แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
เฮเฟสตัสตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่และรู้สึกสดชื่นมากเป็นพิเศษ
ความเหนื่อยล้าสะสมทั้งหมดจากช่วงก่อนหน้านี้ได้หายไปเป็นปลิดทิ้ง
แถมข้อต่อต่างๆ นั้นยังส่งเสียงอย่างมีความสุขขณะที่เธอลุกขึ้นมาจากโซฟา
จากด้านข้าง เธอมองเห็นวาห์นขดตัวอยู่บนพื้น
เมื่อเห็นใบหน้าหลับใหลของเขา เฮเฟสตัสก็รู้สึกว่าวาห์นน่ารักแบบสุดๆ
เมื่อคืนนั้นเขาได้ให้ความสำคัญกับเธอมากเสียจนลืมแม้แต่จะใส่เสื้อก่อนเข้านอนด้วยซ้ำ
เธอยื่นมือออกไปจิ้มแก้มของเขาเบาๆ เหมือนกับครั้งแรกที่เขามานอนอยู่ในห้องนี้
เมื่อเห็นสีหน้า ‘ไม่ชอบใจ’ และขมวดคิ้วจากการถูกแกล้ง เธอก็เกือบหัวเราะออกมาและอยากจะหยิกมันเพื่อแกล้งเขาต่อ
ขณะที่กำลังจิ้มเขาอย่างใจลอย วาห์นก็ยื่นมือมาคว้าข้อมือเธอเอาไว้
เขาเปิดตาขึ้นและมองไปยังสีหน้าตกใจของเฮเฟสตัสก่อนจะเผยรอยยิ้ม
เฮเฟสตัสรู้สึกเขินเล็กน้อยขณะดึงมือกลับและลุกขึ้นมาจากโซฟา
“อรุณสวัสดิ์วาห์น ขอโทษนะที่ให้นายมานอนบนพื้น…”
วาห์นกระโดดขึ้นจากพื้นและเริ่มบิดขี้เกียจเพื่อยืดเส้นยืดสาย
เฮเฟสตัสมองดูเขาไปเรื่อยๆ และประหลาดใจกับร่างกายของวาห์นที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วมากภายในสองสามเดือนที่ผ่านมา
แม้ตอนแรกเขาจะไม่ได้ดูผอมแห้งอะไรนัก แต่ตอนนี้กล้ามเนื้อของเขาก็โตขึ้นมากและยิ่งดูน่าหลงใหลเมื่อมันสะท้อนเข้ากับแสงไฟในห้องทำงานของเธอ
เฮเฟสตัสมองเขายืดกล้ามเนื้อและบิดร่างกายอย่างเหม่อลอยและก็ต้องประหลาดใจมากเมื่อพบว่าเขาตัวอ่อนมากขนาดไหน
เพราะวาห์นใช้ร่างพยัคฆ์ขาวอยู่ภายในดันเจี้ยนเกือบตลอดเวลา ร่างกายของเขาจึงค่อยๆ เปลี่ยนไปและมีลักษณะกล้ามเนื้อที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
แม้แต่กระดูกของเขาก็มีคุณสมบัติไม่ต่างกันเพราะตอนนี้เขากำลังบิดร่างกายด้วยท่าทางที่แปลกกว่าคนทั่วไปมาก
เขาสามารถบิดลำตัวได้เกือบ 180 องศาจนเอวแทบจะหันไปข้างหลังได้
ในที่สุดวาห์นก็สังเกตเห็นว่าเฮเฟสตัสกำลังเพ่งพินิศมองเขาอยู่
เขาจึงเริ่มโพสท่าที่ดูสมเป็น ‘ชายชาตรี’ ด้วยการยืดแขนออกและเกร็งกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ
เฮเฟสตัสเห็นเขาโพสท่าและเกือบเค้นเสียงออกมาก่อนจะปิดปากและพยายามกลั้นหัวเราะ
วาห์นยิ้มและพูดขึ้น
“ค่อยยังชั่วหน่อย แค่เห็นเธอหัวเราะและยิ้มออกมาได้ ฉันก็มีความสุขแล้ว”
หลังจากพูดเสร็จ วาห์นก็จบการยืดเส้นยืดสายและสวมเสื้อขณะที่เฮเฟสตัสยังคงจ้องมองเขาแบบใจลอย
มันรู้สึกเหมือนกับว่าทุกสิ่งที่วาห์นพูดและทำในช่วงนี้กำลังแทรกซึมเข้าไปในหัวใจของเธออย่างช้าๆ
เธอรู้สึกได้ถึงคลื่นอารมณ์ที่ผสมผสานกันอยู่ข้างใน
พอวาห์นสวมเสื้อเสร็จ เธอก็เดินเข้าไปใกล้ๆ และกอดเขาไว้
“ฉันเองก็อยากเห็นนายมีความสุขเหมือนกันนะ ในอนาคตก็อย่าฝืนมากนักล่ะ
ฉันไม่รู้ว่าหัวใจจะทนได้อีกนานแค่ไหนถ้าต้องมานั่งอยู่ข้างเตียงนายอีกรอบโดยที่ไม่สามารถช่วยอะไรนายได้เลย”
เธอใส่แรงเข้าไปที่แขนมากขึ้นก่อนจะภาวนาต่อเทพที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเองและขอให้วาห์นปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งปวง
หลังจากนั้น วาห์นและเฮเฟสตัสก็ใช้เวลาพูดคุยกันในหลายๆ เรื่องรวมไปถึงเรื่องลูกค้าของเธอและเรื่องของโอซิริสแฟมิเลียด้วย
อนูบิสน่าจะมาถึงที่นี่ในเร็วๆ นี้และเฮเฟสตัสก็เริ่มเล่าเรื่องราวตอนที่่วาห์นไม่อยู่ให้ฟัง
เขารู้สึกประหลาดใจหลังได้ยินว่าโอซิริสถูกจับกุมและคุมขังไว้ที่กิลด์
แม้จะคาดไว้แล้วว่าเฮเฟสตัสคงจะลงมือทำอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่คิดว่าเธอจะเคลื่อนไหวตั้งแต่วันแรกที่จดหมายมาถึง…
หลังผ่านไปชั่วโมงครึ่ง เฮเฟสตัสจึงพาวาห์นไปรอในห้องที่พวกเขาใช้ดื่มน้ำชาและกาแฟด้วยกัน
เมื่อมาถึง เฮเฟสตัสก็เริ่มชงกาแฟให้กับวาห์นแล้วทั้งสองก็นั่งอยู่ในห้องอย่างเงียบสงบและเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศ
ขณะที่วาห์นกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เฮเฟสตัสก็มองมาด้วยสีหน้าเย้ายวนและยิ้มให้นิดๆ
เขายิ้มตอบกลับไปและพบว่าสายตาของเธอนั้นทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวเล็กน้อยขณะค่อยๆ จิบกาแฟแก้เขิน
พอถึงประมาณ 7 โมงเช้า อนูบิสและเหล่าเด็กๆ ในแฟมิเลียของเธอก็มาถึงโรงหลอมของเฮเฟสตัส
เธอกำลังจะลุกจากโต๊ะเพื่อออกไปต้อนรับแต่วาห์นกลับวางถ้วยกาแฟลงก่อนจะทำมือบอกให้เธอนั่งต่อ
เฮเฟสตัสขมวดคิ้วหน่อยๆ แต่ก็ปล่อยให้วาห์นทำตามใจตัวเองขณะที่เธอแอบเอาถ้วยกาแฟไปสลับกับถ้วยของเขา
เฮเฟสตัสมองตามหลังไปขณะค่อยๆ จิบกาแฟที่เขาดื่มทิ้งไว้ก่อนหน้านี้
วาห์นเปิดประตูและทักทายผู้มาเยือนทั้งแปดซึ่งทุกคนต่างเป็นเชียนโธรปที่มีเส้นผมสีดำ
เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับความงดงามของหญิงสาวที่เดาว่าคือเทพธิดาอนูบิส แต่ก็ยังรักษาท่าทีเอาไว้ได้ก่อนจะเชิญพวกเขาเข้าไปข้างใน
อนูบิสพยักหน้ารับอย่างสงบแม้ว่าพวกเด็กๆ จะดูเกร็งๆ หลังเห็นวาห์นเปิดประตูออกมาต้อนรับ
ครั้งล่าสุดที่พวกเขาเจอกันนั้น วาห์นได้เล่นงานพวกเขาแบบเละเทะแถมเด็กสาวสองคนในกลุ่มถึงกับเอามือไปปิดด้านหลังของตัวเองราวกับเป็นสัญชาตญาณ
เมื่อเห็นเทพธิดาของพวกตนเข้าไปแล้ว พวกเขาก็เดินผ่านวาห์นที่ยังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้โดยพยายามไม่ให้มันกระตุก
ท่าทางของเด็กพวกนี้ทำให้เขารู้สึกผิดมาก โดยเฉพาะเด็กสาวสองคนที่จ้องมองมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
หากรู้มาก่อนว่าสองคนนี้เป็นเด็กผู้หญิง เขาก็คงไม่ยิงลูกศรไปตรงนั้นแน่นอน
วาห์นได้เรียนรู้มาแล้วว่าเชียนโธรปและเผ่ามนุษย์แมวมีจุดที่ไวต่อความรู้สึกอยู่ที่บริเวณโคนหางซึ่งมันเป็นจุดที่เขายิงลูกศรไปโดนพอดี
เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าความเจ็บปวดที่พวกเธอได้รับนั้นจะมากมายขนาดไหน และจำได้ว่าพวกเธอถึงกับหมดสติไปในขณะที่เขาดึงลูกศรออกมา
หลังจากทุกคนเข้ามากันแล้ว วาห์นก็ปิดประตูและล็อคกลอนก่อนจะเดินไปทางโต๊ะที่เฮเฟสตัสนั่งอยู่
อนูบิสเข้าไปนั่งกับเฮเฟสตัสที่โต๊ะขณะที่เด็กๆ ของเธอนั่งกระจัดกระจายกันอยู่รอบๆ พื้นและมองดูเหตุการณ์ด้วยความประหม่า
วาห์นพบว่าอนูบิสนั้นจับตามองเขาเป็นพิเศษตั้งแต่ที่เจอหน้ากันเลย
เฮเฟสตัสสังเกตเห็นสายตาของเธอและพูดแนะนำตัวสั้นๆ
“วาห์น นี่คือเทพธิดาอนูบิส
อนูบิส นี่คือเด็กหนุ่มที่เธออยากพบ เป็นไง สรุปว่ามีปัญหาอะไรไหม?”
ทั้งวาห์นและอนูบิสต่างสัมผัสได้ถึงความไม่เป็นมิตรภายใต้คำพูดนั่นโดยเฉพาะตอนที่เธอถามออกมา
อนูบิสยังคงจ้องมองวาห์นและเขาเองก็มองเห็นดวงตาสีทองซีดของเธอกำลังเปล่งแสงอย่างประหลาด
เขารู้สึกว่ามันเป็นดวงตาที่ดูสมบูรณ์แบบมากและคล้ายกับพระจันทร์เต็มดวงซึ่งพอจะทำให้คนที่มองรู้สึกสงบลงมากเลย
อนูบิสค่อยๆ เปล่งคำพูดออกมา
“เธอเป็นมนุษย์หรือเปล่า?”
สีหน้าของเฮเฟสตัสเริ่มมืดลงขึ้นเล็กน้อย แต่วาห์นส่ายหัวก่อนจะตอบ
“ผมไม่แน่ใจเรื่องที่มาของตัวเองเท่าไหร่แต่ก็กล้าพูดได้ว่าตัวเองเป็นมนุษย์”
แม้ว่าวาห์นจะรู้ว่าเฮเฟสตัสคิดว่าเขาเป็นเทพมากถึง 3 ใน 4 ส่วน แต่เขาก็รู้ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเนื่องจากพลังเขตแดนของเขา
อนูบิสขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะมองไปทางเฮเฟสตัสและถามขึ้น
“เธอไม่รู้สึกถึงความแปลกประหลาดจากตัวเด็กคนนี้เลยเหรอ?”
แม้วาห์นจะพยายามทำให้เธอใจเย็น แต่เฮเฟสตัสก็ไม่ชอบท่าทางของอนูบิสหลังได้พบเขาเลยแม้แต่น้อย
เธอยังคงขมวดคิ้วขณะถามกลับ
“แล้วไอ้ที่มันดูแปลกนี่คืออะไรกันแน่ล่ะ อนูบิส?”
อนูบิสขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเพราะเธอรู้ว่าเฮเฟสตัสเองก็น่าจะสัมผัสถึงความผิดปกติในตัววาห์นได้ แต่เธอกลับไม่ได้สังเกตเห็นมันเพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง
เมื่อมองไปที่ใบหน้าของวาห์น ดวงตาของอนูบิสก็เปล่งแสงออกมามากกว่าเดิมก่อนที่จะพูดต่อ
“เขาไม่มีดวงวิญญาณ… หรืออย่างน้อยฉันก็มองไม่เห็นมัน”
เฮเฟสตัสที่กำลังขมวดคิ้วอยู่ตลอดเริ่มเบิกตากว้างขึ้นมาทันที
เฮเฟสตัสรู้จากการพบกันครั้งก่อนว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของอนูบิสนั้นเกี่ยวข้องกับความตายแต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจึงบอกว่าวาห์นไม่มีดวงวิญญาณ
ถ้าวาห์นไม่มีดวงวิญญาณจริงๆ งั้นเขาก็ต้องรับฟาลน่าจากเทพไม่ได้สิ!
ขณะที่เฮเฟสตัสกำลังจะพูดถึงจุดนี้ ทั้งเธอและอนูบิสต่างก็ต้องผงะเมื่อเห็นวาห์นเกือบจะฝังใบหน้าของตัวเองลงไปบนโต๊ะ
มันคล้ายกับว่าเขาได้สูญเสียแรงทั้งหมดไปขณะเริ่มหัวเราะแห้งๆ ออกมา
“เพราะเรื่องแค่นี้เองเหรอ…?”
เขาถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะปิดสกิล [ม่านคุ้มภัยนักเดินทาง] ออก และยอมให้คนอื่นๆ มองเห็นดวงวิญญาณของตัวเอง
เขาไม่คาดคิดเลยว่ามาตรการที่ใช้ซ่อนตัวจากเฟรย่าจะชักนำปัญหาอื่นมาให้แทน…
ตอนนี้เขายิ่งรู้สึกแย่กับเด็กๆ ทั้งเจ็ดคนมากกว่าตอนแรกอีก
แม้ว่าอนูบิสจะสับสนในช่วงแรกๆ แต่ดวงตาประกายแสงจันทร์ของเธอก็ต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจขณะจ้องมองดวงวิญญาณของวาห์นที่จู่ๆ ก็ ‘ระเบิด’ ออกมาให้เห็น
ดวงวิญญาณของวาห์นนั้นไม่เหมือนของคนทั่วไปเลยแม้แต่นิดเดียว
มันมีขนาดใหญ่กว่าปกติและแทนที่จะมีสีฟ้าครามสงบ มันกลับเป็นสีทองและมีแกนด้านในเป็นสีรุ้งสดใส
ก่อนที่เธอจะถามอะไรออกมา วาห์นก็พูดอธิบายเสียก่อน
“ผมรู้ว่าวิญญาณของตัวเองไม่เหมือนของคนอื่นก็เลยพยายามซ่อนมันไว้ตลอด…”
ขณะที่พูดเขาก็เปิดการทำงานของสกิลอีกครั้งก่อนที่มันจะหายไปจากสายตาของอนูบิส
อนูบิสค่อยๆ ใจเย็นลงและหลังจากใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็เริ่มโค้งให้กับวาห์น
เด็กๆ ของเธอดูเหมือนจะตกใจกับการกระทำของเธอมากและมองไปที่วาห์นด้วยความหวาดกลัวมากกว่าเดิม
อนูบิสกล่าวต่อ “ฉันต้องขอโทษกับเรื่องเข้าใจผิดนี้ครั้งนี้จริงๆ
ฉันได้สร้างปัญหาและความยุ่งยากมากมายให้กับเธอรวมไปถึงเฮเฟสตัสด้วย
ความผิดพลาดครั้งนี้ยังเกือบทำให้เด็กๆ ของฉันต้องจบชีวิตลง…
ตอนนี้ฉันติดหนี้เธออย่างใหญ่หลวงเหลือเกิน วาห์น เมสัน”
วาห์นพยายามจะบอกว่าเธอไม่ได้ติดหนี้อะไรเขาทั้งนั้น
แต่ก่อนที่จะได้พูดออกมา เฮเฟสตัสก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน
“แน่นอน วาห์นมักจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือคนอื่นและยังเป็นที่รู้จักในฐานะวีรบุรุษของเมืองด้วย
ข้อกล่าวหาของไอ้งี่เง่าโอซิริสอาจจะมีความจริงอยู่บ้างเพราะวาห์นสามารถซ่อนดวงวิญญาณของตัวเองได้
แต่การที่แผนร้ายของเขาทำให้วาห์นตกอยู่ในอันตรายนั้นมันก็เรื่องที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน
ใช่แล้ว แม้แต่เธอเองก็ถูกเขาใช้เป็นหมากในแผนนี้ด้วย แต่ความใจร้อนของเธอก็เกือบทำให้เรื่องเลวร้ายกว่าเดิมโดยไม่มีอะไรกลับไปแก้ไขมันได้
การที่เธอเกือบทำให้วาห์นของฉันกลายเป็นฆาตรกรน่ะ… ฉันคงไม่อาจยกโทษให้เธอได้ง่ายๆ หรอกนะ!”
น้ำเสียงของเฮเฟสตัสนั้นแฝงไปด้วยด้วยอำนาจกับความมุ่งมั่น และไม่มีใครในห้องนี้ที่สามารถปฏิเสธคำพูดของเธอได้เลย
อนูบิสดูเหมือนจะได้รับความเสียหายอย่างหนักและยิ่งโค้งให้กับวาห์นมากกว่าเดิม
“ฉันทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยได้จริงๆ… แต่ขอแค่อย่าลงโทษเด็กๆ ของฉันเลยนะ
ตราบใดที่เธอตกลงกับคำขอข้อนี้ ฉันก็ยินดีที่จะชดใช้ให้ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม”
อนูบิสเป็นเทพที่มีความรับผิดชอบสูงมาก และเกียรติของเธอนั้นทำให้เธอต้องรีบชดใช้หนี้ที่ก่อไว้โดยเร็วที่สุด
เธอจะไม่ยอมให้เด็กๆ มารับภาระแทนและตั้งใจทำทุกอย่างด้วยตัวเองเพื่อชดใช้ความผิดนี้
//’อนูบิส’ ประสงค์ที่จะเป็นลูกน้องของคุณ: ตกลง/ปฏิเสธ?//
วาห์นสับสนเนื่องจากไม่รู้ว่าเขาควรจะรับมือกับเทพธิดาที่กำลังโค้งให้ตัวเองอย่างไรดี แต่เขากลับยิ่งตกใจหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นการแจ้งเตือนจากระบบ
เฮเฟสตัสคิดว่าวาห์นกำลังตกใจกับคำพูดของอนูบิส เธอจึงพูดเสริม
“อย่าคิดมากไปเลยวาห์น แม้ว่าจะเป็นเรื่องแปลก แต่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทวยเทพจะเอ่ยคำสัตย์สาบานว่าจะชดใช้เรื่องที่ทำผิดไป แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นมนุษย์ก็ตาม
ถ้านายกังวลจริงๆ… ขอให้รู้ไว้เลยว่าฉันจะไม่ปล่อยให้เธอนั่งเล่นนอนเล่นแน่นอน…”
อนูบิสพูดแทรกขึ้นมาตอนท้ายประโยคของเฮเฟสตัส
เธอใช้ดวงตาที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่มองไปที่วาห์นและพูดขึ้น
“ได้โปรดให้ฉันชดใช้หนี้ด้วยตัวเถอะ ถ้าหากต้องมาชดใช้ด้วยวิธีอื่นล่ะก็… เกียรติของฉันคงไม่มีทางยอมรับมันได้แน่นอน
แม้ว่ามันจะฟังดูหยิ่งยะโส แต่ฉันก็ไม่อาจฝ่าฝืนต่อหลักการของตัวเองได้”
เมื่อเธอพูดจบ วาห์นก็ได้รับการแจ้งเตือนอีกครั้ง
//’อนูบิส’ ประสงค์ที่จะเป็นลูกน้องของคุณ: ตกลง/ปฏิเสธ?//
ในเวลานี้สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่วาห์น
เหล่า ‘สุนัขล่าเนื้อ’ ทุกคนกำลังจ้องมองเขาด้วยความกลัวและเกลียดชัง แต่พวกเขาก็ไม่อาจขัดบัญชาของเทพธิดาที่ตนเคารพรักได้
พวกเขาต่างรู้ดีว่าเธอเป็นเทพแบบไหนและนั่นก็คือเหตุผลที่ต่างยอมอุทิศตนให้กับเธอ
เฮเฟสตัสเริ่มรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับคำยืนกรานของอนูบิสและเริ่มสงสัยว่าเธออาจมีเป้าหมายแอบแฝงที่อยู่เบื้องหลังการชดใช้หนี้
อนูบิสจ้องมองวาห์นด้วยสีหน้าจริงจังขณะที่เธอค่อยๆ พูดออกมา
“ได้โปรดเถอะค่ะ… นายท่าน…”
//’อนูบิส’ ประสงค์ที่จะเป็นลูกน้องของคุณ: ตกลง/ปฏิเสธ?//
พอได้ยินเทพธิดาเรียกตัวเองด้วยความเคารพ จิตใจของวาห์นก็เกือบจะระเบิดออกมาราวกับได้รับความเสียหายทางจิต
เขาอยากจะปฏิเสธเธอเหลือเกิน แต่พอเห็นสีหน้าจริงจังรวมกับความคิดที่จะได้เทพธิดามาเป็นลูกน้อง…
วาห์นถอนหายใจข้างในก่อนจะตอบ ‘ตกลง’ และในเวลาเดียวกันนั้นเองเขาก็พูดมันออกมาจากปากด้วย
“ได้ ฉันยอมรับข้อเสนอนี้”
//‘อนูบิส’ กลายเป็นลูกน้องของคุณแล้ว//
[ยูนิตปัจจุบัน] [เปิดใช้งาน: 2] [ปิดใช้งาน: 2]
[ยูนิตที่ใช้งานอยู่]: (เพลิงนิรันดร์),(อนูบิส)
[ยูนิตที่ปิดใช้งานอยู่]:(ฟาฟเนียร์),(ไร้นาม)