Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 110

ตอนที่ 110

เฮเฟสตัสยังคงพิงร่างของวาห์นอยู่และไม่อาจรวบรวมความคิดอะไรออกมาได้เลย

เธอเพียงแต่จ้องไปทางนิ้วของลิลลี่ที่ชี้ใส่ดวงตาเบิกกว้างกับปากที่เผยอออกเล็กน้อยและยังเปียกชุ่มจากการจูบกับวาห์น

สึบากิอุ้มลิลลี่ที่เริ่มดิ้นไปมาขึ้นขณะค่อยๆ เดินไปทางประตูพร้อมกับหัวเราะออกมา

“ฮ่าฮ่าฮ่า งั้นเราค่อยมาใหม่ทีหลังก็แล้วกัน!”

สึบากิแบกลิลลี่ออกไปข้างนอกพร้อมปิดประตูตามหลังให้เสร็จสรรพ

เฮเฟสตัสมองไปทางวาห์นผู้ที่ยังช็อคไม่หาย ก่อนที่เธอจะได้สติขึ้นมาบ้างและแยกตัวออกมา

วาห์นเองก็ได้สติหลังจากที่เธอถอยออกไปและลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาขณะที่เฮเฟสตัสรีบวิ่้งไปที่ประตู

“เดี๋ยว กลับมาก่อนสึบากิ!”

เฮเฟสตัสรู้สึกอายมากหลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

เธอลืมไปซะสนิทเลยว่าเธอเป็นคนส่งข้อความให้สึบากิพาลิลลี่มาที่นี่เอง

ตอนนี้ทั้งสองก็ดันมาเห็นเธอกับวาห์นในสภาพที่… ไม่ควรมาเห็นสักเท่าไหร่

สึบากิยังไม่ได้เดินไปไกลนักก่อนที่เฮเฟสตัสจะตามพวกเขาทัน

เธอจ้องมองเฮเฟสตัสที่หายใจหอบๆ ด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า

“แน่ใจเหรอคะ ท่านเฮเฟสตัส~?”

เธอปล่อยให้คำพูดล่องลอยไปในอากาศขณะที่เฮเฟสตัสเริ่มหน้าแดงหนัก

“กลับเข้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ สึบากิ! พวกเรามีเรื่องสำคัญต้องจัดการ!”

ตอนนี้เฮเฟสตัสผิดไปจากปกติแบบลิบลับ เธอแทบจะกรี๊ดออกมาก่อนจะกลับไปที่ห้องทำงานด้วยอารมณ์หัวร้อนแบบสุดๆ

พอเห็นท่าทางปั่นป่วนของเธอ สึบากิอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังขณะแบกลิลลี่กลับเข้าไปในห้องทำงาน

เธอมองเห็นเฮเฟสตัสยืนพิงขอบโต๊ะขณะที่วาห์นนั่งตัวตรงอยู่บนโซฟาขณะจ้องมองทั้งสองที่เดินกลับเข้ามา

สึบากิปล่อยลิลลี่ลงก่อนจะชูนิ้วโป้งให้กับวาห์นและพูดขึ้น

“วาห์น ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าเธอจะใจกล้าขนาดนั้น ทำได้ดีมาก!”

วาห์นรู้สึกเขินมากขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินคำพูดของเธอขณะที่ลิลลี่รีบเข้ามานั่งข้างๆ เขา

ลิลลี่สำรวจร่างกายของวาห์นและพบว่าผิวของเขามีสีแดงเล็กน้อย

เธอเห็นได้ชัดว่าริมฝีปากของเขาดูบวมๆ และยังมีรอยจูบอยู่ตรงลำคอด้วย

เธอหันไปมองเฮเฟสตัสและพูดขึ้น

“ท่านเฮเฟสตัส… ไม่ยุติธรรมเลยนะคะ”

เมื่อเห็นท่าทางกล่าวหาของลิลลี่ เฮเฟสตัสก็กระแอมออกมาเสียงดังเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

“พวกเรา… ไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนั้นสักหน่อย ฉันแค่เผลอไปนิดเดียว…

พอดีว่าช่วงนี้ค่อนข้างเครียดจากตอนที่วาห์นอยู่ในห้องพยาบาลน่ะ”

ขณะที่ลิลลี่ยังคงจ้องมองเฮเฟสตัส เธอก็รู้สึกว่าเหมือนมีอะไรมาวางอยู่บนหัวและมือที่คุ้นเคยของวาห์นก็เริ่มขยี้ผมของเธอ

“อย่าโทษเฮเฟสตัสเลยนะ ลิลลี่ ตอนแรกเธอก็พยายามห้ามไว้แล้วแต่ฉันเป็นคนไปจูบเธอก่อนเอง”

คำพูดของวาห์นที่ตั้งใจพูดออกมาเพื่อกอบกู้สถานการณ์นดังเข้าไปในหูของหญิงสาวทุกคนในที่แห่งนั้น

เฮเฟสตัสพยายามปิดหน้าของตนด้วยความเขินอายขณะที่สึบากิโน้มตัวพิงกำแพงพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ทำได้ดี ทำได้ดี~! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

ลิลลี่ดูเหมือนจะได้รับความเสียหายจากคำพูดเหล่านั้นมากที่สุดและถ้าหากที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง เธอก็ไม่สามารถไปต่อว่าเฮเฟสตัสได้เลย

“เอ่อ วาห์น… ฉันเองก็เป็นห่วงนายมากเลยนะ!?”

ตอนนี้ลิลลี่เกือบจะบ้าตายแล้วขณะที่วาห์นก็ได้แต่ขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองเฮเฟสตัสที่ยังไม่ยอมสบตากับเขา

เมื่อเห็นว่าสึบากิคงไม่ช่วยอะไรแน่ๆ เขาจึงตัดสินใจปลอบลิลลี่ด้วยตัวเอง

วาห์นเอามือออกจากหัวของลิลลี่ก่อนจะโอบไหล่เธอและดึงตัวเข้ามากอดพร้อมลูบหลังของเธออย่างอ่อนโยน

เนื่องจากลิลลี่ตัวเล็กมาก ใบหน้าของเธอจึงมาอยู่ตรงหน้าอกของเขาพอดี

“ขอบใจนะที่เป็นห่วงฉัน แล้วขอโทษด้วยที่ทำให้เธอคิดมาก”

ลิลลี่รู้สึกทรมานเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดนั่น เพราะแม้จะรู้ว่าวาห์นพยายามปลอบเธออยู่ แต่กลิ่นที่ออกมาจากตัวของเขากำลังทำให้เธอรู้สึกเคืองๆ

ลิลลี่ได้กลิ่นของเฮเฟสตัสที่เข้ามาผสมกับกลิ่นตัวของวาห์นได้อย่างชัดเจน ซึ่งมันก็ทำให้เธอรู้สึกหึงนิดหน่อย

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ลิลลี่ดูเหมือนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้

เธอจึงถอยห่างจากวาห์นไปเล็กน้อยก่อนจะพูดกับเขา

“วาห์น ฉันขอจูบจากนายบ้างได้ไหม?”

เฮเฟสตัสดูเหมือนจะอยากพูดออกอะไรบางอย่างแต่เธอก็ไม่ได้เข้ามาห้ามปราม

สึบากิเองก็จ้องมองอยู่เช่นกันซึ่งเธอได้หยุดหัวเราะไปพักหนึ่งแล้วและมีสีหน้าจริงจังมากขึ้น

วาห์นไตร่ตรองคำขอของลิลลี่และเข้าใจว่ามันเหมือนกับกรณีของไอส์เพราะเธอเองก็มีค่าความชื่นชอบที่สูงมาก

อย่างไรก็ตาม ลิลลี่นั้นแตกต่างไปจากไอส์เพราะเธอยังอ่อนแอเกินไป

วาห์นกลัวว่าหากเขาโอนอ่อนตามใจเธอไปตลอด มันก็อาจทำให้เธอเคยตัวและคงจะเรียกร้องขอความรักความเห็นใจจากเขามากขึ้นไปอีกในอนาคต

ดังนั้นแทนที่จะจูบตรงริมฝีปาก วาห์นจึงกุมใบหน้าของลิลลี่และจูบลงที่หน้าผากของเธอแทนโดยไม่สนใจสายตาคาดหวังนั่นเลย

ลิลลี่เบิกตากว้างราวกับอยากจะพูดอะไรออกมา แต่เธอก็ไม่สามารถสรรหาคำพูดที่จะแทนความรู้สึกในตอนนี้ออกมาได้

วาห์นขยับออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดอย่างอ่อนโยน

“ฉันไม่อยากจะเห็นเธอกลายเป็นคนที่เอาแต่พึ่งพาคนอื่นนะลิลลี่

สำหรับตอนนี้ ฉันอยากให้เธอสนุกไปกับการใช้ชีวิตและมุ่งเป้าไปที่การฝึกฝนไปก่อน

ในอนาคตเรายังมีเวลาอีกมาก ดังนั้นขอให้เธอเพลิดเพลินไปกับการใช้ชีวิตแบบนี้ไปก่อนเถอะนะ”

วาห์นรู้สึกว่าคำแนะนำเขาโอเคดีแล้ว แต่ลิลลี่กลับดูเสียใจกว่าเดิมหลังเขาพูดจบ

น้ำตาเริ่มไปคลอกันอยู่ตรงเบ้าขณะที่เธอพูดออกมาด้วยเสียงสะอื้น

“ฉันจะแข็งแกร่งกว่านี้ วาห์น… ได้โปรดอย่าทิ้งฉันไว้ข้างหลังนะ”

วาห์นส่ายหัวและหัวเราะเล็กน้อยขณะลูบหัวของเธอ

“เด็กโง่ ฉันไม่หนีเธอไปไหนหรอก เธอเป็นคนสำคัญของฉันนะ

ถึงจะยังไม่ใช่อะไรที่มันเกินเลยก็ตาม อย่างน้อยก็สำหรับในตอนนี้”

สึบากิที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดขึ้น

“เขาพูดถูกนะลิลลี่ เธอก็น่าจะรู้แล้วว่าวาห์นเป็นคนแบบไหน และสิ่งเธอต้องเอาชนะเป็นอย่างแรกก็คืออดีตของตัวเอง

เธอเองก็ก้าวหน้าไปมากแล้ว ดังนั้นอย่าให้เวลาเสียเปล่าแล้วมาหยุดเดินกลางคันเลย”

ลิลลี่พยักหน้าแต่ก็ยังคงมีน้ำตาเหลืออยู่เล็กน้อยขณะมองไปทางเฮเฟสตัส

“ท่านเฮเฟสตัสคะ…ได้โปรดอย่าเก็บวาห์นไว้คนเดียวนะคะ

ยังมีคนอีกตั้งมากมายที่ห่วงใยเขาเหมือนกัน ท่านทำได้ใช่ไหมคะ?”

เฮเฟสตัสพิจารณาคำพูดของลิลลี่ก่อนจะพยักหน้ารับ

เธอเองก็รู้ดี โดยเฉพาะหลังจากได้ยินวาห์นเล่าออกมาด้วยตัวเองว่าในอนาคตนั้นเธอต้องเจอกับอะไรบ้าง

ในฐานะเทพธิดาที่มีชีวิตยืนยาวมากว่าหลายล้านปีและเป็นอมตะ เธอควรจะยอมรับและมีความอดทนมากกว่าคนอื่นๆ

เธอไม่เคยเชื่อเลยว่าตัวเองจะเก็บคนที่มีศักยภาพและความลับมากมายอย่างวาห์นเอาไว้คนเดียวได้

สึบากิเห็นบรรยากาศเริ่มสงบลงแล้ว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จึงเริ่มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเธออีกครั้ง

เธอมองไปทางวาห์นและลิลลี่ที่อยู่บนโซฟาก่อนจะพูดออกมา

“ลิลลี่ แก้ผ้าซะ”

ลิลลี่ที่กำลังมองไปทางเฮเฟสตัสนั้นสะดุ้งทันทีหลังจากได้ยินน้ำเสียง ‘ออกคำสั่ง’ ของสึบากิ

เธอมองกลับไปและเห็นรอยยิ้ม ‘ปีศาจ’ บนใบหน้านั่นก่อนที่เธอจะถามกลับ

“เอ๋? ท่านสึบากิ?”

เฮเฟสตัสพยักหน้าและทวนคำพูดของสึบากิอีกครั้ง

“ใช่ เธอต้องถอดเสื้อออก

พวกเรากำลังจะทำพิธีเปลี่ยนแฟมิเลียและทำให้เธอกลายเป็นสมาชิกของเราอย่างเป็นทางการ”

เมื่อเห็นวาห์นที่นั่งถัดจากลิลลี่ เฮเฟสตัสก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดกับเขา

“เธอจะอยู่ด้วยก็ได้นะวาห์น แต่ห้ามมาก่อกวนการทำพิธีล่ะ”

ลิลลี่ประหลาดใจเมื่อได้ยินว่าตนกำลังจะเข้ารับพิธีเพื่อเปลี่ยนแฟมิเลีย แต่ความคาดหวังก็เริ่มก่อตัวขึ้นหลังได้ยินว่าเฮเฟสตัสอนุญาตให้วาห์นอยู่ที่นี่ต่อ

“จริงด้วยวาห์น อยู่ต่อเถอะนะ! ฉันอยากให้นายเห็นตอนที่ฉันได้เข้าร่วมแฟมิเลียเดียวกันกับนาย!”

ทันใดนั้นลิลลี่ก็รู้สึกตื่นเต้นมากจนความกังวลเมื่อกี้นี้ลอยหายออกนอกหน้าต่างไปจนหมดขณะที่เธอเริ่มถอดเสื้อออก

ทว่าขณะที่มือสัมผัสกับกระดุมบนเสื้อ เธอก็มองเฮเฟสตัสอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปหาวาห์น

ลิลลี่อ้าแขนกว้างขณะมองวาห์นด้วยสีหน้าตื่นเต้นและบอกกับเขา

“วาห์น ช่วยถอดเสื้อให้หน่อยสิ~!”

วาห์นถึงกับอึ้งและเห็นว่าแม้แต่เฮเฟสตัสเองก็สะดุ้งหลังจากได้ยินคำพูดของลิลลี่

ผ่านมาอีกครู่หนึ่ง เฮเฟสตัสก็สบตากับวาห์นและพยักหน้าก่อนจะถอนหายใจ

วาห์นผู้ที่ไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับลิลลี่แม้แต่น้อย กำลังยื่นมือออกไปที่เสื้อของเธอและรู้สึกประหลาดใจกับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านและสับสนของตัวเอง

ก่อนที่มือจะไปสัมผัสกับกระดุม เขาก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายเล็กน้อย

แม้ลิลลี่จะตัวเล็กแต่นั่นก็เป็นเพราะลักษณะเผ่าพันธุ์ของเธอ

แน่นอนว่าตอนนี้ร่างกายส่วนต่างๆ ของเธอก็กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วตามภาษาเด็กวัยรุ่น

แม้ว่ามันจะยังไม่ใหญ่เท่ากับในเนื้อเรื่องดั้งเดิม แต่สัดส่วนหน้าอกของลิลลี่ก็ถือได้ว่าดูเป็นผู้ใหญ่แล้ว

ลิลลี่กำลังเฝ้ามองวาห์นแบบตาไม่กระพริบ

พอเห็นเขาลังเลแถมกลืนน้ำลายไปหลายอึก เธอก็รู้สึกภูมิใจกับตัวเองเล็กน้อยพร้อมแอ่นหน้าอกออกไปข้างหน้า

แม้ว่าเรื่องขนาดจะสู้กับของเฮเฟสตัสไม่ได้ แต่ถ้าเป็นคนเผ่าพันธุ์เดียวกันล่ะก็เธอไม่มีทางแพ้แน่นอน

เมื่อเธอแอ่นอกออกไป พวกมันก็สัมผัสกับมือของวาห์นจนเขาทำตัวไม่ถูก

พอรู้สึกว่ายิ่งปล่อยไว้นานก็ยิ่งอาย วาห์นจึงส่ายหัวแรงๆ ก่อนจะรีบเข้าไปจับที่กระดุม

คราวนี้เป็นตาที่ลิลลี่ต้องเขินบ้างเนื่องจากกระดุมบนเสื้อของเธอกำลังถูกวาห์นปลดออกไปทีละเม็ดอย่างช้าๆ

พอเขามาถึงกระดุมเม็ดสุดท้าย ผิวอันเปลือยเปล่าของลิลลี่รวมไปถึงชุดชั้นในลายลูกไม้ที่เธอใส่อยู่ก็เผยออกมาให้เห็นแบบจะๆ

ลิลลี่เขินหนักมากขณะพยายามกัดฟันและแข็งใจไว้เพื่อไม่ให้ร่างกายขยับเขยื้อน

หลังจากที่วาห์นปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายแล้ว เขาก็มองเห็น ‘ด้านหน้า’ ของลิลลี่ได้แบบเต็มสองตา

แม้เธอมักจะโชว์หน้าท้องเวลาฝึก แต่วาห์นก็รู้สึกว่าฉากที่เห็นอยู่ตอนนี้เป็นอะไรที่พิเศษกว่ามาก

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถอดเสื้อผ้าให้ผู้หญิง และมันยังทำให้เลือดไหลขึ้นไปรวมกันอยู่ที่ใบหน้าแบบหยุดไม่อยู่

เขายื่นมือไปแตะไหล่ของเธอก่อนจะค่อยๆ ถอดเสื้อออกและอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอีกครั้งขณะที่เสื้อของเธอตกลงสู่พื้น

ตอนนี้ลิลลี่กำลังยืนอยู่หน้าวาห์นโดยมีแค่ยกทรง กระโปรง และถุงเท้ายาวเท่านั้น

เธอยืนตัวสั่นเทาอยู่ขณะหลับตาปี๋

วาห์นเองก็ได้แต่จ้องมองเธออยู่แบบนั้นก่อนที่สึบากิที่อยู่ข้างๆ จะพูดขึ้น

“ฉันล่ะสงสัยจริงๆ ว่าเธอจะยืนให้วาห์นจ้องอยู่อีกนานไหม?”

วาห์นหันหน้าหนีทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของสึบากิพร้อมกับที่ลิลลี่สะดุ้งขึ้นและจะพยายามปกปิดร่างกายของตนด้วยความตื่นตระหนก

เฮเฟสตัสเริ่มจะรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นไปทุกที

เธอขยับเก้าอี้ไปที่กลางห้องแบบดังๆ

“นั่งตรงนี้นะ ลิลลี่ พิธีนี้ไม่ได้ใช้เวลานานนักแต่มันจะทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายอยู่บ้าง

วาห์น… อยู่ตรงนั้นไปก่อนก็แล้วกัน”

วาห์นพยักหน้าราวกับหุ่นยนต์ขณะที่ลิลลี่รีบมานั่งบนเก้าอี้

เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุระหว่างการทำพิธี เฮเฟสตัสจึงหันด้านหลังของเก้าอี้ไปทางโซฟา

เนื่องจากมันเป็นเก้าอี้ไม้และมีช่องว่าง พอลิลลี่นั่งลงไป วาห์นก็เห็นผิวของเธอผ่านช่องว่างอยู่บ้าง

สิ่งที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัวหนักก็คือตอนที่ลิลลี่นั่งลงบนเก้าอี้และกางขาออกเล็กน้อยจนกระโปรงเลิกขึ้นมาด้านบน

วาห์นมองเห็นบางอย่างที่มีลายคล้ายกับยกทรงที่ลิลลี่กำลังสวมอยู่และตระหนักทันทีว่าตนได้เห็นของดีเข้าให้แล้ว

ลิลลี่เริ่มเขินอายยิ่งขึ้นขณะจ้องมองปฏิกิริยาต่างๆ ของวาห์น

ทุกครั้งที่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เธอก็จะรู้สึกมีความสุขขณะที่หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอเริ่มเต้นเร็วเป็นล้านครั้งต่อนาที

ราวกับว่าถ้าสถานการณ์นี้ยังดำเนินนานต่อไปเรื่อยๆ หัวใจของเธอคงจะระเบิดออกมาแน่นอน

ทันใดนั้นเอง ลิลลี่ก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดรุนแรงที่กำลังเผาไหม้บนแผ่นหลังของเธอโดยที่ไม่ได้รับการเตือนล่วงหน้า

ความตื่นเต้นทั้งหมดที่กำลังก่อตัวอยู่นั้นหายเป็นปลิดทิ้งและถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสที่กำลังแทรกซึมเข้าไปทั่วร่างกายของเธอ

เฮเฟสตัสใช้วาห์นเป็นตัวหลอกล่อความสนใจของลิลลี่

ในตอนที่ ‘ความสุข’ ของเธอเข้าถึงจุดวิกฤต เฮเฟสตัสก็เริ่มทำพิธีเปลี่ยนแฟมิเลียโดยหยดเลือดของเธอลงบนตราสัญลักษณ์ของโซม่าแฟมิเลีย

เมื่อเลือดของเฮเฟสตัสสัมผัสกับตรา รอยสักสีดำก็เริ่มเปล่งแสงสีแดงออกมาขณะที่มันเริ่มถูกเปลี่ยนให้เป็นตราสัญลักษณ์ของเฮเฟสตัสแฟมิเลีย

เพราะว่าการเปลี่ยนแฟมิเลียจะสร้างความเสียหายต่อร่างกายและรากฐานของคนๆ นั้น มันจึงเป็นพิธีกรรมที่สามารถทำได้เพียงแค่ปีละครั้งเท่านั้น

หากละเลยข้อยกเว้นนี้ไป ผู้ที่เข้ารับการทำพิธีอาจจะได้รับความเสียหายแบบถาวร

แม้ว่าจะมันจะไม่ใช่ความผิดของลิลลี่ แต่เฮเฟสตัสก็ยังเคืองๆ ที่พวกเธอเข้ามาขัดจังหวะตอนเข้าได้เข้าเข็ม

แม้เธอคิดจะลงโทษสึบากิด้วย แต่สำหรับตอนนี้เฮเฟสตัสอยากให้ลิลลี่รู้สึกแบบเดียวกับเธอเมื่อตอนก่อนหน้านี้บ้าง

ช่วงที่ลิลลี่เริ่มมีบรรยากาศกระหนุงกระหนิงกับวาห์นนั้นเป็นช่วงเวลาที่เธอเล็งไว้และตัดสินใจเริ่มทำพิธี

วาห์นไม่รู้ถึงแรงจูงใจเบื้องหลังการกระทำของเฮเฟสตัสเลยแม้แต่น้อย

เขาแค่ยังคงจ้องและเฝ้ามองพิธีต่อไปเรื่อยๆ

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท