Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 174

ตอนที่ 174

หลังจากตื่นขึ้นมาในโลกจริง วาห์นก็ลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปที่ประตู

เขาเปิดประตูออกไปพบกับทีน่าที่กำลังเฝ้ารออยู่ด้านนอกห้อง

เมื่อมองเห็นเด็กสาวตัวน้อย วาห์นก็อดไม่ได้ที่จะลูบหัวของเธอด้วยความเอ็นดู

แม้เวลาจะผ่านไปเพียงไม่กี่วินาทีสำหรับเธอ แต่วาห์นนั้นไม่ได้เจอหน้าเธอมาเป็นเวลาสามวันเต็มๆ แล้ว

เขาเริ่มตระหนักแล้วว่ามันแปลกแค่ไหนกับการสลับไปมาระหว่างสถานที่ที่มีกระแสเวลาต่างกัน

ทีน่าไม่รู้เลยว่าทำไมวาห์นถึงแสดงท่าทางแบบนี้ เธอทำได้แค่หลับตาพร้อมกับขมวดคิ้วหน่อยๆ และพยายามกลั้นเสียงร้องแห่งความพึงพอใจไว้ในลำคอ

จากนั้นวาห์นก็เดินไปที่ห้องทานอาหารและคุยเล่นกับพวกหนุ่มๆ ระหว่างที่พวกผู้หญิงเข้าไปอาบน้ำ

หลังจากที่ทีน่ามาอยู่ด้วย พวกเด็กๆ ก็เริ่มเปิดใจมากกว่าเดิม

เวลาเพิ่งผ่านไปเพียงวันเดียวนับตั้งแต่ที่เธอมาอยู่ด้วย แต่พวกเขาก็เริ่มคุยกับวาห์นแบบตรงไปตรงมามากขึ้นซึ่งทำให้เขาพอใจมาก

เขาถามถึงเรื่องที่แต่ละคนกำลังศึกษาอยู่และมอบคำแนะนำในหัวข้อที่ตนพอจะเข้าใจ

เมื่อพวกสาวๆ อาบกันเสร็จแล้ว วาห์นกับคนที่เหลือก็เข้าไปอาบต่อเพียงไม่กี่นาทีก่อนจะออกมาเพื่อเตรียมทานอาหารเย็น

เป็นอีกครั้งที่เหตุการณ์ต่างไปจากวันก่อน เมื่อพวกสาวๆ เริ่มเตรียมอาหารโดยใช้วัตถุดิบที่ถูกเก็บไว้ในห้องครัวแทน

ทีน่าบอกกับอนูบิสและเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ว่าทุกคนไม่ควรพึ่งพาวาห์นในเรื่องการเตรียมอาหารทุกๆ มื้อ

เนื่องจากเธอมักจะช่วยมิลานทำอาหารให้กับลูกค้าของโรงแรม ทีน่าจึงค่อนข้างมั่นใจในทักษะทำอาหารของตนเองอยู่พอควร

แม้มันจะไม่อร่อยเท่าอาหารปกติที่วาห์นทาน แต่ส่วนตัวแล้วเขากลับชอบแบบนี้มากกว่าเสียอีก

หลังจากทานเสร็จและช่วยกันเก็บกวาดเรียบร้อย วาห์นก็กล่าวชมเชยเด็กสาวตัวน้อยมากเป็นพิเศษ

ทีน่าส่ายหางไปมาและวาห์นสังเกตเห็นว่ามันเป็นการเคลื่อนไหวที่ต่างไปจากพวกเชียนโธรปอย่างสิ้นเชิง

ดูเหมือนว่าเผ่ามนุษย์แมวจะ ‘ส่ายหางไปมา’ ในขณะที่พวกเชียนโธรปจะ ‘แกว่งหางอย่างรุนแรง’ หรือไม่ก็ ‘หมุนหางไปรอบๆ’ เมื่อพวกเธอรู้สึกตื่นเต้นดีใจ

หลังจากช่วงมื้อเย็น ทุกคนก็เรื่อยเปื่อยไปกับเวลาว่างขณะที่วาห์นให้อนูบิสและทีน่าทวนเรื่องที่พวกเธอสอนไปในวันนี้ให้เขาฟังบ้าง

ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปนอน วาห์นก็ลูบหัวอนูบิสและนานูก่อนจะเดินกลับห้องไปพร้อมกับทีน่า

แม้ว่าจะดูผ่อนคลายกว่าคืนก่อนมาก แต่วาห์นพบว่าทีน่ายังคงรู้สึกไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนไปเท่าไหร่นัก

เขาหันหลังให้กับเธอขณะเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองเช่นกัน

ทีน่าจ้องมองเด็กหนุ่มอยู่พักหนึ่งก่อนจะสวมชุดนอนสีครีมที่ดูคล้ายกับชุดนอนเมื่อคืน จากนั้นเธอก็รอให้วาห์นขึ้นเตียงก่อนจะมุดเข้าไปใต้ผ้าห่มและมาซบอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้ามีความสุขปนเขินอาย

วาห์นยิ้มก่อนจะลูบหูแมวดุ๊กดิ๊กและปล่อยให้เธอใช้ไหล่ของเขาแทนหมอน

เนื่องจากอยู่ในสภาพตื่นเต้นมาตลอดทั้งวันจากการสานสัมพันธ์กับเด็กคนอื่น ทีน่าจึงผลอยหลับไปอย่างรวดเร็วและขดตัวเป็นลูกบอลอยู่ข้างวาห์นขณะกำเสื้อเชิ้ตหลวมๆ ของเขาเอาไว้ในมือ

วาห์นจูบลงที่หน้าผากของเด็กสาวก่อนจะผล็อยหลับไปหลังจากนึกย้อนถึงเหตุการณ์ในวันนี้

เขายังรู้สึกไม่คุ้นเคยกับเวลาที่ใช้ไปในหนึ่งวันหากรวมเวลาที่ไปอยู่ในลูกแก้วเพิ่มเข้าไปด้วย

มันเหมือนกับว่าเขาได้พบและให้สัญญากับโคลอี้ไปเมื่อหลายวันก่อน ทั้งๆ ที่มันเพิ่งจะผ่านไปเพียง 7 ชั่วโมงเท่านั้นเอง

วาห์นตื่นขึ้นไม่กี่นาทีก่อนจะถึงเวลาเข้าไปในลูกแก้วและพบว่าทีน่านั้นเกาะเขาแน่นยิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก

เป็นอีกครั้งที่เขาต้องช่วยจัดแจงชุดนอนซึ่งเลิกขึ้นมาถึงท้องให้กับเด็กสาว

หลังจากลูบศีรษะของเธอแล้ว เขาก็ผ่อนคลายร่างกายและนำลูกแก้วออกมาเพื่อไปพบเอวาให้ตรงเวลาที่สุด

เพราะเรียนรู้จากช่วงที่ผ่านๆ มาแล้ว ตอนเข้าไปถึงมิติขาวดำ วาห์นก็รีบถอดเสื้อออกโดยใช้เวลาไปไม่ถึงเสี้ยววินาทีก่อนที่เอวาจะกระโจนเข้าใส่

ทั้งคู่กอดจูบกันไปเกือบสองชั่วโมงขณะที่เธอดูดเลือดไปด้วยและ ‘เพลิดเพลินไปกับความอบอุ่นของเขา’ (เป็นคำที่เอวาใช้เรียกมัน)

วาห์นเริ่มคุ้นเคยกับกิจวัตรใหม่ๆ ภายในลูกแก้วอย่างรวดเร็ว

เขาใช้เวลาประมาณ 70% ไปกับการทำงาน และอีก 30% ในการพักผ่อนและปรนเปรอความต้องการของเอวา

หญิงสาวยังจำ ‘การหยอกล้อ’ ครั้งล่าสุดของเขาได้ขึ้นใจ และเริ่มดำเนินการแก้แค้นเป็นสองเท่าก่อนที่วาห์นจะยอมรับความพ่ายแพ้และเอ่ยปากขอโทษออกมา

สิ่งแรกที่เห็นและแม้ว่าวาห์นจะคาดเอาไว้แล้วแต่ก็ยังประหลาดใจอยู่ดี ก็คือต้นกล้าขนาดเล็กที่กำลังโตอยู่ในสวนซึ่งมีทั้งพุ่มไม้ พืชพันธุ์ และ ไม้ดอกหลากชนิด

ทุกต้นได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และวาห์นก็มองเห็นความทนุถนอมและความห่วงใยของเอวาที่ปรากฏอยู่ในพืชแต่ละต้นได้อย่างชัดเจน

งานอดิเรกที่เธอลองดูก็คือการวาดภาพ และวาห์นพบว่าเธอมีพรสวรรค์มากหลังเห็นภาพทิวทัศน์ซึ่งถูกวาดขึ้นจากความทรงจำของตัวเธอเอง

และแม้มันจะทำให้วาห์นรู้สึกเขินอายเป็นอย่างมาก แต่เธอยังวาดรูปของเขาในสภาพเปลือยเปล่าและกำลังโพสท่าวีรบุรุษเท่ๆ อีกด้วย

รายละเอียดที่เธอใส่เข้าไปในร่างกายของเขา รวมถึงตรงส่วน ‘นั้น’ ทำให้เขารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ไปบ้างเหมือนกัน

บางทีเธออาจจะสังเกตเห็นสีหน้ากังวลของเขา เพราะหลังจากนั้นไม่นาน เอวาก็มอบภาพวาดชิ้นที่สองให้ซึ่งเธอยังให้วาห์นสาบานว่าจะต้องไม่ให้คนอื่นเห็นภาพนี้เด็ดขาด

หลังจากทำสัญญากันแล้ว เอวาก็นำภาพวาดขนาดใหญ่ที่ติดกรอบสวยงามออกมาให้วาห์นเชยชม

ทันทีที่หันไปเห็น วาห์นก็รู้สึกหน้ามืดหน่อยๆ และถึงกับใจสั่นไปเลย

ภายในกรอบรูปนั้น มีรูปของเด็กสาวที่ดูงดงามคล้ายตุ๊กตาพร้อมเส้นผมสีทองยาวสลวยซึ่งแทบจะปกปิดเรือนร่างเปลือยเปล่าของเธอไว้ไม่มิด ขณะที่เธอกำลังนอนหันข้างและใช้แขนข้างหนึ่งแทนหมอน

ดวงตาสีฟ้านั่นดูเฉียบคมและโดดเด่นเป็นอย่างมาก และวาห์นก็รู้สึกราวกับว่ามันเป็นภาพวาดที่มีชีวิตจริงๆ

ภาพที่เอวามอบให้วาห์นนั้นก็คือรูปจำลองของเธอเองโดยมีอัตราส่วนเท่ากับตัวจริง

ในรูปภาพนั้น เอวากำลังอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าขณะนอนหันข้างบนโซฟาหรูหราและจ้องออกมาด้านหน้า

หลังจากนำมันไปเก็บไว้ในช่องเก็บของเป็นอย่างดี วาห์นก็ถูกจับตรึงกับเตียงไปอีกหนึ่งชั่วโมงจนกระทั่งได้รับการปล่อยตัว

มันไม่เหมือนกับคราวก่อน เพราะครั้งนี้วาห์นไม่เหลือทั้งแรงกายและแรงใจที่จะใช้ต่อกรกับเอวาอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว

ในฐานะชินโซแวมไพร์ ตราบใดที่ยังมีมานาเหลืออยู่ เอวาก็จะไม่มีทางเหนื่อยล้าและยังหายจากอาการบาดเจ็บต่างๆ ได้ในทันที

แม้จะอยู่ในสภาพตื่นเต้น แต่เธอก็ไม่เคยสูญเสียการควบคุมและมักจะจัดการเขาได้ไม่ยากหากวาห์นไม่ได้ใช้ [จิตแห่งราชัน] และ [หัตถ์แห่งเนอร์วานา] เพื่อทำให้การต่อสู้นั้นสูสี

วาห์นตื่นขึ้นมาในโลกจริงและดำเนินกิจวัตรประจำวันต่างๆ โดยเริ่มจากการพยายามปลุกทีน่าที่ยังหลับอยู่และเตรียมตัวรับวันใหม่

เขาพบว่าเธอไม่ใช่พวกชอบตื่นเช้าอะไรนัก และต้องใช้เวลาอีกสองสามนาทีเพื่อปลุกให้เธอตื่น

จากนั้นทั้งสองก็แต่งตัวอย่างเงียบๆ ก่อนออกไปพบกับอนูบิสที่โถงทางเดินและดำเนินกิจวัตรต่างๆ ตามที่วางเอาไว้

วาห์นช่วยพวกเด็กๆ ฝึกฝนก่อนทานอาหารเช้าและสั่งสอนนานูในช่วงเวลาที่เหลือของครึ่งวันแรก

เมื่อช่วงบ่ายมาถึง เขาก็เดินออกไปที่ ‘เจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม’ และคุยเล่นกับโคลอี้ไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ

เขายังได้พูดคุยกับมามามีอาและทำการจองห้องส่วนตัวแบบถาวรตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์พร้อมกับจ่ายค่าจองล่วงหน้าให้ด้วย

ช่วงที่เขาแวะมาหานั้น โคลอี้ก็ยิ่งแสดงความซุนซนมากกว่าเดิมและมักจะเข้ามาหยอกล้อวาห์นแบบเน้นๆ

เขาไม่คิดเลยว่าเธอจะทำตัวเอาแต่ใจได้มากขนาดนี้และดูราวกับว่าตำแหน่งของทั้งสองได้เกิดการสลับสับเปลี่ยนกัน

ตอนนี้เธอกำลังนอนหนุนตักของเขาขณะรอให้วาห์นป้อนองุ่นให้ทาน

เธอบอกวาห์นว่าการมีเด็กหนุ่มหน้าตาดีมาตามปรนนิบัตินั้นเป็นความฝันของเธอ ดังนั้นเขาจึงต้องมารับหน้าที่นั้นและดูแลเธออย่างดีที่สุด

เพื่อเป็นการตอบแทน โคลอี้จึงยอมให้เด็กหนุ่มลูบหน้าท้องของเธออย่างอิสระ แถมยังให้เขาสัมผัสหน้าอกของเธอเล็กน้อยตราบใดที่ไม่ทำรุนแรงเกินไปนัก

นอกจากนี้ เธอยังไม่ยอมให้เขาจับหางของเธออีก เว้นแต่จะอยากถูกเธอกัดอย่างรุนแรงพอที่จะทิ้งร่องรอยเอาไว้แบบถาวร

วาห์นรู้ว่าเผ่ามนุษย์แมวนั้นจะทิ้งร่องรอยเอาไว้บนร่างของคู่ครองที่เข้ามาจับหาง โดยพวกเขาจะกัดเข้าที่ไหล่ของคนๆ นั้นแรงมากจนทิ้งรอยแผลเป็นไว้ให้

พอนึกถึงตอนที่เธอกัดลงไปบนเสื้อทันทีที่ถูกเขาจับหาง วาห์นก็เกือบจะอยากลองทดสอบดูอีกครั้ง แต่สุดท้ายแล้วก็ยั้งมือไว้ก่อน

วาห์นไม่รู้ว่าเอวาจะคิดยังไงหากเขาปรากฏตัวขึ้นในลูกแก้วพร้อมกับลอยกัดบนคอซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เธอเป็นคนทิ้งเอาไว้

เมื่อถึงเวลาที่วาห์นเตรียมตัวจะกลับ เกิดเรื่องน่าประหลาดใจหน่อยๆ เพราะคนที่ออกมาส่งเขานั้นไม่ใช่โคลอี้แต่กลับเป็นซีล

วาห์นแสดงสีหน้าอย่างชัดเจนว่ากำลังสับสน แต่ซีลก็หัวเราะกับท่าทางของเขาก่อนจะอธิบายให้ฟัง

“อย่าคิดมากเลยนะ ฉันแค่ขอโคลอี้เป็นการพิเศษเพื่อที่เราจะได้คุยกันเล็กน้อยน่ะ

คงจะไม่เป็นการรบกวนมากไปใช่ไหม วาห์น?”

วาห์นส่ายหน้าและตอบกลับไป

“ไม่หรอก ซีล ฉันเองก็อยากเป็นเพื่อนกับเธอ คุยกันแค่นี้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

พอได้ยินคำตอบของเขา ซีลจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคักอย่างพอใจและเผยสีหน้าร่าเริง

เธอเข้ามานั่งถัดจากเขาแทนการนั่งฝั่งตรงข้าม วาห์นจึงต้องเขยิบห่างเล็กน้อยเพื่อไม่ให้พวกเขานั่งชิดกันมากจนเกินไป

แน่นอนว่าหญิงสาวไม่ได้มองข้ามการเคลื่อนไหวเล็กๆ นั่นขณะเอนตัวลงกับโต๊ะก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถาม

“วาห์น จริงหรือเปล่าที่ว่าพวกสาวๆ ที่อาจกลายเป็นคนรักของนายในอนาคตได้ไปรวมตัวกันเมื่อวันก่อนน่ะ?

ฉันถามโคลอี้ไปบ้างแล้ว แต่เธอกลับอธิบายแค่นิดๆ หน่อยๆ เอง”

แม้จะมีสายตาที่ดู ‘เศร้าๆ’ แต่วาห์นก็เห็นว่าเธอไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้เท่าไหร่นักและดูเหมือนว่าแค่อยากจะเก็บข้อมูลเพิ่มเท่านั้นเอง

ออร่าอันแข็งแกร่งของเธอยังดูมั่นคงเช่นเดิมและไม่มีส่วนไหนที่ดูว้าวุ่นหรือสับสนเลย

มันยังดูอ่อนโยนและมีสีเงินเล็กน้อยแฝงอยู่ภายในสีเหลืองเจิดจ้าซึ่งก็หมายความว่าเธอไม่ได้มีเจตนาร้าย

วาห์นพยักหน้าและเริ่มอธิบายเป้าหมายของการรวมตัวโดยไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดสำคัญต่างๆ

เขาไม่อยากเป็นคนประเภทที่ต้องมารู้สึกละอายกับความสัมพันธ์ต่างๆ ก็เลยพูดทุกอย่างออกไปตามตรง

ซีลรับฟังด้วยสีหน้าร่าเริงพร้อมความรู้สึกสนใจสุดๆ ขณะพยายามตั้งคำถามเชิงจิตวิทยาเพื่อทำให้วาห์นเผยข้อมูลออกมามากกว่าเดิม

เนื่องจากความสามารถในการมองเห็นออร่า วาห์นจึงไม่หลงกลกับคำถามของเธอง่ายๆ แต่เขาก็ยังสงสัยว่าเรื่องแรงจูงใจของเธออยู่ดี

เธอดูเป็นคนที่เรียบร้อย สง่าผ่าเผย และชอบทำดีกับทุกคน แต่วาห์นยังสัมผัสได้ว่าเธอยังมีนิสัยที่ซุกซนและขี้สงสัยมากโดยเฉพาะหากมีเรื่องที่ตัวเองสงสัยแบบสุดๆ… เอาโกไลแอธมาฉุดก็คงห้ามไว้ไม่อยู่

เขาพบว่าเธอกำลังจ้องมาด้วยสีหน้าที่คล้ายกับเอน่ามาก และเป็นไปได้สูงว่าคงจะได้ข้อมูลจากการอ่านสีหน้าของเขาไปไม่น้อยเลย

เขารู้สึกว่าถึงอยากจะพูดโกหกออกไป แต่อีกฝ่ายก็คงดูออกอยู่ดี

จากมุมมองของซีลนั้น เธออดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับความสำเร็จและ ‘ความสามารถ’ ของวาห์น

แถมเขายังเล่ามันออกมาอย่างความตรงไปตรงมาและบิดเบือนข้อมูลส่วนที่เป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่นออกไปเล็กน้อย และนั่นทำให้เธอรู้สึกประทับใจมากและอยากจะรู้จักเขามากขึ้นเรื่อยๆ

แม้ทั้งคู่จะมีอายุห่างกันแค่สองปี แต่วาห์นช่างมีชีวิตที่ดู ‘หลากสีสัน’ และตอนนี้ก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คนที่มากความสามารถและจะช่วยให้อิทธิพลของเขาแผ่กระจายออกไปอย่างกว้างขวางในอนาคต

ขณะที่การสนทนาดำเนินไปเรื่อยๆ วาห์นก็พบว่าซีลนั้นพยายามขยับเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นและไม่เคยหลบสายตาในระหว่างที่พูดคุยกันแม้แต่ครั้งเดียว

ในที่สุดเธอก็เข้ามานั่งชิดติดกันขณะยังคงพูดคุยต่อไปโดยทำเป็นไม่รู้สึกถึงเรื่องนี้

แม้จะมีโอกาสได้สัมผัสตัวเธอหลายครั้งก่อนหน้านี้แต่วาห์นก็ไม่เคยก้าวข้ามเส้นๆ นั้นมาก่อนเลย

ในตอนนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตะลึงไปกับข้อมูลที่ปรากฏขึ้นมาในหัว

//ซีล โฟลว่า: ความชื่นชอบ +43, ความสนใจ +50//

[ซีล โฟลว่า]:ความชื่นชอบ: 93(ดึงดูด), ความสนใจ:100(อยากรู้อยากเห็นอย่างไม่รู้จักพอ)

ซีลสังเกตเห็นท่าทางเหม่อลอยของเขาขณะที่ประกายเล็กๆ เริ่มปรากฏขึ้นมาในดวงตาของหญิงสาว

“วาห์น เป็นอะไรไปเหรอ?”

ซีลทำราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ ขณะวางมือขวาของตนไปกับใบหน้าของเด็กหนุ่มและจับให้มันหันมาทางเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะมองเข้าไปในดวงตาของวาห์นเพื่อค้นหาสิ่งที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้

สมองของวาห์นว่างเปล่าไปชั่วครู่ ขณะที่เขาพยายามประมวลผลว่ามันเกิดอะไรขึ้น

โดยทั่วไปแล้ว ค่าความชื่นชอบและความสนใจของแต่ละคนนั้นจะเริ่มจาก 50/50 และเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ตามโอกาส

พอวาห์นได้สัมผัสกับคนๆ นั้น เขาก็จะได้เห็นค่าต่างๆ ที่ถูกซ่อนไว้ทั้งหมดในทันทีซึ่งก็หมายความว่าตั้งแต่ได้พบกับซีลครั้งแรกจนมาถึงตอนนี้ ค่าความชื่นชอบของเธอได้เพิ่มขึ้นมาแล้วถึง 43 แต้มขณะที่ค่าความสนใจนั้นมาถึงจุดสูงสุดแล้ว

เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยว่าตนไปทำอะไรให้หญิงสาวร่าเริงคนนี้รู้สึกประทับใจมากขนาดนั้น

แทนที่จะตอบคำถามนั่น วาห์นกลับจ้องเธอกลับไปแบบแปลกๆ และถามขึ้น

“ซีล เธอชอบฉันหรือเปล่า?”

ซีลจ้องวาห์นอยู่พักหนึ่งและดูเหมือนจะไม่สามารถประมวลผลคำถามดังกล่าวได้

หลังจากผ่านไปประมาณห้าวินาที ดวงตาของเธอก็สั่นไหวเล็กน้อยและเป็นครั้งแรกที่พวกมันเป็นฝ่ายหลบสายตาของเขาก่อน ขณะที่เริ่มมีรอยแดงปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าของเธออย่างชัดเจน

พอดูไปแล้วมันก็คล้ายกับท่าประจำของเลฟิย่ามากๆ เพราะตอนนี้ซีลกำลังหน้าแดงแจ๋ก่อนจะเข้ามากระซิบแบบงอนๆ

“อย่าแกล้งกันสิ คนใจร้าย…”

//[ซีล โฟลว่า] ค่าความชื่นชอบ +5//

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท