Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 107

ตอนที่ 107

เช้าวันที่สองหลังจากที่วาห์นเข้าไปในดันเจี้ยน เฮเฟสตัสเริ่มตื่นขึ้นมาในสภาพมึนๆ

เธอรู้สึกไม่สบายตัวและหลังจากมองไปที่เสื้อผ้ายับยู่ยี่ของตนเองแล้ว เธอก็เริ่มนึกย้อนถึงความทรงจำจากเมื่อคืน

เฮเฟสตัสรู้สึกวุ่นวายไปหมดขณะพยายามจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แต่ก็สัมผัสได้ถึงความไม่สบายตัวจากเนื้อผ้าที่ใส่อยู่ในตอนนี้

เธอถอนหายใจก่อนจะลุกจากโซฟาและเปลี่ยนเสื้อผ้าจากตู้ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของห้องทำงาน

หลังจากเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าใหม่ เฮเฟสตัสก็จ้องไปที่คราบสกปรกบนชุดชั้นในและรู้สึกเขินอายเป็นอย่างมาก

เธอไม่อยากเชื่อเลยได้นำวาห์นมาใช้เป็นตัวช่วยเพื่อปลดปล่อยความสุขของตนเอง

พอนึกความซื่อและไร้เดียงสาของเขา เฮเฟสตัสก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกละอายกับสิ่งที่ทำลงไปเมื่อคืนก่อน

เธอรู้สึกราวกับตนเป็นเสื้อผ้าชิ้นนั้น… ช่างดูสกปรกเหลือเกิน…

เฮเฟสตัสพยายามเก็บเรื่องนี้ไปก่อนและเริ่มสะสางงานของตนให้เสร็จเนื่องจากเมื่อวานยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย

น่าเสียดายที่ตอนนี้วาห์นได้เริ่มออกผจญภัยอีกครั้งและทันใดนั้นเฮเฟสตัสเองก็ถูกขัดจังหวะจากอัตราการเต้นของหัวใจที่พุ่งสูงขึ้นของเขา

ไม่ว่าจะพยายามไม่สนใจมากแค่ไหน โดยเฉพาะหลังจากเรื่องเมื่อคืน เธอก็ไม่สามารถเมินเฉยต่อความรู้สึกนี้ได้

สุดท้ายแล้วเธอก็ยอมแพ้ที่จะพยายามทำงานต่อและใช้แขนแทนหมอนพร้อมกับฟุบหัวลงบนโต๊ะแทน

พอเพ่งเข้าไปในจิตของตน เธอก็รู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นต่างๆ ที่วาห์นกำลังสัมผัสอยู่

เฮเฟสตัสรู้สึกว่าเขาต้องกำลังสนุกอยู่แน่ๆ และเธอก็สงสัยว่ามอนสเตอร์แบบไหนกันที่ทำให้เขาตื่นเต้นได้ขนาดนี้

หลังจากฟังเสียงและสัมผัสกับอารมณ์ต่างๆ เฮเฟสตัสก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตู

เธอลุกออกจากโต๊ะด้วยใบหน้าบูดบึ้งและเดินไปที่ประตูเพื่อดูว่ามีใครมา

เมื่อเปิดประตูออก เฮเฟสตัสก็จำได้ว่าชายคนนี้เป็นหนึ่งในพนักงานรักษาความปลอดภัยของเธอนั่นเอง

เขาเป็นชายร่างสูง แขนยาว มีผมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาลและมีชื่อว่าแจ็ค

“ว่าไงแจ็ค มีอะไรเหรอ? ทำไมถึงมากวนฉันตอนทำงาน… ฉันกำลังยุ่งอยู่นะ”

เฮเฟสตัสถามออกไปแต่เธอก็สังเกตเห็นว่าแจ็คจ้องกลับมาราวกับกำลังเพ้ออยู่

หลังผ่านไปอีกครู่หนึ่งเฮเฟสตัสก็เริ่มรู้สึกรำคาญ จนกระทั่งแจ็คชี้ไปที่ใบหน้าของเธอและพูดขึ้น

“ที่ปิดตาของท่าน… หายไปแล้ว?”

เมื่อเห็นเขาชี้มา เฮเฟสตัสจึงยื่นมือขึ้นมาและสัมผัสใบหน้าตัวเอง

อย่างที่แจ็คพูดไว้ไม่ผิด ตั้งแต่ที่วาห์นช่วยรักษาตาให้เธอ เฮเฟสตัสก็ไม่ได้สวมที่ปิดตาอีกเลย

เนื่องจากยังอยู่ในสภาพงัวเงีย เธอจึงลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลยและเปิดประตูออกไปตามความเคยชิน

เฮเฟสตัสสังเกตเห็นว่าขณะที่เธอกำลังสัมผัสใบหน้า ชายที่ชื่อแจ็คก็เริ่มเปลี่ยนท่าทางพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย

“ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าภายใต้ที่ปิดตาของท่านจะมีใบหน้างดงามขนาดนี้ซ่อนอยู่ น่าเสียดายจริงๆ ที่ท่านไม่เคยถอดมันออกมาก่อน”

เมื่อได้ยินคำชมของแจ็ค ทันใดนั้นเฮเฟสตัสก็รู้สึกคลื่นไว้ขึ้นมาทันที

หลายปีที่เขาทำงานให้กับเธอ นอกจากได้พบกันไม่กี่ครั้ง พนักงานรักษาความปลอดภัยส่วนใหญ่มักไม่กล้าแม้แต่จะพูดกับเธอ ยิ่งเรื่องมาจีบเธอคงไม่ต้องพูดถึงด้วยซ้ำ

คำพูดของเขาแม้จะฟังดูสุภาพแต่ก็ไม่มีผลอะไรนอกจากเป็นเสียงรบกวนเล็กๆ สำหรับเฮเฟสตัส

“ฉันถามอยู่นะว่าทำไมเธอถึงมารบกวนฉัน”

เฮเฟสตัสพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมกับจ้องไปทางเขาแบบโกรธๆ

แจ็คเริ่มตื่นตระหนกหลังเห็นเฮเฟสตัสโมโห

ดวงตาเขาเบิกกว้างพร้อมกับโบกไม้โบกมือราวกับจะพยายามปกป้องตัวเอง

เขาแค่ชมเธอเท่านั้นเอง และไม่คิดว่าเธอจะไม่พอใจถึงขนาดนี้

“อะ-เอ่อ มีลูกค้าที่อยากจะคุยเรื่องทำสัญญากับท่านครับ พวกเขากำลังรออยู่ที่โต๊ะเจรจา…”

เฮเฟสตัสยังคงจ้องไปที่แจ็คแม้ว่าเขาจะอธิบายเหตุผลที่มาที่นี่เสร็จแล้วก็ตาม

เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนเดิม

“บอกพวกเขาไปว่าตอนนี้ฉันกำลังยุ่งกับโครงการส่วนตัวอยู่และจะไม่รับลูกค้าใหม่ในช่วงนี้ ออกไปได้แล้ว และวันนี้ไม่ต้องมารบกวนฉันอีก”

เฮเฟสตัสไม่ชอบวิธีที่เขา ‘มอง’ เธอเป็นอย่างมาก

แจ็คยังคงจ้องมองใบหน้าและดวงตาแม้เธอจะถลึงตาใส่เขาแบบเคืองๆ แล้วก็ตาม

แจ็คพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะออกไปทำหน้าที่ของตนต่อ

อย่างไรก็ตาม หลังจากเขาเดินไปสองสามก้าวก็อดไม่ได้ที่จะหันหัวกลับมามองเฮเฟสตัสอีกครั้ง

เมื่อเห็นความอาจหาญของพนักงานคนนี้ เฮเฟสตัสก็รู้สึกเดือดขึ้นมาทันที

เธอค่อยๆ พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“นายโดนไล่ออกแล้ว ต่อไปถ้าฉันยังเห็นนายมาแถวๆ ที่โรงหลอมนี้อีกก็จะให้ทหารยามมาจับนายซะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเฮเฟสตัส จิตใจของแจ็คก็ว่างสนิทและพยายามหาคำแก้ตัว

แต่เมื่อเห็นว่าเฮเฟสตัสดูโกรธมากขนาดไหน เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว

แจ็คโค้งให้แบบลดตัวลงต่ำที่สุดและหันหลังกลับพร้อมรีบออกจากสถานที่แห่งนั้นโดยไม่หันกลับมามองอีก

หลังจากนั้นไม่กี่นาที ‘เซฟฟ์’ หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยก็เข้ามาและสอบถามเกี่ยวกับการจากไปของแจ็ค

เฮเฟสตัสยังคงไม่ปกปิดใบหน้าเช่นเดิมแต่เซฟฟ์ก็มีไหวพริบมากพอที่จะเก็บความคิดเห็นของตนเอาไว้ในใจ

หลังจากได้ฟังเหตุผล เขาจึงขอโทษเฮเฟสตัสและสาบานว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต

ในอีกสองสามชั่วโมงถัดมานั้นเฮเฟสตัสก็อยู่ในสภาพหงุดหงิดแทบตลอด

การที่ใครบางคนคิดว่าจะมาจีบเธอได้หลังจากที่ใบหน้าของเธอถูกรักษาแล้วนั้นทำให้เธออารมณ์เสียมาก

แม้พวกเขาจะไม่ได้มีเจตนาไม่ดีก็ตาม แต่เธอก็ไม่ชอบคำเยินยอที่คนพวกนั้นใช้เลยแม้แต่น้อย

ตอนนี้ใบหน้าของเธอไม่ได้เสียโฉมอีกแล้ว เฮเฟสตัสจึงรู้สึกเต็มไปด้วยความภาคภูมิและมั่นใจในตัวเอง

เธอจะไม่ยอมให้ใครก็ตามที่เห็นใบหน้าของเธอมาเล็งเป้าใส่แบบไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเด็ดขาด

ในขณะที่กำลังโกรธอยู่นั้น ร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งก็ประกายขึ้นมาในใจของเธอจนทำให้เฮเฟสตัสสงบลงได้

เธอถอนหายใจยาวๆ และตัดสินว่าวันนี้คงเป็นอีกวันที่ไม่ได้ทำงาน

เธอเลยตัดสินใจมุ่งหน้าไปที่โรงอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อชำระล้างร่างกายพร้อมกับผ่อนคลายตัวเอง

แม้จะเปลี่ยนเสื้อผ้าไปแล้วแต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงอยากจะไปล้างมันออกให้หมด…

หลังจากได้ไปยังโรงอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์และนอนหลับอย่างสงบไปหนึ่งคืน เฮเฟสตัสก็อารมณ์ดีขึ้นมากกว่าวันก่อน

ตอนที่ออกไปข้างนอกเมื่อวานนี้ เฮเฟสตัสก็ไม่ได้สวมที่ปิดตาเช่นกัน

เธอเดินไปรอบๆ อย่างมั่นใจและเป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้คนมากมายตามทางที่เดินผ่าน

พอมาถึงโรงอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ เหล่าสหายเทพธิดาทั้งหลายต่างต้องตกตะลึงเมื่อเห็นใบหน้าที่ไร้การปกปิดของเธอ

เฮเฟสตัสใช้เวลาที่เหลือในช่วงเย็นในการพูดเรื่องวาห์นให้คนรอบข้างฟังจนพวกเธอหันมาหยอกล้อกันเป็นการใหญ่

หลังกลับมาบ้าน เธอรู้สึกเหนื่อยมากและล้มตัวลงนอนขณะฟังเสียงหัวใจของวาห์น

เฮเฟสตัสตัดสินใจว่าวันนี้จะต้องทำงานให้จงได้ ไม่งั้นมันก็จะพอกต่อไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต

ในฐานะช่างตีเหล็กที่มีผลงานมากที่สุดในเมือง เธอไม่มีเวลาว่างมานั่งเล่นนอนเล่นทุกวัน

ไม่ว่าเสียงหัวใจของวาห์นจะทำลายสมาธิของเธอมากแค่ไหน เธอก็ยังต้องเคลียร์งานและเริ่มบังคับตัวเองให้เข้าไปที่ห้องทำงาน

หลายชั่วโมงต่อมา งานตีดาบของเฮเฟสตัสก็คืบหน้าไปได้ด้วยดี

แต่จู่ๆ เธอก็รู้สึกได้ถึงความกลัวอย่างรุนแรงเข้ามาเกาะกุมหัวใจเอาไว้

เธอรีบโยนดาบทิ้งไปในทันทีและเริ่มเพ่งสมาธิไปที่เสียงหัวใจในดวงวิญญาณของเธอแทน

เฮเฟสตัสรู้สึกได้ว่าวาห์นไม่ได้ตื่นเต้นอยู่ แต่เขากำลังกลัว… กลัวมากเลยด้วย

ความกลัวยังคงพุ่งสูงขึ้นภายในตัวจนเฮเฟสตัสรู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ และวาห์นคงจะเจอกับอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาต้องหวาดกลัวมากแน่ๆ

ยิ่งเขากลัวมากขึ้นเท่าไหร่ ความกลัวของเฮเฟสตัสก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากเธอไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้เลย

ทันใดนั้นเฮเฟสตัสก็ส่งข้อความฉุกเฉินไปยังสึบากิให้เริ่มรวบรวมคนเพื่อตั้งทีมช่วยเหลือ

คนที่อยู่ในทีมส่วนใหญ่ล้วนเป็นสมาชิกที่มารวมตัวกันจากครั้งที่แล้ว และการที่พวกเขาเห็นเทพธิดาของตนไม่ได้ใส่ที่ปิดตาไว้ก็สร้างความประหลาดใจให้เป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดูน่าตกใจมากที่สุดก็คือใบหน้าซีดเผือดและแสนกังวลของเฮเฟสตัสนี่เอง

พวกเขายังรู้อีกว่าเรื่องคราวนี้คงจะหนักหนามากจนทำให้เฮเฟสตัสต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้

ขณะที่สมาชิกมารวมตัวกันอยู่ตรงด้านนอกของทางเข้าดันเจี้ยนคล้ายกับเหตุการณ์ครั้งก่อน หัวใจของเฮเฟสตัสก็เริ่มสงบลง

เธอสัมผัสได้ว่าวาห์นไม่ได้หวาดกลัวอีกต่อไป และเมื่อเธอตระหนักถึงเรื่องนี้เฮเฟสตัสก็เกือบจะทรุดลงไปกับพื้นด้วยความโล่งอก

สึบากิที่อยู่ใกล้ๆ รีบมารับร่างของเฮเฟสตัสเอาไว้ก่อนที่เธอจะตกลงถึงพื้น

“ตอนนี้เขาไม่เป็นไรแล้วเหรอคะ?”

สึบากิเองก็รู้สึกเป็นห่วงวาห์นมากเช่นกัน เพราะเฮเฟสตัสเคยบอกเธอแล้วเกี่ยวกับสัมผัสเชื่อมโยงที่พวกเขามีให้กัน

เฮเฟสตัสเผยรอยยิ้มโล่งอกบนใบหน้าขณะที่เธออธิบายสิ่งที่รู้สึกให้สึบากิฟัง

หลังจากเข้าใจสถานการณ์แล้ว สึบากิก็แจ้งให้ทีมช่วยเหลือทราบและแม้ว่าบางคนจะรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่ก็ดีใจที่สถานการณ์กลับคืนสู่ปกติแล้ว

พวกเขาอยู่ที่บริเวณหน้าดันเจี้ยนอีกครู่หนึ่งก่อนจะตกลงกันว่าจะนัดเจอกันทีหลังเพื่อไปดื่มฉลอง

สึบากิจะเป็นคนออกค่าอาหารทุกอย่างให้เพื่อเป็นการตอบแทนและถือเป็นค่าเสียเวลา

หลังจากนั้น สึบากิก็แจ้งให้เฮเฟสตัสทราบว่าจะมีปาร์ตี้มุ่งหน้าเข้าสู่ดันเจี้ยนในวันถัดไป ดังนั้นทั้งสองจึงไปพบกับตัวแทนกลุ่มและส่งข้อมูลของวาห์นให้กับพวกเขา

เฮเฟสตัสสั่งให้พวกเขาสาบานว่าหากพบวาห์นกำลังเจอกับปัญหา พวกเขาจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยวาห์นให้ได้

แกรนท์กับเมอรีลตอบตกลงโดยไม่ได้พูดอะไรมากนัก เนื่องจากพวกเขามองเห็นสีหน้ากังวลและแสนเป็นห่วงบนใบหน้าของเทพธิดาที่พวกตนนับถือ

พวกเขาสงสัยเหลือเกินว่าวาห์นเป็นเด็กประเภทไหนกันถึงได้ส่งผลต่อเทพธิดาที่มักจะดู ‘เยือกเย็น’ และ ‘เฉยเมย’ ได้มากขนาดนี้

สองวันต่อมานั้นผ่านไปอย่างปกติ

เฮเฟสตัสยังคงกังวลเกี่ยวกับวาห์น แต่เธอก็รู้สึกว่าเสียงหัวใจของเขายังคงเต้นแบบคงที่ซึ่งทำให้เธอวางใจได้ระดับหนึ่ง

นอกเสียจากสองสามครั้งที่จู่ๆ เขาก็ตื่นเต้นขึ้นมาอย่างกระทันหัน ช่วงสองสามวันต่อมานี้ถือได้ว่าสงบกว่าสองวันแรกมาก

ที่จริงเฮเฟสตัสได้ทำงานเสร็จไปบ้างแล้วและจัดการสัญญาเสร็จเรียบร้อยไปหลายฉบับ

ช่วงนี้ ‘เพลิงนิรันดร์’ ดูจะทรงพลังขึ้นกว่าเดิมมากและเฮเฟสตัสยังมองเห็นด้วยว่ามีประกายสีแดงฉานภายในเปลวเพลิงที่ปรากฏขึ้นมาเป็นครั้งคราว

ด้วยการร่วมมือของมัน เธอจึงสามารถสำเร็จงานทั้งหลายได้อย่างรวดเร็ว เร็วมากจนเธอเองก็ยังประหลาดใจ

หลังได้นอนหลับอย่างสงบในคืนนั้น เฮเฟสตัสก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงเคาะประตูในเช้าวันถัดมา

เนื่องจากช่วงนี้เธอใจเย็นลงมาก เธอจึงเปิดประตูออกแบบไร้อารมณ์ขุ่นมัว

แทนที่จะเป็นแจ็คผู้ซึ่งถูกเธอไล่ออกไปแล้ว คนส่งสารในคราวนี้กลับเป็นผู้หญิงที่ดูค่อนข้างมีฝีมือ

เธอสูงกว่าเฮเฟสตัสเล็กน้อยและมีเส้นผมสีน้ำตาลแดงกับดวงตาสีม่วง

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านเฮเฟสตัส มีเทพธิดาที่ชื่ออนูบิสมามาขอพบท่านค่ะ”

เด็กสาวคนนี้พูดจาได้สุภาพมากแม้เธอจะมีท่าทางของนักรบที่แข็งกร้าวก็ตาม

เฮเฟสตัสนึกในใจว่าคงต้องไปชมเชยเซฟฟ์ในภายหลังว่าเขาสรรหาคนมาได้ดีจริงๆ

เธอเริ่มมุ่งหน้าไปทางห้องประชุมส่วนตัวซึ่งเอาไว้ใช้รับแขก VIP

เมื่อเข้าไปในห้อง เฮเฟสตัสก็เห็นเทพธิดาผู้งดงามทและมีผิวสีน้ำตาลมะกอก เส้นผมยาวสีดำ ใบหูเชียนโธรปแบบตั้งตรงขนาดใหญ่ พวงหางที่ฟูและหนานุ่ม และเครื่องแต่งกายที่ดูหรูหราเป็นอย่างมาก

สิ่งที่ดึงดูดความสนใจที่สุดก็คือดวงตาของเทพธิดาผู้นี้

มันประดับไปด้วยแสงสีทองอ่อนๆ คล้ายกับพระจันทร์เต็มดวง

เมื่อสังเกตเห็นเฮเฟสตัส เธอก็วางถ้วยชาที่กำลังดื่มลงและโค้งให้กับเทพธิดาผู้มีดวงตาสีแดงฉานอย่างสุภาพ

“เทพธิดาเฮเฟสตัส ฉันมีชื่อว่าอนูบิส เป็นเทพธิดาของอนูบิสแฟมิเลียที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองเมื่อไม่นานมานี้”

เฮเฟสตัสพยักหน้าให้เธอก่อนที่จะนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม

มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เหล่าเทพหรือเทพธิดาที่เพิ่งย้ายมาใหม่จะมาเข้าหาเธอก่อน

มีทวพเทพหลายองค์ที่อยากจะผูกสัมพันธ์หรือแม้แต่สร้างความร่วมมือกับเธอ เพราะเธอเป็นถึงผู้นำของแฟมิเลียที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ 3 และเป็นแฟมิเลียสายผลิตที่ใหญ่ที่สุดของเมือง

“มีอะไรให้ฉันช่วยล่ะ อนูบิส?”

เฮเฟสตัสเดาว่าคงจะเป็นเรื่องตามมารยาทหรือไม่ก็คำขอเล็กน้อย แต่เธอก็ต้องประหลาดใจเนื่องจากอนูบิสส่งจดหมายฉบับหนึ่งมาให้เธอแทน

ขณะที่กำลังถือซองจดหมายไว้ในมือ เฮเฟสตัสก็มองอนูบิสเป็นเชิงถาม

“ฉันได้รับจดหมายฉบับนี้จากเด็กหนุ่มที่ชื่อว่าวาห์น เขาได้มอบมันให้กับเด็กๆ ของฉันหลังจากที่พวกเขา… มีเรื่องเข้าใจผิดกัน”

อนูบิสกล่าวพลางขมวดคิ้วหลังจากนึกถึงเหตุการณ์ที่เด็กๆ ของเธอเล่าให้ฟัง

เธอรู้สึกทั้งโกรธเคืองและขอบคุณเด็กหนุ่มที่ชื่อวาห์น เพราะเขาได้ไว้ชีวิตเด็กๆ ของเธอและทำให้เธอได้มาพบกับเฮเฟสตัส

หลังจากได้ยินว่าเป็นจดหมายจากวาห์น เฮเฟสตัสก็รีบเปิดมันทันทีขณะถามต่อ

“เรื่องเข้าใจผิดอะไรกัน? วาห์นไม่ใช่คนที่ชอบไปหาเรื่องคนอื่นก่อนเลยนี่นา”

เฮเฟสตัสสังเกตเห็น ‘ความอึดอัด’ ของอนูบิสและคิดว่าเธอกำลังปกปิดอะไรบางอย่าง

ก่อนที่จะเริ่มอ่านจดหมาย เธออยากจะยืนยันข้อสงสัยของตนเสียก่อน

พออนูบิสได้ยินคำถามของเฮเฟสตัส เธอก็ถอนหายใจก่อนจะเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง

ขณะฟังเรื่องราวที่ถูกเล่าต่อมาอีกทอด เฮเฟสตัสก็รู้สึกได้ว่าเลือดในร่างกายเริ่มเย็นลงพร้อมกับจ้องมองไปทางเทพธิดาที่อยู่ต่อหน้าเธอ

การที่วาห์นถึงขั้นไปโจมตีคนอื่นนั้น เขาจะต้องรู้สึกถูกคุกคามหรือว่ามีเหตุผลที่ดีก่อนจะทำอะไรแบบนั้นลงไป

เฮเฟสตัสเริ่มอ่านจดหมาย และเลือดที่เย็นยะเยือกอยู่แล้วของเธอก็ดูเหมือนจะเย็นลงไปอีก 20 องศาขณะที่ความโกรธแค้นเริ่มแผ่กระจายไปทั่วจิตใจ

ภายในจดหมายนั้น วาห์นอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากมุมมองของเขา

เขาพูดถึงเทพที่มีชื่อว่าโอซิริสซึ่งกำลังหมายหัวเขาอยู่ และเฮเฟสตัสก็เชื่อว่าเทพองค์นั้นน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้วาห์นรู้สึกหวาดกลัวในช่วงก่อนหน้านี้

อนูบิสที่นั่งดูอยู่เงียบๆ เริ่มรู้สึกว่ามีเหงื่อเย็นๆ ไหลออกมาตามแผ่นหลังขณะที่เธอมองไปทางเทพธิดาที่กำลังพิโรธหนัก

เนื่องจากตัวเองไม่รู้เนื้อหาของจดหมายนั่น เธอจึงหวังว่ามันคงไม่ได้ทำให้เรื่องซับซ้อนขึ้นเนื่องจากตามความเข้าใจของเธอนั้นวาห์นดูเป็นคนที่มีเหตุผลพอสมควร

ในที่สุด เฮเฟสตัสก็อ่านจดหมายจบก่อนจะมองไปทางอนูบิสด้วยสีหน้าเย็นชา

“ทำไมเธอกับไอ้เทพงี่เง่านั่นถึงไล่ตามวาห์นล่ะ? ถึงวาห์นจะเขียนไว้ว่าเธอไม่ได้เป็นภัยคุกคาม แต่ถ้าคำตอบของเธอทำให้ฉันพอใจไม่ได้ล่ะก็….”

ขณะที่พูดออกไป สีหน้าของเฮเฟสตัสก็ดูเลวร้ายยิ่งขึ้นขณะที่มองใบหน้าเคร่งเครียดของอนูบิส

อนูบิสไม่ได้กลัวเฮเฟสตัสแต่อย่างใด ทว่าเมื่อนึกถึงอันตรายที่เหล่าเด็กๆ ของเธออาจได้รับก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายขณะเผชิญกับแรงกดดันนี้

“ฉันเองก็ไม่รู้เหตุผลที่แน่ชัด แต่โอซิริสขอร้องให้ฉันมาที่เมืองนี้เพื่อช่วยจัดการความผิดปกติ ตามที่เขาเล่า… เด็กหนุ่มที่ชื่อวาห์นนั้นไม่มีดวงวิญญาณ เนื่องจากพวกเราทั้งคู่เป็นเทพที่เกี่ยวกับความตาย เราจึงสามารถมองเห็นวิญญาณทุกดวงที่อยู่ภายในร่างของสิ่งมีชีวิตได้หมด โอซิริสดูเหมือนจะมีเรื่องบาดหมางกับวาห์นอยู่ แต่ฉันแค่อยากยืนยันเรื่องดวงวิญญาณของเขาเท่านั้น…”

เฮเฟสตัสพยักหน้าแต่สีหน้าของเธอก็ไม่ได้ดีขึ้นเลยหลังจากได้ยินคำอธิบายของอนูบิส

เฮเฟสตัสกล่าวต่อ “สำหรับตอนนี้ ฉันอยากจะไปเจอหมอนั่นหน่อย ตราบใดที่เธอไม่มาขวาง ฉันก็จะจัดการให้เธอได้พบวาห์นเมื่อเขากลับมาแล้ว ฉันกล้าพูดเลยว่านี่ต้องเป็นแผนการที่เพื่อนผู้น่าสมเพชของเธอคิดขึ้นมาแน่นอน”

เฮเฟสตัสพูดทุกถ้อยด้วยความมั่นใจถึงขนาดที่ทำให้อนูบิสเชื่อว่าเธอถูกโอซิริสหลอกเข้าแล้ว

เธอคิดไว้อยู่แล้วว่าโอซิริสจะต้องมีเหตุผลอื่นแอบแฝงอยู่ และเมื่อเห็นท่าทางมั่นใจของเฮเฟสตัสก็รู้สึกเหมือนกับตนเองถูกใช้เป็นเครื่องมือเข้าอย่างจัง

ในวันนั้น เฮเฟสตัสแฟมิเลียก็ได้เข้าล้อมรอบฐานที่มั่นของโอซิริสแฟมิเลียซึ่งอยู่ในสถานที่น่าสงสัยใกล้กับถนนเดดาลัส

มันเป็นตึกโทรมๆ และดูราวกับเป็นซ่องโจร

หลังจากที่ทั้งสองแฟมิเลียเข้าปะทะกันเล็กน้อย ท้ายสุดเฮเฟสตัสก็ได้เผชิญหน้ากับโอซิริสที่พยายามโจมตีเธอด้วยการใส่ร้ายและคำพูดสาปแช่งต่างๆ นาๆ

เฮเฟสตัสต่อยหน้าโอซิริสอย่างรุนแรงไปหนึ่งยกก่อนจะคุมตัวเขาเอาไว้โดยใช้ตราประทับที่ออกแบบมาเพื่อคุมขังเหล่าเทพโดยเฉพาะ

เธอจะปล่อยให้ทางกิลด์พาตัวเขาไปก่อนจะจัดการสืบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด

ถ้าหากว่าเขาวางแผนที่จะทำร้ายวาห์นด้วยเหตุผลส่วนตัวจริงๆ เธอก็จะทำให้แน่ใจว่าเขาจะได้ตั๋วเดินทางกลับสวรรค์แบบเที่ยวเดียวและไม่มีวันได้กลับลงมาอีกแน่นอน

อนูบิสเองก็ไปที่นั่นด้วยเช่นกัน

เมื่อเห็นความโกรธที่ไม่มีอะไรดับลงได้ของเฮเฟสตัส เธอก็รู้สึกว่าตนกับโอซิริสได้ไปแหย่จมูกเสือเข้าให้แล้ว

ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกขอบคุณวาห์นเป็นอย่างมากที่ไว้ชีวิตเด็กๆ ของเธอและยังเขียนจดหมายซึ่งเบนโทสะของเฮเฟสตัสไปทางอื่นแทนแฟมิเลียของเธอเอง…

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท