Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 132

ตอนที่ 132

หลังจากที่โลกิกลับไปแล้ว ทุกคนนอกจากวาห์นก็ออกอาการเหนื่อยล้ากันใหญ่

สึบากิพยายามผ่อนคลายบรรยากาศด้วยการหัวเราะและแหย่วาห์นเล็กน้อย แต่เขาก็ถูกดึงความสนใจออกไปด้วยการแจ้งเตือนมากมายที่ดังมาจากระบบ

พอเห็นว่าวาห์นไม่เล่นด้วย สึบากิจึงอยากจะสอนบทเรียนให้กับเขาแต่ก็ต้องถูกเบรคเนื่องจากลิลลี่อาศัยจังหวะชุลมุนเพื่อเข้าใกล้วาห์นซะก่อน

วาห์นยังคงง่วนอยู่กับการแจ้งเตือนและไม่ทันเห็นพลูมตัวน้อยที่เดินเข้ามาใกล้

เขาไม่ได้สังเกตเห็นเธอจนกระทั่งเกิดประกายแสงจากเวทมนตร์บางอย่างทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมามอว

เมื่อลิลลี่เข้าใกล้วาห์น เธอก็เริ่มแปลงร่างเป็นเชียนโธรปและดมเขาไปทั่วด้วยสีหน้าหงุดหงิด

การกระทำของเธอดูคล้ายกับโลกิมาก และเขาก็เดาไว้ไม่ผิดก่อนที่ลิลลี่จะพูดขึ้น

“…ยัยผมทองกับสาวอเมซอนนั่นใช่ไหม?”

เพราะคิดเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว วาห์นจึงตัดสินใจไม่คิดจะปิดบังอะไร

เขาจ้องประสานตากับลิลลี่และพยักหน้ารับ

“พวกเธอมีชื่อว่าไอส์และทีโอน่า ไอส์เป็นคนที่มีสีผมกับตาสีทอง ส่วนทีโอน่าก็เป็นชาวอเมซอน”

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา คนที่อยู่ในห้องทั้งหมดก็เริ่มมีปฏิกิริยาแตกต่างกันไป

สึบากิพยักหน้าให้วาห์นเพราะเธอก็รู้จักเด็กสองคนนั้นเป็นอย่างดี

ทั้งสองทั้งน่ารัก แข็งแกร่ง และเป็นที่ใฝ่ฝันของใครหลายคน

สึบากิรู้สึกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้น่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับวาห์น

นาซ่าและลิลลี่ดูเหมือนจะสติหลุดไปชั่วครู่ขณะจ้องหน้ากันเองและใช้สายตาในการสื่อสาร

หลังเงียบไปพักหนึ่ง นาซ่าจึงพยักหน้าและเผยรอยยิ้มนิดๆ ซึ่งดูเหมือนจะเพิ่มความมั่นใจให้กับลิลลี่ขณะกับที่เธอหันกลับไปหาวาห์น

“พวกเราจะพยายามให้มากขึ้น ดังนั้นนายห้ามทิ้งเราเพราะสองคนนั่นเด็ดขาดเลยนะ”

วาห์นรู้สึกประหลาดใจกับประโยคนี้ แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบอะไร เฮเฟสตัสก็มาจับมาที่คอเสื้อและลากเขาไปที่ประตู

เธอหันมาตะโกนพร้อมกับลากวาห์นต่อไปเรื่อยๆ

“พวกเธอน่าจะรู้นิสัยของเจ้าคนงี่เง่านี่ดีอยู่แล้วนะ

พยายามให้มากขึ้นแล้วก็จัดการปัญหาของตัวเองให้เรียบร้อยด้วย

อย่าเพิ่งทำให้หมอนี่เตลิดไปมากกว่าเดิมนักล่ะ!”

เฮเฟสตัสรู้สึกหงุดหงิดตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว และการเห็นนาซ่ากับลิลลี่มาวางแผนกันอยู่ต่อหน้าต่อตาก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์ของเธอดีขึ้นมาเลย

ก่อนที่วาห์นจะไล่แจกคำสัญญาไปทั่ว เธอก็ลากเขาออกมาจากคฤหาสน์ของสึบากิและมุ่งหน้ากลับสู่บ้านพัก

นาซ่าและลิลลี่ถูกทิ้งไว้ในห้องอาหารกับสึบากิที่กำลังหัวเราะจนแทบกลิ้งไปกับท่าทาง ‘น่ารัก’ ของเฮเฟสตัส

หลังจากหัวเราะจนพอใจแล้ว เธอก็มองเด็กสาวทั้งสองคนและพูดเสริม

“พวกเธอเข้าใจใช่ไหม? ตอนนี้วาห์นก็เริ่มโตขึ้นมาบ้างแล้ว และถึงจะได้เริ่มก่อนคนอื่นแต่พวกเธอก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดียวกับสาวๆ พวกนั้น

พวกเธอทั้งคู่คือคนที่เขา ‘ช่วย’ เอาไว้และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกห่วงใยเป็นพิเศษ

แต่ถ้าหากอยากจะเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของตัวเองล่ะก็… พวกเธอจะต้องพยายามมากกว่านี้”

น่าซ่าพยักหน้าให้กับคำแนะนำนี้ แต่ดูเหมือนลิลลี่จะหัวรั้นเล็กน้อยและย้อนถามสึบากิกลับไป

“แล้วท่านสึบากิล่ะคะ? วาห์นเองก็ห่วงใยท่านสึบากิจะตาย

แถมนับวันเขาก็จะยิ่งอยากแกล้งท่านหนักขึ้นด้วย”

พอสึบากิถูกลิลลี่พาดพิงเข้า เธอก็เลิกคิ้วขึ้นพลางนึกถึงท่าทางของวาห์นในช่วงหลายวันมานี้

เธอพบว่าไม่นานหลังจากที่วาห์นเริ่มให้ความสนใจในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เขาก็เริ่มทำตัวแผลงๆ ต่อหน้าเธอมากยิ่งขึ้น

เมื่อมองดูสองสาวที่กำลังเฝ้ารอคำตอบของเธอ สึบากิจึงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะตอบกลับ

“ใครจะรู้ล่ะ~? ถ้าพวกเธอชักช้า ระวังจะโดนฉันตัดหน้าไปก่อนละกัน!”

สึบากิเริ่มหัวเราะทิ้งท้ายขณะเดินออกไปจากห้อง

นาซ่าและลิลลี่นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่ลิลลี่จะพูดทำลายความเงียบ

“ฉันว่าเรามีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมาอีกแล้วล่ะ…”

นาซ่าพยักหน้าช้าๆ ขณะที่ทั้งสองเริ่มคุยเรื่องของอนาคตอีกเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายกันไป

ลิลลี่เดินไปทางห้องเก็บหนังสือเพื่อศึกษาความรู้ต่อ ขณะที่นาซ่าเดินกลับไปยังห้องทำงานและเริ่มเตรียมวัตถุดิบชุดใหม่

เฮเฟสตัสปล่อยคอเสื้อของวาห์นเมื่อทั้งคู่ออกมาถึงด้านนอก และเขาก็รีบเดินตามหลังเธอกลับไปที่พักของตัวเอง

เฮเฟสตัสเริ่มเปิดปากพูดอีกครั้งก็ตอนที่ทั้งคู่เดินมาถึงหน้าประตูแล้ว

“เมื้อกี้ทำดีแล้วล่ะ… ฉันคงจะลำบากกว่านี้มากนายไม่มาช่วยไว้

โลกิดูเหมือนจะสนใจในตัวนายมากกว่าที่ฉันคาดเอาไว้นะ เพราะเธอยอมอ่อนข้อให้ซะจนฉันงงเลย”

วาห์นยังคงนิ่งเงียบขณะที่ทั้งสองหยุดอยู่ตรงด้านนอกของลานกว้าง

เฮเฟสตัสมองกลับมาก่อนจะกอดอกและถอนหายใจ

“เรื่องสัมผัสเชื่อมโยงที่โลกิพูดถึง… ฉันว่านายคงจะพอเข้าใจไปบ้างแล้วใช่ไหม?” ขณะที่พูด เฮเฟสตัสก็เริ่มหน้าแดงเล็กน้อย

พอวาห์นสังเกตเห็นใบหน้าเธอแล้วเขาก็เริ่มเขินเหมือนกันขณะพยักหน้าช้าๆ

“ขอโทษนะเฮเฟสตัส ฉันไม่รู้มาก่อนเลย…”

เฮเฟสตัสถอนหายใจอีกครั้งและสวมกอดวาห์นก่อนที่เขาจะได้พูดต่อ

เมื่อสัมผัสได้ถึงมือที่กำลังลูบหัว วาห์นก็ไปกับซุกหน้าอกของเธอขณะผ่อนคลายร่างกายและเริ่มกอดเธอกลับ

เฮเฟสตัสพูดกระซิบเบาๆ

“ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้านายจะใช้เวลากับผู้หญิงคนอื่น

ที่จริงฉันก็คาดไว้อยู่แล้วตั้งแต่ได้เห็นสาวๆ รอบตัวนาย

แต่นายห้ามลืมนะว่าฉันยังรออยู่… แล้วก็… ถ้าเป็นไปได้… เรื่องบางเรื่องก็ให้เก็บไว้ทำตอนกลางคืนเถอะ เพราะมันทำให้ฉันทำงานลำบากมาก…”

ถึงคำพูดของเธอจะฟังดูอ่อนโยนในตอนแรก แต่วาห์นก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนระอุขณะที่เธอพูดต่อไปเรื่อยๆ

วาห์นรู้สึกได้ว่าอุณหภูมิร่างกายของเฮเฟสตัสเพิ่มสูงกว่าเดิมเล็กน้อยพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้น

เมื่อเฮเฟสตัสปล่อยเขาออกจากอ้อมกอดและเริ่มเดินจากไป วาห์นก็จับข้อมือของเธอไว้และสัมผัสได้ถึงอาการกระตุกนิดๆ

เธอหันกลับมามองด้วยสีหน้าเหมือนจะเป็นไข้

“วาห์น… ไม่ได้นะ…”

วาห์นพบว่าในระหว่างที่พวกเขาโอบกอดกันนั้น ความรู้สึกของเขาก็ส่งผลกับเฮเฟสตัสเช่นกัน

สองความรู้สึกที่แทบจะไม่ต่างกันใจช่วงเวลานี้นั้นทำให้เธอต้องรับภาระมากกว่าคนปกติทั่วไปถึงสองเท่า

พอวาห์นนึกภาพเฮเฟสตัสเดินกลับไปที่ห้องทำงานภายใต้ความมืดและค่ำคืนอันหนาวเหน็บพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำ เขาก็รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ดูโดดเดี่ยวมาก

วาห์นค่อยๆ ดึงตัวเธอไปยังทางเข้าบ้านขณะที่รู้สึกถึงการต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาหันไปหาเฮเฟสตัสที่กำลังหวาดวิตกและพูดแบบยิ้มๆ

“ฉันไม่พูดหรอกนะว่าจะไม่ทำอะไรเลย แต่จะไม่ให้มันเลยเถิดแน่นอน

…ฉันแค่รู้สึกไม่คู่ควรกับเธอเลยถ้าปล่อยให้เธอกลับไปแบบนี้

คืนนี้นอนที่นี่เถอะ… ฉันจะปลอบใจเธอในแบบที่เราไม่ต้องผิดสัญญากันให้ดู”

พอเห็นความมั่นใจจากท่าทางและคำพูดของวาห์น เฮเฟสตัสอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายเล็กน้อยก่อนจะเลิกต่อต้าน

เธอรู้ดีว่าถ้ากลับไปโรงหลอมในสภาพนี้ มันคงจะเป็นอะไรที่… ยากลำบากสำหรับเธอ

คำพูดของวาห์นทำให้เธอรู้สึกคาดหวังและไม่สามารถรวบรวมความตั้งใจมากพอที่จะถอยกลับออกไปได้

พอเธอหยุดดิ้น รอยยิ้มของวาห์นก็กว้างขึ้นขณะพาเธอเข้าไปข้างใน

เมื่อทั้งสองเดินเข้ามา เฮเฟสตัสก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่วาห์นนั้นรู้อยู่แล้วจึงรักษาท่าทางไว้แบบเดิม

อนูบิสกำลังรออยู่ที่ห้องโถงและเริ่มโค้งให้กับทั้งสองอย่างสุภาพ

“ยินดีต้อนรับกลับค่ะ นายท่าน คืนนี้ท่านจะรับประทานอาหารกับพวกเด็กๆ หรือว่า… จะอยู่กับท่านเฮเฟสตัสคะ?”

เฮเฟสตัสจ้องเขม็งไปที่อนูบิส แต่หน้าแดงๆ ของเธอนั้นดูน่ารักมากกว่าจะไปใช้ข่มขู่ใครเค้าได้

แม้ว่าอนูบิสจะมีสีหน้าปกติ แต่ตอนนี้เธอกำลังพยายามอย่างมากที่จะไม่ขำไปกับภาพตรงหน้า

สำหรับเธอนั้นมันเป็นเรื่องตลกมากที่ได้เห็นเฮเฟสตัสในสภาพแบบนี้

ยิ่งเอามาเปรียบเทียบกับตอนที่บุกโอซิริสแฟมิเลียด้วยแล้วก็ยิ่งขำไปกันใหญ่

วาห์นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“พวกเด็กกำลังรอฉันอยู่เหรอ? ฉันบอกเธอแล้วนี่ว่าอาจจะไม่ได้กลับมาในช่วงวันหรือสองวัน…”

อนูบิสพยักหน้าก่อนจะตอบกลับ

“พวกเขาเริ่มทานกันไปแล้วค่ะ แต่หลังจากจับกลิ่นของนายท่านได้ พวกเขาก็เลยจัดจานใหม่และกำลังรอการมาถึงของท่านอยู่”

วาห์นรู้สึกพอใจกับคำตอบของเธอและเริ่มเข้ามาลูบหัวแบบที่ทำประจำ

มันเป็นแบบนั้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเฮเฟสตัสเข้ามาสะกิดจนเขาต้องชักมือกลับมาพร้อมหัวเราะแหะๆ

อนูบิสรู้สึกมีความสุขมากที่วาห์นทำตัวตามปกติแม้จะมีเฮเฟสตัสอยู่ด้วย เธอจึงมอบสายตาหยอกล้อให้กับเทพธิดาผมแดงอย่างไม่เกรงกลัว

เฮเฟสตัสไม่พลาดสายตานั่นและเริ่มกัดฟันเสียงดังก่อนที่จะโดนคำพูดของวาห์นทุบลงตรงกลางศีรษะ

“เราสองคนจะไปอาบน้ำกันก่อน สำหรับตอนนี้ให้เธอกลับไปหาเด็กๆ และบอกพวกเขาว่าอย่าเพิ่งมารบกวนเรานอกจากจะมีเรื่องฉุกเฉินจริงๆ”

พอโดน ‘เราสองคนจะไปอาบน้ำกันก่อน’ เข้าให้ จิตใจของเฮเฟสตัสก็เริ่มลอยล่องออกไปพร้อมกับความคิดที่จะเอาคืนเทพสุนัขตรงหน้า

อนูบิสโค้งอย่างสุภาพอีกครั้ง

“เข้าใจแล้วค่ะนายท่าน ฉันจะทำตามที่สั่ง”

จากนั้นเธอก็สันมามองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะมุ่งหน้าไปยังห้องอาหาร

แต่ก่อนที่จะออกไปจากประตู อนูบิสก็หันกลับมาด้วยรอยยิ้มและพูดขึ้น

“แล้วก็ยินดีด้วยนะคะนายท่าน ฉันได้กลิ่นของผู้หญิงอีกสองด้วย… เป็นกลิ่นที่รุนแรงมาก”

คราวนี้วาห์นกลายเป็นฝ่ายอึ้งไปบ้างขณะมองตามอนูบิสที่เดินผ่านประตูเข้าไปพร้อมกับหางที่ส่ายไปมา

เฮเฟสตัสที่กำลังจับแขนของเขาเริ่มพูดขึ้นบ้าง

“…สร้างไอเท็มให้ฉันก่อนคิดจะไปทำอะไรยัยนั่น… ห้ามต่อรองเด็ดขาด… ห้ามปฏิเสธด้วย”

น้ำเสียงเย็นๆ ของเฮเฟสตัสแทบจะแช่แข็งวาห์นได้เลย

พอหันไปจ้องหน้าก็ต้องเจอเข้ากับสายตาที่ดูจริงจังมาก

แม้ว่าใบหน้าของเธอจะติดแดงๆ แต่วาห์นก็บอกได้เลยว่าเธอดูจริงจังสุดๆ

ตอนนี้วาห์นทำได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น…

“ฉันสัญญา”

หลังจากนั้นเขาก็พาเฮเฟสตัสไปที่ห้องอาบน้ำ

เนื่องจากเคยอยู่ในบ้านหลังนี้มาก่อน เธอจึงรู้ทางเป็นอย่างดีและเริ่มเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเข้าไปใกล้ห้องอาบน้ำ

พอทั้งสองเข้ามาถึงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า วาห์นก็รู้สึกประหลาดใจกับอาการของเธอมาก

เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเทพธิดาที่ดู ‘เยือกเย็น’ จะหวั่นไหวได้ง่ายขนาดนี้ แต่แล้วอาการของเธอก็ทำให้เข้ารู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน

ปกติแล้วเฮเฟสตัสไม่ใช่คนขี้อาย แต่เพราะวาห์นเป็นคนที่เธอ ‘สัญญา’ ว่าจะอยู่ด้วยกันในอนาคต เธอจึงคิดกับเขาต่างไปจากคนอื่นๆ

เพราะรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดของเขาที่เข้ามาผสานกับของเธอเอง อารมณ์ของเฮเฟสตัสจึงพุ่งสูงขึ้นเกินกว่าที่จะปรับตัวได้ทัน

เธอขยับออกมาข้างๆ และเริ่มถอดเสื้อผ้าออกด้วยความยากลำบาก

เป็นครั้งแรกในชีวิตของเฮเฟสตัสที่รู้สึกเหมือนสาววัยแรกแย้มที่ได้มาอยู่กับคนที่ตนชอบ… ราวกับว่าเธอกำลังเตรียมตัวสำหรับค่ำคืนอันแสนตื่นเต้น

ขณะที่เธอกำลังหมกมุ่นอยู่ในโลกส่วนตัว วาห์นก็แอบเข้ามาเงียบๆ และช่วยถอดเสื้อผ้าให้เธอแทน

ตอนแรกเฮเฟสตัสตกใจมาก แต่พอเห็นสายห่วงใยและความ ‘สนอกสนใจ’ ภายในดวงตาสีน้ำทะเล เธอจึงปล่อยเลยตามเลย

ความสนใจของวาห์นทำให้เธอรู้สึกภูมิใจอยู่บ้าง และยิ่งทั้งสองใกล้ชิดกันมากเท่าไหร่ เฮเฟสตัสก็รู้สึกกังวลน้อยลง

เมื่อวาห์นเห็นเฮเฟสตัสจะขยับหนีในตอนแรก เขาก็คิดว่าท่าทางเขินอายของเธอนั้นช่างดูน่ารักเสียจริง

เขาอดใจที่จะแกล้งเธอไว้ไม่ได้และเริ่มช่วยเธอถอดเสื้อผ้าอย่างเอาจริงเอาจัง

แม้จะเคยเห็นและสัมผัสเรือนร่างของเฮเฟสตัสมาก่อนแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เคยเห็นเธอในสภาพเปลือยเปล่าเลยสักครั้ง

ความตื่นเต้นของเขายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะค่อยๆ ปลดเปลื้องอาภารณ์ออกจากร่างของเทพธิดาที่สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างกัน

เขารู้สึกประหลาดใจกับร่างบางที่อัดแน่นไปด้วยพละกำลังมหาศาลซึ่งสามารถทำงานหนักๆ ได้ตลอดทั้งวัน

พอทุกอย่างถูกถอดออกจนหมด วาห์นก็อยู่ในสภาพตึงเครียดหลังจากได้ยลโฉมร่างเปลือยเปล่าของเธอเป็นครั้งแรก

นอกจากอนูบิสและสึบากิแล้ว เฮเฟสตัสก็เป็นหญิงสาวแบบ ‘โตเต็มวัย’ อีกคนที่วาห์นได้เห็นทุกอย่างแบบหมดจด

แต่เฮเฟสตัสนั้นไม่เหมือนกับอีกสองคน เพราะเธอเป็นคนที่วาห์นกำลังให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ

เรือนร่างตรงหน้านั้นทำให้สมองของเขาตื้อไปหมดและทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากกวาดตามองแบบทุกซอกทุกมุม

หน้าอกของเธอใหญ่พอควร แต่ก็ดูเต่งตึงและไม่หย่อนยานเลยสักนิด

แม้วาห์นจะสังเกตเห็นคุณสมบัติหลายอย่างที่คล้ายกันกับอนูบิส แต่เขาก็ต้องรู้สึกอัศจรรย์ไปกับ ‘ความสมบูรณ์แบบ’ ในร่างกายของเทพธิดาอยู่ทุกครั้งไป

ทว่าสิ่งที่ดึงดูดสายตาของเขามากที่สุดก็คือเรียวขายาวและบั้นท้ายอันอวบอิ่มที่ไม่อาจลืมเลือนได้เลยนับตั้งแต่ที่เห็นมันจากวันก่อน

ในที่สุดวาห์นก็ค้นพบความแปลกประหลาดบางอย่างจากการที่ได้เห็นเรือนร่างของหญิงสาวคนอื่นไปบ้างแล้ว

ถ้าให้พูดแบบอ้อมๆ ก็คือ… ส่วนที่ควรจะมีอะไรขึ้นอยู่นั้นกลับดูราบเรียบไปหมด

ตลอดเวลาที่วาห์นสำรวจร่างกายของเธอนั้น เฮเฟสตัสก็มองดูเขาอย่างมีความสุข

เธอมองเห็นความคาดหวัง ความสนใจ และความตื่นเต้นในสีหน้าของเด็กหนุ่ม และมันก็ทำให้เธอรู้สึกภูมิใจในร่างกายของตัวเองมากขึ้น

ยิ่งสายตาของวาห์นสอดส่องร่างของเธอมากเท่าไร สีหน้าของเขาก็ยิ่งดูเร่าร้อนมากขึ้น แต่มันกลับไม่ได้เต็มไปด้วยราคะและความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเหมือนบุรุษคนอื่นๆ

เขาดูชื่นชมร่างกายของเธออย่างจริงใจ และการได้เห็นสีหน้าหน้าซื่อๆ แบบนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นไปอีกแบบ

แต่พอดวงตาของเขามาเลื่อนลงมาถึงส่วนล่าง เฮเฟสตัสก็สังเกตเห็นสีหน้าที่ดูสับสนซึ่งทำให้เธอกังวลขึ้นมาเล็กน้อย

คำพูดถัดไปของวาห์นเกือบจะทำให้เธอล้มหัวฟาดพื้นคาห้องน้ำทันที

“เป็นเรื่องปกติหรือเปล่านะที่เทพธิดาจะไม่มีขนอยู่ตรงนั้นเลย?”

เฮเฟสตัสรู้สึกตกใจด้วยเหตุผลหลายอย่างมาก เพราะคำถามของวาห์นนั้นสื่อได้ว่าเขาเคยเห็นของเทพธิดามาแล้ว

พูดอีกอย่างก็คือ เขาเคยเห็นเทพธิดาในสภาพเปลือยเปล่ามาก่อน

ทันใดนั้นภาพของเทพสุนัขเจ้าเล่ห์ก็แวบเข้ามาในหัว และเฮเฟสตัสก็สาบานไว้ในใจว่าเธอจะต้องลงโทษอนูบิสในอนาคตให้จงได้

เนื่องจากเธอมองเห็นสีหน้าใฝ่รู้อย่างจริงจังของวาห์น เธอจึงถอนหายใจและตอบด้วยน้ำเสียงปลงๆ

“เส้นขนที่ตรงนั้นจะช่วยในการป้องกันโรคหรือไม่ก็ดึงดูดเพศตรงข้าม

แต่เนื่องจากเหล่าทวยเทพนั้นไม่มีทางเป็นโรค ส่วนเทพธิดาเองก็ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ขนตรงส่วนนั้นจึงไม่มีความจำเป็นสำหรับพวกเราเลย”

เฮเฟสตัสยิ่งรู้สึกเขินหนักขณะอธิบาย เพราะมองเห็นแววตาเปล่งประกายของวาห์นที่ดูเหมือนเพิ่งจะได้เรียนรู้เรื่องน่าสนใจแบบสุดๆ ได้อย่างชัดเจน

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท