Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 112

ตอนที่ 112

แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน

เฮเฟสตัสตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่และรู้สึกสดชื่นมากเป็นพิเศษ

ความเหนื่อยล้าสะสมทั้งหมดจากช่วงก่อนหน้านี้ได้หายไปเป็นปลิดทิ้ง

แถมข้อต่อต่างๆ นั้นยังส่งเสียงอย่างมีความสุขขณะที่เธอลุกขึ้นมาจากโซฟา

จากด้านข้าง เธอมองเห็นวาห์นขดตัวอยู่บนพื้น

เมื่อเห็นใบหน้าหลับใหลของเขา เฮเฟสตัสก็รู้สึกว่าวาห์นน่ารักแบบสุดๆ

เมื่อคืนนั้นเขาได้ให้ความสำคัญกับเธอมากเสียจนลืมแม้แต่จะใส่เสื้อก่อนเข้านอนด้วยซ้ำ

เธอยื่นมือออกไปจิ้มแก้มของเขาเบาๆ เหมือนกับครั้งแรกที่เขามานอนอยู่ในห้องนี้

เมื่อเห็นสีหน้า ‘ไม่ชอบใจ’ และขมวดคิ้วจากการถูกแกล้ง เธอก็เกือบหัวเราะออกมาและอยากจะหยิกมันเพื่อแกล้งเขาต่อ

ขณะที่กำลังจิ้มเขาอย่างใจลอย วาห์นก็ยื่นมือมาคว้าข้อมือเธอเอาไว้

เขาเปิดตาขึ้นและมองไปยังสีหน้าตกใจของเฮเฟสตัสก่อนจะเผยรอยยิ้ม

เฮเฟสตัสรู้สึกเขินเล็กน้อยขณะดึงมือกลับและลุกขึ้นมาจากโซฟา

“อรุณสวัสดิ์วาห์น ขอโทษนะที่ให้นายมานอนบนพื้น…”

วาห์นกระโดดขึ้นจากพื้นและเริ่มบิดขี้เกียจเพื่อยืดเส้นยืดสาย

เฮเฟสตัสมองดูเขาไปเรื่อยๆ และประหลาดใจกับร่างกายของวาห์นที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วมากภายในสองสามเดือนที่ผ่านมา

แม้ตอนแรกเขาจะไม่ได้ดูผอมแห้งอะไรนัก แต่ตอนนี้กล้ามเนื้อของเขาก็โตขึ้นมากและยิ่งดูน่าหลงใหลเมื่อมันสะท้อนเข้ากับแสงไฟในห้องทำงานของเธอ

เฮเฟสตัสมองเขายืดกล้ามเนื้อและบิดร่างกายอย่างเหม่อลอยและก็ต้องประหลาดใจมากเมื่อพบว่าเขาตัวอ่อนมากขนาดไหน

เพราะวาห์นใช้ร่างพยัคฆ์ขาวอยู่ภายในดันเจี้ยนเกือบตลอดเวลา ร่างกายของเขาจึงค่อยๆ เปลี่ยนไปและมีลักษณะกล้ามเนื้อที่ยืดหยุ่นมากขึ้น

แม้แต่กระดูกของเขาก็มีคุณสมบัติไม่ต่างกันเพราะตอนนี้เขากำลังบิดร่างกายด้วยท่าทางที่แปลกกว่าคนทั่วไปมาก

เขาสามารถบิดลำตัวได้เกือบ 180 องศาจนเอวแทบจะหันไปข้างหลังได้

ในที่สุดวาห์นก็สังเกตเห็นว่าเฮเฟสตัสกำลังเพ่งพินิศมองเขาอยู่

เขาจึงเริ่มโพสท่าที่ดูสมเป็น ‘ชายชาตรี’ ด้วยการยืดแขนออกและเกร็งกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ

เฮเฟสตัสเห็นเขาโพสท่าและเกือบเค้นเสียงออกมาก่อนจะปิดปากและพยายามกลั้นหัวเราะ

วาห์นยิ้มและพูดขึ้น

“ค่อยยังชั่วหน่อย แค่เห็นเธอหัวเราะและยิ้มออกมาได้ ฉันก็มีความสุขแล้ว”

หลังจากพูดเสร็จ วาห์นก็จบการยืดเส้นยืดสายและสวมเสื้อขณะที่เฮเฟสตัสยังคงจ้องมองเขาแบบใจลอย

มันรู้สึกเหมือนกับว่าทุกสิ่งที่วาห์นพูดและทำในช่วงนี้กำลังแทรกซึมเข้าไปในหัวใจของเธออย่างช้าๆ

เธอรู้สึกได้ถึงคลื่นอารมณ์ที่ผสมผสานกันอยู่ข้างใน

พอวาห์นสวมเสื้อเสร็จ เธอก็เดินเข้าไปใกล้ๆ และกอดเขาไว้

“ฉันเองก็อยากเห็นนายมีความสุขเหมือนกันนะ ในอนาคตก็อย่าฝืนมากนักล่ะ

ฉันไม่รู้ว่าหัวใจจะทนได้อีกนานแค่ไหนถ้าต้องมานั่งอยู่ข้างเตียงนายอีกรอบโดยที่ไม่สามารถช่วยอะไรนายได้เลย”

เธอใส่แรงเข้าไปที่แขนมากขึ้นก่อนจะภาวนาต่อเทพที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเองและขอให้วาห์นปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งปวง

หลังจากนั้น วาห์นและเฮเฟสตัสก็ใช้เวลาพูดคุยกันในหลายๆ เรื่องรวมไปถึงเรื่องลูกค้าของเธอและเรื่องของโอซิริสแฟมิเลียด้วย

อนูบิสน่าจะมาถึงที่นี่ในเร็วๆ นี้และเฮเฟสตัสก็เริ่มเล่าเรื่องราวตอนที่่วาห์นไม่อยู่ให้ฟัง

เขารู้สึกประหลาดใจหลังได้ยินว่าโอซิริสถูกจับกุมและคุมขังไว้ที่กิลด์

แม้จะคาดไว้แล้วว่าเฮเฟสตัสคงจะลงมือทำอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่คิดว่าเธอจะเคลื่อนไหวตั้งแต่วันแรกที่จดหมายมาถึง…

หลังผ่านไปชั่วโมงครึ่ง เฮเฟสตัสจึงพาวาห์นไปรอในห้องที่พวกเขาใช้ดื่มน้ำชาและกาแฟด้วยกัน

เมื่อมาถึง เฮเฟสตัสก็เริ่มชงกาแฟให้กับวาห์นแล้วทั้งสองก็นั่งอยู่ในห้องอย่างเงียบสงบและเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศ

ขณะที่วาห์นกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เฮเฟสตัสก็มองมาด้วยสีหน้าเย้ายวนและยิ้มให้นิดๆ

เขายิ้มตอบกลับไปและพบว่าสายตาของเธอนั้นทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวเล็กน้อยขณะค่อยๆ จิบกาแฟแก้เขิน

พอถึงประมาณ 7 โมงเช้า อนูบิสและเหล่าเด็กๆ ในแฟมิเลียของเธอก็มาถึงโรงหลอมของเฮเฟสตัส

เธอกำลังจะลุกจากโต๊ะเพื่อออกไปต้อนรับแต่วาห์นกลับวางถ้วยกาแฟลงก่อนจะทำมือบอกให้เธอนั่งต่อ

เฮเฟสตัสขมวดคิ้วหน่อยๆ แต่ก็ปล่อยให้วาห์นทำตามใจตัวเองขณะที่เธอแอบเอาถ้วยกาแฟไปสลับกับถ้วยของเขา

เฮเฟสตัสมองตามหลังไปขณะค่อยๆ จิบกาแฟที่เขาดื่มทิ้งไว้ก่อนหน้านี้

วาห์นเปิดประตูและทักทายผู้มาเยือนทั้งแปดซึ่งทุกคนต่างเป็นเชียนโธรปที่มีเส้นผมสีดำ

เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับความงดงามของหญิงสาวที่เดาว่าคือเทพธิดาอนูบิส แต่ก็ยังรักษาท่าทีเอาไว้ได้ก่อนจะเชิญพวกเขาเข้าไปข้างใน

อนูบิสพยักหน้ารับอย่างสงบแม้ว่าพวกเด็กๆ จะดูเกร็งๆ หลังเห็นวาห์นเปิดประตูออกมาต้อนรับ

ครั้งล่าสุดที่พวกเขาเจอกันนั้น วาห์นได้เล่นงานพวกเขาแบบเละเทะแถมเด็กสาวสองคนในกลุ่มถึงกับเอามือไปปิดด้านหลังของตัวเองราวกับเป็นสัญชาตญาณ

เมื่อเห็นเทพธิดาของพวกตนเข้าไปแล้ว พวกเขาก็เดินผ่านวาห์นที่ยังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้โดยพยายามไม่ให้มันกระตุก

ท่าทางของเด็กพวกนี้ทำให้เขารู้สึกผิดมาก โดยเฉพาะเด็กสาวสองคนที่จ้องมองมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ

หากรู้มาก่อนว่าสองคนนี้เป็นเด็กผู้หญิง เขาก็คงไม่ยิงลูกศรไปตรงนั้นแน่นอน

วาห์นได้เรียนรู้มาแล้วว่าเชียนโธรปและเผ่ามนุษย์แมวมีจุดที่ไวต่อความรู้สึกอยู่ที่บริเวณโคนหางซึ่งมันเป็นจุดที่เขายิงลูกศรไปโดนพอดี

เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าความเจ็บปวดที่พวกเธอได้รับนั้นจะมากมายขนาดไหน และจำได้ว่าพวกเธอถึงกับหมดสติไปในขณะที่เขาดึงลูกศรออกมา

หลังจากทุกคนเข้ามากันแล้ว วาห์นก็ปิดประตูและล็อคกลอนก่อนจะเดินไปทางโต๊ะที่เฮเฟสตัสนั่งอยู่

อนูบิสเข้าไปนั่งกับเฮเฟสตัสที่โต๊ะขณะที่เด็กๆ ของเธอนั่งกระจัดกระจายกันอยู่รอบๆ พื้นและมองดูเหตุการณ์ด้วยความประหม่า

วาห์นพบว่าอนูบิสนั้นจับตามองเขาเป็นพิเศษตั้งแต่ที่เจอหน้ากันเลย

เฮเฟสตัสสังเกตเห็นสายตาของเธอและพูดแนะนำตัวสั้นๆ

“วาห์น นี่คือเทพธิดาอนูบิส

อนูบิส นี่คือเด็กหนุ่มที่เธออยากพบ เป็นไง สรุปว่ามีปัญหาอะไรไหม?”

ทั้งวาห์นและอนูบิสต่างสัมผัสได้ถึงความไม่เป็นมิตรภายใต้คำพูดนั่นโดยเฉพาะตอนที่เธอถามออกมา

อนูบิสยังคงจ้องมองวาห์นและเขาเองก็มองเห็นดวงตาสีทองซีดของเธอกำลังเปล่งแสงอย่างประหลาด

เขารู้สึกว่ามันเป็นดวงตาที่ดูสมบูรณ์แบบมากและคล้ายกับพระจันทร์เต็มดวงซึ่งพอจะทำให้คนที่มองรู้สึกสงบลงมากเลย

อนูบิสค่อยๆ เปล่งคำพูดออกมา

“เธอเป็นมนุษย์หรือเปล่า?”

สีหน้าของเฮเฟสตัสเริ่มมืดลงขึ้นเล็กน้อย แต่วาห์นส่ายหัวก่อนจะตอบ

“ผมไม่แน่ใจเรื่องที่มาของตัวเองเท่าไหร่แต่ก็กล้าพูดได้ว่าตัวเองเป็นมนุษย์”

แม้ว่าวาห์นจะรู้ว่าเฮเฟสตัสคิดว่าเขาเป็นเทพมากถึง 3 ใน 4 ส่วน แต่เขาก็รู้ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเนื่องจากพลังเขตแดนของเขา

อนูบิสขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะมองไปทางเฮเฟสตัสและถามขึ้น

“เธอไม่รู้สึกถึงความแปลกประหลาดจากตัวเด็กคนนี้เลยเหรอ?”

แม้วาห์นจะพยายามทำให้เธอใจเย็น แต่เฮเฟสตัสก็ไม่ชอบท่าทางของอนูบิสหลังได้พบเขาเลยแม้แต่น้อย

เธอยังคงขมวดคิ้วขณะถามกลับ

“แล้วไอ้ที่มันดูแปลกนี่คืออะไรกันแน่ล่ะ อนูบิส?”

อนูบิสขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเพราะเธอรู้ว่าเฮเฟสตัสเองก็น่าจะสัมผัสถึงความผิดปกติในตัววาห์นได้ แต่เธอกลับไม่ได้สังเกตเห็นมันเพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อมองไปที่ใบหน้าของวาห์น ดวงตาของอนูบิสก็เปล่งแสงออกมามากกว่าเดิมก่อนที่จะพูดต่อ

“เขาไม่มีดวงวิญญาณ… หรืออย่างน้อยฉันก็มองไม่เห็นมัน”

เฮเฟสตัสที่กำลังขมวดคิ้วอยู่ตลอดเริ่มเบิกตากว้างขึ้นมาทันที

เฮเฟสตัสรู้จากการพบกันครั้งก่อนว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของอนูบิสนั้นเกี่ยวข้องกับความตายแต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจึงบอกว่าวาห์นไม่มีดวงวิญญาณ

ถ้าวาห์นไม่มีดวงวิญญาณจริงๆ งั้นเขาก็ต้องรับฟาลน่าจากเทพไม่ได้สิ!

ขณะที่เฮเฟสตัสกำลังจะพูดถึงจุดนี้ ทั้งเธอและอนูบิสต่างก็ต้องผงะเมื่อเห็นวาห์นเกือบจะฝังใบหน้าของตัวเองลงไปบนโต๊ะ

มันคล้ายกับว่าเขาได้สูญเสียแรงทั้งหมดไปขณะเริ่มหัวเราะแห้งๆ ออกมา

“เพราะเรื่องแค่นี้เองเหรอ…?”

เขาถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะปิดสกิล [ม่านคุ้มภัยนักเดินทาง] ออก และยอมให้คนอื่นๆ มองเห็นดวงวิญญาณของตัวเอง

เขาไม่คาดคิดเลยว่ามาตรการที่ใช้ซ่อนตัวจากเฟรย่าจะชักนำปัญหาอื่นมาให้แทน…

ตอนนี้เขายิ่งรู้สึกแย่กับเด็กๆ ทั้งเจ็ดคนมากกว่าตอนแรกอีก

แม้ว่าอนูบิสจะสับสนในช่วงแรกๆ แต่ดวงตาประกายแสงจันทร์ของเธอก็ต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจขณะจ้องมองดวงวิญญาณของวาห์นที่จู่ๆ ก็ ‘ระเบิด’ ออกมาให้เห็น

ดวงวิญญาณของวาห์นนั้นไม่เหมือนของคนทั่วไปเลยแม้แต่นิดเดียว

มันมีขนาดใหญ่กว่าปกติและแทนที่จะมีสีฟ้าครามสงบ มันกลับเป็นสีทองและมีแกนด้านในเป็นสีรุ้งสดใส

ก่อนที่เธอจะถามอะไรออกมา วาห์นก็พูดอธิบายเสียก่อน

“ผมรู้ว่าวิญญาณของตัวเองไม่เหมือนของคนอื่นก็เลยพยายามซ่อนมันไว้ตลอด…”

ขณะที่พูดเขาก็เปิดการทำงานของสกิลอีกครั้งก่อนที่มันจะหายไปจากสายตาของอนูบิส

อนูบิสค่อยๆ ใจเย็นลงและหลังจากใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็เริ่มโค้งให้กับวาห์น

เด็กๆ ของเธอดูเหมือนจะตกใจกับการกระทำของเธอมากและมองไปที่วาห์นด้วยความหวาดกลัวมากกว่าเดิม

อนูบิสกล่าวต่อ “ฉันต้องขอโทษกับเรื่องเข้าใจผิดนี้ครั้งนี้จริงๆ

ฉันได้สร้างปัญหาและความยุ่งยากมากมายให้กับเธอรวมไปถึงเฮเฟสตัสด้วย

ความผิดพลาดครั้งนี้ยังเกือบทำให้เด็กๆ ของฉันต้องจบชีวิตลง…

ตอนนี้ฉันติดหนี้เธออย่างใหญ่หลวงเหลือเกิน วาห์น เมสัน”

วาห์นพยายามจะบอกว่าเธอไม่ได้ติดหนี้อะไรเขาทั้งนั้น

แต่ก่อนที่จะได้พูดออกมา เฮเฟสตัสก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน

“แน่นอน วาห์นมักจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือคนอื่นและยังเป็นที่รู้จักในฐานะวีรบุรุษของเมืองด้วย

ข้อกล่าวหาของไอ้งี่เง่าโอซิริสอาจจะมีความจริงอยู่บ้างเพราะวาห์นสามารถซ่อนดวงวิญญาณของตัวเองได้

แต่การที่แผนร้ายของเขาทำให้วาห์นตกอยู่ในอันตรายนั้นมันก็เรื่องที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน

ใช่แล้ว แม้แต่เธอเองก็ถูกเขาใช้เป็นหมากในแผนนี้ด้วย แต่ความใจร้อนของเธอก็เกือบทำให้เรื่องเลวร้ายกว่าเดิมโดยไม่มีอะไรกลับไปแก้ไขมันได้

การที่เธอเกือบทำให้วาห์นของฉันกลายเป็นฆาตรกรน่ะ… ฉันคงไม่อาจยกโทษให้เธอได้ง่ายๆ หรอกนะ!”

น้ำเสียงของเฮเฟสตัสนั้นแฝงไปด้วยด้วยอำนาจกับความมุ่งมั่น และไม่มีใครในห้องนี้ที่สามารถปฏิเสธคำพูดของเธอได้เลย

อนูบิสดูเหมือนจะได้รับความเสียหายอย่างหนักและยิ่งโค้งให้กับวาห์นมากกว่าเดิม

“ฉันทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยได้จริงๆ… แต่ขอแค่อย่าลงโทษเด็กๆ ของฉันเลยนะ

ตราบใดที่เธอตกลงกับคำขอข้อนี้ ฉันก็ยินดีที่จะชดใช้ให้ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม”

อนูบิสเป็นเทพที่มีความรับผิดชอบสูงมาก และเกียรติของเธอนั้นทำให้เธอต้องรีบชดใช้หนี้ที่ก่อไว้โดยเร็วที่สุด

เธอจะไม่ยอมให้เด็กๆ มารับภาระแทนและตั้งใจทำทุกอย่างด้วยตัวเองเพื่อชดใช้ความผิดนี้

//’อนูบิส’ ประสงค์ที่จะเป็นลูกน้องของคุณ: ตกลง/ปฏิเสธ?//

วาห์นสับสนเนื่องจากไม่รู้ว่าเขาควรจะรับมือกับเทพธิดาที่กำลังโค้งให้ตัวเองอย่างไรดี แต่เขากลับยิ่งตกใจหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นการแจ้งเตือนจากระบบ

เฮเฟสตัสคิดว่าวาห์นกำลังตกใจกับคำพูดของอนูบิส เธอจึงพูดเสริม

“อย่าคิดมากไปเลยวาห์น แม้ว่าจะเป็นเรื่องแปลก แต่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทวยเทพจะเอ่ยคำสัตย์สาบานว่าจะชดใช้เรื่องที่ทำผิดไป แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นมนุษย์ก็ตาม

ถ้านายกังวลจริงๆ… ขอให้รู้ไว้เลยว่าฉันจะไม่ปล่อยให้เธอนั่งเล่นนอนเล่นแน่นอน…”

อนูบิสพูดแทรกขึ้นมาตอนท้ายประโยคของเฮเฟสตัส

เธอใช้ดวงตาที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่มองไปที่วาห์นและพูดขึ้น

“ได้โปรดให้ฉันชดใช้หนี้ด้วยตัวเถอะ ถ้าหากต้องมาชดใช้ด้วยวิธีอื่นล่ะก็… เกียรติของฉันคงไม่มีทางยอมรับมันได้แน่นอน

แม้ว่ามันจะฟังดูหยิ่งยะโส แต่ฉันก็ไม่อาจฝ่าฝืนต่อหลักการของตัวเองได้”

เมื่อเธอพูดจบ วาห์นก็ได้รับการแจ้งเตือนอีกครั้ง

//’อนูบิส’ ประสงค์ที่จะเป็นลูกน้องของคุณ: ตกลง/ปฏิเสธ?//

ในเวลานี้สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่วาห์น

เหล่า ‘สุนัขล่าเนื้อ’ ทุกคนกำลังจ้องมองเขาด้วยความกลัวและเกลียดชัง แต่พวกเขาก็ไม่อาจขัดบัญชาของเทพธิดาที่ตนเคารพรักได้

พวกเขาต่างรู้ดีว่าเธอเป็นเทพแบบไหนและนั่นก็คือเหตุผลที่ต่างยอมอุทิศตนให้กับเธอ

เฮเฟสตัสเริ่มรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับคำยืนกรานของอนูบิสและเริ่มสงสัยว่าเธออาจมีเป้าหมายแอบแฝงที่อยู่เบื้องหลังการชดใช้หนี้

อนูบิสจ้องมองวาห์นด้วยสีหน้าจริงจังขณะที่เธอค่อยๆ พูดออกมา

“ได้โปรดเถอะค่ะ… นายท่าน…”

//’อนูบิส’ ประสงค์ที่จะเป็นลูกน้องของคุณ: ตกลง/ปฏิเสธ?//

พอได้ยินเทพธิดาเรียกตัวเองด้วยความเคารพ จิตใจของวาห์นก็เกือบจะระเบิดออกมาราวกับได้รับความเสียหายทางจิต

เขาอยากจะปฏิเสธเธอเหลือเกิน แต่พอเห็นสีหน้าจริงจังรวมกับความคิดที่จะได้เทพธิดามาเป็นลูกน้อง…

วาห์นถอนหายใจข้างในก่อนจะตอบ ‘ตกลง’ และในเวลาเดียวกันนั้นเองเขาก็พูดมันออกมาจากปากด้วย

“ได้ ฉันยอมรับข้อเสนอนี้”

//‘อนูบิส’ กลายเป็นลูกน้องของคุณแล้ว//

[ยูนิตปัจจุบัน] [เปิดใช้งาน: 2] [ปิดใช้งาน: 2]

[ยูนิตที่ใช้งานอยู่]: (เพลิงนิรันดร์),(อนูบิส)

[ยูนิตที่ปิดใช้งานอยู่]:(ฟาฟเนียร์),(ไร้นาม)

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท