Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 148

ตอนที่ 148

หลังจากช่วยอนูบิสเสร็จเรียบร้อย วาห์นก็ลูบหูของเทพธิดานิดหน่อยก่อนจะเดินออกจากห้องไป

ตั้งแต่ที่เขาลุกออกไปนั้น อนูบิสไม่ได้มีการตอบสนองอะไรกลับมาเลยและได้แต่นอนหลับปุ๋ยราวกับไม่ได้นอนมาหลายวัน

พอออกมาแล้ว วาห์นก็เดินมาที่ห้องครัวเพื่อทำอาหารเช้าสำหรับตัวเอง

เขาเดินผ่านห้องอาหารและพบกับราซุยกับนัวร์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่กับโต๊ะ

เมื่อเห็นวาห์นเดินเข้ามา เด็กหนุ่มทั้งสองก็เด้งตัวขึ้นและทักทายเขาด้วยเสียงอันดัง

“อรุณสวัสดิ์ครับ นายท่าน!”

วาห์นพยักหน้ารับและปล่อยให้ทั้งคู่กลับไปอ่านหนังสือต่อ

เขาพบว่าเด็กทั้งสองกำลังอ่านเรื่องที่เกี่ยวข้องกับดันเจี้ยนและดูเหมือนคงจะอยากเป็นนักผจญภัยแบบเต็มตัวในอนาคตแน่นอน

ทั้งคู่ขึ้นเป็นเลเวล 2 กันแล้ว และด้วยคำแนะนำเล็กน้อย พวกเขาจะมีความสามารถและความรู้มากขึ้นเรื่อยๆ

แค่การที่พวกเขาใช้เวลาว่างเพื่อศึกษาเพิ่มเติมนั้นก็ทำให้วาห์นรู้สึกมีความสุขมาก

วาห์นเข้าไปในห้องครัวและเริ่มทำอาหารเช้าเบาๆ โดยใช้แค่ข้าวกับไข่

ตอนที่ไปอาศัยอยู่กับสึบากินั้น ทั้งวาห์น ลิลลี่ และนาซ่าก็ได้เรียนรู้วิธีทำอาหารจากเธอมาบ้าง

แม้ว่าสองสาวจะพยายามจัดการทุกอย่างเอง แต่ที่จริงแล้ววาห์นค่อนข้างชอบที่จะทำอาหารเช่นกัน และยังคงฝึกมันต่อเรื่อยๆ ตามโอกาส

ถึงจะไม่ได้เรียนรู้ทักษะทำอาหารใหม่ๆ แต่เขาก็ได้สูตรอาหารจากหนังสือและคู่มือที่ซื้อผ่านระบบมาบ้าง

ขณะที่วาห์นกำลังหุงข้าว ร่างๆ หนึ่งก็เข้ามาในห้องครัวและเดินเข้ามาใกล้จากด้านหลัง

วาห์นรู้ทันทีว่าเป็นนานูเพราะเขาสัมผัสถึงเธอได้ก่อนที่เธอจะเข้ามาในนี้เสียอีก

วาห์นทักทายด้วยน้ำเสียงร่าเริงซึ่งทำให้เด็กสาวกระตุกไปเล็กน้อย

“อรุณสวัสดิ์ นานู ฉันทำเผื่อทุกคนด้วยนะ แต่อาจจะต้องรอหน่อย”

นานูพยักหน้าและรออย่างอดทนอยู่อีกด้านแทนที่จะเดินกลับไปยังห้องอาหาร

หลังจากนั้นไม่นาน พอเห็นวาห์นเริ่มใส่อาหารลงบนจาน เธอก็ถามขึ้นมาเบาๆ

“นายท่านคะ ทำไมวันนี้ถึงแต่งตัวดีจังเลย?”

วาห์นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับคำถามขณะสำรวจตัวเองก่อนที่จะหัวเราะและตอบเธอไป

“อ๋อ ฉันยังไม่ได้บอกสินะ พอดีวันนี้ฉันมีนัดเดตกับหญิงสาวที่ชื่อ เอน่า ทูเล่น่ะ

มันอาจจะฟังดูแปลกๆ แต่ฉันตกลงที่จะไปเดตกับเธอก่อนที่เราจะมาเป็นคู่ครองกันอีกนะ ไม่ต้องคิดมากหรอก”

วาห์นพบว่าเธอดูจะไม่ประหลาดใจกับคำพูดของเขาเท่าไหร่ ขณะเอาแต่พยักหน้าอย่างเข้าใจ

เธอรู้อยู่แล้วว่าวาห์นนั้นมีผู้หญิงหลายคน และตราบใดที่เขายังมีที่ให้เธอบ้าง นานูก็จะไม่ว่าอะไรแม้แต่คำเดียว

หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย นานูก็ถามด้วยน้ำเสียงกังวล

“นายท่านไปมีอะไรกับท่านอนูบิสมาเหรอคะ?”

หลังจากที่ได้ยินเสียงราซุยและนัวร์กล่าวทักทายวาห์น นานูก็รีบมาที่ห้องอาหารทันที

แต่เมื่อเข้ามาในห้อง เธอก็พบว่ามันมีกลิ่นแปลกๆ ที่ผสมปนเปอยู่กับกลิ่นนายท่านของเธอ

มันเป็นกลิ่นเข้มข้นของหญิงสาวและคงจะเป็นของใครไปไม่ได้เลยนอกจากอนูบิสที่อยู่ในสภาพ ‘เครื่องติด’

การได้กลิ่นอันรุนแรงนี่ออกมาจากตัวของวาห์นทำให้นานูรู้สึกเหมือนได้พ่ายแพ้ให้กับอนูบิสไปแล้ว

วาห์นเพิ่งตระหนักว่าทำไมเธอถึงถามออกมาแบบนั้น เป็นเพราะว่าเชียนโธรปมีจมูกและหูที่ดีมากๆ นั่นเอง

เขาส่งจานอาหารใบหนึ่งให้เธอก่อนจะอธิบาย

“มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรเกินเลยหรอกนะ นอกจากนวดแล้วก็ทำให้เธอผ่อนคลายลงเท่านั้นเอง

ตอนนี้เธอกำลังหลับอยู่ในห้องนอน แต่อีกเดี๋ยวก็คงจะตื่น”

หลังจากพูดจบ นานูก็ดูเหมือนจะโล่งใจขึ้นและวาห์นอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับความน่ารักของเธอ

ทั้งสองนั่งทานอาหารด้วยกันขณะที่วาห์นพูดคุยกับสองหนุ่มที่กำลังอ่านหนังสืออยู่

เขารู้แล้วว่า ‘อาชีพ’ ที่ทั้งสองเลือกนั้นก็คือนักผจญภัยตามที่เดาไว้ไม่ผิด

ผู้ชายจากชนเผ่าทางใต้นั้น ส่วนใหญ่มักจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องความแข็งแกร่ง เพราะมันเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับการหาคู่ครอง

วาห์นพยายามปรับความคิดของทั้งคู่เล็กน้อยและอธิบายความสัมพันธ์แบบทั่วไปของคนในเมืองตามที่เขาพอเข้าใจ

แม้ว่าความแข็งแกร่งอาจจะมีประโยชน์ แต่มันก็ไม่อาจเทียบได้กับความสุภาพอ่อนน้อมและความพยายามที่จะทำให้อีกฝ่ายพึงพอใจ

ทุกคนตั้งใจฟังขณะที่วาห์นอธิบายเกี่ยวกับประสบการณ์ของตัวเอง

นั่นรวมไปถึงนานูด้วย ซึ่งหูของเธอจะกระตุกทุกครั้งที่วาห์นพูดเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ผ่านๆ มากับผู้หญิงคนอื่น

ขณะที่กำลังอธิบาย วาห์นก็นึกขึ้นได้ว่าสถานการณ์ของตัวเองนั้นไม่ค่อยจะเหมือนกับคนส่วนใหญ่เท่าไหร่

ดังนั้นเขาจึงพยายามพูดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโคลอี้หรือไม่ก็นาซ่าแทน

เขาบอกพวกเด็กๆ เกี่ยวกับเรื่องที่จะไปเดต และสองหนุ่มดูเหมือนจะกระตือรือร้นขึ้นขณะฟังวาห์นพูดเรื่องผู้หญิงทุกคนที่เขารู้จัก

จากมุมมองของพวกเด็กๆ ยิ่ง ‘จ่าฝูง’ แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ คู่ครองก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย

เด็กหนุ่มทั้งสองรู้สึกประทับใจมาก ที่เห็นว่าวาห์นมีคนรักมากมาย

ขณะที่เหล่าเด็กหนุ่มกำลังตื่นเต้นแบบสุดๆ วาห์นก็สัมผัสได้ว่านานูขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นขณะลูบปลอกคอของเธออย่างมีความสุข

ดูเหมือนเธอจะไม่ได้สนใจเรื่องผู้หญิงคนอื่นเลย และวาห์นก็รู้สึกประทับใจกับความใจกว้างของเธอมาก

เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว วาห์นก็ลูบหัวของเธอซึ่งน่าแปลกที่มันเป็นการกระตุ้นให้เด็กหนุ่มทั้งสองรีบถือจานออกไปก่อนจะทิ้งให้วาห์นกับนานูอยู่กันตามลำพัง

หลังจากพวกเขาไปแล้ว นานูก็เริ่มเอาหัวมาถูไถกับฝ่ามือของวาห์นและเอนร่างเข้ามาหาเล็กน้อย

แม้ว่ามันจะไม่ต่างจากครั้งอื่นๆ ที่เธอเคยทำแบบนี้ แต่นานูดูเหมือนว่าจะตั้งใจกับการเอาผมของเธอมาถูกับมือทั้งสองข้างของเขามากเป็นพิเศษ

และถึงกับพยายามขยับมานั่งบนตักหลังจากสูดกลิ่นกายของเขาเล็กน้อย

วาห์นหยุดการกระทำของเธอและถามขึ้น

“ทำไมจู่ๆ ถึงเป็นแบบนี้ล่ะ มีอะไรหรือเปล่า?

ฉันแค่อยากลูบหัวเธอนิดหน่อยเพราะเห็นเธอทำตัวน่ารักมากเลย”

หูของนานูกระตุกเมื่อเขาพูดคำว่า ‘น่ารัก’ แต่เธอยังคงพยายามสงบนิ่งเข้าไว้ก่อนจะเริ่มอธิบาย

“ฉันกำลังพยายามกลบกลิ่นของท่านอนูบิสด้วยกลิ่นของฉันเองค่ะ

ทั้งราซุยกับนัวร์เองก็ได้กลิ่นนั้นตั้งแต่ที่นายท่านเดินเข้ามาแล้ว

แถมตอนที่นายท่านเริ่มพูดเรื่องผู้หญิง กลิ่นตัวของท่านก็เริ่มแรงขึ้นและทำให้กลิ่นของท่านอนูบิดูโดดเด่นขึ้นตามไปด้วย”

วาห์นประหลาดใจกับคำพูดของนานูและใช้ร่างพยัคฆ์ขาวทันที

พอเปลี่ยนร่างเสร็จ วาห์นก็พบกับกลิ่นมากมายที่อยู่ในอากาศ รวมถึงกลิ่นหวานปนขมที่มาจากนานูเองด้วย

พอดมที่ฝ่ามือตัวเอง เขาก็ได้กลิ่นหอมประหลาดที่กำลังเข้ามาทับกับอีกกลิ่นหนึ่งซึ่งทำให้เขารู้สึกว้าวุ่นหน่อยๆ

นานูเฝ้ามองการกระทำของเขาอย่างสนใจและรู้ว่าเขายังไม่คุ้นชินกับการแยกกลิ่นต่างๆ ดังนั้นเธอจึงพยายามอธิบายอีกเล็กน้อย

วาห์นฟังเธออย่างตั้งใจเพราะเขาเองก็สนใจเรื่องนี้มาก

นานูบอกเรื่องวิธีการจับกลิ่นและแม้แต่วิธีการจดจำพวกมันโดยเก็บกลิ่นบางส่วนเอาไว้ตรงส่วนบนของจมูก

เธอยังบอกเขาเกี่ยวกับวิธีการกลบกลิ่นและสาธิตให้ดูโดยนำเส้นผมของเธอเองไปถูกับมือของเขาขณะพยายามขับไล่กลิ่นอื่นๆ ออกไป

หลังจบการสาธิตแล้ว วาห์นก็ดมมือของตัวเองและคิดว่ามันมีกลิ่นเหมือนกับแชมพูผสมกับกลิ่นดินเล็กน้อย

มันต่างจากกลิ่นที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว และยังช่วยทำให้จิตใจสงบขึ้นซึ่งวาห์นคิดว่ามันเป็นอะไรที่พิเศษมาก

“ขอบใจนะนานู การสอนของเธอมีประโยชน์มากเลย

แถมกลิ่นของเธอยังทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายด้วย มันเหมือนกับกลิ่นธรรมชาติบวกกับกลิ่นส้มนิดๆ นะ”

นานูพยักหน้าด้วยความยินดีขณะอธิบายต่อ

“อื้อ ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ นายท่าน

หูของเชียนโธรปจะปล่อยฟีโรโมนซึ่งช่วยทำให้จิตใจสงบและช่วยกลบกลิ่นต่างๆ

เรายังมีฟีโรโมนที่ปล่อยออกมาจากหางซึ่งทำหน้าที่ตรงกันข้าม

แล้วก็ยังมีการปล่อยกลิ่นอีกแบบตอนที่ผู้หญิงรู้สึกตื่นเต้นด้วยค่ะ”

เพื่อสาธิตให้เห็นภาพ นานูจึงหันหลังเล็กน้อยและชูหางของเธอขึ้นมาให้วาห์นดม

วาห์นโน้มตัวไปข้างหน้าและพบว่ามันไม่เหมือนกับกลิ่นก่อนหน้านี้เลย

กลิ่นของหางเธอนั้นเหมือนกับ ‘ความอบอุ่น’ และมันก็ทำให้เขามึนงงไปบ้าง

มันเป็นกลิ่นแปลกๆ ที่เขาไม่สามารถอธิบายได้นอกจากจะบอกออกมาเป็น ‘ความรู้สึก’ หลังจากที่ดมเข้าไป

นานูพยายามทำให้เขาเข้าใจมากกว่าเดิมโดยยืนขึ้นขณะที่วาห์นยังคงนั่งอยู่กับที่

วาห์นเฝ้ามองอย่างสนใจขณะที่เธอเข้ามาใกล้มากขึ้นจนกระทั่งกลิ่นอันรุนแรงพุ่งเข้ามาชนเข้ากับจมูกของเขา

เขาทนไม่ได้จนต้องชักหัวกลับขณะจ้องมองนานูด้วยสีหน้าตกใจ

กลิ่นหวานปนขมที่เขาพอจำได้นั้น จู่ๆ มันก็แรงขึ้นอีกหลายเท่าตัวและวาห์นก็ตระหนักว่ามันกำลังออกมาจากร่างกายส่วนล่างของนานูนั่นเอง

เมื่อเธอยืนขึ้นและหันไปทางวาห์นเล็กน้อย กลิ่นนั้นก็เข้ามาทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงจนรู้สึกได้ถึงชีพจรที่กำลังสูบฉีดอย่างชัดเจน

นานูดูเหมือนจะพอใจกับปฏิกิริยาของเขาขณะที่เธออธิบายปิดท้าย

“แม้ว่ากลิ่นของผู้หญิงแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน แต่นี่ก็คือกลิ่นเวลาที่ฉันรู้สึกตื่นเต้นค่ะ

โปรดจำมันไว้ให้ดีนะคะ นายท่าน”

หลังจากพูดจบ นานูก็โค้งให้เขาอย่างสุภาพก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทางตื่นเต้น

วาห์นยังได้กลิ่นหวานปนขมที่ล่องลอยอยู่ในอากาศได้อีกนิดหน่อย และเขารู้สึกว่าสามารถตามหาเธอเจอได้แน่นอนแม้ว่ากลิ่นจะจางไปมากกว่านี้ก็ตาม

ไม่นานหลังจากที่นานูออกไปแล้ว ราซุยและนัวร์ก็กลับมาที่ห้องอาหารก่อนจะดมกลิ่นในอากาศเล็กน้อยและมองไปทางประตูที่นานูเพิ่งเดินออกไป

วาห์นพบว่าสองหนุ่มดูเหมือนจะรู้สึกตื่นเต้นกับกลิ่นนั้นเช่นกัน

แต่หลังจากที่พวกเขาพบสายตากับวาห์น หูที่กำลังตั้งของทั้งคู่ก็หุบลงทันทีก่อนที่ทั้งสองจะออกจากห้องโดยใช้ประตูฝั่งตรงข้ามกับนานู

วาห์นพบว่าทั้งสองมีกลิ่นเป็นของตัวเองเช่นกัน แต่มันแปลกอยู่บ้างเนื่องจากกลิ่นยังบ่งบอกอีกว่าพวกเขา ‘กำลังกลัว’ อยู่เล็กน้อย

ก่อนจะออกจากบ้าน วาห์นก็ไปยังห้องอาบน้ำและชำระล้างร่างกายก่อนจะเริ่มดมกลิ่นตัวเองอีกครั้ง

เขาใช้ความพยายามนิดหน่อยเพื่อขจัดกลิ่นทั้งหมดออกไปจนเหลือแค่กลิ่นของตัวเอง

แม้จะรู้ว่าเธอคงไม่ได้กลิ่นแต่วาห์นก็กังวลอยู่บ้าง หากต้องไปพบเอน่าโดยที่มีกลิ่นของผู้หญิงคนอื่นติดไปด้วย

หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปที่ประตูและออกเดินไปยังจุดนัดพบ

เขายังเหลือเวลาอีกเกือบสามชั่วโมง แต่เมื่อนึกถึงโคลอี้ที่มารอก่อนจะถึงเวลานัด วาห์นก็ตัดสินใจว่าไปก่อนเวลาบ้างคงไม่เสียหายอะไร

ในขณะที่เขากำลังเดินอยู่ วาห์นก็คิดว่ามันยากขนาดไหนถ้าต้องมาใช้ชีวิตในฐานะเชียนโธรปหรือมนุษย์แมวที่มีสัมผัสไวมาก

เขาเคยคิดว่ามันคงเป็นเรื่องง่ายเพราะเดี๋ยวก็คงชินไปเอง แต่พอนึกถึงปฏิกิริยาของราซุยและนัวร์แล้ว เขาก็เริ่มไม่มั่นใจเท่าไหร่

ถ้ากลิ่นจะส่งผลกันได้ง่ายขนาดนี้ วาห์นจึงสงสัยว่าทั้งสองเผ่าพันธุ์จะไปไหนมาไหนได้ยังไงโดยที่ไม่ถูกทำให้รู้สึกตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา

พอคิดแบบนั้น วาห์นก็เริ่มนึกถึงเหล่ามนุษย์แมวและเชียนโธรปทุกคนที่เขาเคยเจอ

เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต ทุกคนดูเหมือนจะตื่นเต้นได้ง่ายกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ ไปบ้าง

เผ่ามนุษย์แมวมักจะมีนิสัยขี้เล่นและอยากรู้อยากเห็น ขณะที่เชียนโธรปดูเหมือนจะมีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ได้ง่ายกว่าเผ่าพันธุ์อื่น

เมื่อคิดถึงความหลากหลายของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ทันใดนั้นวาห์นก็นึกถึงลิลลี่ที่สามารถแปลงเป็นเผ่าพันธุ์ไหนก็ได้

และแล้วมันก็ทำให้เขาเข้าใจว่าทำไมเธอถึงมักจะอยู่ในสภาวะจิตใจปั่นป่วนอยู่ตลอด

เธอมีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนกับเชียนโธรป มีความอยากรู้อยากเห็นและหึงหวงที่เป็นนิสัยของมนุษย์แมว มีนิสัยจริงจังและเก็บงำอารมณ์เหมือนกับพลูม…

มันเหมือนกับว่าเธอได้รวมเอาทั้งด้านดีและไม่ดีของทุกเผ่าพันธุ์มาไว้ในตัวเอง

วาห์นหวังว่าเมื่อกลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว ลิลลี่จะสามารถจัดการกับเรื่องพวกนี้ได้ดีขึ้น

เขาถึงกับคิดว่าจะขอให้เธอฝึกฝนแบบเป็นเรื่องเป็นราวและพัฒนาสกิล [ซินเดอเรลล่า] เพื่อที่จะได้ควบคุมผลเสียมันให้ดีกว่าเดิม

ดูเหมือนว่านั่นอาจเป็นความคิดที่ดี เนื่องจากเธอมักจะรับฟังเขามากที่สุด

แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่แล่นเข้ามาจนวาห์นรู้สึกประหลาดใจ

เนื่องจากพวกเธออยู่ใกล้เขามาก แต่ลิลลี่และนาซ่ากลับไม่เคยแวะมาหาเขาเลย

ณ ตอนนั้นเขายังไม่รู้เลยว่าทั้งสองพยายามแล้ว แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มาเยี่ยม อนูบิสก็จะออกมาแจ้งให้พวกเธอทราบว่าตอนนี้วาห์นกำลังทำงานอยู่ในโรงหลอม

ซึ่งทำให้ทั้งสองต้องกลับออกไปโดยมีสีหน้าที่มุ่งมั่นกว่าเดิม

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท