Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 171

ตอนที่ 171

วาห์นตื่นขึ้นมาสองสามนาทีก่อนจะถึงเวลาเข้าสู่ลูกแล้วได้อีกครั้ง

พอหันมาทางขวา เด็กหนุ่มก็จะเห็นร่างเล็กๆ ของทีน่าที่กำลังกอดเขาอยู่และทำให้สัญชาตญาณต้องการปกป้องของวาห์นดังออกมาไม่หยุด

วาห์นรู้สึกเห็นอกเห็นใจเรื่องพ่อของทีน่ามาก และเขายังรู้สึกทุกข์เมื่อนึกถึงแม่ของเธอด้วย

พวกเธอต่างปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี และวาห์นหวังว่าจะช่วยให้ทั้งสองได้พบกับความสุขอีกครั้งในอนาคต

แม้ไม่อาจแทนที่พ่อของเธอได้ แต่วาห์นก็อยากช่วยดูแลเด็กสาวตัวน้อยซึ่งรับหน้าที่มาดูแลเขาเช่นกัน

วาห์นค่อยๆ เสยผมของทีน่าขึ้นและจูบลงไปที่หน้าผากของเธออย่างเอ็นดู ก่อนจะดึงลูกแก้วออกมาและเริ่มคิดวิธีหาวิธีช่วยเหลือเอวา

เขาเตรียมแผนช่วยเหลือเอวาร่างต้นเอาไว้แล้ว แต่ก็ยังอยากหาทางช่วยชิ้นส่วนความทรงจำเช่นกัน

ทว่าแต่ละอย่างที่คิดออกมาได้นั้นออกจะดูเห็นแก่ตัว และแม้ว่าวาห์นจะสามารถรักษาความทรงจำของเธอไว้ได้ แต่เรื่องที่จะนำมันไปเชื่อมกับร่างต้นก็ยังดูคลุมเครือเกินไปอยู่ดี

เมื่อถึงเวลาแล้ว วาห์นก็เริ่มเพ่งจิตเข้าไปในลูกแก้วและลืมตาขึ้นมาในมิติขาวดำ

วาห์นรู้สึกถึงเอวาทันทีที่เขามาถึง และก่อนจะได้พูดอะไร เธอก็ขึ้นมา ‘ประจำตำแหน่ง’ บนท้องเรียบร้อยแล้ว

เธอสวมนอนชุดสีดำหลวมๆ คล้ายกับครั้งก่อนขณะมองลงมาที่ใบหน้าของเขาด้วยสีหน้าพึงพอใจ

เอวาหรี่ตามองวาห์นเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

“ดูเหมือนว่ารอบนี้จะไม่ปล่อยให้ฉันรอนานเกินไปนะ

ก็แค่สองสามวันเอง…”

ก่อนที่วาห์นจะได้พูดอะไร เอวาก็พูดต่อไปอีก

“ยังไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ขอฉันอยู่แบบนี้ไปก่อน…”

พอพูดจบ เธอก็แนบกายไปกับร่างของวาห์นและอยู่แบบนั้นไปอีกหลายนาที

หลังผ่านไปอีกครู่หนึ่ง เอวาดูเหมือนจะเริ่มกระสับกระส่ายเล็กน้อยขณะเคลื่อนใบหน้าไปที่ลำคอของวาห์นและเริ่ม ‘กระบวนการ’ อย่างที่ทำเป็นประจำ

แม้วาห์นจะไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เอวามักจะดูดเลือดจากด้านซ้ายของเขาอยู่เสมอ

บางทีอาจเป็นเพราะมันอยู่ใกล้กับหัวใจมากที่สุดล่ะมั้ง?

พอจำได้ว่าเธอ ‘อยากเพลิดเพลินไปกับความอบอุ่นของเขา’ วาห์นก็เริ่มใช้ [หัวใจของเพลิงนิรันดร์] เพื่อทำให้ร่างกายของตนร้อนขึ้นกว่าปกติ

เขาสัมผัสได้ว่าอุณหภูมิร่างกายของเอวาเองก็กำลังเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ และเธอเริ่มมีเหงื่อออกมาให้เห็นบ้างแล้ว

แม้ยังอยากจะแกล้งเธอและปล่อยมือตัวเองออกไปทำนู่นทำนี่ แต่เขาก็ตัดสินใจว่ารอบนี้จะกอดเธอเฉยๆ และปล่อยให้เธอดูดเลือด (และจูบ) ตามใจชอบ

วาห์นพบว่าเธอเริ่มมาทำเครื่องหมายที่คออีกครั้ง และมันทำให้เขารู้สึกเจ็บหน่อยๆ

เขาเคยเห็นแล้วว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน เพราะรอยช้ำหลายแห่งที่หัวไหล่และลำคอนั้นเป็นภาพที่ยากจะลืมได้ลงจริงๆ

หลังจากใช้เวลาไปกว่าหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดเอวาก็ลุกขึ้นมานั่งด้วยสายตาเหม่อลอย

เธอใช้มือเรียวบางลูบไล้แผงอกและหน้าท้องของเด็กหนุ่มไปเรื่อยๆ ขณะทำหน้าครุ่นคิดบางอย่าง

แทนที่วาห์นจะปล่อยให้มือและดวงตาของตัวเองทำตามใจชอบ เขากลับจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าขณะยิ้มและรอให้เธอพูดก่อน

เนื่องจากเธอใช้เวลาเกือบสี่ปีในพื้นที่แห่งนี้นับตั้งแต่การมาครั้งล่าสุดของเขา วาห์นรู้ว่าเธอคงมีเรื่องจะพูดด้วยเยอะเลยทีเดียว

มือของเธอเคลื่อนไปที่กระดุมเสื้อของเขา แต่กลับไม่ได้พยายามปลดมันออก

เธอใช้เวลาไตร่ตรองเงียบๆ ไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมา

“…ต่อไปฉันอยากรู้สึกใกล้ชิดกับนายให้มากกว่านี้อีก

แค่นี้นายก็ร้อนเหมือนเตาหลอมแล้ว แต่ฉันอยากสัมผัสผิวของนายด้วยของฉันเอง…”

หลังจากพูดเสร็จ เอวาก็คลานลงจากร่างของวาห์นก่อนจะมานั่งหย่อนขาอยู่ข้างเตียง

วาห์นมองเห็นออร่าของเธอสั่นไหวอย่างรุนแรง แต่ก็รู้ว่าตอนนี้ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำเพื่อเธอได้เลย

แม้ว่าทั้งสองจะสามารถกอด จูบ และแสดงความใกล้ชิดกันได้ แต่อะไรที่มากไปกว่านั้นถือเป็นข้อห้ามเด็ดขาด

หากเธอถูกกระตุ้นมากเกินไป มิติแห่งนี้ก็จะเริ่มไม่มั่นคงและอาจจะเสื่อมสลายไปเลย

แม้แต่ตอนนี้ วาห์นก็เห็นว่าพลังงานในอากาศเริ่มดูวุ่นวายขึ้นหลังจากการกระทำเมื่อกี้นี้

วาห์นเคลื่อนตัวลงมานั่งถัดจากหญิงสาวก่อนจะสวมกอดร่างของเธอไว้และก้มลงมาจูบเบาๆ ที่หน้าผาก

เธอขมวดคิ้วและพยายามพูดบางอย่าง แต่วาห์นกลับขัดขึ้นเสียก่อน

“ถ้าต่อไปฉันช่วยเธอให้ออกไปจากที่นี่ได้… เธอจะไปกับฉันไหม?

ดวงตาของเอวาเบิกกว้างกับคำพูดของเด็กหนุ่มแบบสุดๆ ขณะพยายามอธิบายให้เขาวางกาวในมือลงก่อน

“เป็นไปไม่ได้หรอก ฉันเป็นแค่ชิ้นส่วนความทรงจำเท่านั้นเองนะ ไม่ใช่คนจริงๆ

ถึงนายจะสามารถทำบางอย่างเช่นฝังวิญญาณลงไปในสิ่งของได้ แต่ ‘ความทรงจำ’ ของฉันก็จะเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปอยู่ดี

ตั้งแต่ตอนที่นายเข้ามาในนี้เป็นครั้งแรก เวลาของฉันก็เริ่มนับถอยหลังแล้ว

เมื่อเวลาข้างนอกผ่านไปครบหกเดือน ฉันก็จะไม่สามารถคงสภาพมิตินี้เอาไว้ได้และหายไปหลังจากนั้น…”

วาห์พยักหน้าให้กับคำพูดของเธอเพราะเขาได้ปรึกษาเรื่องนี้กับพี่สาวแล้วเมื่อตอนที่พยายามค้นหาทางออก

แม้จะมีสิ่งที่ทรงพลังอย่าง ‘เดอะพาธ’ แต่ทางเลือกของวาห์นก็มีจำกัดเนื่องจากความอ่อนแอและระดับดวงวิญญาณที่ต่ำเกินไปของตัวเอง

ตอนนี้เขายังไม่สามารถสร้างกายเนื้อหรือเก็บรักษาความทรงจำของเอวาเอาไว้ได้ และถึงจะสามารถนำเธอออกมาอยู่ในเรคคอร์ด ‘ดันมาจิ’ ได้ ต่อไปเธอก็จะไม่สามารถออกไปจากเรคคอร์ดนี้ได้อีกเพราะพลังงานของเธอจะถูกปรับให้เข้ากับที่นี่แทน

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีทางเลย เพราะวาห์นได้พบวิธีแก้ปัญหาแบบชั่วคราวแล้ว แม้ว่ามันจะไม่ใช่ตัวเลือกที่เขาชอบเท่าไหร่ก็ตาม

วาห์นจ้องมองเข้าไปในดวงตาแสนหดหู่และเริ่มอธิบายให้เธอฟัง

“โซ่ [เอ็นคิดู]… ทำให้ฉันสามารถผนึกอะไรก็ได้ แม้กระทั่งพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพ

ก่อนที่มิตินี้จะหายไป ฉันสามารถผนึกชิ้นส่วนความจำไว้ในดวงวิญญาณของตัวเองโดยผูกมันไว้กับร่างหลักของ [เอ็นคิดู] ได้โดยตรงเลย

เธอจะไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลของกระแสเวลา และเมื่อพบร่างต้นกับช่วยเธอสำเร็จแล้ว ฉันจะศึกษาเวทมนตร์เพื่อทำให้พวกเธอได้เป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง

แต่ฉันจะไม่บังคับให้ร่างต้นยอมรับแบบไม่เต็มใจหรอกนะ ดังนั้นเธออาจติดอยู่ดวงวิญญาณของฉันนานพอควรเลย…”

ก่อนจะได้อธิบายจนจบ เอวาก็ดึงร่างของเขากลับขึ้นไปนอนบนเตียงก่อนจะกดลงที่ไหล่และร้องออกมาเสียงดัง

“นี่นายพูดจริงเหรอ!?”

วาห์นมองเห็นความหวังภายในดวงตาของคนที่กำลังใช้แรงมหาศาลเพื่อเขากดลงบนเตียง

เขาหัวเราะให้กับการตอบสนองของหญิงสาว และดูเหมือนว่าใบหน้าของเธอจะแดงขึ้นเรื่อยๆ

แม้ว่าจะดูดเลือดวาห์นมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้เอวากลับใช่ฟันทุกซี่ก่อนจะกัดลงตรงหัวไหล่ของเขา

วาห์นรู้สึกถึงแรงกัดได้อย่างชัดเจนจนต้องหยุดหัวเราะขณะรีบอธิบายต่อ

“นี่ฉันไม่ได้โกหกนะ! สาบานได้เลย

ตราบใดที่เธอเห็นด้วย ฉันสามารถผนึกเธอเอาไว้ในดวงวิญญาณของตัวเองจนกว่าเราจะได้ไปที่โลกของเธอ…”

หลังจากได้ฟังจนจบ เอวาก็ถอนปากออกจากไหล่ของวาห์นซึ่งปรากฏเป็นรอยกัดรูปวงกลมแบบชัดเจน

มีเลือดหยดออกมาจากรอยแผลและทำให้วาห์นเจ็บไปบ้างเหมือนกัน

เอวาจ้องมองไปมาระหว่างรอยกัดและใบหน้าของวาห์นขณะที่หน้าของตัวเองยังแดงอยู่เช่นเดิม

เธอมองเข้าไปในดวงตาของเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าเชิงขอโทษ

“รักษาสัญญาด้วยล่ะ… ฉันไม่สนหรอกนะว่าต้องรอนานแค่ไหน

แต่ถ้าเป็นดวงวิญญาณของนายล่ะก็…”

หลังจากพูดจบ เธอก็ก้มลงและเริ่มเลียตรงจุดที่กัดไว้เมื่อกี้นี้

เกือบยี่สิบนาทีต่อมา ทั้งสองก็แยกกันและเริ่มกิจวัตรประจำวันของตนเอง

วาห์นให้หนังสือกับเอวาไปหลายร้อยเล่ม ซึ่งบางเล่มก็มาจากเรคคอร์ดอื่นด้วย

เอวารู้สึกพอใจที่มีอะไรใหม่ๆ มาดึงดูดความสนใจ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้มากวนวาห์นในขณะที่เขาเริ่มทำงานอีกครั้ง

ตอนนี้เขาจะหยุดพักทุกๆ สองสามชั่วโมง และทุกครั้งเอวาก็จะมาตัวติดอยู่ด้วยเสมอ

ดูเหมือนเธอจะชอบเวลาได้อยู่บนตัววาห์น และเมื่อเขาถอดเสื้อออกด้วย เธอก็จะหน้าแดงหนักมากขณะใช้นิ้วลากผ่านมัดกล้ามไปเรื่อยๆ

วาห์นพยายามที่จะรักษาสติและยับยั้งไม่ให้ตัวเองล้ำเส้นมากเกินจนไป

แต่แล้วเอวาก็ฉุนขาดกับการ ‘นิ่งเฉย’ ของคนตรงหน้าและบังคับให้เขารุกหนักกว่านี้โดยอ้างว่า ‘นี่เป็นผู้ชายจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย?’

หลังจากโดนยุหนัก วาห์นจึงตัดสินใจเอาคืนด้วย [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ซึ่งมีประสิทธิภาพถึงขนาดเหล่าเทพธิดายังต้องยอมยกธงขาวมานักต่อนักแล้ว

ทันทีที่การนวดเริ่มต้นขึ้น เอวาก็เริ่มละลายภายใต้เงื้อมมือของเด็กหนุ่มขณะที่เธอพนมจูบหน้าอกเปลือยของเขาอย่างอ่อนโยน

วาห์นประหลาดใจที่เธอยังสามารถเคลื่อนไหวต่อได้ เพราะ ‘ตามปกติ’ แล้ว ยังไม่เคยมีใครสามารถใช้แรงในระหว่างที่เขานวดได้มาก่อนเลย

เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากล้ามเนื้อในร่างกายของเธอกำลังกระตุก แต่ไม่ว่าจะลงมือไปกี่ครั้งๆ เธอก็ยังรอดอยู่ได้และตอบโต้กลับมาอย่างไม่ยอมแพ้

เอวาดูเหมือนจะสังเกตเห็นความสับสนของเขาก่อนเผยสีหน้าซุกซนและอธิบายให้ฟัง

“ร่างกายของฉันสามารถฟื้นฟูได้ในทันที ดังนั้นถึงนายจะใช้วิชาแปลกๆ มา ‘ทรมาน’ ฉัน ฉันก็ยังขยับตัวได้เหมือนเดิม

ถ้าคิดจะเอาเปรียบกันได้ง่ายๆ ล่ะก็… ยังเร็วไปร้อยปีนะ”

หลังจากที่เธอพูดจบ เอวานเจลีนก็ใช้เล็บกดลงตรงแผงอกของวาห์นและพึมพำคาถาบางอย่าง

วาห์นเห็นว่าเล็บของเธอเริ่มยาวและแหลมคมขึ้นอย่างเห็นได้ชัดขณะทำให้ทุกอย่างที่มันลากผ่านกลายเป็นสีแดงสด

เขารู้สึกถึงพลังงานอบอุ่นที่แผ่กระจายไปตามส่วนที่เล็บลากผ่าน และสัมผัสได้ถึงความปรารถนาบางอย่างขณะที่เรี่ยวแรงค่อยๆ เลือนหายไป

เอวาเห็นปฏิกิริยาของเขาแล้วก็เริ่มเผยรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าแดงก่ำขณะอธิบายต่อ

“นายไม่ใช่คนเดียวหรอกนะที่เอาพลังมาเล่นกับร่างกายของคนอื่นได้…”

สัญชาตญาณของวาห์นเริ่มร้องเตือนพร้อมกับที่เธอพูดเสร็จ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ขณะที่หญิงสาวยังคงลากนิ้วผ่านแผงอกกำยำไปเรื่อยๆ

ครู่ต่อมา เอวาดูเหมือนจะพอใจกับสภาพของวาห์นแล้วและเอนตัวไปข้างหน้าก่อนจะเริ่มจูบเขาอย่างดูดดื่ม

เพราะเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง วาห์นจึงพยายามโต้กลับไปบ้าง แต่มันก็ทำให้ความรู้สึกของทั้งสองยิ่งรุนแรงขึ้นขณะที่มิติรอบๆ เริ่มส่อแววไม่มั่นคง

สุดท้ายแล้วเอวาก็ต้องหยุดทุกอย่างไว้ ไม่งั้นมิตินี้อาจต้องถูกผนึกก่อนถึงเวลาอันควร

หลังจากได้รับความ ‘พ่ายแพ้’ เป็นครั้งแรก วาห์นก็กลับไปทำงานโดยความมุ่งมั่นว่าจะปรับปรุง [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เป็นอย่างต่อไปในอนาคต

เขาอยากจะไปให้ถึงจุดที่สามารถทำให้แวมไพร์ร่างอมตะอยู่ในสภาพอ่อนปวกเปียกภายใต้วิชาของตัวเองให้ได้

ขณะเดียวกัน เขาก็อยากลองหาวิชาอื่นๆ นอกเหนือจาก [จิตแห่งราชัน] และ [ทลายพันธนาการ] เพื่อใช้ต่อต้านไม่ให้คนอื่นมาเล่นกับร่างกายของตัวเองได้ตามใจชอบ

แม้จะรู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อ แต่มันก็ทำให้เกิดความกลัวอยู่ลึกๆ ภายในจิตใจซึ่งทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อต้องอยู่ภายใต้เงื้อมมือของคนอื่น

วัฏจักรของการทำงาน ศึกษา และพักผ่อนอย่าง ‘ใกล้ชิด’ ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเวลาที่วาห์นต้องออกไปจากลูกแก้ว

แม้จะรู้สึกอึดอัดหน่อยๆ แต่วาห์นก็ซื้อวัสดุก่อสร้างจำนวนมากผ่านทางระบบของเขา

เนื่องจากที่นี่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความว่างเปล่า วาห์นจึงอยากมอบตัวเลือกให้เอวาสร้างบ้านหลังเล็กๆ ที่ทั้งสองจะใช้อาศัยอยู่ด้วยกันในอนาคต เอวาดูพอใจกับคำแนะนำนี้มากและยังบอกให้วาห์นนำวัสดุมาเพิ่มอีกเพราะสิ่งที่เธอเล็งไว้ก็คือปราสาททั้งหลังนั่นเอง

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท