Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 149

ตอนที่ 149

วาห์นมาถึงที่จุดนัดพบและยังเหลือเวลากว่าสองชั่วโมงครึ่งจนกว่าจะถึงเวลาเดต

เขานั่งลงตรงขอบน้ำพุและเพลิดเพลินไปกับอากาศยามเช้าอันแสนเย็นสบายรวมไปถึงแสงแดดอุ่นๆ ที่เพิ่งขึ้นมาพ้นขอบกำแพงเมือง

ดวงอาทิตย์ขึ้นมาประมาณชั่วโมงหนึ่งแล้ว และไอหมอกที่ยังเหลงเหลืออยู่ก็ทำให้บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ

ในขณะที่กำลังรอให้ถึงเวลานัด วาห์นก็นั่งอ่านหนังสือต่างๆ ภายในหัวที่เกี่ยวกับเอลฟ์ ลูกครึ่งเอลฟ์ และรวมไปถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อเผ่ามนุษย์

เขารู้สึกแปลกใจเมื่อพบข้อความที่พูดถึงลักษณะทางพันธุกรรมและลำดับวงศ์ตระกูลต่างๆ

ตามที่หนังสือระบุไว้ เผ่าพันธุ์ต่างๆ ไม่สามารถมีลูกข้ามเผ่าพันธุ์ได้ ยกเว้นก็แต่เผ่ามนุษย์และเผ่าอเมซอนเท่านั้น

ด้วยเหตุผลบางประการ ดูเหมือนว่ามนุษย์จะสามารถที่ลูกได้กับทุกเผ่าพันธุ์ และยังมีบางกรณีที่แม้แต่ทวยเทพหรือภูติวิญญาณก็ต้องมาสร้างลูกหลานกับเผ่ามนุษย์

สิ่งที่ทำให้วาห์นรู้สึกแปลกๆ ก็คือมีโอกาสสูงที่พวกลูกครึ่งมักจะไม่มีลูกเนื่องจากความเบี่ยงเบนทางพันธุกรรมบางชนิด

พวกเขาอาจมีลูกกับเผ่ามนุษย์ได้ แต่อัตราความสำเร็จนั้นถือว่าต่ำมากหรือแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

หลังจากพบข้อมูลนี้ วาห์นก็พอเดาได้ว่าทำไมสึบากิที่มีอายุ 36 ปีแล้วถึงยังไม่ยอมมีครอบครัวขณะที่เธอยังเอาแต่จดจ่อไปกับการฝึกฝนและการตีเหล็ก

เขารู้สึกแย่มาก เพราะเธอเป็นคนใจดีและเอาใจใส่คนเก่ง แต่กลับไม่มีโอกาสที่จะมีลูกเป็นของตัวเอง

สถานการณ์ของเธอทำให้เขาคิดถึงเอน่าที่เป็นลูกครึ่งเอลฟ์ ซึ่งเกิดการการที่เผ่ามนุษย์ไปมีลูกกับเผ่าพันธุ์ที่ขึ้นชื่อว่ามีอัตราการเกิดที่ต่ำที่สุดหากไม่นับภูติวิญญาณและเผ่าเทพ

ตอนนี้เธอมีอายุประมาณ 16 – 17 ปี แล้ว แต่มีโอกาสค่อนข้างสูงที่เธออาจไม่มีลูกอยู่หลายปี (หรือไม่มีเลย) และนั่นก็เป็นกรณีที่เธอพยายามแบบสุดๆ แล้วด้วย

วาห์นรู้สึกหงุดหงิดหลังจากได้รู้ข้อมูลใหม่นี้และเริ่มศึกษามันอย่างจริงจัง

เขาตรวจสอบร้านค้าในระบบก่อนจะซื้อคู่มือและเอกสารเกี่ยวกับการซ่อมแซมข้อบกพร่องทางพันธุกรรม เพิ่มอัตราการมีลูก และอะไรก็ตามที่เขาคิดว่ามันอาจเป็นประโยชน์

พอคิดเรื่องผู้คนที่พยายามจะมีลูกแต่กลับไม่อาจทำได้นั้นเป็นสิ่งที่วาห์นรู้สึกกลัดกลุ้มอย่างบอกไม่ถูก

หลังจากได้เรียนรู้ว่า [เอ็นคิดู] ของเขาอาจทำให้เหล่าเทพธิดาท้องได้ วาห์นก็คิดถึงเรื่องเด็กมากเป็นพิเศษ

ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนเวลานัด เอน่าก็มาถึงจัตุรัสและเห็นวาห์นนั่งอยู่ในสภาพครุ่นคิดหนัก

เธอมีความสุขนิดๆ ที่เห็นเขามาก่อนเวลาเพราะกำลังกังวลเลยว่าอาจเป็นฝ่ายต้องรอนาน

นี่เป็นเดตครั้งแรกในชีวิตของเอน่าและเธอต้องการให้ทุกอย่างไร้ที่ติ

มีหลายเรื่องที่เธออยากจะพูดกับวาห์น แต่สำหรับตอนนี้ เธออยากจะมีประสบการณ์แบบคู่รักทั่วไปสักสองสามชั่วโมงก่อน

ด้วยประสาทการรับรู้ที่เพิ่มขึ้นของวาห์น ถึงจะหลับตาอยู่ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงบุคคลที่เดินเข้ามาใกล้อย่างไม่ยากเย็นนัก

เขาสังเกตเห็นว่าเงาของคนๆ นั้นเป็นสีฟ้าอ่อนที่มีสีเหลืองนิดหน่อย และเมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นเอน่าที่ยิ้มอย่างมีความสุข

วาห์นตระหนักว่ารูปร่างที่เขาเห็นจากประสาทการรับรู้นั้นที่จริงแล้วก็คือออร่าของผู้คนรอบตัวนั่นเอง

เขามีความสุขเมื่อรู้เช่นนั้น พร้อมกับการที่เอน่ามาถึงก่อนเวลาเช่นเดียวกัน

เอน่าสวมกระโปรงสีน้ำเงินเลยเข่าที่มีแถบสีขาวปักด้วยลายดอกไม้อยู่รอบๆ ชายประโปรง

เสื้อของเธอมีสีเขียวอ่อนพร้อมกับมีแถบผ้าเป็นเส้นๆ ออกมาตรงคอปก และเธอยังสวมเสื้อคาร์ดิแกนสีเบจทับอีกชั้นด้วย

เธอเอนตัวมาข้างหน้าเล็กน้อยขณะเอามือไขว้หลังและเอียงศีรษะก่อนจะเริ่มพูดกับวาห์น

“นายมารอฉันนานหรือยัง?”

วาห์นลุกขึ้นจากน้ำพุก่อนจะเดินเข้าไปใกล้และตอบกลับ

“ฉันตื่นเต้นน่ะ ก็เลยมาเร็วไปหน่อย”

พอได้ยินสิ่งที่ออกมาจากปากตัวเอง วาห์นก็ต้องหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

“ฉันว่าเธอเองก็มาเร็วไปหน่อยนะ เอน่า”

วาห์นพูดโดนเน้นเสียงที่ชื่อของเธอมากกว่าปกติ ซึ่งทำให้เอน่ารู้สึกเขินเล็กน้อยและพยายามแก้ตัว

“นะ-นี่เป็นเดตแรกของฉันน่ะ ก็เลยคิดว่าคงไม่สุภาพเท่าไหร่ที่จะให้นายรอนาน แต่นึกไม่ถึงเลยว่านายจะมาถึงก่อนอยู่ดี”

ปฏิกิริยาของเธอนั้นทำให้วาห์นมีความสุขขึ้นอย่างบอกไม่ถูก และการได้เห็นเธอทำตัวแบบนี้มักจะทำให้เขารู้สึกอบอุ่นข้างในอยู่เสมอ

พอเอน่าเห็นสีหน้าของวาห์นแล้วก็ต้องหันหน้าหนีนิดๆ จนวาห์นรู้แล้วว่าทำไมเอน่าถึงดู ‘แปลกไป’

เอน่ามักจะสวมแว่นตาที่ทำให้ตัวเองดูเฉียบคมอยู่ตลอดเวลาขณะทำงานในกิลด์

ตอนนี้เธอไม่ได้สวมเสื้อผ้าพนักงานและยังถอดแว่นตาออกขณะมายืนอยู่หน้าเขาด้วยชุดลำลองทั่วไป

เธอดูเหมือนหญิงสาววัยรุ่นที่ใกล้จะได้เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว

เอน่าพบว่าวาห์นกำลังจ้องมองมาและทำให้เธอรู้สึกทั้งตื่นเต้นและหงุดหงิด

เธอนึกย้อนถึงตอนครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกันและการที่ดวงตาของวาห์นมักจะชอบสอดส่องไปทั่ว แต่มันก็เป็นดวงตาที่ชัดเจนและดูเห็นค่ากับทุกอย่างที่พบเจอ

เธอถามด้วยน้ำเสียงแกล้งโมโหนิดๆ

“แล้วนี่จะจ้องกันอีกนานไหม?”

หากเอน่ารู้ว่าวาห์นมองเห็นออร่าของเธอได้ล่ะก็… เธออาจจะกระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิดเพราะมันทำให้เขาได้เปรียบเธอแบบสุดๆ

“ก็จ้องได้เรื่อยๆ จนกว่าเธอจะสั่งห้ามนั่นแหละ

ตอนนี้เธอดูน่ารักมากๆ เลยนะ แต่ฉันว่าตอนใส่ชุดทำงานก็ยังดูดีไปอีกแบบเหมือนกัน”

คราวนี้คำพูดของวาห์นเรียกเอาสีแดงออกมาจากแก้มเนียนและลามไปถึงใบหูได้สำเร็จ

ขณะที่เอน่าได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆ ราวกับอยากจะกรี๊ดใส่เขา

เอน่ากลั้นหายใจไปหลายวินาทีขณะมองหน้าวาห์นผู้ ‘ไร้เดียงสา’ และมีหน้าตา ‘หล่อเหลา’ ก่อนจะถอนหายใจแบบเคืองๆ และถามต่อ

“แล้วนายคิดไว้หรือยังว่าจะพาฉันไปไหน?

บอกให้รู้ไว้ก่อนเลยนะว่าฉันคาดหวังกับเดตแรกไว้สูงมากเลย

พยายามทำตัวให้เป็นสุภาพบุรุษด้วยล่ะ เข้าใจไหม?”

วาห์นพยักหน้ารับและยิ้มให้กับท่าทางของเธอ

ทุกครั้งที่ได้อยู่กับเอน่า เธอมักจะทำให้เขามีความสุขอยู่เสมอ

ราวกับว่าการกระทำของเธอนั้นกำลังทำให้เขาพึงพอใจ แม้ว่าจะมันไม่เหมือนเวลาที่เขารู้สึกเมื่ออยู่กับเฮเฟสตัส ทีโอน่า หรือไอส์ก็ตาม

แต่มันก็ทำให้วาห์นรู้สึกภูมิใจที่ได้ยืนอยู่กับหญิงสาวจากในมังงะที่เขาเคารพรัก

เขายื่นแขนออกมาในขณะที่เธอจ้องมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนำแขนของตัวเองเข้ามาคล้องด้วย

วาห์นพาเอน่าไปยังสถานที่ต่างๆ ที่เขาเคยเยี่ยมชมในระหว่างที่เตรียมตัวสำหรับเดต และพยายามถามเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับเธอให้มากที่สุด

เขาให้ความสนใจกับออร่าของเธออยู่บ่อยครั้งและพยายามวัดการกระทำของตัวเองว่าจะมีผลแบบไหนกับค่าความชื่นชอบ

แม้มันจะเป็นเดตแรกของเอน่า แต่มันก็เป็นครั้งแรกที่วาห์นวางแผนจัดการทุกอย่างเช่นกันซึ่งทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมกว่าปกติ

เอน่าดูเหมือนจะสนุกกับเวลาที่ใช้ไปมาก และเมื่อถึงช่วงอาหารกลางวัน เธอก็กอดแขนของวาห์นในลักษณะที่ให้ความรู้สึกใกล้ชิดกว่าเดิม

แม้หน้าอกของเอน่าจะดูไม่เล็กไม่ใหญ่เมื่ออยู่ในชุดลำลอง แต่ที่จริงแล้วพวกมันค่อนข้างใหญ่เอาการและมีขนาดประมาณ 86 ซม.

ตอนนี้วาห์นรู้สึกได้ว่าหน้าอกด้านขวาของเธอกำลังกดทับแขนซ้ายของตัวเองขณะพาเธอเดินไปรอบๆ ตลาดและแผงขายของ

ในที่สุด ทั้งคู่ก็เดตมากว่าสี่ชั่วโมงแล้ว ก่อนที่วาห์นจะพาเอน่าไปที่สวนสาธารณะเพื่อพักผ่อนและเพลิดเพลินกับอาหารปิกนิกที่เขาเตรียมไว้

ดูเหมือนเธอจะรู้สึกพอใจกับความพยายามกับความใส่ใจของเขา และยังเอ่ยปากชมว่าเวทคลังเก็บของของเขานั้นช่างมีประโยชน์จริงๆ

แม้ว่าเดตครั้งนี้จะยังไม่จบลง แต่เธอก็ชวนให้เขามาชอปปิ้งด้วยกันกับเธออีกครั้งไปเรียบร้อยแล้ว

วาห์นวางจานทั้งหมดไว้บนผ้าผืนใหญ่ที่เขานำมากางไว้บนหญ้า และเอน่าสัมผัสได้ว่าจานอาหารส่วนใหญ่นั้นยังอุ่นๆ อยู่เลย

ดวงตาสีเขียวมรกตหรี่ลงเล็กน้อยขณะที่เธอถามขึ้น

“อาหารทั้งหมดนี่… นายซื้อมานานแค่ไหนแล้วเหรอ?”

วาห์นสังเกตเห็นว่าน้ำเสียงของเธอนั้นแปลกไปเล็กน้อย แถมออร่าก็ยังสั่นไหวไปครู่หนึ่งด้วย

แม้ขณะนั้นจะไม่ได้มองมาทางเธอ แต่เขาก็รู้สึกได้ว่ามันกำลังสั่นไหวอยู่

ทันใดนั้นเอง เขาก็เพิ่งจะนึกอะไรออกและเป็นบางอย่างที่ละเลยมาพักหนึ่งแล้ว

เนื่องจากเอน่ารู้เรื่อง ‘เวทคลังเก็บของ’ ของอยู่แล้ว วาห์นจึงใช้มันต่อหน้าเธอแบบไม่ปกปิด

เพราะช่วงนี้มีกจะทานข้าวกับอนูบิสและพวกเด็กๆ เขาจึงลืมสิ่งที่สำคัญมากของ ‘เวทคลังเก็บของ’ ไปซะสนิทเลย

กระแสเวลาภายในในมิติที่ถูกสร้างขึ้นจากเวทคลังเก็บของทั่วไปนั้นจะมีค่าเท่ากับด้านนอก ซึ่งต่างไปจากช่องเก็บของของวาห์นที่เวลาจะหยุดนิ่ง…

วาห์นหันหัวมาพบกับใบหน้า ‘จงบอกมาซะดีๆ’ ของลูกครึ่งเอลฟ์แสนสวย

เขาจ้องมองของเจ้าของออร่าวูบวาบ ที่กำลังดูว่าวาห์นจะบอกความจริงหรือเลือกที่จะโกหกเธอแทน

วาห์นถอนหายใจขณะนั่งลงข้างๆ และสบตาด้วยก่อนจะเริ่มอธิบาย

“เธอเดาไว้ไม่ผิดหรอก เวทคลังเก็บของของฉันไม่ได้เป็นแบบทั่วไป

แต่ฉันบอกไม่ได้หรอกนะว่ามันมาจากไหน เพราะฉันมีมันตั้งแต่ตอนมาอยู่ที่ป่าทางทิศตะวันตกแล้ว”

ทุกอย่างที่วาห์นพูดนั้นเป็นความจริง เอน่าจึงพยักหน้าอย่างพอใจก่อนจะก้มศีรษะไปด้านหน้าและไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง

หลังจากคิดคำได้แล้ว เอน่าก็ถามต่ออีก

“นายไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาใช่ไหม วาห์น?

ถึงนายจะเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่เพิ่มเลเวลจาก 1 ไปเป็น 3 ได้ในระยะเวลาแค่สองเดือนซึ่งดูแทบเป็นไปไม่ได้เลยก็เถอะ

พอถึงเดนาตัสครั้งหน้า นายก็จะได้เป็นหนึ่งในผู้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองแน่นอน”

หลังจากพูดจบแล้ว เอน่าก็ไม่รอคำตอบจากวาห์นขณะมองเข้าไปในดวงตาสีน้ำทะเลด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนและถามต่อ

“…ช่วยเล่าเรื่องของนายให้ฟังหน่อยจะได้ไหม?

ฉันอยากรู้ว่านายมาจากไหน ทำไมถึงมาที่นี่ แล้วก็ในอนาคตอยากจะไปที่ไหนต่อ”

เอน่าไม่ได้ว่าอะไรหากวาห์นจะมีความลับ แต่ถ้าเขาอยากจะจีบเธอจริงๆ เธอก็อยากรู้ทุกอย่างให้มากที่สุดเพื่อที่จะเอามาใช้ในการตัดสินใจของตัวเอง

แม้จะมีความสุขกับเดตในวันนี้มาก แต่เอน่าก็เคยได้ยินข่าวลือน่ากังวลมากมายเกี่ยวกับวาห์นเมื่อไม่นานมานี้ และอยากรู้ว่าเธอจะทำให้เรื่องกระจ่างขึ้นมาได้ไหม

วาห์นคิดอยู่นานสองนานเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นจนมาถึงตอนนี้

แม้ค่าความชื่นชอบของเอน่าในตอนเช้าจะอยู่ที่ 62 แต้ม แต่มันก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนมาถึง 85 แต้มพร้อมกับค่าความสนใจที่ 91 แต้ม

เพราะจำได้ว่าเธอทำตัวอย่างไรในมังงะ และเห็นว่าเธอไม่ได้มีเจตนาร้าย วาห์นจึงตัดสินใจอธิบายเรื่องของตัวเองในลักษณะเดียวกับที่เขาเคยเล่าให้เฮเฟสตัสและสึบากิฟัง

เอน่าฟังวาห์นเล่า ‘อดีต’ ของตนเองด้วยความสนใจและกังวลหน่อยๆ

เมื่อได้ยินอดีตอันน่าเศร้าของเขา เอน่าก็นึกย้อนถึงเด็กหนุ่มตัวเล็กๆ ที่เธอพบเมื่อสองเดือนก่อนขณะปรากฏตัวขึ้นเพื่อรายงานการเลเวลอัพและแลกเปลี่ยนคริสตัลจำนวนมหาศาล

(TL: แอดทวนความจำให้ ฉบับที่วาห์นเล่าจะตัดเรื่องที่มาจากต่างโลกออก หลักๆ ก็จะมีถูกทดลองมาตั้งแต่เกิด > ถูกช่วย/หนีออกมาได้ > เจอกับ ‘ผู้หญิง’ ที่ชื่อคริสช่าที่พวาห์นมาส่งที่ป่าทางทิศตะวันตก > อยู่ในป่าหลายเดือน > เข้ามาที่เมือง ***วาห์นพูดเรื่องเกี่ยวกับ ‘เดอะพาธ’ ตรงๆ ไม่ได้ครับ)

ในตอนนั้นเขาตัวเล็กกว่านี้มากและเอน่าก็รู้สึกราวกับว่าเขาเป็นเด็กน้อยน่ารักที่แอบชอบเธอหน่อยๆ

ตอนนี้วาห์นสูงขึ้นจนเกือบเท่ากับเธอแล้ว และพวกเขาก็จ้องตากันได้แบบตรงๆ ในระหว่างที่คุยกันโดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องก้มหรือเงยหน้า

เขาเปลี่ยนไปมากในช่วงเวลาสั้นๆ และยังได้ขึ้นมาเป็นนักผจญภัยเลเวล 3 หลังจากเอาชนะโกไลแอธได้ด้วยตัวคนเดียว

เธอตระหนักว่าเขาต้องใช้พยายามอย่างบ้าคลั่งซึ่งถ้าเป็นคนธรรมดาล่ะก็คงจะแหลกเหลวไปนานแล้ว

พอคิดถึงตรงนั้น เธอก็ตระหนักรอบสองว่าจิตใจของวาห์นอาจจะผิดปกติไปบ้างแล้วก็ได้

เมื่อพิจารณาถึงอดีตของเขาและวิธีที่เขาปฏิบัติกับคนอื่น เธอก็พอจะอธิบายการกระทำต่างๆ ของเขาได้หลายอย่างหากมองว่าวาห์นเป็นคนที่ ‘ผิดปกติ’

วาห์นสังเกตเห็นว่าจู่ๆ ค่าความชื่นชอบของเอน่าก็เพิ่มขึ้นเป็น 91 แต้มทันทีที่เขาเล่าจบ

เพราะคิดว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว วาห์นเลยโอกาสนี้อธิบายความสัมพันธ์ของเขากับเฮเฟสตัส ทีโอน่า ไอส์ นานู และรวมไปถึงคนอื่นๆ ที่เข้ามาในชีวิตอย่างนาซ่ากับลิลลี่ที่เขาได้ช่วยออกมาจากดันเจี้ยน

ถึงคาดไว้แล้วว่าคงทำให้อีกฝ่ายอารมณ์เสียมาก แต่เอน่าก็แค่มองเขาแบบแปลกๆ ไปครู่หนึ่งก่อนจะเผยสีหน้าโล่งอก

หลังจากเรื่องราวของเขาจบลง เอน่าก็ถามต่อ

“แล้วพวกสาวๆ ที่นายพูดถึงน่ะ… นายรักพวกเธอจริงๆ หรือเปล่า?”

วาห์นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับคำถามนี้และเขาก็พิจารณาอย่างจริงจังก่อนจะให้คำตอบ

“ฉันยังสับสนในเรื่องความรักอยู่บ้าง ฉันว่าฉันรักเฮเฟสตัส และอยากจะทำให้ดีที่สุดเพื่อตอบสนองต่อความคาดหวังของเธอ

ถึงเธอจะดูนิ่งๆ ขรึมๆ แต่ที่จริงแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารมากเลยนะ

ฉันยังสัญญาว่าจะมีลูกกับทีโอน่าและจะช่วยไอส์ล้างแค้นให้กับครอบครัวด้วย

ฉันรู้สึกลึกซึ้งกับผู้หญิงทุกคนที่ใส่ใจฉันเช่นกัน และจะพยายามให้ดีที่สุดเพื่อพวกเธอทุกคน”

เอน่าขมวดคิ้วไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพึมพำเสียงต่ำ

“ผิดปกติไปจริงๆ ด้วยสิ…”

เธอจ้องมองวาห์นด้วยแววตาที่แทบจะเรียกได้ว่า ‘สงสาร’ และเริ่มจินตนาการถึงภาพของเด็กหนุ่มที่ปฏิเสธใครไม่เป็นและดูเหมือนจะไม่เคยติด ‘เบรค’ ให้กับชีวิตของตัวเองมาก่อนเลย

เขาทรมานอย่างมากในอดีต และตอนนี้ก็กำลังไขว่คว้าหาความรักจากคนอื่นและผลักดันตัวเองจนเกินขีดจำกัดของคนปกติไปแล้ว

เหตุผลเดียวที่เขาทำแบบนั้นได้ ก็เพราะว่าเขาผิดปกติมาตั้งแต่ต้นเลยนั่นเอง…

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท