นอกจากเรื่องลำดับชั้นที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง เช่นการที่นานูกลายมาเป็น ‘ลูกศิษย์’ ของวาห์น ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย
พวกเด็กๆ ยังคงเรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบการโจมตีระยะประชิดอย่างรวดเร็วและเริ่มใช้มันเพื่อมาประลองกันแล้ว
มันไม่เหมือนกับการโจมตีตามสัญชาตญาณที่ใช้ในอดีต
ตอนนี้พวกเขาไม่ได้เอาแต่มุ่งปรับตัวตามคู่ต่อสู้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เมื่อพวกเด็กๆ เริ่มจับคู่ซ้อม นานูก็เดินเข้ามาหาวาห์นก่อนจะโค้งคำนับและตั้งท่าสู้
วาห์นพยักหน้าและไม่ปฏิเสธคำร้องขอของเธอก่อนจะคอยชี้แนะผ่านการเคลื่อนไหว
เธอตั้งใจฟังคำพูดของเขาและใส่ความพยายามอย่างหนักจนร่างกายปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อและเริ่มมีอาการหอบหลังเพิ่งฝึกไปได้เพียงครึ่งชั่วโมง
แม้เด็กคนอื่นๆ จะฝึกฝนอย่างหนักเช่นกัน แต่ไม่มีใครที่โจมตีได้รุนแรงและดุเดือดเท่ากับนานูเลย
เขาเป็นห่วงว่าเธออาจฝืนมากเกินไปและคิดจะบอกให้เธอเพลาๆ ลงบ้าง
น่าแปลกเพราะเมื่อวาห์นคิดแบบนั้่น เขาก็ตระหนักว่ากำลังทำสิ่งที่ขัดแย้งกับตัวเอง
เพราะจากวันก่อน เขาเพิ่งจะบอกให้พวกเด็กๆ ตั้งเป้าหมายให้สูงและผลักดันตัวเองให้เกินขีดจำกัดไปแท้ๆ
วาห์นตระหนักว่า แม้เขาจะเชื่อในคำพูดนั่นจริงๆ แต่มันจะเป็นอันตรายหากเขาไม่ได้ชี้แนะพวกเด็กๆ อย่างเหมาะสม
โชคดีที่เขายังมีสกิลสนับสนุนมากมายที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายได้ หากพวกเด็กๆ ได้รับบาดเจ็บตอนฝึกซ้อม หรือฝึกหนักจนเกินไป
ราวกับว่าสิ่งที่วาห์นกำลังคิดอยู่นั้นเป็นเหมือนลางบอกเหตุ
ไม่นานนานูก็ทรุดลงไปบนพื้นหลังจากพยายามใช้ท่าผาดโผนโดยบิดตัวกลางอากาศในขณะกำลังเล็งการโจมตีไปตรงส่วนหัวของวาห์น
แม้ว่าร่างกายของเธอจะยืดหยุ่นมาก แต่มันก็ยังไม่พร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวรุนแรงขนาดนั้นโดยเฉพาะในสภาวะที่กล้ามเนื้อกำลังเหนื่อล้าเต็มที
แม้จะทำการปล่อยลูกเตะเข้าใส่การตั้งรับของวาห์นได้สำเร็จ แต่พอตกลงมาบนพื้นด้วยปลายเท้า เธอก็เริ่มล้มตัวกลิ้งเป็นลูกบอลขณะใช้มือจับไปตรงส่วนกระดูกซี่โครง
วาห์นรู้สึกตกใจเล็กน้อยกับเรื่องที่เกิดขึ้นและรู้สึกว่าท่าทางของเธอนั้นดูน่าสงสารมาก
หางของเธอขดตัวพร้อมกับหูที่ลดต่ำลงขณะยังคงจับซี่โครงตัวเองด้วยสีหน้าความเจ็บปวด
เมื่อวาห์นเข้ามาใกล้ เธอก็พูดเสียงแหบ
“ขออภัยด้วยค่ะ… นายท่าน”
วาห์นถอนหายใจและดึงมือของเธออกเพื่อตรวจสอบความเสียหาย
เขาวางมือลงบนซี่โครงและเริ่มใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เพื่อสลายความเจ็บปวดอย่างรวดเร็ว
ภายในไม่กี่วินาที สีหน้าเจ็บปวดของนานูก็จางหายไปและเธอก็เปลี่ยนจากนอนหันข้างไปเป็นนอนหงายขณะเงยหน้ามองวาห์นด้วยความเคารพ
วาห์นมีความสุขที่ได้ช่วยเธอ แต่ก่อนที่เขาจะดึงตัวเธอขึ้นมานั้น นานูก็ทำบางอย่างที่ทำเอาสมองของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ
หางของเธอเริ่มขดตัวขึ้นมาบนท้องผ่านทางหว่างขา ขณะที่เธอเลิกเสื้อขึ้นและเผยหน้าท้องให้วาห์น
//‘นานู’ ประสงค์ที่จะเป็นลูกน้องของคุณ: ตกลง/ปฏิเสธ?//
นานูมองวาห์นด้วยความคาดหวังในขณะที่พวกเด็กๆ ต่างหยุดประลองและเริ่มมองมาด้วยสีหน้าหลากหลายแบบ
วาห์นรู้สึกสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะที่อนูบิสเดินเข้ามาใกล้และกระซิบให้ฟัง
“ที่เผ่าทางใต้ การนอนหงายและเผยหน้าท้องเป็นสัญญาณของการสวามิภักดิ์
ถ้านายท่านลูบท้องของเธอ นานูก็จะกลายมาเป็นข้ารับใช้ของนายท่านไปตลอดชีวิตหรือไม่ก็จนกว่านายท่านจะละทิ้งเธอไป”
หลังจากได้ยินคำพูดของอนูบิส วาห์นก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจข้างในให้กับเด็กสาวที่กำลังเลิกเสื้อขึ้นขณะจ้องมองเขาด้วยสายตาเปล่งประกาย
แม้จะไม่สนใจเรื่องจำนวนข้ารับใช้ที่เพิ่มขึ้นแต่ประสบการณ์กับอนูบิสนั้นทำให้เขารู้สึกสงสัยมากเกี่ยวกับความรู้สึกผิดชอบของข้ารับใช้และสติปัญญาของสิ่งมีชีวิตจากเผ่าพันธ์ต่างๆ ที่อยู่ในทวีปอีเด็น
วาห์นเริ่มยื่นมือไปข้างหน้าและวางมือลงบนท้องราบเรียบและเมินเฉยต่อการแจ้งเตือนของระบบ
เขารู้ว่าหากปฏิเสธ เธอจะต้องเสียใจมากแน่นอน แต่ก็ไม่ต้องการที่จะผูกมัดเธอกับระบบในตอนนี้
แม้จะมาอยู่ตรงหว่างขา แต่หางของนานูก็เริ่มแกว่งไปมาระหว่างต้นขาทั้งสองข้างพร้อมกับวางมือทับลงบนมือของวาห์นและพูดพร้อมรอยยิ้ม
“นายท่านของฉัน”
วาห์นรู้สึกเหมือนเธอจะให้ความสำคัญกับคำพูดนี้เป็นพิเศษ และมันก็ทำให้เขาทั้งรู้สึกผิดและมีความสุขไปพร้อมๆ กัน
การเป็น ‘จ่าฝูง’ ดูเหมือนจะสร้างปัญหาในอนาคตให้อีกเป็นกระบุงแน่นอน
ขณะที่มือของวาห์นยังอยู่บนหน้าท้อง เขาก็พบว่ายังมีความเสียหายของกล้ามเนื้อหลงเหลืออยู่ ดังนั้นจึงใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เพื่อขจัดความเสียหายออกไปให้หมด
เมื่อนานูรู้สึกถึงพลังงานอบอุ่นที่เข้ามาในท้อง สีหน้าของเธอก็พลันดูตื่นเต้นมากขึ้นขณะหลับตาลงและดิ้นไปมาอยู่บนพื้น
วาห์นเกือบหัวเราะให้กับท่าทางนั่น เพราะเธอทำราวกับเขากำลังจี้เธออยู่
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งนาที เขาก็ถอนมือออกขณะที่นานูเด้งตัวขึ้นมาจากพื้นด้วยความตื่นเต้น
เธอวิ่งไปหาเด็กคนอื่นๆ แล้วทุกคนก็เผยรอยยิ้มขณะแสดงความยินดีกับเธอ
วาห์นยิ้มให้กับสายสัมพันธ์อันใกล้ชิดของพวกเขาที่มีกจะแบ่งปันความสุขให้แก่กันและกัน
แต่รอยยิ้มของเขาก็หุบลงทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงหงุดหงิดนิดๆ ของอนูบิส
“สำหรับทั้งเด็กหนุ่มและเด็กสาวแล้ว การวางมือของลงบนหน้าท้องของอีกฝ่ายนั้นก็ถือว่าเป็นอันจบขั้นตอน
…แต่ถ้าเกิดว่าลูบหน้าท้องนานเกิน นั่นเป็นการสื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจว่านายท่านไม่ได้เห็นคนๆ นั้นเป็นแค่ข้ารับใช้ธรรมดาทั่วไป
สำหรับชนเผ่าทางใต้ที่ซึ่งพิธีแต่งงานนั้นยังไม่ค่อยแพร่หลายนัก การกระทำแบบนี้ถือเป็นการขอให้อีกฝ่ายมาเป็น ‘คู่ครอง’ แทนค่ะ…”
หลังจากได้รับคำอวยพรจากเด็กคนอื่นๆ นานูก็กระโดดโลดเต้นเข้ามาหาวาห์นขณะที่เขายังอยู่ในสภาพงุนงง
เธอหยุดลงเบื้องหน้าเขาก่อนจะโค้งคำนับไปครู่หนึ่งขณะรอให้วาห์นลูบหัว
วาห์นอยากจะอธิบายว่าเขาแค่รักษาบาดแผลให้เธอเท่านั้น แต่หลังจากเห็นเธอและท่าทางของพวกเด็กๆ เขาก็รู้สึกไม่กล้าขึ้นมา
เขายื่นมือออกไปและเริ่มลูบหัวของเธอตามปกติ
“เธอต้องรอจนกว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่ก่อนนะ… สำหรับตอนนี้ให้ตั้งใจเรื่องพัฒนาตัวเองไปก่อนก็แล้วกัน”
นานูพูดด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจอย่างไม่รั้งรอ
“ค่ะนายท่าน ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุด”
หลังจากวาห์นหยุดลูบหัว เธอก็เดินมาอยู่ด้านหลังเขาที่ด้านขวาแทน
พอจำที่อนูบิสบอกได้ว่าตำแหน่งนั้นมีไว้สำหรับภรรยา วาห์นก็เริ่มปวดหัวเล็กน้อยขณะจ้องมองเทพธิดาที่ทำตัวไม่ถูกเช่นกัน
เธอเห็นสีหน้าของเขาและขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะโค้งต่ำลง
“ขออภัยด้วยค่ะนายท่าน ฉันน่าจะอธิบายให้ชัดเจนกว่านี้
ฉันขอน้อมรับการลงโทษใดๆ ก็ตามที่เกิดจากความผิดพลาดครั้งนี้ค่ะ”
เมื่อเธอก้มตัวลงและวิวสวยๆ ก็กลับมาให้เชยชมกันอีกครั้งขณะที่วาห์นได้แต่ถอนหายใจ
“ไม่หรอก ที่ทำไปมันก็มือของฉัน ฉันควรจะเป็นคนรับผิดชอบเอง
ต่อไปฉันหวังว่าจะได้คำอธิบายในเรื่องเกี่ยวกับชนเผ่าทางใต้ที่ชัดเจนและละเอียดกว่านี้นะ
…ถือให้นั่นเป็นการลงโทษก็แล้วกัน”
อนูบิสขมวดคิ้วไปพักหนึ่งก่อนจะถอนหายใจและพูดตอบรับ
“ค่ะ นายท่าน ต่อไปฉันจะตั้งใจอธิบายให้ดีกว่านี้”
วาห์นไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงดู ‘เสียใจ’ กับผลที่ออกมานัก ดังนั้นเขาจึงยื่นมือออกไปลูบหูของเธอนิดหน่อย
เมื่อหางของอนูบิสเริ่มแกว่งอีกครั้ง เขาก็ชักมือออกและพูดขึ้น
“ฉันไม่โทษเธอหรอก มันเป็นความผิดของฉันเองที่ไม่พยายามทำความเข้าใจวัฒนธรรมของพวกเธอให้มากกว่านี้
ถ้าอยากจะเป็น ‘จ่าฝูง’ ที่ดี คงต้องใส่ใจกับเรื่องนี้ให้มากขึ้นอีกหน่อยแล้ว”
แม้จะกัดฟันเล็กน้อยในตอนที่วาห์นชักมือออก อนูบิสก็เพียงแค่ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้กับวาห์น
“ไว้ใจได้เลยค่ะ นายท่าน ฉันจะสอนทุกอย่างที่รู้ให้เอง”
อนูบิสรู้ว่าวาห์นนั้นชอบเอาใจใส่คนอื่นเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่รู้มาก่อนเลยว่าความทรมานที่เกิดจาก ‘ความใจดี’ ของเจ้านายนั้นจะทำให้เจ็บปวดได้ขนาดนี้
ที่จริงแล้วเธออยากให้เหตุการณ์แปลกๆ แบบเมื่อวานเกิดขึ้นอีก เพื่อที่เธอจะได้บอกความในใจให้เขารู้แบบหมดเปลือก…
—
หลังจากการฝึกสิ้นสุด ทั้งกลุ่มก็นั่งลงและทานอาหารเช้าร่วมกัน
ตำแหน่งการนั่งเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง และคราวนี้นานูมานั่งอยู่ที่ด้านขวาของเขาขณะที่อนูบิสยังคงอยู่ตรงด้านซ้ายเหมือนเดิม
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกถึงแรงกดดันเล็กน้อยจากทั้งเทพธิดาเชียนโธรปและเด็กสาวที่อยู่ข้าง
ตอนนี้ทุกคนกำลังรอให้วาห์นเริ่มทานอาหารก่อน แต่พวกเด็กๆ ยังต้องรอให้นานูพยักหน้าด้วยก่อนที่จะเริ่มทานกันได้
แม้ว่าเขาจะยังมีท่าทางสงบนิ่ง แต่วาห์นนั้นรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจขณะรีบทานอาหารเช้าอย่างรวดเร็ว
เมื่อทานกันเสร็จ พวกเด็กๆ ก็แยกย้ายกันไปตามกลุ่มโดยที่อนูบิสและนานูเดินออกมาส่งด้านหน้า
หลังจากทุกคนออกไปกันแล้ว อนูบิสก็โค้งให้กับวาห์น
“นายท่านคะ มีไอเท็มหลายอย่างที่ฉันต้องไปซื้อเพิ่ม
แม้จะยังมีเงินเหลืออยู่ แต่ก็มีของบางชิ้นที่อาจจะเกินงบไปบ้างค่ะ…”
วาห์นพยักหน้าก่อนจะมอบถุงที่บรรจุเงิน 300,000 วาลิสให้กับเธอ
อนูบิสรับมันไปพร้อมรอยยิ้มก่อนจะมุ่งหน้าออกจากประตู
วาห์นมองเห็นรอยยิ้มของเธอและรู้สึกตะหงิดๆ จนอยากจะใช้ ‘คำสั่ง’ ให้เธออธิบายออกมาในภายหลังซะเหลือเกิน
ขณะครุ่นคิดไปมา นานูก็พูดขึ้นจากด้านข้างด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“พวกเราจะไปห้องทำงานเลยไหมคะ นายท่าน?”
วาห์นรู้สึกประหลาดใจกับคำถามอยู่บ้าง เนื่องจากยังไม่เคยมีเด็กคนไหนเคยเรียกเขาก่อนมาก่อนเลย
พอตระหนักถึง ‘สถานะ’ ปัจจุบันของเธอ วาห์นก็ถอนหายใจข้างในก่อนจะยิ้มๆ และตอบกลับ
“ได้สิ ไปกันเถอะนานู”
นานูยิ้มอย่างสดใสและรอให้วาห์นเดินนำก่อนจะเดินตามอยู่ด้านขวา
วาห์นรู้สึกว่าเด็กสาวที่เตี้ยกว่าเขาเกือบ 30 ซม. นั้นกำลังปล่อยแรงกดดันมหาศาลออกมาจากร่างกายทันทีที่มาประจำตำแหน่ง
แม้ว่าเขาจะตัวสูงกว่าเธออย่างเห็นได้ชัด แต่วาห์นก็รู้สึกตัวเล็กลงกว่าเดิมมาก
แรงกดดันนั้นไม่ได้ลดลงเลยจนกระทั่งเขามาถึงห้องทำงานขณะที่เธอรีบออกไปทำหน้าที่ที่ได้รับจากครั้งก่อนโดยไม่พูดอะไรสักคำ
วาห์นถอนหายใจโล่งอกและเริ่มเตรียมแท่งโลหะที่ทำไว้จากวันก่อน
ส่วนประกอบหลักของแท่งโลหะพวกนี้คือโลหะเวทมนตร์ แต่วาห์นก็ใช้เวลาและความพยายามอย่างหนักเพื่อสร้างแท่งมิธริล 5 แท่งไว้ด้วยเช่นกัน
แม้สกิล [ช่างตีเหล็ก] ของเขาจะอยู่ในระดับ S และมีส่วนช่วยในการปรับปรุงผลงานที่ออกมา แต่เขาก็ยังขาดประสบการณ์ในการจัดการกับโลหะชั้นสูงอยู่มาก
โชคดีที่มิธริลนั้นไวต่อเวทมนตร์ ดังนั้นมันจึงลำบากน้อยกว่าตอนที่เขาทำงานกับ โอริแคลคัม อะดาแมนไทน์ และวัตถุดิบจากมอนสเตอร์
วาห์นเริ่มให้ความร้อนกับโลหะขณะที่หนีบมันไว้ด้วยคีมขนาดใหญ่ก่อนจะใช้ค้อนอัตโนมัติที่เขา ‘ประดิษฐ์ขึ้น’ ด้วยความช่วยเหลือจากคู่มือในหัว
ทั้งหมดที่วาห์นต้องทำก็คือใส่พลังงานลงไปในเครื่องมือเล็กน้อยซึ่งมันจะซึมซับเวทมนตร์เข้าไปขณะที่เขาใช้สมาธิส่วนใหญ่ไปกับการตรวจสอบโลหะแทน
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายคนถึงบอกว่าสิ่งประดิษฐ์ของเขาเป็น ‘นวัตกรรมใหม่’
เพราะมันทำให้ช่างตีเหล็กใช้สมาธิส่วนใหญ่ไปกับโลหะแทนที่จะแบ่งสมาธิไปมาเพื่อควบคุมค้อน กะปริมาณมานาที่ต้องใช้ และคำนวณความแรงในการตีแต่ละครั้ง
นานูดีใจมากที่มีอุปกรณ์ชิ้นนี้เนื่องจากเธอไม่ได้มีพลังกายมากพอที่จะใช้ค้อนได้เป็นระยะเวลานาน
พอรู้ว่าเขาเป็นผู้ ‘ประดิษฐ์’ เครื่องมือน่าอัศจรรย์ชิ้นดังกล่าว เธอก็จ้องมองมาที่เขาด้วยสายตา ‘ลุกโชน’ จนวาห์นเสียวสันหลังวาบ
วาห์นไม่ได้พึ่งพาค้อนอัตโนมัติอย่างเดียว และเขาก็ใช้มันเพื่อขึ้นรูปโครงสร้างพื้นฐานของดาบในช่วงแรกๆ เท่านั้น
เมื่อรู้สึกพอใจกับมันแล้ว เขาก็นำโลหะออกมาและดึงค้อนที่เฮเฟสตัสทำให้ออกมาจากช่องเก็บของ
นานูรู้สึกหลงใหลกับตัวค้อนมากจึงถามขึ้น
“นายท่านคะ ท่านไปเอาค้อนงดงามนี่มาจากที่ไหนเหรอคะ?”
วาห์นยิ้มๆ ให้กับคำถามและมองไปที่ค้อนด้วยสีหน้าคิดถึงขณะตอบกลับไป
“ฉันได้ค้อนนี่มาจากเฮเฟสตัสน่ะ มันคือตัวแทนของความเชื่อใจที่เธอมีให้ฉันและเปรียบเหมือนความหวังในอนาคตของเรา”
พอนานูเห็นแววตาลึกซึ้งของวาห์น เธอก็เริ่มนึกถึงเทพธิดางดงามที่มีเรือนผมสีแดงซึ่งเคยทำให้เทพธิดาของเธอเองรู้สึกขวัญผวามาแล้ว
เธอรู้อยู่แล้วนายท่านของเธอนั้นมีผู้หญิงหลายคน และดูเหมือนเฮเฟสตัสจะอยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุดในหัวใจของเขา
แม้วาห์นจะ ‘ยอมรับ’ เธอในฐานะภรรยาในอนาคต แต่นานูก็รู้ว่าเธอคงไม่อาจแข่งขันกับผู้หญิงคนอื่นๆ ได้เลย
เธอจึงตัดสินใจใช้ช่วงเวลานี้ ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง หรือก็คือช่วงที่วาห์นไม่ได้อยู่กับผู้หญิงคนอื่นเพื่อทลายการป้องกันของเขาที่มีต่อเธอลงซะ
เธอเห็นวิธีที่เทพธิดาของตัวเองใช้กับวาห์นมาแล้ว และตัดสินใจว่าจะใช้วิธีเดียวกันนี้ในอนาคต
วาห์นไม่รู้เรื่องการตัดสินใจของนานูเลยแม้แต่น้อยและยังคงจัดการกับชิ้นโลหะเวทมนตร์ต่อไปเรื่อยๆ
ค้อนของเฮเฟสตัสช่วยให้วาห์นควบคุมการขึ้นรูปโลหะได้เป็นอย่างดี และเขาก็ทำดาบสั้นออกมาได้สำเร็จภายในเวลาเพียงสองชั่วโมง
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ตัวดาบสีดำมะเมื่อมซึ่งยาวประมาณ 50 ซม. และดูงดงามมาก
ตอนนี้วาห์นกำลังนำมันมาลับคม ใส่ที่จับกับโกร่งดาบ จากนั้นก็ขัดมันจนขึ้นเงา
กระบวนการเหล่านี้ง่ายกว่าตอนตีดาบมาก แต่วาห์นก็ใช้ความพยายามไม่ต่างกันแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
เขาพอจะเข้าใจตัวเองขึ้นมาบ้างแล้วว่าเป็นคนที่ไม่ชอบมองข้ามรายละเอียดต่างๆ แม้แต่นิดเดียวหากสามารถทำได้
กว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้น เวลาก็ผ่านไปอีก 2 ชั่วโมง และวาห์นก็ได้ดาบที่งดงามราวกับจะเอาไว้ใช้ทำพิธีมาวางอยู่บนโต๊ะ
มันดูเงางามมาก และวาห์นก็เริ่มรู้สึกหลงใหลขณะค่อยๆ ลับมันต่อ
แม้เขาจะเคยช่วยสึบากิและได้สร้างไอเท็มมากมายภายใต้คำแนะนำของเธอ แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกเลยที่เขาสร้างอาวุธขึ้นมาด้วยตนเอง
พอทำ ‘เครื่องหมายของผู้สร้าง’ ลงบนตัวดาบโดยมีรูปร่างเป็นงูติดปีกสองตัวที่ขดตัวไปมาลงไปก็ถือเป็นอันเสร็จ
วาห์นยกมันขึ้นมาใต้แสงไฟและรู้สึกทึ่งไปกับความสามารถของตัวเองพร้อมกับที่มองเข้าไปในระบบ
[(ไร้นาม) ดาบสั้นโลหะเวทมนตร์]
ระดับ: C
ช่อง:1
พลังโจมตี: 240+90
พลังโจมตีเวท:138
ความสามารถ: ความคม(B)
ดาบที่ถูกสร้างขึ้นโดยช่างตีเหล็กผู้ที่ทำทุกขั้นตอนอย่างประณีตบรรจง ตัวดาบได้รับการลับคมจนมีระดับความคมที่น่าเหลือเชื่อและมีคุณสมบัติสูงกว่าดาบที่ถูกสร้างมาจากวัตถุดิบชนิดเดียวกันอยู่หลายขั้น
แม้พลังในการตั้งชื่อของ [ผู้ดูแลบันทึกแห่งนภา] จะอยู่ในช่วงคูลดาวน์ แต่วาห์นก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมาขณะที่มองไปที่ตัวดาบ
“ขอตั้งชื่อให้แกว่า… เท็มเพส
ฉันหวังว่าแกจะเป็นดั่งพายุที่ไม่มีใครหยุดลงได้ขณะที่กำลังตัดผ่านศัตรูมากมาย”
เมื่อคำพูดของเขาจบลง ชื่อที่ปรากฏในระบบก็เปลี่ยนเป็น [เท็มเพส:C] พร้อมกับการแจ้งเตือนที่เขาไม่คาดคิด
//[เท็มเพสท์:C] ถูกสร้างขึ้นแล้ว ได้รับ 403 OP//