดผิดไปซะทั้งหมด

เขานั้นเอาแต่มุ่งความสนใจไปยังตัวละครที่เขารู้จักจากในเนื้อเรื่องแทนที่จะสนใจทุกๆ คนอย่างเท่าเทียม

พอตระหนักถึง ‘ความผิดพลาด’ ของตัวเอง วาห์นก็เริ่มผสาน [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เข้าไปในเขตแดนแบบเต็มกำลัง

ออร่าสีขาวอ่อนโยนและแทบจะไม่มีใครสัมผัสได้เริ่มกระจายออกไปทั่วทางเดิน

กลุ่มนักผจญภัยด้านหลัง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตนกลับมามีเรี่ยวแรงอีกครั้ง

เหล่าเงามืดที่คืบคลานเข้ามาในจิตใจของพวกเขาก็เริ่มสลายหายไปด้วยพลังงานที่แสนอบอุ่น

เลฟิย่าสังเกตเห็นการกระทำของวาห์นและถอนหายใจลึกยิ่งกว่าเดิม

เธอพึมพำด้วยน้ำเสียงเงียบๆ ที่แม้แต่วาห์นเองก็ไม่ได้ยิน

“แบบนี้เอง นายก็แค่ทึ่มไปหน่อยสินะ…”

เลฟิย่าคิดว่าวาห์นเป็นคนประเภทที่คอยเอาแต่วิ่งไล่จับผู้หญิงไปวันๆ

แต่พอนึกย้อนไปถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับเขา เธอกลับสรุปได้ว่าเขาแค่ไม่ได้ให้ความสนใจกับหลายๆ เรื่องเท่านั้นเอง

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีสามัญสำนึกแบบที่คนทั่วไปควรจะมี

แม้แต่เธอเอง ผู้ที่เติบโตมาในสังคมเล็กๆ ยังมีสามัญสำนึกมากกว่าเขาสียอีก

เลฟิย่ารู้สึกว่าวาห์นดูเหมือนเด็กเล็กๆ จากหลายๆ เรื่องที่เขาแสดงออกมา หรือแม้แต่กระทั่งตอนที่เขาเข้ามาอาบน้ำด้วยก็เช่นกัน

ดูเหมือนว่าเขาจะมีภูมิคุ้มกันอย่างสมบูรณ์ต่อหญิงสาวในสภาพเปลือยเปล่าและสามารถอยู่ใกล้กับพวกเธอได้โดยไม่คิดอะไรเกินเลย

จนกระทั่งพอถูกทีโอน่าจูบเข้าไป เขาถึงเริ่มไม่แน่ใจกับการกระทำของตัวเอง

เธอเริ่มสงสัยว่าแล้วว่าเด็กหนุ่มคนนี้ใช้ชีวิตมาแบบไหนถึงได้ไร้ซึ่งทักษะการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอย่างสิ้นเชิง

พอคิดไปคิดมาเธอเองก็เริ่มจะสงสารวาห์นขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว… และรู้สึกว่าหากคนที่เขาพบเจอไม่ใช้ไอส์กับทีโอน่า เขาก็คงจะถูกหลอกใช้ประโยชน์และทนทุกข์เพราะความใจดีของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว

วาห์นใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งทุกคนมาถึงตำแหน่งที่วางแผนไว้

พวกเขาได้ยินเสียงของการต่อสู้จากบริเวณใกล้เคียงรวมถึงความสั่นสะเทือนที่เกิดจากการโจมตีอย่างรุนแรงบนพื้นดันเจี้ยนได้อย่างชัดเจน

ทุกคนเริ่มแบ่งกันออกไปเป็นกลุ่มเล็กๆ และกระจายตัวไปรอบๆ ทางเดินที่ ‘กองหน้า’ จะล่อจักเกอร์นอตเข้ามา

ความตึงเครียดเริ่มพุ่งสูงขึ้นขณะที่ทุกคนเตรียมอาวุธโจมตีระยะไกลและคาถาป้องกันตัวต่างๆ

วาห์นได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นหน่วยสนับสนุน ดังนั้นเขาจึงไปประจำอยู่ที่ด้านหลังกลุ่มกับเลฟิย่าและริเวเรีย

ทีโอเน่และทีโอน่านั้นจะซุ่มอยู่ที่ด้านข้างของทางเข้าและเตรียมตีขนาบจักเกอร์นอตทันทีที่มันเข้ามาในห้อง

ริเวเรียเริ่มร่ายคาถาป้องกันแบบทางเดียวซึ่งมันจะปกป้องปาร์ตี้จากการโจมตีแต่ก็ยอมให้การโจมตีของปาร์ตี้นั้นทะลุออกไปข้างนอกได้

จากนั้นเธอก็เริ่มร่ายเวทเสริมพลังที่ส่งผลแบบวงกว้างและใช้มันกับเหล่านักผจญภัยในกลุ่ม

ก่อนที่เลฟิย่าจะเริ่มใช้เวทมนต์สนับสนุนออกไปบ้าง เธอก็มองมาทางวาห์น

“วาห์น ไม่ว่าอะไรจะเกิดอะไรขึ้น นายก็ต้องรอดไปให้ได้นะ ไม่ใช่แค่เรื่องในคราวนี้ แต่รวมไปถึงทุกเรื่องที่อาจเกิดขึ้นต่อๆ ไปด้วย”

เลฟิย่าเองก็เชื่อว่าต่อไปวาห์นอาจได้เป็นวีรบุรุษแบบที่ทีโอเน่คิดไว้

บุคลิกอันไร้เดียงสาของเขารวมกับความปรารถนาที่อยากจะแข็งแกร่งขึ้นและปกป้องผู้อื่นนั้นทำให้เธอรู้สึกได้เลยว่า ตราบใดที่มีชีวิตยืนยาว เขาจะช่วยชีวิตผู้คนได้นับไม่ถ้วนในวันข้างหน้า

แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไอส์จะทำให้เธอหงุดหงิดแต่เธอก็ไม่อยากเห็นเขาตายด้วยเหตุที่ว่าตอนนี้เขายังอ่อนแออยู่มาก

วาห์นส่งรอยยิ้มสดใสให้กับเลฟิย่าก่อนที่ร่างกายของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นร่างพยัคฆ์ขาวอย่างรวดเร็ว

“ขอบใจนะเลฟิย่า ฉันสัญญาว่าจะต้องรอดไปให้ได้”

จากนั้นวาห์นก็นำคันธนูออกมาและขึ้นลูกศรมิธริลเพื่อเตรียมรับศึก

เลฟิย่ารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นการแปลงร่างของเขาแบบใกล้ๆ แม้จะเคยเห็นมันไปแล้วก็ตาม

การแปลงร่างนี้ดูเหมือนจะเพิ่มคุณสมบัติหลายอย่างมาด้วยซึ่งทำให้เขาดู ‘ดิบเถื่อน’ และมีความมั่นใจมากขึ้น

ราวกับว่าพอรูปร่างเปลี่ยนไป ลักษณะท่าทางรวมถึงจิตใจบางส่วนของเขาก็เปลี่ยนตามไปด้วย

“เลฟิย่า มาช่วยกันหน่อย เราเหลือเวลาไม่มากแล้วนะ”

ริเวเรียเริ่มรู้สึกรำคาญกับการที่วาห์นทำให้สาวๆ ในปาร์ตี้เสียสมาธิ

เธอเห็นด้วยว่าเขามีหลายแง่มุมที่ดูน่าทึ่ง แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะส่งอิทธิพลกับเหล่านักผจญภัย ‘เจนสนาม’ ได้มากมายขนาดนี้

เธอรู้สึกว่าถ้าหากไม่พูดอะไรออกไปก็คงจะต้องร่ายเวทให้กับทั้งปาร์ตี้ด้วยตัวคนเดียวขณะที่เลฟิย่าเอาจ้องมองวาห์นอย่างเหม่อลอย

เลฟิย่าสะดุ้งหลังได้ยินน้ำเสียงเย็นๆ ของริเวเรีย

เธอเริ่มร่ายเวทอย่างรวดเร็วโดยเริ่มจากกลุ่มที่อยู่ปีกซ้ายขณะที่ริเวเรียให้ความสนใจกับทางปีกขวา

ภายในไม่กี่นาทีต่อมาทุกคนก็อยู่ในสภาพพร้อมแล้ว ในขณะที่แรงสั่นสะเทือนได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

ตอนนี้ทีม ‘ซุ่มโจมตี’ สัมผัสได้ถึงแรงระเบิดจากการโจมตีและแรงกระแทกแต่ละครั้งได้อย่างชัดเจน

ภายในไม่กี่อึดใจ ไอส์ก็โผล่ออกมาจากทางเดินและทุกคนก็เห็นสภาพเปรอะเลือดและมีรอยช้ำเล็กน้อยของเธอ

พอวาห์นเห็นสภาพของเธอแล้วก็เกือบจะวิ่งออกไปช่วย แต่ริเวเรียกลับตะโกนห้ามไว้ก่อน

“เดี๋ยว วาห์น ทำตามแผนไม่งั้นเธอจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงกว่านี้!”

คำสั่งของริเวเรียนั้นเฉียบคมมากจนวาห์นไม่สามารถวิ่งไปต่อได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว

หลังจากที่ไอส์ปรากฏตัวได้ไม่นาน เบตและฟินน์ต่างก็โผล่ออกมาจากทางเดินในสภาพไม่ต่างกันนัก

ฟินน์ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยและเขาก็เริ่มตะโกนออกไปทางกลุ่ม ‘ซุ่มโจมตี’ ทันที

“เตรียมตัวให้พร้อม!”

หลังจากตะโกนเสร็จ ฟินน์ก็หมุนตัวไปและลดหอกลงต่ำขณะรอให้มอนสเตอร์ที่กำลังคำรามเสียงดังปรากฏตัวออกมา

เบตและไอส์เริ่มเทโพชั่นใส่แผลเพื่อเตรียมเข้าร่วมการต่อสู้อีกครั้ง

พอผ่านไปประมาณยี่สิบวินาที ร่างเล็กๆ ก็ออกมาจากทางเดินด้วยความเร็วสูง

พอเข้ามาในระยะ 15 เมตร วาห์นจึงจำได้ร่างเล็กๆ นั่นก็คือแกเร็ธ

ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่กว่าคนอื่นๆ มาก

เกือบจะทันทีหลังจากที่แกเร็ธเข้ามาในห้อง มอนสเตอร์ที่เคลื่อนไหวได้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อก็โผล่ตามเข้ามา

วาห์นจำร่างของจักเกอร์นอตที่ดูเหมือนโครงกระดูกและยาวประมาณ 10 เมตรได้ทันที

ใบหน้าของมันยังคงหายไปครึ่งหนึ่งเหมือนเดิม และตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะถูกปกคลุมไปด้วยบาดแผลมากมาย

บรรยากาศในห้องเริ่มตึงเครียดอย่างรุนแรงในขณะที่สองสาวชาวอเมซอนพุ่งออกไปโจมตีที่ด้านข้างของมัน

ทีโอน่ากวัดแกว่ง ‘เออร์ก้า’ อันใหญ่โตของเธอและโจมตีอย่างรุนแรงเข้าไปที่ลำตัวของมัน

ขณะที่ทีโอเน่ผู้เป็นพี่สาวพยายามตัดขาข้างหนึ่งของมันออก

โชคไม่ดีที่การโจมตีของทั้งสองดูจะส่งผลกับมันน้อยมาก

มีดของทีโอเน่แทบจะไม่ทิ้งรอยขีดข่วนบนขาบางๆ ของมันเลย ในขณะที่เออร์ก้าของทีโอน่านั้นได้แค่กระแทกมันมาลงที่พื้นขณะทิ้งรอยแตกเล็กนิดเดียวไว้บนผิวของมัน

ฟินน์พยายามใช้จังหวะที่มันกระแทกกับพื้นเพื่อเล็งหอกออกไปที่หัวของมัน

ตัวหอกกลับเจาะเข้าไปได้เพียงไม่กี่นิ้วก่อนที่จักเกอร์นอตจะสะบัดไปมาอย่างรุนแรงและส่งเขากระเด็นออกไปชนกับผนังห้อง

ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ เจ้าจักเกอร์นอตพยายามโจมตีทีโอน่าที่อยู่ใกล้ๆ แต่มันกลับถูกร่างเล็กๆ ของแกเร็ธพุ่งชนเข้าไปแทน

แม้แกเร็ธจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่เขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะมาดูพรรคพวกได้รับบาดเจ็บไปแบบต่อหน้าต่อตา

จักเกอร์นอตซัดแกเร็ธกระเด็นออกไปในขณะที่ทีโอน่าเริ่มรักษาระยะห่างเพื่อทำให้มันหยุดไล่ตาม

เมื่อมาถึงตรงนี้ พอไม่มีใครอยู่ใกล้กับจักเกอร์นอต กลุ่ม ‘ซุ่มโจมตี’ ก็เริ่มโจมตีใส่มันราวกับห่าฝน

แม้ว่าการโจมตีส่วนใหญ่จะไม่ได้ผล แต่ก็มีสองสามครั้งที่โชคช่วยและสร้างรอยแผลให้กับจักเกอร์นอตอยู่บ้าง

วาห์นเองก็ปล่อยลูกศรใส่ดวงตาที่เหลืออยู่ข้างเดียวของมัน ทว่าดูเหมือนจะมีพลังแปลกๆ บางอย่างที่ป้องกันไม่ให้ธนูของเขาพุ่งเข้าไปเสียบตรงนั้น

จักเกอร์นอตกรีดร้องอย่างโกรธแค้นและส่งออร่าอันทรงพลังออกมาจนอาวุธบินและกระสุนต่างๆ กระเด็นกระดอนออกไปหมด

ราวกับว่าการโจมตีเมื่อกี้นี้ทำให้มันตระหนักถึงบางอย่าง เจ้าจักเกอร์นอตหันกลับมาอีกครั้งขณะก้มยองๆ ไปที่พื้น

ลูกศรที่เกือบจะเจาะตานั้นทำให้มันนึกถึงการเผชิญหน้าเมื่อไม่กี่วันก่อน

มันเริ่มหันไปทางต้นตอของลูกศรและเห็นศัตรูตัวฉกาจที่เคยหลบหนีเงื้อมมือของมันไปได้

ไอหมอกหนาทึบเริ่มก่อตัวขึ้นรอบๆ ตัวจักเกอร์นอตขณะที่มันเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่ง

ในแววตาของมันนั้นจ้องมองวาห์นผู้ที่รู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังถูกพลังลึกลับบีบเข้าอย่างแรง

ช่วงเวลาที่ลูกธนูของเขาไปถึงตัวมันนั้นราวกับว่ามันได้เปลี่ยนมาเพ่งเล็งที่เขาคนเดียวโดยไม่สนใจเหล่านักผจญภัยคนอื่นเลยแม้แต่น้อย

เขาเห็นสายตาเกลียดชังแบบสุดๆ ขณะที่สัญชาตญาณก็เริ่มร้องเตือน

ดวงตาของวาห์นเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างของจักเกอร์นอตตรงเข้ามาหาเขาในแบบสโลว์โมชั่น

โชคร้ายหน่อยที่ไม่ว่าร่างของมันจะเคลื่อนไหวได้ช้าขนาดไหน ร่างกายของวาห์นเองก็ดูเหมือนจะไม่ฟังคำสั่งของเขาเลย

เขายังคงยืนอยู่ท่าเดิมในขณะที่จักเกอร์นอตใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

เสียงทุกอย่างในที่แห่งนั้นราวกับจะถูกดูดออกไปจนหมดขณะที่สีสันก็เริ่มจางหายไปจนเขามองเห็นถูกอย่างเป็นภาพขาวดำแทน

ความคิดเดียวที่ผ่านเข้ามาในหัวของวาห์นก็คือความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้

พอเจ้าจักเกอร์นอตในสภาพคุ่มคลั่งเริ่มกระโจนเข้าใส่ มันก็กระแทกกับม่านพลังของริเวเรียเข้าอย่างจัง

เธอเริ่มขมวดคิ้วขณะคอยส่งมานาเข้าไปเพื่อรักษาม่านพลังเอาไว้

ฟินน์ที่กำลังเฝ้ามองอยู่นั้นรู้สึกสับสนกับการกระทำอันแปลกประหลาดของจักเกอร์นอตมาก

แม้บางครั้งพวกมอนสเตอร์จะแสดงท่าทีราวกับมีสติปัญญา แต่ฟินน์ก็ไม่เคยเห็นมอนสเตอร์เมินใส่นักผจญภัยที่อยู่ใกล้ๆ และเล็งโจมตีคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอกว่าเป็นอันดับแรกมาก่อนเลย

ฟินน์พุ่งเข้าไปโจมตีมันขณะมองตามสายตาที่ดูโกรธแค้นและพบว่าดูเหมือนมันกำลังมุ่งเป้าไปทางวาห์นซึ่งยืนอยู่ด้านหลังปาร์ตี้กับริเวเรียและเลฟิย่า

ฟินน์กำลังครุ่นคิด

(“หรือมันจะจำได้ว่าครั้งก่อนวาห์นหลบหนีมันไปได้? แต่ต่อให้เป็นแบบนั้นมันก็ไม่น่าจะคลั่งขนาดนี้นี่นา…”)

ทันใดนั้นฟินน์ก็นึกถึงลูกศรสีเขียวที่เกือบจะชนเข้ากับพลังงานสีดำตรงเบ้าตาของมัน

เมื่อเห็นคันธนูในมือของวาห์น ฟินน์ก็ตระหนักว่ามันคงจะโกรธแค้นหลังจากเกือบสูญเสียดวงตาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวไป

พอเห็นจักเกอร์นอตกระแทกใส่ม่านพลัง ในที่สุดวาห์นก็ตื่นขึ้นมาจากภวังค์

ช่วงเวลาแห่งความตายที่เขารอคอยนั้นกลับมาไม่ถึง และตอนนี้เขาก็เห็นจักเกอร์นอตที่กำลังทุบกรงเล็บใส่ม่านพลังด้วยความโกรธแค้น

ฟินน์ ทีโอน่า ทีโอเน่ แกเร็ธ และไอส์ ต่างเริ่มโจมตีใส่หลังที่ไร้การปกป้องของมันอย่างหนักหน่วง

ทว่าเจ้าจักเกอร์นอตกลับเอาแต่สะบัดไปมาและพยายามผลักพวกเขาออกไปด้วยแขนและขาขณะที่ยังคงใจจดใจจ่อไปกับการทำลายม่านพลังเพียงอย่างเดียว

สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวกลวงๆ ของมันก็คือการสังหารเด็กหนุ่มที่ทำลายใบหน้าของมันไปครึ่งหนึ่ง

ม่านพลังของริเวเรียเริ่มมีรอยร้าว แต่เลฟิย่าก็ร่ายคาถาเพื่อเสริมพลังให้กับมันอีกชั้น

ทุกครั้งที่เกิดรอยแตก พวกมันก็จะถูกสมานอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้จักเกอร์นอตยิ่งบ้าเลือดหนักกว่าเดิม

วาห์นเชื่อว่าม่านพลังคงจะยืนหยัดอยู่ได้อีกไม่นาน เขาจึงย้ายตำแหน่งไปอยู่ด้านหลังเลฟิย่าและริเวเรียขณะวางฝ่ามือไว้บนแผ่นหลังของพวกเธอ

แม้พวกเธอจะสงสัยว่าเขากำลังทำอะไรอยู่แต่ก็ไม่สามารถปลีกตัวออกมาถามในตอนนี้ได้

อย่างไรก็ตาม ความกังวลของพวกเธอก็หายวับไปทันทีที่มีพลังงานมหาศาลถูกส่งเข้ามาในร่างกายขณะที่มานาสำรองซึ่งใกล้จะหมดก็เริ่มฟื้นกลับมาด้วยอัตราที่เร็วยิ่งกว่าปริมาณที่ใช้อยู่เสียอีก

แทนที่จะเน้นการผสานพลังเข้าไปในเขตแดน วาห์นเริ่มใส่พลังทั้งหมดของเขาเข้าไปใน [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ด้วยการสนับสนุนของ [พรแห่งอิกดราซิล]

เขากำลังแปลง ‘พลังงานต้นกำเนิด’ ให้เป็นมานาและส่งมันเข้าไปในตัวสองสาวอย่างต่อเนื่อง

ม่านพลังที่อยู่ในสภาพร่อแร่ก็เริ่มกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งและยังส่องสว่างมากกว่าเดิมเสียอีก

เมื่อเห็นว่าม่านพลังถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ความตึงเครียดภายในห้องก็ระเบิดหายไปขณะที่มีเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี

กลุ่มซุ่มโจมตีเริ่มจดจ่อไปกับการโจมตีตรงส่วนที่เสียหายของจักเกอร์นอต ในขณะที่เหล่านักผจญภัยเลเวล 5 และ 6 ที่อยู่รอบนอกก็โจมตีร่างของมันต่อไปเรื่อยๆ

ในที่สุดจักเกอร์นอตก็เริ่มช้าลงขณะที่มีเลือดสดๆ ไหลออกมาจากบาดแผลทั่วร่างกายของมัน

ในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่มันจะดับสูญ ฟินน์ก็ทำการโจมตีอย่างรุนแรงด้วยการพุ่งใส่ตำแหน่งของแกนคริสตัลขณะที่จักเกอร์นอตยังคงจ้องมองวาห์นด้วยสีหน้าเกลียดชังเหมือนเดิม

จู่ๆ วาห์นก็รู้สึกถึงการโจมตีทางจิตที่รุนแรงมากราวกับว่ามีกรดรุนแรงกำลังกัดกร่อนอยู่ภายในสมองของเขาอย่างต่อเนื่อง

[จิตแห่งราชัน] เริ่มระเบิดออกมาเพื่อต่อต้านการโจมตี แต่วาห์นก็ยังคงได้รับความเสียหายอย่างหนัก

อาการคลื่นไส้แทบจะทะลักออกมาในขณะที่พลังงานทั้งหมดค่อยๆ หายไปจากร่างกายอย่างช้าๆ

วาห์นเอนไปข้างหน้าตรงช่องว่างระหว่างสองสาวและล้มลงกับพื้นพร้อมกันกับจักเกอร์นอต

คนกับมอนสเตอร์ต่างมองหน้ากันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเริ่มหมดสติไปในแบบของตนเอง

ก่อนที่วาห์นหมดสติและเห็นว่ามันยังมองมาย่างไม่ว่างตา เขาก็ขยับปากออกมาเป็นคำที่เคยพูดกับจักเกอร์นอตไว้เมื่อครั้งก่อน ‘ไปตายซะ’

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท