Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 109

ตอนที่ 109

หลังจากส่งข้อความออกไป เฮเฟสตัสก็เก็บกระดาษและปากกาขนนกก่อนหันไปมองวาห์น

ตอนนี้เขากำลังนั่งเปลือยท่อนบนอยู่บนโซฟาและมองเธออย่างสนใจ

เฮเฟสตัสยิ้มออกมาก่อนจะออกจากโต๊ะทำงานและนั่งลงข้างๆ วาห์น

พอนั่งจนได้ที่แล้วเธอก็จับวาห์นซุกกับหน้าอกของตัวเองก่อนจะลูบหัวเขาอย่างอ่อนโยน

“รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงนายมากนะ

หลังจากที่นายให้สัญญาแล้วก็ช่วยรักษาดวงตาให้ ต่อมาฉันกลับได้มาเจอนายนอนอยู่ในห้องพยาบาลแทน

เหมือนนายอยากจะให้ฉันกังวลจนตรอมใจตายไปอีกคน…”

ตอนแรกวาห์นค่อนข้างสับสน แต่หลังจากได้ยินน้ำเสียงนุ่มนวลของเฮเฟสตัส เขาก็เริ่มรู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลินไปกับอ้อมกอด

ในบรรดาอ้อมกอดของทุกคน วาห์นมักจะรู้สึกสบายมากที่สุดเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของเฮเฟสตัสเพราะเธอมักจะแสดงความเป็นห่วงเขาเสียเหลือเกิน

หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ถอนหายใจก่อนจะวางหัวของวาห์นไว้บนตัก

“เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในดันเจี้ยนให้ฉันฟังหน่อยสิ…”

เพราะวาห์นอยากให้เธอทำแบบนี้อยู่พอดี เขาจึงเริ่มรู้สึกผ่อนคลายและอิ่มเอมใจมาก

เขาเริ่มเล่าทุกอย่างที่ทำลงไปในในดันเจี้ยนตั้งแต่ตอนที่เข้าไปในนั้น

เขาเล่าตอนที่สังหารมอนสเตอร์ในห้องแหล่งอาหารเพื่อแก้แค้นให้กับนาซ่า เล่าถึงตอนที่ล่ามอนสเตอร์ภายในหมอกหนา และเล่าเกี่ยวกับสงครามกวาดล้างมิโนทอร์

เฮเฟสตัสหลับตาลงขณะพยายามจินตนาการถึงทุกสิ่งที่วาห์นพบและพยายามเปรียบเทียบมันให้ตรงกับเสียงหัวใจที่เธอได้ยินเมื่อไม่กี่วันก่อน

เธอนึกถึงความตื่นเต้นที่เขารู้สึกระหว่างเหตุการณ์ต่างๆ และสงสัยว่ามันเป็นการต่อสู้แบบไหนถึงทำให้เขาเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้

วาห์นยังคงเล่าต่อไปเรื่อยๆ โดยหลีกเลี่ยงเรื่องเกี่ยวกับจักเกอร์นอต และยังเล่าถึงตอนที่เขาได้ช่วยเหลือคุณพ่อที่กำลังปกป้องลูกชายทั้งสองจากไวเวิร์นสายพันธุ์พิเศษด้วย

เฮเฟสตัสยิ้มออกมาและลูบหัวของเขาอย่างอ่อนโยน

เธอรู้สึกภูมิใจในตัววาห์นมากที่เขายอมช่วยเหลือผู้คนแทนที่จะมองข้ามมันไป

หลังจากนั้นเขาก็เล่าถึงตอนที่เข้าไปในริวีร่าเป็นครั้งแรกและได้เผชิญหน้ากับ ‘เหล่าสุนัขล่าเนื้อของอนูบิส’ และราซุยผู้เป็นผู้นำของกลุ่ม

ขณะที่เขากำลังพูดถึงเด็กหนุ่มเชียนโธรป (ราซุย) วาห์นก็เริ่มรู้สึกเขินอายหลังจากนึกถึงเหตุการณ์หนึ่งเข้า

เฮเฟสตัสสังเกตเห็นสีหน้าของเขาและถามขึ้น

“เป็นอะไรไปเหรอ? เกิดอะไรขึ้นตอนที่พวกนั้นไล่ล่าเธอหรือเปล่า?”

วาห์นสูดหายใจเข้าลึกๆ และบอกเฮเฟสตัสถึงวิธีที่เขาใช้จัดการกับพวกเด็กๆ

เขายังเล่าถึงตอนที่ยิงธนูออกไปปักด้านหลังของเด็กสาวสองคนแถมยังต้องไปเอามันออกในภายหลังด้วยความรู้สึกอึดอัด

เฮเฟสตัสรู้สึกขัดแย้งเมื่อได้ยินวาห์นพูดถึงวิธีที่เขาดึงลูกศรออกมาจากบั้นท้ายของเด็กสาวทั้งสอง

เธอไม่มั่นใจว่าควรจะหัวเราะหรือตำหนิวาห์นที่ทำเกินเหตุดี

หลังจากได้ยินว่าเขาใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เพื่อรักษาพวกเธอ เฮเฟสตัสก็เกือบจะบีบหัวเล็กๆ ของเขาเพื่อบรรเทาอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตน (TL: ใจเย็นนะครับ ของเด็ดกว่านี้อยู่ตอนหลัง)

เธอมีความสุขที่เขาไม่ได้พยายามปิดบัง แต่เธอก็ไม่คิดว่าเขาจะบรรยายเรื่องน่าอายนี้ออกมาแบบโต้งๆ

จากนั้น วาห์นก็เล่าให้เฮเฟสตัสฟังถึงตอนที่เขาเผชิญหน้ากับไวเวิร์นและสามารถทำให้มันมาเป็นลูกน้องแทน

เฮเฟสตัสรู้สึกประทับใจมากเนื่องจากการฝึกมอนสเตอร์ให้เชื่องนั้นเป็นความสามารถที่หาได้ยาก

เธอก็ถึงกับช็อคไปเลยเมื่อได้ยินว่าหลังจากที่ฝึกมันเสร็จแล้วเจ้ามอนสเตอร์นั่นก็วิวัฒนาการขึ้นไปอีกขั้น

“ตอนนี้ ‘มังกร’ ตัวนั้นอยู่ไหนเหรอ? หรือว่านายทิ้งมันไว้ในดันเจี้ยน…?”

วาห์นส่ายหัวและนำแกนคริสตัลของฟาฟเนียร์ออกมาจากช่องเก็บของ

เฮเฟสตัสรับมันมาและเริ่มสำรวจมันด้วยดวงตาเทพแต่ก็ไม่อาจเข้าใจคริสตัลก้อนนี้ได้

วาห์นอธิบายถึงวิธีเก็บฟาฟเนียร์เข้าไปภายในคริสตัลและสามารถนำมันออกมาได้โดยการส่งพลังงานเข้าไปข้างใน

เป็นอีกครั้งที่เฮเฟสตัสต้องช็อคหนักขณะถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดกับวาห์น

“นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่นายต้องเก็บเป็นความลับนะ… แล้วมีใครรู้เรื่องนี้บ้าง?”

วาห์นตอบออกไปและหลังจากที่เฮเฟสตัสได้ยินว่าปาร์ตี้หัวกะทิของโลกิแฟมิเลียรู้เรื่องนี้ เธอก็อยากจะกรี๊ดดังๆ ด้วยความหงุดหงิดหลังจากนึกถึงปัญหาที่จะตามมาในอนาคต

โชคร้ายหน่อยสำหรับเฮเฟสตัสเพราะปัญหาเหล่านี้มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น…

จากนั้นวาห์นก็พูดเรื่องการต่อสู้กับโกไลแอธและการได้พบกับโลกิแฟมิเลียบนชั้นที่ 17

เดิมทีเฮเฟสตัสคิดว่าวาห์นต่อสู้ร่วมกับพวกเขาแต่พอได้ยินว่าวาห์นล้มโกไลแอธด้วยตัวคนเดียว เธอก็ไม่รู้ว่ารู้สึกแบบไหนดี

ตอนนี้เธอรู้สึกช็อคแล้วช็อคอีกจนเริ่มชาหลังจากที่ฟังเรื่องเล่าของวาห์นอย่างต่อเนื่อง

เธอเริ่มคิดว่าการปล่อยให้วาห์นเข้าไปในดันเจี้ยนคนเดียวตั้งแต่แรกนั้นเป็นความคิดที่ผิดพลาด… เพราะเรื่องไม่ปกติทั้งหลายมักจะเกิดขึ้นรอบตัวเขา

ด้วยความมึนงง เฮเฟสตัสเกือบจะไม่ได้ยินสิ่งที่วาห์นเล่าต่อหลังจากที่ล้มโกไลแอธลงได้

“เมื่อกี้เธอว่าไงนะ?”

วาห์นพูดซ้ำอีกครั้ง

“เมื่อกี้บอกว่าหลังสู้เสร็จ สาวเผ่าอเมซอนก็ผลักฉันลงบนพื้นขณะที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า

ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เพิ่งได้มารู้ทีหลังว่ามันน่าอายขนาดไหน…”

วาห์นนึกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็เลยไม่คิดจะปกปิด ดังนั้นเขาจึงพูดซ้ำแบบไม่ได้คิดมาก

เฮเฟสตัสพยักหน้าช้าๆ ขณะที่เธอตระหนักถึงบางอย่างก่อนจะเร่งให้วาห์นเล่าต่อโดยไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเสียใจในภายหลัง…

เขาเล่าถึงตอนที่ทีโอน่ากอดเขาจนหมดสติแล้วพอตื่นขึ้นมาก็ได้ไปอาบน้ำกับ ทีโอน่า ทีโอเน่ ไอส์ และเลฟิย่า

พอมาถึงตรงนี้ เฮเฟสตัสก็ได้แต่มึนงงและฟังวาห์นเล่าต่อไปเรื่อยๆ

เมื่อนึกถึงเด็กสาวทุกคนที่มาเยี่ยมวาห์นในห้องผู้ป่วย เธอก็เริ่มคิดว่ามันน่าจะมีอะไรมากไปกว่านั้น… แล้วมันก็มีจริงๆ

วาห์นเล่าเรื่องจูบแรกของเขากับทีโอน่า วิธีที่เธอสารภาพรักกับเขาและการที่มันทำให้เขารู้สึกแย่แค่ไหน รวมถึงเรื่องที่เขาทำลายพื้นที่บางส่วนของป่าเพื่อระบายอารมณ์ออกมา

เฮเฟสตัสไม่ได้ประหลาดใจมากนักที่ทีโอน่าจะสารภาพรักกับวาห์นโดยดูจากการที่เขาพูดเรื่องเธอก่อนหน้านี้

แต่เมื่อเธอรู้ว่าเรื่องนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้วาห์นรู้สึกอายมากจนเขาเริ่มให้ความสนใจกับเพศตรงข้าม เธอก็รู้สึกตื่นตระหนกจนหัวใจแทบหลุดออกมาข้างนอก

คำพูดถัดไปของวาห์นทำให้เฮเฟสตัสอยากจะพุ่งเข้าไปในโลกิแฟมิเลียและบีบคอริเวเรียมากเนื่องจากพบว่าเขาได้รับ ‘บทเรียน’ เรื่องเพศศึกษาไปจากเธอ

ด้วยความรู้ใหม่ที่เพิ่งจะได้เรียนมา เขาจึงคิดว่ามันไม่เป็นไรหากเขาจะจูบไอส์ด้วยอีกคน

เมื่อเล่าถึงตอนที่ทีโอน่าเข้ามา ‘จู่โจม’ เขา สติของเฮเฟสตัสก็ไม่อยู่ในร่องในรอยอีกแล้ว

พอวาห์นเล่าไปถึงตอนที่ไอส์บอกว่าอยากจะลองมีอะไรด้วยเมื่อถึงวันเกิดของเธอ สติของเฮเฟสตัสก็เริ่มกลับคืนมาอีกครั้ง

เฮเฟสตัสมองไปที่วาห์นอย่างเนือยๆ และมองเห็นสีแดงเล็กน้อยบนใบหน้านั่นขณะที่เขาค่อยๆ เล่าเหตุการณ์ต่างๆ ออกมา

“วาห์น แล้วนายจะทำยังไงต่อล่ะ?”

วาห์นประหลาดใจเมื่อเห็นท่าทางแปลกๆ ของเฮเฟสตัส แต่ในที่สุดเขาก็ตอบเธอไป

“เอ่อ ทั้งสองคนดูจะชอบฉันมากก็เลยคิดว่ามันคงจะไม่มีมีปัญหาอะไร

ฉันสัญญากับทีโอน่าว่าเราจะมีลูกด้วยกันเมื่อฉันแข็งแกร่งกว่านี้ และฉันเองก็สนใจที่จะแบ่งปันประสบการณ์พิเศษกับไอส์ด้วย”

“งั้นหรอกเหรอ…” เฮเฟสตัสรู้สึกว่าพละกำลังของเธอหลุดลอยออกไปหลังจากได้ยินวาห์นเล่าประสบการณ์ภายในดันเจี้ยนให้ฟัง

เธอไม่แม้แต่จะฟังตอนที่เขาพูดเรื่องการต่อสู้กับจักเกอร์นอตร่วมกับโลกิแฟมิเลีย

เธอได้แต่นั่งอย่างเหม่อลอยและคิดเรื่องผู้หญิงแต่ละคนที่อยู่รอบตัววาห์น

ท้ายสุดแล้ว เมื่อวาห์นหยุดเล่าเรื่อง เฮเฟสตัสก็เผยรอยยิ้มแบบเศร้าๆ ออกมาก่อนจะพูดขึ้น

“ฉันดีใจนะที่ ‘เธอ’ ได้ไปสนิทกับเด็กสาวอายุพอๆ กัน…”

วาห์นพบว่าเฮเฟสตัสไม่เพียงแค่ทำตัวแปลกๆ แต่เธอยังมีท่าทางโศกเศร้าราวกับว่าได้สูญเสียบางอย่างที่ห่วงใยไปแล้ว

วาห์นรู้สึกเจ็บแปลบในหน้าอกเมื่อเห็นท่าทางโศกเศร้าของเธอ

“เฮเฟสตัส เป็นอะไรไปเหรอ? ทำไมเธอถึงดูเสียใจล่ะ?”

แม้ว่าวาห์นจะเคยเห็นใบหน้าทุกแบบของเฮเฟสตัสมาแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยเห็นใบหน้าโศกเศร้าของเธอมาก่อน

แม้ว่าจะเป็นตอนที่หัวใจของเธอกำลังหลงทางจากใน ‘ความปรารถนาของหัวใจ’ เขาก็ไม่เคยเห็นเธอเศร้าแบบนี้เลย

เฮเฟสตัสได้แต่ส่ายหัวแทนคำตอบและพูดต่อ

“ไม่มีอะไรหรอกวาห์น… ฉันก็แค่คาดหวังไปกับอะไรแปลกๆ น่ะ

‘เธอ’ ไม่ต้องกังวลหรอก แค่ทำตามสิ่งที่ ‘เธอ’ ต้องการก็พอแล้ว”

เฮเฟสตัสค่อยๆ ลูบหัวของเขาเบาๆ

แต่วาห์นกลับรู้สึกว่าฝ่ามือที่มักจะอบอุ่นของเธอนั้นตอนนี้กลับกลายเป็นเย็นยะเยือกและไร้ชีวิตชีวาขณะที่เธอลูบมันอย่างอ่อนแรงลงไปบนเส้นผมของเขา

วาห์นไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นนั่งและมองเข้าไปในดวงตาของเฮเฟสตัสตรงๆ

“เธอต้องเป็นอะไรไปแน่ๆ นี่มันไม่เหมือนเธอเลยนะ ขอร้องล่ะ บอกฉันเถอะ ฉันจะช่วยเธอเอง”

วาห์นไม่ชอบที่เห็นเฮเฟสตัสเป็นแบบนี้ และเขาก็เต็มใจทำทุกอย่างเพื่อให้เธอกลับมาเป็นคนอ่อนโยนเหมือนเดิม

เมื่อเฮเฟสตัสเห็นความตั้งใจและท่าทางเอาใจใส่ของวาห์น หัวใจของเธอก็เริ่มสั่นไหว แต่มันคงไม่อาจขับไล่ความโศกเศร้าที่ปกคลุมไปทั่วตัวของเธอได้

เธอมองเข้าไปในดวงตาของเขาอย่างอ่อนล้า

เฮเฟสตัสพูดออกมาเบาๆ พร้อมกับสายตาที่เริ่มพร่ามัวและเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา

“ฉันแค่… คิดว่า… หลังจากที่นายสัญญาแล้ว…”

เฮเฟสตัสไม่อาจพูดให้จบประโยคได้ และทุกคำที่พูดออกมาแล้วนั้นราวกับจะทำให้จิตใจส่วนลึกของวาห์นต้องแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

เขานึกถึงคำสัญญาที่ตัวเองให้ไว้ นึกถึงวิธีที่เขาจะใช้ช่วยปัดเป่าความโดดเดี่ยวของเธอ จนกระทั่งเริ่มเข้าใจความหมายที่อยู่ในคำพูดนั้นอย่างถ่องแท้

วาห์นตระหนักแล้วว่าความสัมพันธ์ที่เฮเฟสตัสกำลังใฝ่หานั้นไม่ใช่บุคคลที่มีความสามารถเทียบเท่ากับตัวเธอเอง แต่เธอกำลังตามหาคนที่ควรค่าพอที่จะมาเป็นคู่ครองของเธอ

วาห์นเริ่มนึกถึงความทรงจำทั้งหมดที่เขามีร่วมกับเฮเฟสตัส

เขานึกถึงความใจดี ความเอาใจใส่ อารมณ์ทั้งหลายรูปแบบของเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอมอบให้กับเขาเพียงเพื่อต้องการปกป้องเขาเอาไว้

แม้แต่ตอนนี้เอง เพื่อที่เขาจะได้ไม่ตกอยู่ในอันตราย เธอยังช่วยจัดการกับเรื่องของโอซิริสแฟมิเลียและโซม่าแฟมิเลียเพียงเพื่อจะช่วยเก็บความลับของเขา

เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ บางอย่างในตัววาห์นก็พังทลายลงและเขารู้สึกเหมือนกับตัวเองได้ทำเรื่องที่ผิดอย่างร้ายแรง…

วาห์นกุมมือของเธอที่ตอนนี้ดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงและจ้องมองเข้าไปในดวงตาที่แสนเศร้า

“เฮเฟสตัส ฉัน…”

ก่อนที่เขาจะพูดเสร็จ เฮเฟสตัสก็ดึงมือของตนออก

“ไม่เป็นไรหรอก วาห์น… ถ้า ‘เธอ’ มีความสุขฉันก็มีความสุข”

เมื่อเธอพูดจบ เฮเฟสตัสก็ปั้นหน้ายิ้มให้วาห์นและพยายามลุกออกจากโซฟา

เมื่อวาห์นเห็นเธอจะลุกขึ้น เขาก็ยื่นมือออกไปและจับข้อมือของเธอเอาไว้

“เดี๋ยวก่อน เธอไม่เข้าใจ ฉันไม่รู้มาก่อนว่า…”

วาห์นรู้สึกราวกับว่าถ้าปล่อยมือของเธอตอนนี้ เขาอาจจะไม่สามารถกลับมาใกล้ชิดกับเธอได้อีก

เฮเฟสตัสพยายามแกะมือออกแต่วาห์นนั้นจับเธอแน่นราวกับคีมหนีบซึ่งทำให้เธอขยับไปไหนไม่ได้เลย

เฮเฟสตัสถอนหายใจออกมาก่อนจะมองวาห์นด้วยสีหน้า ‘โกรธๆ’ และพูดขึ้น

“ปล่อยมือนะวาห์น ฉันไม่โทษ ‘เธอ’ หรอก ถึงจะกลายเป็นแบบนี้ ฉันก็จะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้อง ‘เธอ’

ยังไงซะ ‘เธอ’ ก็เป็นหนึ่งใน ‘เด็กๆ’ ของฉันนี่นา”

เมื่อได้ยินเธอเปลี่ยนสรรพนามและเน้นเสียงคำว่า ‘เด็กๆ’ วาห์นก็รู้สึกตื่นตระหนกมาก

เขาไม่คิดรีรออะไรอีกแล้วและดึงเฮเฟสตัสเข้ามาจนเธอตกลงสู่อ้อมกอดของเขาเนื่องจากเธอไม่ได้ใส่แรงยื้ออะไรมากมายนัก

ในตอนที่ร่างกายของทั้งสองสัมผัสกัน เฮเฟสตัสก็เริ่มดิ้นไปมาแต่วาห์นกลับกอดร่างของเธอเอาไว้แน่นโดยไม่ยอมผ่อนแรงแม้แต่นิดเดียว

เฮเฟสตัสเริ่มสาปแช่งและพยายามดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมกอดของเขา แต่ไม่ว่าเธอจะพูด จะก่นด่า หรือจะพยายามหนีมากแค่ไหน เขาก็เอาแต่กอดเธออยู่เงียบๆ ต่อไป

หลังจากผ่านไปหลายนาที ในที่สุดเธอก็เริ่มหยุดดิ้นและยอมให้เขากอดไปเรื่อยๆ

อ้อมกอดของวาห์นคลายลงเล็กน้อยขณะที่เขาเริ่มส่งพลังงานผ่าน [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เข้าไปในแผ่นหลังของเธอ

เฮเฟสตัสรู้สึกได้ถึงพลังงานอุ่นๆ ที่ไหลเข้าสู่ร่างกายราวกับว่ามันต้องการจะขับไล่ความรู้สึกแย่ๆ ทั้งหมดภายในหัวใจของเธอออกไป

วาห์นยังคงกอดเฮเฟสตัสอย่างใกล้ชิดต่อไป

เขาอยากให้เธอรู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่และความรู้สึกที่เขามีให้เธอ

เขาพยายามทำให้เธอวางใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะไม่ปล่อยเธอไปเผชิญหน้ากับความโดดเดี่ยวตามลำพังอีกแล้ว

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกได้ถึงหยดน้ำตาบนหน้าอกเปลือยเปล่าของตัวเองขณะที่เฮเฟสตัสค่อยๆ โอบกอดเขาเช่นกัน

เธอเริ่มร้องไห้ออกมาขณะที่เขายังคงส่งพลังงานเข้าไปพร้อมกับลูบหลังของเธออย่างอ่อนโยน

เกือบครึ่งชั่วโมงต่อมา เฮเฟสตัสก็หยุดร้องไห้ขณะที่วาห์นยังคงโอบกอดเธออยู่

ภายในความเงียบสงบนั้น เธอได้แต่พิงศีรษะเข้ากับหน้าอกของเขาและฟังเสียงหัวใจอันแสนคุ้นเคยที่มักจะฟังมันตลอดช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา

“นายรู้ไหมว่า… เสียงนี่ทำให้ฉันผ่อนคลายอยู่เสมอ? ฉันมักจะฟังมันก่อนเข้านอน…”

วาห์นประหลาดใจกับคำสารภาพของเธอเล็กน้อย แต่เขาก็เพียงกอดเธอให้แน่นขึ้นเพื่อทำให้เธอรู้ว่าเขาเป็นห่วงอยู่

เฮเฟสตัสพูดต่อไปด้วยเสียงเบาๆ

“แม้แต่บนโซฟานี้… ฉันก็…”

เฮเฟสตัสไม่ได้พูดประโยคต่อมา แต่วาห์นรู้สึกได้ว่าหัวใจของเธอกำลังเต้นเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก

มันเป็นจังหวะอันรวดเร็วและทรงพลังที่เขารู้สึกได้ผ่านหน้าอกที่กดทับลงมาบนท้องของเขาและมันก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นเช่นกันซึ่งเป็นสาเหตุให้เฮเฟสตัสเงยหัวขึ้นมามองเขาแบบยิ้มๆ

วาห์นมองเห็นประกายสีแดงบนใบหน้าเคล้าน้ำตาของเฮเฟสตัสและรอยยิ้มของเธอก็ทำให้สมองของเขาด้านชาไปหมด

เขายื่นมือขวาออกไปที่ด้านหลังศีรษะของเธอแบบไม่ทันคิด และก่อนที่เธอจะตอบสนองได้ทัน เขาก็ประกบริมฝีปากของเธอด้วยริมฝีปากของเขาเอง

ทันใดนั้นเฮเฟสตัสก็ตอบสนองด้วยดวงตาที่เบิกตากว้างและพยายามแยกตัวจากวาห์น

เนื่องจากเธอกำลังอยู่ในตำแหน่งที่ไม่อาจขัดขืนได้ เธอจึงไม่สามารถใช้แรงหรืออะไรแบบนั้นได้เลย

วาห์นยังคงจูบเธอต่อไปซึ่งคล้ายกับวิธีที่ทีโอน่าใช้กับเขาก่อนหน้านี้

เขาเริ่มรุกล้ำเข้าไปในริมฝีปากเข้ารูปนั่นด้วยลิ้นของตัวเอง

เฮเฟสตัสพยายามออกแรงดิ้นหนักกว่าเดิมอีกหลายเท่า แต่วาห์นได้เตรียมใจไว้แล้วว่าจะไม่ยอมหยุดจนกว่าเธอจะเข้าใจความรู้สึกของเขา

ในที่้สุดเฮเฟสตัสจึงหยุดต่อต้านและวาห์นก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจอันหนักหน่วงที่ออกมาจากจมูกของเธอพร้อมกันกับที่เธอเริ่มจูบเขากลับ

พอสัมผัสได้ว่าเธอเริ่มจะเป็นฝ่ายรุกล้ำเข้ามาแทน วาห์นก็ถอนตัวออกมาและยิ้มนิดๆ

เฮเฟสตัสไม่ได้เตรียมใจที่จะถูกถอนจูบ ดังนั้นเธอจึงพยายามเข้าใกล้ริมฝีปากของเขาและจูบต่อด้วยตัวเอง

แรงจูบของเธอดันตัววาห์นจนล้มลงไปบนโซฟาขณะที่เธอสวมกอดเขาจากด้านบน

เฮเฟสตัสรู้สึกว่าความต้องการภายในร่างกายนั้นเริ่มเข้ามาครอบงำจิตใจขณะที่เธอแนบกายเข้ากับเด็กหนุ่มที่มาวิ่งเล่นอยู่ในจิตใจของเธอมาพักใหญ่ๆ แล้ว

แม้จะหวาดกลัวว่าสักวันเขาอาจทิ้งเธอไป แต่ตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าเขาห่วงใยเธอมากพอๆ กับที่เธอห่วงใยเขา

อารมณ์ต่างๆ เริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจของวาห์นขณะที่เขารู้สึกได้ถึงน้ำหนักตัวของเฮเฟสตัสที่กดลงบนร่าง

เขารู้สึกตื่นตัวกับอารมณ์อันรุนแรงและสัมผัสนุ่มนิ่มที่แทบจะกลืนกินเขาเข้าไปโดยเฉพาะตรงส่วนหน้าอกของเธอ

สิ่งที่กำลังกดทับลงมาบนแผงอกของวาห์นนั้นแทบจะหยุดการทำงานในสมองของเขาไปเลย

ตอนนี้มือของเขาเริ่มออกสำรวจเรือนร่างของเธอเพื่อเสาะหาว่ามีความนุ่มนิ่มซุกซ่อนอยู่ตรงส่วนไหนอีกบ้าง

ในที่สุดมือของเขาก็ไปถึงบั้นท้ายอันกลมกลึงของเฮเฟสตัสจนทำให้เธอก็หอบหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะขยับริมฝีปากลงมาที่ซอกคอของเขา

เธอเริ่มจูบรอบคอของวาห์นขณะที่มือของเขายังคงลูบคลำบั้นท้ายและเพลิดเพลินไปกับสัมผัสอันแสนยืดหยุ่นของมัน

*ก๊อก* *ก๊อก* *ก๊อก*

เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ทั้งเฮเฟสตัสและวาห์นต่างก็ตัวแข็งทื่อขึ้นมาในทันใด

เมื่อมองไปทางนั้น เฮเฟสตัสก็ได้ยินเสียงเปิดประตูจากด้านนอกขณะที่กลอนล็อคถูกบิดออก

คนๆ เดียวที่มีกุญแจห้องทำงานของเธอนั้นนอกจากเธอแล้วก็มีแค่สึบากิ และร่างที่เดินเข้ามาในห้องก็ช่วยยืนยันความหวาดกลัวของเธอได้เป็นอย่างดี

สึบากิเดินผ่านประตูเข้ามาพร้อมกับลิลลี่ที่ตามมาติดๆ และทั้งสองก็มองเห็นร่างของวาห์นและเฮเฟสตัสที่อยู่บนโซฟาได้อย่างแจ่มชัด

ลิลลี่ชี้ไปที่ทั้งสองก่อนจะเริ่มกรีดร้องออกมา

“อ๊าาาาา! ท่านเฮเฟสตัส คนฉวยโอกาส!!!”

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน