Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 145

ตอนที่ 145

วาห์นยังคงดิ้นรนต่อไปเรื่อยๆ ขณะที่ความรู้สึกเย็นสงบเริ่มแผ่กระจายไปทั่วจิตใจของเขา

ความอบอุ่นตรงช่วงไหล่นั้นถูกความหวาดกลัวและความโกรธเข้ามาปิดทับไว้แทน

บางอย่างในใจรวมไปถึงพลังเขตแดนของวาห์นนั้นเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

ระยะของเขตแดนที่ค้างอยู่ตรงระยะ 99 เมตร นับตั้งแต่เขาฟื้นจากอาการโคม่าเริ่มขยับขึ้นเป็น 100 เมตรทันที

จากนั้นความรู้สึกเย็นสงบในใจของวาห์นก็ระเบิดออกมาด้านนอกและผลักหญิงสาวให้กระเด็นออกไปจากร่างของเขา

หลังจากถูกผลักออกไปแล้ว หญิงสาวก็จ้องมองวาห์นด้วยความทึ่งและสนใจเป็นอย่างมาก

ตอนที่เริ่มเข้ามาดูดเลือด เธอก็ทำให้ร่างกายของวาห์นขยับไม่ได้หลังใช้ประโยชน์จากการที่เขาไม่ทันระวังตัว

เพราะได้ลิ้มลองมันไปบ้างแล้ว เธอก็เริ่มสงสัยว่าจะเป็นยังไงหากได้ดูดมันจากเจ้าตัวเลย

แล้วเธอก็คาดไว้ไม่ผิด มีพลังงานน่าเหลือเชื่ออัดแน่นอยู่ในเลือดของเด็กหนุ่มซึ่งช่วยฟื้นฟูพลังเวทให้เธอได้อย่างมหาศาล

เธอเผยรอยยิ้มเล็กน้อยออกมาขณะกำลังจะกล่าวชมเชยเด็กหนุ่มที่หลุดจากคาถาของเธอได้

แต่ในขณะที่เธอกำลังจะอ้าปากพูด เสียงก็มาติดอยู่ตรงลำคอขณะที่หัวใจรู้สึกเจ็บปวดนิดๆ

แม้จะคิดไว้แล้วว่าเด็กหนุ่มคงจะโกรธมากจนระเบิดมันออกมาภายนอก แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเธอนั้นอยู่เหนือสิ่งที่คาดเอาไว้มาก

เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลากำลังขมวดคิ้วและแสดงสีหน้าน่ากลัว ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและมีน้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆ

ในฐานะคนที่เคยถูกทรมานและถูกเหยียดหยามจากสังคมมาหลายร้อยปี เธอนั้นเข้าใจความเจ็บปวดที่เด็กหนุ่มกำลังแสดงออกมาได้เป็นอย่างดี

มันดูคล้ายกับตอนที่เธอกลายเป็นอมตะไม่มีผิดเพี้ยน และทำให้อารมณ์ที่ซ่อนเร้นมานานเริ่มฟื้นคืนมาอีกครั้ง

แม้จะไม่รู้ที่มาที่ไปของเขา แต่ก็ตระหนักดีว่าเธอเพิ่งจะทำบางอย่างที่ผิดต่อเด็กหนุ่มคนนี้เอามากๆ

วาห์นเห็นหญิงสาวหายตัวออกไปนอกระยะ 100 เมตรทันทีที่เขาหันมาหา

แต่น่าเสียดายสำหรับเธอ เพราะทันทีที่พลังเขตแดนของวาห์นเพิ่มมาถึง 100 เมตร เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างในใจกำลังแตกออกและทำให้เขตแดนขยายไปเป็น 300 เมตรแทน

เป็นเรื่องยากมากที่จะคำนวณระยะของเขตแดนเมื่อเข้ามาอยู่ด้านในแล้ว หญิงสาวจึงกะระยะคลาดเคลื่อนไป

ขณะที่เธอมองไปรอบๆ ด้วยความสนใจ พื้นที่ภายในเขตแดนก็เปลี่ยนเป็นสีทองอ่อนๆ ตามมาด้วยความกลัวที่ผุดขึ้นมาในใจเล็กน้อย

เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มอีกครั้ง เธอก็รู้สึกเจ็บปวดกับสีหน้านั่นมากและพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจ

แต่ก่อนที่จะได้เปล่งเสียงคำแรก โซ่สีทองงดงามก็พุ่งออกมาจากแสงรอบๆ ด้วยความเร็วเหนือเสียง

หญิงสาวประหลาดใจที่เห็นโซ่ปรากฏออกมาในรูปแบบนี้ เพราะครั้งที่แล้วเด็กหนุ่มได้แต่เสกมันออกมาจากมือเท่านั้นเอง

เธอพยายามเคลื่อนย้ายออกไปทันทีที่สัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัว แต่กลับพบว่ามิติรอบตัวถูกปิดผนึกเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

หญิงสาวตระหนักแล้วว่าทำไมเขตแดนถึงเปลี่ยนเป็นสีทอง เพราะว่าเด็กหนุ่มได้ผสานคุณสมบัติของโซ่เข้ากับเขตแดนนั่นเอง

ในความพยายามครั้งสุดท้าย เธอได้สร้างกำแพงเวทมนตร์หลายชั้นเพื่อสกัดกั้นห่วงโซ่ปลายแหลมที่เล็งตรงมายังท้องของเธอ

โซ่กระทบเข้ากับม่านพลังและหญิงก็ถอนหายใจโล่งอกสั้นๆ ที่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา

เธอเฝ้ามองไปมาระหว่างม่านพลังของตัวเองกับเด็กหนุ่มผู้ที่ยังคงมองเธอด้วยใบหน้าโกรธแค้นและเจิ่งนองไปด้วยน้ำตา

หญิงสาวรู้แล้วว่าถ้าไม่หยุดเขาไว้ เขาก็จะพยายามฆ่าเธออย่างจริงจังต่อไปเรื่อยๆ

แม้ว่าใบหน้าหล่อเหลาจะบ่งบอกถึงความปวดร้าวและหวาดกลัวอย่างลึกซึ้ง แต่เธอก็รู้ดีว่าตอนนี้ความโกรธของเขานั้นกำลังอยู่เหนืออารมณ์ทุกสิ่งอย่าง

ไม่กี่วินาทีหลังจากที่ปลายโซ่ชนเข้ากับม่านพลัง เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อมันผ่านเข้ามาได้ราวกับม่านพลังที่เธอร่ายไว้นั้นเป็นแค่กระดา

อย่างไรก็ตาม แม้จะแบ่งสมาธิส่วนหนึ่งไปทางวาห์น แต่เธอก็ยังมีประสบการณ์การต่อสู้ที่สั่งสมมาแล้วว่าหลายร้อยปี

เธอก้าวเท้าออกไปในอากาศและร่างบางก็มาปรากฏตัวถัดจากวาห์นแทบจะในทันที

เธอตกใจนิดๆ เพราะรู้ว่าเด็กหนุ่มไม่เคยตามการเคลื่อนไหวของเธอไม่ทัน แต่รอบนี้เขากลับจ้องมองทิศทางที่เธอจะโผล่ออกมาอยู่ก่อนแล้ว

ในช่วงเวลาสั้นๆ จิตใจของหญิงสาวก็คิดอะไรไม่ออกขณะจ้องมองดวงตาสีน้ำทะเลที่เต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน

นับตั้งแต่ที่พบกันครั้งแรก เธอก็ยังไม่เคยได้ถามชื่อของเขาหรือแม้แต่เหตุผลที่เขาสามารถเข้ามาในมิตินี้ได้ด้วยระบบเวทมนตร์แปลกๆ ซึ่งต่างไปจากของเธอเลย

แสงสีทองสว่างขึ้นตรงบริเวณรอบๆ เด็กหนุ่มขณะที่โซ่อีกสี่เส้นโผล่ออกมาด้วยความเร็วสูงและพยายามม้วนตัวไปรอบๆ ร่างของเธอ

เพราะเริ่มจะชินกับรูปแบบการโจมตีนี้แล้ว เธอจึงสามารถหลบหลีกออกมาได้ก่อนที่พวกมันจะเข้ามาตัดทางหนีเอาไว้

เธอเริ่มร่ายคาถาโดยหมายมั่นว่าจะหยุดเด็กหนุ่มบ้าเลือดคนนี้และพูดคุยกับเขาแบบดีๆ แทน

ทันใดนั้นเด็กหนุ่มดูเหมือนจะถอนหายใจยาวๆ ออกมาซึ่งดูเศร้ามาก ขณะหันหน้าออกจากเธอและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแทน

เธอเริ่มรู้สึกหวาดกลัวมากกว่าเดิม ในขณะที่เขาชูมือขึ้นสูงและเริ่มปล่อยพลังออกมาเป็นจังหวะ

พลังแต่ละจังหวะดูเหมือนจะกระทบเข้ากับมิติว่างเปล่าและทุกอย่างในมิติก็เริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจทันทีว่าเด็กหนุ่มกำลังทำอะไรอยู่

เขากำลังใช้สกิลแปลกๆ เพื่อทำลายมิตินี้ทิ้ง!

เขาคงไม่อยากสู้กับเธอต่อแล้ว รวมไปถึงไม่สนใจเรื่องการเรียนวิชาลับแล้วด้วย

เธอหยุดร่ายคาถาและรีบตะโกนห้าม

“เดี๋ยวก่อน เจ้าหนู! ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้!

ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายนายนะ!”

แม้ปกติแล้วจะชอบพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและเฉยเมย แต่เธอก็ไม่อยากให้มิติที่อยู่มานานต้องถูกทำลายลงไปเพราะเรื่องแบบนี้

ถึงจะเป็นแค่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นและไม่ใช่คนจริงๆ แต่เธอก็ยังมีเป้าหมายที่อยากทำให้สำเร็จ

หากเด็กหนุ่มคิดจะทำลายที่นี่ เธอก็อาจจะได้รับการปลดปล่อยไปจากความโดดเดี่ยวนี่เสียที แต่มันก็จะหายไปพร้อมกับเป้าหมายที่ค้างคาอยู่เช่นกัน

วาห์นหันหัวมาทางหญิงสาวและเห็นว่าเธอดูตื่นตระหนกมากขณะยื่นมือข้างหนึ่งออกมาทางเขา

เขายังคงใช้สกิล [ทลายพันธนาการ] ต่อไปขณะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยความเกลียดชัง

“ฉันไม่ได้แค่จะลืมเรื่องการเรียนวิชาของเธอเท่านั้น แต่ฉันขอตายดีกว่าจะถูกใช้เป็นเครื่องมืออีกครั้ง

คนเห็นแก่ตัวและโหดร้ายแบบเธอ… ฉันไม่มีอะไรจะให้นอกจากความเกลียดชัง

ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกโดดเดี่ยวในหัวใจมากมายเหลือเกิน… แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาช่วยเธออีกแล้ว”

แม้จะไม่รู้ว่าทำไม แต่หญิงสาวก็รู้สึกปวดร้าวมากหลังจากได้ยินคำพูดของเขา

ถึงทั้งคู่จะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่เด็กหนุ่มก็มองเธอออกแบบหมดเปลือก

ทั้งหมดที่เธอทำมาตั้งแต่พบหน้ากันก็คือคอยทดสอบเขามาตลอด แต่ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะไปเหยียบกับระเบิดอันที่ใหญ่ที่สุดเข้าให้แล้ว

เด็กหนุ่มคนนี้คงมีอดีตที่ผ่านอะไรมามากไม่ต่างไปจากเธอ และมันน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเลือดของเขาด้วย

รอยแตกบนท้องฟ้าเริ่มจะเห็นได้ชัดมากขึ้น และหญิงสาวก็พอสรุปได้ว่ามิติน่าจะถูกทำลายลงในอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้

แม้จะสามารถส่งเขาออกไปจากที่นี่ได้ แต่เขาก็คงจะทำลายลูกแก้วทันทีที่ออกไป

เธอไม่อยากฆ่าเขาและไม่ต้องการที่จะหายไปโดยที่ยังทำตามเป้าหมายไม่สำเร็จ

หญิงสาวกัดฟันแน่นขณะทำสิ่งสุดท้ายที่คิดว่าอาจจะใช้ได้ผลกับเด็กหนุ่มเจ้าอารมณ์ที่อยู่ตรงหน้า

วาห์นรู้สึกได้ถึงพลังเวทบางอย่างในตัวหญิงสาว ในขณะที่ยังคงจ้องมองเธอด้วยสีหน้าแบบเดิม

ร่างในชุดสง่างามหายเข้าไปในกลุ่มควันและสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือเด็กสาวที่มีรูปร่างเหมือนตุ๊กตาตัวเล็กๆ และกำลังกอดเสื้อผ้า ‘ผู้ใหญ่’ เอาไว้เพื่อปกปิดร่างที่เปลือยเปล่าของตัวเอง

แม้วาห์นรู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับกลอุบายของเธอและหันกลับไปมองท้องฟ้าขณะยังใช้สกิล [ทลายพันธนาการ] ต่อไปเรื่อยๆ

เมื่อเห็นว่าแผนของเธอล้มเหลว เด็กหญิงตัวเล็กก็เริ่มกรีดร้องเสียงแหลม

“ไอ้คนงี่เง่า! ฉันไม่เคยคิดจะฆ่านาย แต่ถ้านายทำลายมิตินี้ทิ้ง ฉันก็ต้องหายไปน่ะสิ!

อย่าบังคับให้ฉันทำอะไรที่เราทั้งคู่ต้องมาเสียใจดีกว่านะ!!!”

เด็กสาวร่ายคาถาและชุดผู้ใหญ่สีดำก็กลายเป็นละอองแสงก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นชุดสไตล์โกธิคสีดำบนร่างกายของเธอแทน

เธอดึงดาบสีม่วงอมน้ำเงินขนาดใหญ่ออกมาและเล็งมันมาทางวาห์นด้วยแววตาที่ดู ‘อันตราย’

วาห์นหันหัวกลับมาอย่างช้าๆ เพื่อสบตากับเธอขณะพูดตอบกลับด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง

“ฉันบอกไปแล้วไงว่าขอตายดีกว่า… จะฆ่าก็ฆ่าเถอะ แต่ฉันจะหนีออกไปและไม่มีวันกลับมาเหยียบที่นี่อีก”

เมื่อคำพูดของเขาจบลง เด็กสาวตัวเล็กๆ ก็หายไปก่อนจะมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าวาห์นพร้อมดาบในมือ

เธอง้างมันออกไปในแนวเฉียงราวกับจะผ่าวาห์นตั้งแต่ช่วงไหล่ไปจนถึงเอวอีกด้าน

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ตัวดาบจะสัมผัสกับคนตรงหน้า เธอก็ยั้งมือเอาไว้แบบเฉียดฉิวจนวาห์นสัมผัสได้ถึงพลังงานจากมีดไปเล็กน้อย

ถึงตอนนี้เธอจะตั้งใจจะฆ่าวาห์นขึ้นมาจริงๆ แต่แล้วสีหน้าและเสียงของเด็กหนุ่มก็มาซ้อนทับกับความทรงจำในอดีตของเธอเอง

เธอจำได้ว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งหลังจากที่เธอเริ่มออกเดินทางไม่นาน และเป็นตอนที่เธอรู้สึกยอมแพ้ให้กับทุกอย่าง

หากตอนนั้นสามารถโอบกอดความตายได้ เธอก็คงอ้าแขนรับมันแต่โดยดี

หลังจากต้องตกเป็นเครื่องมือและตัวทดลองของชายผู้นั้น เธอก็สูญเสียทั้งอารมณ์และความรู้สึกทุกอย่างไปจนหมด

เมื่อจ้องมองใบหน้าของเด็กหนุ่ม เธอก็ตระหนักว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำตัวเหมือนกันชายคนนั้นแทน

เพราะรู้สึกสนใจเด็กหนุ่มและเลือดแสนวิเศษ เธอจึงวางแผนล่อลวงเขาเพื่อประโยชน์ของตัวเองล้วนๆ

เขาดูเหมือนกับเธอในตอนนั้น… เป็นเด็กกำพร้าที่ตกอยู่ภายใต้ความเมตตาของสิ่งที่ไม่มีทางจะเอาชนะได้…

เด็กสาวที่อยู่ด้านหน้าวาห์นจู่ๆ ก็สลายดาบทิ้งไปขณะที่เขายังใช้ [ทลายพันธนาการ] ต่อไปโดยไม่คิดจะหยุดและจ้องมองมาที่ร่างคนตัวเล็ก

ตอนนี้เธอดูน่าสงสารมาก ซึ่งต่างจากสาวงามวัยผู้ใหญ่ที่เคยเห็นก่อนหน้านี้

ถึงเธอจะดูเหมือนเด็ก แต่วาห์นก็รู้ว่าเธอไม่ใช่เด็กแน่นอน

ในหัวของเขานั้น เธอก็เหมือนกับพวกที่มาทรมานเขาเป็นเวลาสิบสี่ปีเต็มจากในช่วงชีวิตก่อนไม่มีผิด

เขาได้ตายแบบจริงๆ มาแล้ว ก่อนจะได้มายังอีกโลกหนึ่งเพื่อหลบหนีเรื่องในอดีต

ตอนนี้เขาได้มาพบกับสถานการณ์คล้ายๆ กันจนไม่รู้สึกแยแสเลยว่าเธอจะเป็นใครหรือโดนอะไรมาบ้าง

หญิงสาวมองเข้าไปในดวงตาของเขาเรื่อยๆ ขณะที่มิติแห่งนี้กำลังตกอยู่ในความวุ่นวายและจะพังทลายในอีกไม่ช้า

หลังจากนั้นไม่กี่วินาที หญิงสาวก็พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ฉัน เอวานเจลีน เอ.เค. แม็คโดเวล เป็นแวมไพร์ที่อยู่มาหลายร้อยปีแล้ว

ถึงนายจะเป็นคนทำลายที่นี่ แต่ฉันก็อยากให้นายรู้ว่าฉันเป็นใคร และโปรดรู้ไว้ด้วยว่าฉันรู้สึกผิดแค่ไหนที่ทำกับนายแบบนั้น”

เธอมีสีหน้าเศร้ามากขณะมองสายตาเย็นชาของวาห์น

วาห์นยังคงใช้ [ทลายพันธนาการ] ต่อไป แต่ก็อดรู้สึกเสียใจหน่อยๆ ไม่ได้หลังจากจากการเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือของหญิงสาวที่เคยหยิ่งผยอง

แม้จะไม่รู้ว่าร่างไหนคือร่างที่แท้จริงของเธอ แต่เขาก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเธอรู้สึกเสียใจจริงๆ

ออร่าของเธอซึ่งก่อนหน้านี้เคยดูทรงพลังมากและมีสีน้ำเงินเข้มราวกับเป็นภูเขาน้ำแข็ง ตอนนี้มันกลับเล็กลงมากและค่อยๆ จางหายไปเรื่อยๆ

แทนที่จะเป็นสีน้ำเงินเย็นยะเยือก ตอนนี้มันกลายเป็นสีน้ำเงินปนม่วงแทน

วาห์นรู้แล้วว่าตอนนี้เธอคงสู้สึกเศร้าเสียใจจริงๆ

เขาถอนหายใจออกมายาวๆ แบบหงุดหงิดขณะค่อยๆ ดึงพลังงานกลับมาจาก [ทลายพันธนาการ] ก่อนจะนั่งลงกับพื้น

แม้ว่าทุกอย่างจะดูแตกร้าวไปหมด แต่มันก็ค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาในแบบที่เห็นได้อย่างชัดเจนขณะที่เด็กหญิงสาวตัวเล็กจ้องมองวาห์นด้วยความโล่งใจและเสียใจ

วาห์นจ้องเธอกลับและความรู้สึกว่าเย็นสงบในใจก็เริ่มมลายหายไป

พลังเขตแดนของเขาหดเล็กลงจนกระทั่งหายไปอย่างสิ้นเชิงขณะที่วาห์นพูดขึ้น

“ฉันชื่อวาห์น เมสัน… เราจะมาคุยกันหน่อยไหม?”

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท