Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 178

ตอนที่ 178

วาห์นใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงหลังจากปล่อยฟาฟเนียร์ออกมาเพื่ออธิบายรายละเอียดทั้งหมดของมันให้เอวาฟัง

ดูเหมือนว่าหญิงสาวเริ่มจะสนใจเวทมนตร์ตั้งชื่อและสกิลอื่นๆ ที่วาห์นไม่เคยบอกเธอมาก่อนเลย

เมื่อพบว่าฟาฟเนียร์นั้นมีคุณสมบัติ ‘ต้านทานเวทมนตร์แบบสมบูรณ์’ เธอก็ลองทดสอบดูด้วยเวทมนต์เล็กๆ ที่จะไม่ทำให้มันบาดเจ็บเพื่อดูว่าวาห์นพูดจริงหรือเปล่า

น้ำแข็งที่เธอสร้างขึ้นเมื่อใช่พลังเขตแดนนั้นดูเหมือนจะกลายเป็นไอน้ำทันทีที่เข้าไปถึงตัวฟาฟเนียร์

คล้ายกับว่ามีทรงกลมที่มองไม่เห็นอยู่รอบตัวของมันซึ่งครอบคลุมไปถึงส่วนปีกด้วย ซึ่งก็หมายความว่ามันสามารถทำลายโครงสร้างเวทมนตร์ภายในระยะ 10 ได้อย่างสมบูรณ์

เอวาตระหนักแล้วว่าหากไม่ใช้มหาเวทหรือการโจมตีกายภาพขั้นรุนแรง เธอก็จะไม่สามารถจัดการกับฟาฟเนียร์ลงได้ง่ายๆ

คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงไปนักหากจะบอกว่ามังกรดำตัวนี้เป็นศัตรูตัวฉกาจของนักเวททุกคน

เมื่อรู้มาอีกว่ามันสามารถใช้เวทมนตร์ได้แต่ยังไม่ได้เรียนเวทอะไรสักบทเลย เอวาก็ยิ่งรู้สึกสนใจเจ้ามังกรที่ดู ‘ชั่วร้าย’ ตัวนี้มากขึ้น

ที่จริงๆ แล้วเธอพบว่ามันมีรูปร่างหน้าตาที่น่ารักมาก ก็เลยโน้มน้าวให้วาห์นปล่อยให้มันอยู่ในนี้ไปก่อน

แม้ว่าเขาจะรู้สึกประหลาดใจกับคำขอแปลกๆ นั่น แต่หลังจากพิจารณาดูแล้ว วาห์นก็ยอมให้ฟาฟเนียร์อาศัยอยู่ในลูกแก้วนี้เป็นการชั่วคราว

เขาออกคำสั่งในใจโดยให้มันเชื่อฟังเอวาและทำดีกับเธอให้มากๆ

เขายังบอกมันด้วยว่าหากเป็นไปได้ ก็ให้ลองเรียนรู้เวทมนตร์จากเธอดู

ฟาฟเนียร์ลงมายืนอยู่ต่อหน้าทั้งสองภายในเวลาไม่กี่วินาทีก่อนจะเอนตัวลงและพยายามเอาจมูกมาถูกับเอวา

หญิงสาวเริ่มรู้สึกกระตือรือร้นมากขึ้นขณะลูบผิวหยาบของเจ้ามังกร ‘ชั่วร้าย’ แรงๆ

วาห์นเองก็มีความสุขเพราะตอนนี้เอวาจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียวในมิติแห่งนี้ในช่วงเขาอยู่ในโลกจริงอีกแล้ว

แม้จะกังวลว่าฟาฟเนียร์อาจสลายกลับไปเป็นคริสตัลเนื่องจากขาดพลังงาน แต่วาห์นก็จะเข้ามาเติมพลังงานให้มันอยู่เรื่อยๆ

ตราบใดที่ไม่ได้ใช้มานามากเกินไปนัก มันก็น่าจะอยู่ได้นานสี่ปีก่อนที่เขาจะกลับเข้ามาและเติมพลังให้มันใหม่อีกครั้ง

ขณะที่เอวาบินไปรอบๆ ท้องฟ้าบนหลังของฟาฟเนียร์ด้วยความเร็วประมาณ 3700 กม./ชม. วาห์นก็กลับไปที่ห้องทำงานเพื่อเริ่มสร้างอาวุธคู่กายของตัวเอง

แม้ที่ผ่านๆ มานั้นเขาจะไม่ค่อยได้พึ่งพาอุปกรณ์เท่าไหร่ แต่วาห์นก็ไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์ที่เขาจำเป็นต้องใช้อาวุธแต่กลับไม่ได้ทำเตรียมเอาไว้

เพราะคิดว่ารูปร่างและการออกแบบอาจมีความสำคัญเมื่อตั้งชื่อให้มันในภายหลัง วาห์นเลยศึกษาเกี่ยวกับตำนานของดาบที่พอจะเอามาใช้เป็นต้นแบบได้

เนื่องจากช่วงนี้เขารู้สึกชอบตำนานเทพนอร์สมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหลังจากตั้งชื่อให้กับฟาฟเนียร์และ [แกรม] วาห์นจึงตัดสินใจตามกระแสและเริ่มสร้างดาบที่น่าจะทนพลังจากร่างนกไฟของเขาได้

ดาบที่เขากำลังสร้างอยู่นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาวุธในตำนานที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยเปลวเพลิงซึ่งสามารถเผาได้แม้กระทั่งรากฐานของโลก

มันมีชื่อว่า ‘เลวาไทน์’ (Lævateinn) และวาห์นรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มีดาบเพลิงลุกโชนไว้ฟาดฟันศัตรู

วาห์นใช้เวลาเกือบสิบสองชั่วโมงในการสร้างแกนดาบโดยใช้โอริแคลคัมบริสุทธิ์

จากนั้นเขาก็ค่อยๆ แกะสลักอักษรรูนเล็กขนาดเล็กหลายร้อยตัวไว้ที่แกนกลางอย่างยากลำบากโดยพวกมันจะทำหน้าที่รวบรวมพลังงานธาตุไฟจากในอากาศและเสริมให้โครงสร้างของดาบสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

แม้จะเชื่อว่าการตั้งชื่อมันด้วย [ผู้ดูแลบันทึกแห่งนภา] จะช่วยเสริมบางอย่างที่ขาดหายไปได้ แต่วาห์นก็ไม่ได้ใช้ทางลัดใดๆ ทั้งสิ้นและทำทุกขั้นตอนอย่างประณีตบรรจง

หลังจากสร้างแกนเสร็จแล้ว วาห์นก็นำอะดาแมนไทน์สีขาวบริสุทธิ์ที่ถูกแช่ไว้ในเลือดของมังกรแดงจากไอร่อนฮิลล์ซึ่งเป็นของหายากมากๆ ออกมา

ตอนนี้โลหะสีขาวนั้นมีเฉดสีแดงเข้มเพราะมันได้ดูดซับพลังงานจากเลือดเข้าไปอย่างเต็มเปี่ยม

ในช่วงสุดท้ายของกระบวนการนั้น ตัวเลือดเองก็ดูใสราวกับน้ำก่อนที่วาห์นจะนำมันมาขึ้นรูปไว้รอบๆ แกนดาบโดยยึดตามรูปร่างของดาบสองมือ

เนื่องจากวาห์นต้องการใช้มันเฉพาะตอนสู้กับสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่หรืออะไรก็ตามที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง เขาจึงทำดาบให้มีขนาดใหญ่เพื่อให้สะดวกในการโจมตีอย่างรุนแรง

หลังจากนำอะดาแมนไทน์ไปขึ้นรูปที่แกนจนเสร็จเรียบร้อย เวลาก็ล่วงเลยไปแล้วเกือบสามสิบชั่วโมง

วาห์นไม่ได้หยุดพักเลยแม้แต่น้อยและคอยเสริมพลังงานของตัวเองด้วยมานาโพชั่นและถั่วเซียนแทน

เอวาแวะมาหาอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ปล่อยให้เขาทำงานของตัวเองโดยไม่เข้ามารบกวน

เธอเอาแต่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานและเฝ้าดูการกระทำของเด็กหนุ่มด้วยความสนใจ

การเห็นวาห์นทำงานหนักอยู่ตลอดนั้นทำให้เธอรู้สึกพึงพอใจขณะเฝ้ามองร่างกำยำของต่อไปอย่างเพลิดเพลิน

พอวาห์นสลักอักษรรูนเพิ่มเติมและสร้างด้ามจับกับโกร่งดาบเสร็จเรียบร้อย เวลาก็ผ่านไปแล้วเกือบหกสิบห้าชั่วโมง

แม้จะใช้ไอเท็มเพื่อเสริมพลังงานอยู่เรื่อยๆ แต่เขาก็รู้สึกเหนื่อยแบบสุดๆ ขณะกำลังเฝ้ามองผลงานของตัวเองด้วยสีหน้าตื่นเต้น

ผลที่ได้จากการทำงานอย่างหนักเกือบตลอดหกสิบห้าชั่วโมงก็คือดาบสองมือสีแดงเข้มที่มีความยาวทั้งหมด 220 ซม. โดยมีด้ามจับที่กินความยาวไปประมาณ 50 ซม. เพื่อให้ง่ายต่อการจับแบบสองมือ

โกร่งดาบนั้นยาวเกือบ 30 ซม. ซึ่งทำให้ตัวดาบดูน่ากลัวหน่อยๆ แถมยังมีอักศรรูนสลักอยู่บนลวดลายที่ดูซับซ้อนด้วย

(TL: เดี๋ยวจะเอาภาพไปแปะไว้ในอัลบั้มของเพจนะครับ)

วาห์นใช้เวลาต่ออีกไม่กี่ชั่วโมงเพื่อทำสมาธิและฟื้นพลังงาน ซึ่งเอวานั้นคิดแล้วคิดอีกว่าควรจะฉุดเด็กหนุ่มออกไป ‘พักผ่อน’ ด้วยดีหรือเปล่า

ทว่าเมื่อเห็นท่าทางจริงจังของเขา เธอก็ไม่กล้าเข้าไปรบกวนจนได้แต่นั่งเงียบๆ และสังเกตการณ์อยู่ข้างๆ

เธอทิ้งฟาฟเนียร์ไว้ในสวนหลังจากที่ขี่มันไปรอบๆ อยู่พักหนึ่ง และดูเหมือนว่าจะชอบที่ตรงนั้นมากก่อนจะล้มลงไปนอนเอกเขนกแบบไม่สนใจสิ่งรอบข้าง

หลังจากฟื้นพลังงานเสร็จแล้ว วาห์นก็นำเลวาไทน์มาถือไว้ในมือและเริ่มเพ่งจิตไปกับภาพดาบในหัวที่เขาต้องการจะสร้าง

เอวาสังเกตเห็นการกระทำของเด็กหนุ่มและต้องประหลาดใจเมื่อมีพลังงานก่อตัวขึ้นรอบๆ วาห์น

เอวารู้ว่าเขาไม่น่าจะดึงมานาจากอากาศในลูกแก้วออกมาใช้ได้ แต่เธอกลับรู้สึกว่ากำลังมีพลังงานมหาศาลบางอย่างหลั่งไหลออกมาจากความว่างเปล่าโดยที่ตนเองไม่สามารถอธิบายได้

วาห์นถือดาบด้วยมือทั้งสองข้างและชูมันขึ้นไปบนท้องฟ้าขณะมองตามมันขึ้นไปก่อนจะพูดด้วยเสียงแผ่วเบาซึ่งดังสะท้อนไปทั่วอย่างประหลาด

“นับจากนี้ไป ชื่อของเจ้าคือ [เลวาไทน์]

จงกลายมาเป็นดาบที่จะเผาผลาญศัตรูของข้าให้สิ้นซาก”

ขณะที่คำพูดของเขาสะท้อนไปทั่วมิติ วาห์นก็รู้สึกว่าพลังงานของตัวเองนั้นกำลังไหลออกไปจากร่างอย่างรวดเร็วพร้อมกับที่ดาบในมือเริ่มเปล่งแสงทีแดงสุกสว่างที่ดูทรงพลังมาก

เอวาให้ความสนใจในตลอดทุกกระบวนการและพอเห็นแสงสีแดงนั่น เธอก็พลันเบิกตากว้างขณะเริ่มกระจายพลังเวทไปทั่วห้องทำงานและเคลื่อนย้ายทุกอย่างพร้อมของที่อยู่ด้านในให้ห่างออกไปอีกหลายร้อยเมตร

วาห์นนั้นถูกทิ้งไว้ที่เดิมขณะกำลังจ้องมองแสงสีแดงในสภาพเหม่อเลย ในขณะที่พื้นสีขาวรอบๆ ตัวเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีดำจากความร้อนที่ดาบปล่อยออกมาไม่หยุด

สุดท้ายแล้ว แสงสีแดงก็ขยายตัวออกไปในลักษณะทรงกลมที่มีขนาดเกือบ 10 เมตรรอบๆ ตัวของเด็กหนุ่มและเผาผลาญทุกอย่างที่อยู่ในนั้นจนกลายเป็นขี้เถ้า

ที่น่าแปลกก็คือไม่ว่าจะดูร้อนขนาดไหน แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบต่อวาห์นหรือเสื้อผ้าของเขาเลยแม้แต่น้อย

พวกมันยังคงแกว่งไปมาราวกับแค่ถูกลมพัดปลิวเฉยๆ (TL: เสื้อผ้าคิดในใจ ‘รอบนี้รอดว่ะ!’)

ไม่กี่อึดใจต่อมา วาห์นก็แทบจะไม่มีแรงเหลือขณะที่แสงสีแดงค่อยๆ ไหลกลับเข้าสู่ดาบในมือ

จากดาบสองมือสีแดงเข้มที่เขาสร้างไว้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้มันกลายเป็นสีดำคล้ายถ่านขณะที่อักษรรูนทั้งหมดกำลังส่องแสงมีแดงส้มซึ่งดูคล้ายกับไฟจากเตาหลอม

รวมๆ แล้วตัวดาบนั้นดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมมาก แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความสง่างามหากจ้องมันไปเรื่อยๆ

มันดูเหมือนดาบที่อยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์ และวาห์นคิดว่าตัวดาบนั้นยังให้ความรู้สึก ‘ภาคภูมิใจ’ แฝงอยู่ด้านในด้วย

วาห์นที่ยังรู้สึกมึนงงหน่อยๆ เริ่มเหวี่ยงดาบออกไปเพื่อทดสอบมัน

ขณะที่ง้างดาบ อักษรรูนก็เริ่มเปล่งแสงจนเกิดเป็นเส้นเปลวเพลิงที่ไล่ตามดาบออกมา

เมื่อวาห์นหยุดการแกว่งดาบแบบกระทันหัน ตัวเพลิงก็ยังคงพุ่งต่อไปในทิศทางที่เล็งไว้และเริ่มเผาผลาญพื้นสีขาวตรงหน้าออกเป็นวงกว้าง

การลุกไหม้นั่นชวนให้นึกถึงลมหายใจของมังกรอย่างน่าประหลาด แถมตอนนี้มันก็ยังคงเผาไหม้และทำลายพื้นต่อไปเรื่อยๆ เรากับเป็นกรดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนขั้นรุนแรง

วาห์นไม่อาจหุบรอยยิ้มกว้างที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของตัวเองได้ ก่อนจะหันไปมองดาบในมือและดูข้อมูลจากในระบบ

เขาได้รับ OP มากว่า 17,000 แต้มตอนที่ตั้งชื่อให้มัน ดังนั้นวาห์นจึงคาดหวังกับสถานะและคุณสมบัติของมันไว้สูงพอสมควร

[เลวาไทน์]

ระดับ: S (เวทมนตร์)

ช่อง: 0

พลังโจมตี: 1708+170

พลังโจมตีเวทมนตร์: 1153

คุณสมบัติ: เลวาไทน์(S), บรรเลงเพลิง(A), พุ่งแทงปะทุระเบิด(A), เจาะทะลวง(S), ความคม(B)

ดาบที่สืบทอดนามของดาบ ‘เลวาไทน์’ ในตำนาน

เปลวเพลิงที่ถูกปล่อยออกมาจากดาบเล่มนี้นั้นไม่อาจดับลงได้ด้วยวิธีทั่วไป ซึ่งมันจะยังคงเผาไหม้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าโลกทั้งใบจะกลายเป็นเถ้าถ่านหรือจนกว่าผู้ใช้จะสั่งให้มันดับด้วยตัวเอง

พอได้อ่านคำอธิบายแล้ว รอยยิ้มของวาห์นก็ยิ่งกว้างกว่าเดิมตามมาด้วยความตื่นเต้นที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

ดาบดั้งเดิมที่เขาตีขึ้นมานั้นจะอยู่ที่ระดับ A แต่พอผ่านการตั้งชื่อแล้วมันจึงถูกผลักขึ้นไปถึงระดับ S

แม้จะไม่ได้ทำให้สกิลของเขาพัฒนาขึ้นเป็น [ปรมาจารย์ช่างตีเหล็ก] แต่วาห์นก็รู้สึกว่าเวลานั้นใกล้มาถึงเต็มทีแล้ว โดยเฉพาะหลังจากได้สร้างไอเท็มที่ทรงพลังขนาดนี้ออกมา

เขาชี้ปลายดาบไปทางเปลวเพลิงที่ยังคงลุกไหม้อยู่บนพื้นสีขาวก่อนจะเพ่งจิตเพื่อดับมันลงและสังเกตเห็นว่าเปลวเพลิงค่อยๆ มอดลงอย่างช้าๆ

วาห์นพอใจกับผลลัพธ์ที่ออกมามาก และตอนนี้เขาก็มีอาวุธทรงพลังไว้ใช้จัดการกับพวกศัตรูตัวแสบๆ แล้ว

แม้อาจเอาชนะพวกมันไม่ได้ในทันที แต่ตราบใดที่เขาโจมตีโดน พวกมันก็จะถูกไฟสร้างความเสียหายต่อไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าวาห์นถอยหนีออกไปแล้วก็ตาม

วาห์นเก็บดาบเข้าไปในช่องเก็บของและหันไปหาเอวาที่ปรากฏออกมาข้างๆ ได้พักหนึ่งแล้ว

เธอมองเขาด้วยรอยยิ้มและใบหน้าที่แดงเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

“เป็นดาบที่ดีจนน่าเหลือเชื่อเลย

‘เวทมนตร์ตั้งชื่อ’ ของนายนี่ทรงพลังกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะ”

วาห์นพยักหน้าและตอบกลับ

“นี่คือผลงานชิ้นเอกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ฉันเคยสร้างมา แต่ต่อไปก็คงได้เห็นอะไรที่ดีกว่านี้แน่นอน ฉันยังต้องฝึกอีกเยอะเลย…”

เอวายิ้มให้ก่อนจะเข้ามาใกล้โดยใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] และจับแผงอกของวาห์น

เธอกระซิบเบาๆ ด้วยสายตาที่ดูกระตือรือร้นกว่าปกติ

“ขยันแบบนี้ก็ดีอยู่หรอก… เดี๋ยวจะให้รางวัลนะ”

ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเอ่ยปากถาม ทั้งสองก็หายไปจากตรงนั้นด้วยเวทเคลื่อนย้ายของเอวา

ฟาฟเนียร์ที่กำลังหลับอยู่ในสวนนั้นเงยหน้าและหันไปทางบ้านพักเพราะมันรู้สึกได้ถึงพลังงานมากมายที่กระจายออกมาเป็นระยะๆ

มันพอรู้สึกได้ว่าเจ้านายกำลังตกอยู่ในอันตราย แต่ก็รู้อีกว่าคงไม่อาจช่วยอะไรได้หากต้องเผชิญหน้ากับ ‘ศัตรู’ ที่วาห์นกำลังประมือด้วย

หลังจากที่ได้รับชื่อมา สติปัญญาของฟาฟเนียร์ก็เพิ่มขึ้นกว่าเดิมมากและทำให้มันสามารถขบคิดเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ด้วยเหตุผลแทนการใช้สัญชาตญาณล้วนๆ แบบในอดีต

ตอนนี้ ถ้าหากนายท่านไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือมาโดยเฉพาะล่ะก็ ฟาฟเนียร์คิดว่าเป็นการดีที่สุดแล้วถ้ามันจะอยู่เฉยๆ ก่อนกลับลงไปนอนต่อและเพลิดเพลินกับกลิ่นหอมหวนของดอกไม้และพืชพันธุ์ต่างๆ

ผ่านไปไม่กี่อึดใจ มันก็ผลอยหลับไปอีกครั้งโดยไม่สนใจความลำบากของผู้เป็นนายเลยแม้แต่น้อย

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท