Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 111

ตอนที่ 111

พิธีกรรมกินเวลาไปเกือบ 10 นาที และตลอดการทำพิธีนั้น ลิลลี่ก็เอาแต่จ้องมองวาห์นพร้อมกัดฟันแน่น

ในที่สุดแสงสว่างจึงเริ่มจางลงและตราสัญลักษณ์รูปพระจันทร์กับถ้วยก็แปรเปลี่ยนเป็นค้อนสองด้ามกับภูเขาไฟ

ลิลลี่หอบหายใจขณะที่ความเจ็บปวดค่อยๆ จางหายไปและเริ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ แทน

เมื่อวาห์นเห็นว่าพิธีกรรมเสร็จสิ้นลงแล้ว เขาก็ยืนขึ้นและเดินไปข้างหน้าก่อนจะวางมือบนหัวของลิลลี่

เขาเริ่มส่งพลังงานผ่าน [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เข้าไปและทำให้สีหน้าเจ็บปวดของเธอเริ่มดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

เฮเฟสตัสถอนนิ้วออกจากแผ่นหลังของลิลลี่และพูดขึ้น

“เธออดทนได้ดีมาก จากนี้ไปเธอก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของเฮเฟสตัสแฟมิเลียแล้ว

ไม่ว่าใครก็ตาม รวมไปถึงพวกสารเลวจากโซม่าแฟมิเลียคิดจะมาทำร้ายเธอ ฉันจะทำให้พวกมันต้องชดใช้แน่นอน”

แม้เฮเฟสตัสจะไม่ได้เอ็นดูลิลลี่อะไรขนาดนั้น แต่เธอก็เป็นเทพธิดาที่หวงแหน ‘เด็กๆ’ ของตัวเองมาก

เธอตั้งใจว่าจะให้ทางกิลด์ทำการตรวจสอบโซม่าแฟมิเลียและค้นหาคำตอบว่าเบื้องหลังนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ลิลลี่พยักหน้าและยังคงเพลิดเพลินไปกับความอบอุ่นจากฝ่ามมือของวาห์น

“ขอบคุณค่ะท่านเฮเฟสตัส ฉันจะทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ทำให้แฟมิเลียขายหน้า”

สึบากิพูดขึ้นต่อจากลิลลี่

“จากนี้ไปเธอสามารถเข้าร่วมปาร์ตี้ได้อย่างเป็นทางการแล้ว หรือจะไปเป็นซัพพอร์ตเตอร์ให้กับทีมสำรวจก็ได้

พอเธอมีประสบการณ์และได้รับเอ็กซีเลียที่เพียงพอ เธอก็จะสามารถเพิ่มเลเวลได้อย่างอิสระนับจากนี้เป็นต้นไป”

ลิลลี่พยักหน้าเรื่อยๆ แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย

เธอรู้ว่าโซม่าแฟมิเลียนั้นไม่อาจแตะต้องเฮเฟสตัสแฟมิเลียได้เลย แต่เธอก็ยังอยากจะไปแก้แค้นด้วยตัวเองอยู่ดี

เธอไม่อาจอภัยให้กับทุกสิ่งที่โซม่าแฟมิเลียทำกับเธอได้และยังมีผู้คนอีกมากมายในแฟมิเลียที่เธออยากจะลงโทษด้วยน้ำมือของตัวเอง

วาห์นมองเห็นออร่าของลิลลี่ และพบว่ามันเริ่มผันผวนซึ่งเขาเข้าใจได้ทันทีว่าเธอกำลังเก็บงำความโกรธแค้นเอาไว้

เขาไม่สามารถตำหนิเธอได้เพราะหากว่าวันหนึ่งเขาได้กลับไปที่โลกเดิมของตัวเอง เขาก็อาจจะไปแก้แค้นคนที่ทารุณเขาเช่นกัน

และแม้เขาจะได้รู้ทีหลังว่าคนพวกนั้นถูกทำลายไม่หมดแล้วด้วยฝีมือของคนอื่น มันก็ยังทำให้เขารู้สึกแย่อยู่ดี

แต่ทว่า วาห์นได้สัญญากับแม่ของตัวเองไปแล้วว่าจะพยายามมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขและเป็นอิสระ

เขาจึงค่อยๆ ปล่อยวางความเกลียดชังลงไปขณะที่มาเริ่มใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้

ลิลลี่เอียงศีรษะมาทางเขาและเบิกตากว้างขณะมองวาห์นด้วยความสับสนเมื่อได้ยินวาห์นพูดออกมาอย่างช้าๆ

“ลิลี่ การมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อแก้แค้นน่ะมันไม่มีความหมายหรอกนะ

ทางเดียวที่เธอจะเอาชนะอดีตได้ก็คือการใช้ชีวิตอย่างอิสระและมีความสุข

อย่าปล่อยให้ความทรงจำในอดีตบ่อนทำลายชีวิตในปัจจุบันของเธอเลย”

ลิลลี่เบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดวาห์น และเธอก็พอรู้ว่าเขาคงสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังที่เธอกำลังเก็บซ่อนเอาไว้

เธอตอบกลับด้วยเสียงพึมพำเบาๆ

“วาห์น… ฉันจะพยายามดูนะ”

จากนั้นลิลลี่ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้และให้วาห์นช่วยเธอสวมเสื้อภายใต้สายตาหงุดหงิดเล็กน้อยของเฮเฟสตัส

วาห์นรู้สึกอึดอัดอยู่บ้างขณะช่วยลิลลี่แต่เขาก็รู้สึกประหลาดตอนที่ค่อยๆ ติดกระดุมเสื้อให้กับเธอ

พอเธอสวมเสื้อผ้าเสร็จหมดแล้ว วาห์นก็รู้สึกเสียใจนิดๆ แบบไม่รู้สาเหตุ

สึบากิผู้ที่กำลังให้ความสนใจกับสถานการณ์ทั้งหมดก็ตบหลังของวาห์นแรงๆ ก่อนจะพูดขึ้น

“อย่าเศร้าไปเลยวาห์น! เธอยังมีโอกาสที่จะได้ถอดเสื้อผ้าผู้หญิงอีกตั้งเยอะแยะ ฉันพูดถูกไหมคะท่านเฮเฟสตัส!?”

เฮเฟสตัสสะดุ้งจากเสียงอันดังกึกก้องของสึบากิก่อนจะก้มหน้าลงเล็กน้อยและพูดเสียงเบา

“บางทีนะ… แต่ต้องหลังจากนายสร้างไอเท็มที่ทำให้ฉันพอใจได้เสียก่อน

ฉันไม่สามารถละเมิดคำสาบานของตัวเองได้ ส่วนเมื่อกี้นี้ก็เป็นแค่เรื่องผิดพลาดเท่านั้น…”

วาห์นขมวดคิ้วหลังจากได้ยินเฮเฟสตัสพยายามอธิบายเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

เขารู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังพยายามก่อกำแพงขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง ดังนั้นเขาจึงค่อยๆ เดินเข้าไปยืนตรงด้านหน้าเธอ

วาห์นยื่นมือออกไปจับใบหน้าและมองประสานตากับเธอ

เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นคล้ายกับตอนที่คนอื่นพยายามพูดหว่านล้อมเขา

“ฉันจะสร้างไอเท็มเพื่อเธอแน่นอน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าช่วงนี้เราจะต้องอยู่ห่างกันไปตลอดหรอกนะ

เราไม่ต้องมีอะไรกันก็ได้ แต่ฉันคิดว่าแค่กอดกับจูบคงไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร”

เฮเฟสตัสถึงกับช็อคเมื่อได้ยินคำพูดของวาห์น ขณะที่สึบากิมีสีหน้า ‘ภาคภูมิใจ’ พร้อมกับพยักหน้าให้กับการกระทำของเขา

ลิลลี่ที่เพิ่งจะเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาเมื่อครู่นี้ทำได้แต่เพียงยืนดูอย่างเงียบเชียบและสูดหายใจเข้าลึกๆ

ตอนที่เฮเฟสตัสจะพูดบางอย่าง วาห์นก็เอนหน้าเข้ามาและจูบลงบนริมฝีปากของเธอ

มันดูติดขัดเล็กน้อยและเขาก็เกือบจะล้มลงเพราะความต่างของส่วนสูง แต่ถึงยังไงเขาก็อยากจะถ่ายทอดความรู้สึกให้กับเธอในรูปแบบที่ตรงไปตรงมาที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

วาห์นรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งเรื่องแสดงความรู้สึกออกมาด้วยคำพูด ดังนั้นเขาจึงตัดสินในว่าการจูบนั้นน่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด

เฮเฟสตัสไม่ได้พยายามต่อต้านเหมือนกับคราวก่อน แต่เธอก็ถอนตัวออกมาหลังจากผ่านไปไม่กี่วินาทีพร้อมกับพวงแก้มที่แดงก่ำ

จากนั้นเธอก็ ‘จ้อง’ วาห์นพร้อมกัดริมฝีปากล่างไปด้วยและพูดออกมา

“…แค่… นานๆ ครั้งนะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ วาห์นก็อดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกมาไม่ได้

เฮเฟสตัสเห็นท่าทางของเขาแล้วก็ต้องกัดฟันก่อนจะถอนหายใจ

ความรู้สึกของเธอกำลังผสมปนเปกันไปหมดเมื่อนึกถึงเรื่องอนาคตขณะที่เธอนั่งลงกับโต๊ะทำงานและฟุบหน้าลงไป

ทุกคนเริ่มหันไปมองด้วยความสงสัย แต่เธอก็เอาแต่ปิดตาโดยไม่สนใจสายตาของคนอื่นและพยายามสงบใจตัวเองด้วยการฟังเสียงหัวใจของวาห์น

แม้จะรู้สึกว่าวิธีสงบใจแบบนี้ช่างดูประหลาดเหลือเกิน แต่เธอก็ทำมันจนติดเป็นนิสัยไปแล้ว

น่าเสียดายที่ตอนนี้เธอเองก็สัมผัสได้ว่าหัวใจของวาห์นนั้นกำลังเต้นเร็วขึ้นเช่นเดียวกัน ดังนั้นรอบนี้จึงต้องใช้เวลามากกว่าปกติก่อนที่เธอจะสงบลง

สึบากิเห็นว่าเฮเฟสตัสทำตัวแปลกๆ ดังนั้นเธอจึงจับแขนของลิลลี่ก่อนจะพาเธอเดินออกไป

“มาเถอะลิลลี่ ยังมีอีกหลายอย่างที่พวกเราต้องไปจัดการหลังจากที่เธอได้เป็นสมาชิกของแฟมิเลียแล้ว

ไว้เธอค่อยมายั่ววาห์นต่อทีหลังก็ได้”

ลิลลี่นั้นเงียบมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้และเธอยังคงจ้องไปมาระหว่างวาห์นและเฮเฟสตัสอยู่เรื่อยๆ

ก่อนที่จะเดินผ่านประตูออกไป เธอก็พูดกับเฮเฟสตัส

“ท่านเฮเฟสตัสโชคดีมากเลยนะคะ วาห์นเอาใจใส่ท่านมาก… มากจนทำให้ฉันรู้สึกอิจฉานิดหน่อย”

หลังจากพูดจบ ลิลลี่ก็เดินตามสึบากิออกไปและปิดประตูให้ด้วย

เฮเฟสตัสเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยและมองขณะกลอนประตูถูกล็อคจากด้านนอก

หลังจากเงียบไปอีกหลายนาที เธอก็วางหัวลงกับโต๊ะอีกครั้งและพยายามผ่อนคลายต่อ

ที่จริงเธอแล้วเธอไม่ได้นอนมากเท่าไหร่นักในช่วงเก้าวันที่ผ่านมาเนื่องจากใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเฝ้าไข้วาห์น

เพราะอยู่ในสภาพเครียดจัดเป็นระยะเวลานาน ตอนนี้เธอจึงรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งด้านร่างกายและจิตใจเป็นอย่างมาก

วาห์นยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเธอและไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

วันนี้ก็ดึกมากแล้วและเขาอาจจะต้องนอนในห้องทำงานของเธอด้วย

เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มแปลกๆ เขาจึงอยากจะแก้ไขมันและทำให้เฮเฟสตัสผ่อนคลายขึ้น

วาห์นเดินไปด้านข้างโต๊ะและยื่นมือออกไปแตะแขนของเฮเฟสตัสอย่างเบามือ

เฮเฟสตัสสังเกตเห็นเขาเข้ามาใกล้และเมื่อเห็นเขาเอื้อมมือเข้ามา เธอก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยมากขึ้นและคาดว่าเขาคงอยากทำอะไรต่อจากเมื่อกี้

แม้จะไม่ได้ติดใจอะไรนัก แต่เธอก็อยากให้เขาเอาใจใส่เธอมากกว่านี้อีกหน่อย

เธอมองไปที่เขาและถามด้วยน้ำเสียงง่วงๆ

“มีอะไรเหรอ วาห์น? ตอนนี้ฉันเหนื่อยมากเลยนะ”

วาห์นเผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาก่อนจะตอบ

“ดูก็รู้แล้วล่ะ ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรแปลกๆ หรอกน่า แค่อยากจะช่วยให้เธอผ่อนคลายเท่านั้นเอง

ถ้างั้นเธอช่วยไปนอนบนโซฟาแทนได้ไหม”

เมื่อเฮเฟสตัสเห็นสีหน้าห่วงใยแบบตรงไปตรงมานั่น เธอก็อดไม่ได้ที่จะทำตามใจและยอมให้เขาพาเธอไปนอนบนโซฟา

เมื่อเห็นโซฟาอันแสนคุ้นเคยและนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า หัวใจของเธอก็เต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยแต่ก็พยายามทำตัวให้สงบเหมือนเดิม

เธอเชื่อว่าวาห์นจะรักษาคำพูดและคงไม่พยายามทำอะไรเกินเลยในตอนนี้

“เอาล่ะเฮเฟสตัส มันอาจจะ… ยากสักหน่อย แต่ฉันอยากให้เธอนอนคว่ำลงและผ่อนคลายร่างกาย”

เฮเฟสตัสพบว่าขณะที่วาห์นพูดคำว่า ‘ยาก’ ดวงตาของเขาก็ไปจดจ่อตรงหน้าอกของเธอทันที

เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะตอบเขา

“ไม่มีปัญหา ฉันเคยนอนบนโซฟามาหลายครั้งแล้วโดยที่… ไม่ได้ติดขัดอะไรเลย”

เฮเฟสตัสเองก็พูดแบบเน้นคำจนวาห์นต้องหัวเราะแบบเจื่อนๆ

หลังจากที่เฮเฟสตัสนอนคว่ำลง เธอก็ทำตามที่วาห์นแนะนำและพยายามผ่อนคลายร่างกาย

เธอไม่มั่นใจว่าเขาจะพยายามทำอะไร แต่ความกังวลของเธอก็ได้รับคำตอบแทบจะทันทีหลังจากรู้สึกได้ถึงนิ้วมือที่มาสัมผัสกับไหล่ของเธอ

ก่อนที่จะได้ถามกลับ เธอก็รู้สึกผ่อนคลายสุดๆ ขณะที่มีพลังงานอบอุ่นไหลเข้าไปตรงช่วงไหล่ของเธอ

หลังผ่านไปไม่กี่วินาที กล้ามเนื้อที่ตึงเครียดตรงจุดนั้นก็ผ่อนคลายลงอย่างสมบูรณ์ ส่วนวาห์นก็ขยับต่อไปยังอีกจุดหนึ่งและทำแบบเดิมซ้ำ

เฮเฟสตัสตระหนักแล้วว่าวิธีที่วาห์นใช้ช่วยเธอผ่อนคลายก็คือการนวดแบบหนึ่งที่ใช้พลังงานของเขาผสานเข้าไปในส่วนที่ตึงเครียด

เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขกับความเอาใจใส่ของเขาซึ่งต่างไปจากความกังวลตอนแรกของเธอแบบลิบลับ

เมื่อวาห์นได้เรียนรู้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ในช่วงแรกๆ มันยังอธิบายถึงการกดจุดต่างๆ บนร่างกายไว้ด้วย

หากได้ฝึกฝนเพิ่มเติม เขาก็สามารถประยุกต์ใช้เทคนิคนี้ได้กับทุกเรื่อง

ตั้งแต่การช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดไปจนถึงการปิดผนึกเส้นเลือดแดงเพื่อห้ามเลือด

ตอนนี้เขากำลังใช้หนึ่งในเทคนิคนั้นเพื่อลดความตึงเครียดในกล้ามเนื้อของเฮเฟสตัส

เขาหวังว่ามันจะช่วยให้เฮเฟสตัสผ่อนคลายลงเล็กน้อยและเมื่อเห็นว่าเธอหลับไปแล้วหลังผ่านไปไม่กี่นาที เขาก็รู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ของมันมาก

เนื่องจากวาห์นไม่เคยนวดให้ใครมาก่อน เขาจึงต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมากขณะที่ค่อยๆ ขยับไปยังกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ บนแผ่นหลังของเฮเฟสตัส

ก่อนหน้านี้เขาได้ประหลาดใจไปแล้วกับความอ่อนนุ่มของร่างกายหญิงสาว แต่เขาก็ต้องประหลาดใจอีกครั้งกับความตึงเครียดในกล้ามเนื้อของเทพธิดาองค์นี้

เนื่องจากเธอเป็นช่างตีเหล็กที่มากประสบการณ์ บริเวณรอบแผ่นหลังส่วนบนและบ่าของเธอจึงแข็งแรงยิ่งกว่าปกติ

แม้ว่ามันจะดู ‘ไม่เหมือน’ ว่าเธอจะมีกล้ามเนื้อเท่าไหร่ แต่วาห์นก็รู้สึกได้ถึงความตึงเครียด ‘ที่้แข็งราวกับเหล็กกล้า’ กำลังไหลเวียนอยู่ภายในกล้ามเนื้ออันน้อยนิดของเธอ

สิ่งที่ทำให้วาห์นรู้สึกเซ็งๆ ก็คือจากที่คู่มือระบุไว้ ผู้ถูกนวดจะต้องถอดเสื้อผ้าออกเพื่อให้ได้มาซึ่งประสิทธิภาพสูงสุด

เพราะเป็นห่วงว่าเฮเฟสตัสอาจคิดว่าเขากำลังทำลายสัญญา วาห์นจึงไม่ได้พูดอะไรและยอมให้เธอสวมเสื้อผ้าเอาไว้

มันทำให้การนวดยากขึ้นกว่าเดิมมากแต่วาห์นเองก็รู้สึกเพลิดเพลินไปกับ ‘การค้นพบ’ จุดที่เหมาะกับการนวดผ่านการลองผิดลองถูก

แถมมันยังเป็นความสนุกอีกแบบหนึ่งในตอนที่เขาส่งพลังงานเข้าไปในเส้นประสาทและทำให้กล้ามเนื้อรอบๆ สั่นไหวเล็กน้อย

หลังจากนวดไปเกือบหนึ่งชั่วโมง วาห์นก็พบว่าตอนนี้ร่างกายทุกส่วนของเฮสเฟตัสได้ผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์แล้ว

เธอถึงขนาดมีน้ำลายไหลออกมาจากปากเล็กน้อยซึ่งทำให้วาห์นคิดว่ามันดูน่ารักดี

หลังจากเช็ดน้ำลายที่ไหลออกมา วาห์นก็เช็ดมันกับเสื้อตัวเองก่อนจะใช้มือลูบผ่านเส้นผมของเฮเฟสตัสและหอมแก้มเธอ

แม้ยังหลับอยู่ แต่ดูเหมือนว่าเธอเองก็รับรู้ได้ถึงการกระทำของเขาและยิ้มออกมาเล็กน้อยเพื่อเป็นการตอบสนอง

วาห์นพอใจมากที่ตนสามารถรักษาสัญญาเอาไว้ได้และนอนลงบนพื้นถัดจากโซฟาก่อนจะค่อยๆ เข้าสู่การหลับใหล

ก่อนที่ความคิดของเขาจะหายเข้าไปในความมืด สิ่งสุดท้ายที่ผ่านเข้ามาในหัวของเขาคือความคิดที่จะพัฒนาเทคนิคการนวดให้ดียิ่งกว่าเดิมในอนาคตอันใกล้…

กลางดึกของคืนนั้น จู่ๆ แผ่นหลังของหญิงสาวหลายคนจากทั่วทั้งเมืองก็พลันรู้สึกเสียววาบอย่างพร้อมเพียงกันโดยมิได้นัดหมาย…

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท