ตอนที่เทพสาวยื่น ‘ยาแก้พิษ’ ออกมาข้างหน้า วาห์นก็เฝ้ามองตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างละเอียด
เธอเป็นเทพธิดาตัวเล็กที่สูงเพียง 140 ซม. และมีรูปร่างบอบบางมาก
เช่นเดียวกับตาที่มีสองสี ผมของเธอเองก็มีสองสีโดยแบ่งข้างกันระหว่างสีขาวและดำ
เธอสวมหน้ากากสีขาวแบบเรียบๆ ที่ปกปิดใบหน้าเกือบหมดและมีส่วนโค้งตรงจมูกเล็กน้อย
เครื่องแต่งกายของเธอนั้นประกอบไปด้วยเสื้อติดซิปตัวใหญ่ที่ดูไม่สมกับขนาดตัว
และเพราะเธอไม่ได้ติดซิปไว้ วาห์นจึงสังเหตุเห็นหน้าอกแบนราบและผิวขาวซีดที่อยู่ด้านในสุด
เธอสวมกางเกงขาสั้นสีดำซึ่งแทบจะถูกเสื้อบังไว้จนมิดและถุงน่องสีดำยาวถึงต้นขากับรองเท้าบูทสีดำที่ยาวประมาณครึ่งน่อง
หากไม่ได้สังเกตดีๆ ก็อาจจะเห็นเป็นว่าเธอกำลังใส่แค่เสื้อเพียงอย่างเดียว
พอเห็นว่าวาห์นไม่ได้ดูตระหนกตกใจอะไรนัก เทพสาวก็เอียงศีรษะและยิ้มแบบวิกลจริตนิดๆ
“นายมีสกิล [ต้านทานสภาวะผิดปกติ] งั้นสิ~? แต่ก็ยังไม่พอหรอก
อย่างมากก็ทนได้นานคนอื่นนิดหน่อยถ้าไม่ได้ยาถอนพิษ~ ฉันว่านายยอมแพ้ก่อนจะเริ่มทรมานดีกว่านะ~!”
ดูเหมือนเธอจะคิดว่าวาห์นกำลังสู้กับพิษในร่างกายอยู่ แต่ความจริงแล้วเด็กหนุ่มไม่ได้เป็นอะไรเลยเนื่องจากคุณสมบัติพิเศษในเลือดของเขานั่นเอง
นั่นคือเหตุผลเดียวกับที่วาห์นไม่เมาจากการดื่มเหล้า
อะไรก็ตามที่เข้าสู่กระแสเลือดของเด็กหนุ่มนั้นจะไม่ส่งผลใดๆ ออกมาทั้งสิ้น
วาห์นขมวดคิ้วก่อนจะค่อยๆ ลด [เลวาไทน์] ลงและถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“เธอเป็นใคร? แล้วทำทั้งหมดนี่ไปทำไม?
ฉันอยากได้คำตอบ”
วาห์นยังคงชั่งน้ำหนักว่าจะจัดการกับเทพธิดาตรงหน้ายังไงดีเพราะดูเหมือนเธอจะไม่ใช่ประเภทนักสู้
แม้ว่าออร่าของเธอจะเป็นสีเหลืองสดใส แต่วาห์นก็ไม่สนใจเรื่องนั้นเลย เพราะหลังได้รู้จักกับโลกิ วาห์นก็รู้แล้วว่ามีเทพที่สามารถเปลี่ยนสีออร่าได้
และแม้ว่าเธอจะรู้สึกสนใจเขาจริงๆ วาห์นก็ไม่มีทางเชื่อใจเธอได้เพราะนั่นอาจเป็นความผิดเพี้ยนที่เกิดจากพลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอ
เมื่อเห็นว่าวาห์นยอมลดอาวุธลง เทพธิดาก็ยิ้มกว้างและเริ่มหัวเราะราวกับเด็กๆ ที่เพิ่งจะไปเล่นซนมา
เธอหรี่ตามองเขาก่อนจะพูดขึ้น
“ฉันชื่อลาเวอร์น่า~! และจากนี้ไปนายต้องมาทำงานให้ฉันแล้ว มาสนิทกันไว้เถอะ~!”
วาห์นส่ายหัวราวกับจะปฏิเสธคำพูดของเธอและถามต่อ
“ทำไมเธอถึงลักพาตัวสองคนนั้นมา แถมยังทรมานมิลานด้วย?
ถ้าจะใช้พวกเธอมาต่อรองก็ต้องดูแลกันให้ดีกว่านี้ไม่ใช่เหรอ?”
ลาเวอร์น่าเอียงหัวราวกับกำลังใคร่ครวญบางอย่าง ไม่กี่อึดใจต่อมา เธอก็ยักไหล่ก่อนจะหัวเราะพลางตอบเด็กหนุ่ม
“ฉันไม่เคยสั่งให้พวกเขาทรมานใครสักหน่อย
ก็แค่บอกให้ไปจับมนุษย์แมวตัวเล็กๆ มาเป็นตัวประกันเพราะดูเหมือนนายจะชอบเธอมาก
แต่ถ้าเกิดมีคนอื่นติดมาด้วย… มันก็ไม่เกี่ยวกับฉันแล้วสิ~!”
วาห์นขมวดคิ้วอย่างหนักและถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชากว่าเดิม
“พวกนั้นเป็นเด็กๆ ของเธอไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงปล่อยปะละเลยให้ทำกันขนาดนี้!”
เมื่อรู้ว่ามิลานไม่ได้อยู่ในแผนด้วยซ้ำ วาห์นจึงรู้สึกราวกับว่าแค่เธอรอดมาได้นี่ก็ถือว่าปาฏิหาริย์แค่ไหนแล้ว
หากมาช้ากว่านั้นไปอีกไม่กี่นาที เขาก็อาจช่วยเธอไว้ไม่ทันและทำให้ทีน่าต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า
ลาเวอร์น่าขมวดคิ้วก่อนจะพูดต่อ
“ฮึ่ม~ ที่ถามออกมานั่นคิดแล้วเหรอ?
ถ้าเจ้าพวกนั้นจ่ายค่าคุ้มครองกับทำตามที่ฉันสั่งมันก็โอเคแล้วนี่ เรื่องอื่นใครจะไปสนกัน?
สิ่งที่สำคัญสำหรับฉันก็แค่การเล่นสนุกกับการหารายได้เข้ากระเป๋าเท่านั้น
ทำไมฉันต้องสนใจว่าคนอื่นจะเป็นยังไงด้วยล่ะ?”
ดูเหมือนเธอจะสับสนกับการโวยวายของวาห์นจริงๆ และเริ่ม ‘ทำหน้ามุ่ย’ ขณะเขี่ยซิปที่เสื้อเล่น
ความรู้สึกเย็นยะเยือกในใจของวาห์นเริ่มขยายใหญ่ขึ้นขณะจ้องมองเทพธิดาผู้ไร้ความรับผิดชอบสิ้นดี
เขาถามพร้อมกับกัดฟันแน่น
“ที่บอกว่า ‘เล่นสนุกกับหารายได้’ นี่มันยังไงกัน?
สองอย่างนี้มันไปอยู่ตรงส่วนไหนในแผนของเธอ!?”
ขณะที่ถามออกไป วาห์นก็ตระหนักถึงเรื่องบางอย่างจนดวงตาที่ดูเกรี้ยวกราดนั้นเริ่มเบิกกว้าง
ดวงตาของลาเวอร์น่าเองก็เบิกกว้างเช่นกัน ก่อนที่เธอจะทุบกำปั้นลงบนฝ่ามืออีกข้างและอุทานออกมา
“จริงด้วยสิ! ขอบคุณนะที่เตือน~!
ฉันอยากให้นายทำพิธีสาบานว่าจะส่งมอบวัตถุดิบทั้งหมดที่เฮเฟสตัสให้ไว้มาด้วย~!
เรื่องนั้นสำคัญก็จริง แต่ตอนนี้ฉันสนใจเรื่องที่นายจะมาทำงานให้มากกว่า… ถ้ายังอยากได้ยาถอนพิษน่ะนะ~!”
เป็นอีกครั้งที่ลาเวอร์น่ายื่นยาแก้พิษออกมาตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
วาห์นห้อยหัวลงและรู้สึกว่าความโกรธในร่างกายกำลังขยายใหญ่ขึ้นควบคู่ไปกับความเย็นยะเยือกขณะที่เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอดกลั้น
“แต่เพราะเรื่องเงิน… เธอก็เลยลักพาผู้หญิงสองคนที่ฉันห่วงใย… เผาบ้านของพวกเธอลง…. และปล่อยให้หนึ่งในนั้นถูกทรมานเกือบตายงั้นเหรอ?
นี่กำลังจะบอกว่าไอ้เรื่องทั้งหมดนี่… ก็เพราะว่าเธออยากได้วัตถุดิบเนี่ยนะ!”
ลาเวอร์น่าส่ายหัวก่อนจะพูดแบบเป็นเหตุเป็นผล
“ก่อนอื่นเลย ฉันไม่รู้นะว่ามนุษย์แมวอีกคนสำคัญกับนายด้วย ไม่งั้นคงสั่งให้ไอ้พวกงี่เง่านั่นจับเธอไว้ตั้งแต่แรก
รู้ไหมว่าเป้าหมายรอบตัวนายที่ดูจัดการง่ายๆ นี่มันหายากขนาดไหน~?
และเรื่องที่สอง ฉันไม่สนใจหรอกว่าวัตถุดิบจะมีอะไรบ้าง แต่ถ้าเอาไปขายในตลาดมืดคงรวยเละแน่เลย!
ด้วยเงินมากมายขนาดนั้น สงสัยคงนอนตีพุงเล่นไปได้อีกนานแสนนาน~!”
วาห์นชกมือซ้ายไปที่ผนังอย่างรุนแรงขณะมองเทพสาวด้วยสีหน้าราวกับเพิ่งได้ยินสิ่งที่น่าขยะแขยงที่สุดบนโลกใบนี้
เขาเริ่มตะโกนใส่เธอแบบสุดเสียง
“ถ้าอยากได้เงินมากก็ไปทำงานหาเอาเองสิ เป็นง่อยหรือไง!!!?
ทำไมต้องทำให้ชีวิตคนอื่นพังพินาศเพราะเรื่องแค่นี้ด้วย!!!”
เนื่องจากระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างร้อนแรง วาห์นจึงเริ่มหอบหายใจขณะกำลังใช้แรงใจทั้งหมดที่มีเพื่อหักห้ามตัวเองไม่ให้สังหารเทพธิดาตรงหน้า
ลาเวอร์น่าแค่ถอนหายใจก่อนจะโบกมือไปมา
“น่าเบื่อจะตาย ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะถ้าให้คนอื่นทำแทนได้โดยแลกกับพรของฉัน
ฉันแค่อยากกินอาหารดีๆ ดื่มเหล้าแรงๆ แล้วก็เล่นกับผู้ชายแกร่งๆ~”
ราวกับเพิ่งนึกอะไรออกจากคำพูดของตัวเอง ลาเวอร์น่าเริ่มเลียริมฝีปากก่อนจะเปิดเสื้อออกเล็กน้อยซึ่งเผยให้เห็นหน้าอกไซส์มินิ
เธอหยิบขวดยาถอนพิษออกมาและเทของเหลวข้างในลงไปที่กลางลำตัวพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย้ายวน
“ที่จริงนายก็แกร่งใช่ย่อยนี่นา~
ไหนๆ ก็จะมาเป็นลูกน้องของฉันแล้ว… มาเป็นของเล่นให้ด้วยเลยละกัน~!
มาสิ ถ้ายอมทำพิธีสาบานล่ะก็ ฉันจะให้นายเลียยาถอนพิษนี่~”
ขณะพูด ลาเวอร์น่าก็ลากนิ้วไปตามท้องก่อนจะเริ่มหายใจแรงขึ้น
ก่อนจะรู้ว่าชั้นข้างบนกำลังถูกบุกรุกนั้น ลาเวอร์น่านั้นกำลัง ‘เล่นสนุก’ กับลูกน้องทั้งสามแบบสุดเหวี่ยง
เทพสาวชอบ ‘ฝึก’ ผู้ชายที่แข็งแกร่งให้เชื่องและเย้าแหย่จนพวกเขาต้องเป็นฝ่ายร้องขอ ‘ความเมตตา’ จากเธอ
การเห็นคนที่สามารถต้านพิษได้นานแบบวาห์นนั้นทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ
เธอจะทำให้เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนนี้เสพติดยาและความสุขจากเรือนร่างของเธอจนเขาต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ลิ้มลองมันอีกครั้ง
ตอนนี้จิตใจของวาห์นได้เข้าสู่ขั้นวิกฤติแล้ว
เขาเริ่มบีบอัดพลังเขตแดนให้เข้มข้นกว่าเดิมและใช้มันกดดันเทพวิกลจริตตรงหน้าที่หลงระเริงว่าตัวเองกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ
นอกจากจะวางแผนทำร้ายเขาเพื่อประโยชน์ของตัวเองแล้ว เธอยังลากคนที่เขารักเข้ามาเกี่ยวข้องและตอนนี้ยังพยายามเข้ามายั่วยวนเพื่อให้เขาร้องขอชีวิตอีก
ทุกอย่างเกี่ยวกับเทพองค์นี้นั้นมีแต่ความน่าขยะแขยง ไม่ว่าเธอจะดูไร้เดียงสาและบอบบางแค่ไหนก็ตาม
วาห์นใช้พลังในเฮือกสุดท้ายในการหักห้ามตัวและถามต่อ
“พลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอคืออะไร?”
ตอนนี้ลาเวอร์น่าเริ่มเหงื่อตกขณะพยายามต่อต้านพลังของวาห์นด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง
“ฉะ-ฉันเป็นเทพธิดาแห่งหัวขโมย การคดโกง การโกหก และการหลอกลวง
ตอนนี้จงตอบคำถามของฉันบ้าง วาห์น เมสัน… ว่านายเป็นตัวอะไรกันแน่!?”
ท่าทางขี้เล่นของลาเวอร์น่าได้หายไปหมดแล้ว ขณะที่ดวงตาทั้งสองของเธอก็เริ่มส่องประกายมากกว่าเดิม
เธอกำลังเตรียมที่จะใช้อาร์คานั่มออกมาต่อสู้กับเด็กหนุ่ม แม้ว่ามันจะส่งผลให้เธอต้องกลับไปอยู่บนสวรรค์ชั่วคราวก็ตาม
เนื่องจากเขาไม่มีทีท่าว่ากำลังถูกพิษเข้าเล่นงานอยู่เลย ลาเวอร์น่าจึงรู้ว่าร่างกายของวาห์นน่าจะมีอะไรที่ผิดแผกไปจากคนทั่วไปซึ่งก็ได้รับการยืนยันอย่างรวดเร็วเมื่อเขาส่งแรงกดดันออกมา
เท่าที่เธอเห็น วาห์นนั้นมีพลังศักดิ์สิทธิ์เป็นของตัวเองและเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไม่ใครคนอื่นรู้
เธอเริ่มสาปแช่งพวกเด็กๆ ในใจที่ไม่ได้เก็บข้อมูลให้ละเอียดกว่านี้
ลูกครึ่งเทพนั้นไม่ใช่อะไรที่ควรจะไปต่อกรด้วยแบบไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อน
ยิ่งเป็นลูกครึ่งเทพที่ได้รับการสนับสนุนจากสองในสามของแฟมิเลียอันดับต้นๆ ของเมืองด้วยแล้ว… เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่จุติลงมายังพื้นโลกที่ลาเวอร์น่ารู้สึกเสียใจจริงๆ ที่ไม่ได้คิดอะไรให้รอบคอบกว่านี้
วาห์นยก [เลวาไทน์] ขึ้นมาเล็กน้อย แต่สีหน้าของเขากลับดูเศร้าผิดกับท่าทาง
แม้จะไม่ได้ลดการระวังตัวลง แต่ลาเวอร์น่าก็รู้สึกว่าปฏิกิริยาของเขาดูแปลกๆ และทำให้เธออึดอัดกว่าเดิม
แรงกดดันที่ร่างกายของเทพสาวเริ่มจางลงจนเธอรู้สึกงงไปหมดแล้ว
ตอนแรกนั้นดูเหมือนว่าวาห์นกำลังจะลงมือเพราะความโกรธ แต่ตอนนี้เขากลับดูสงสารเธอแทน
แม้จะไม่รู้เหตุผล แต่ลาเวอร์น่าก็หยุดใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ขณะส่งยิ้มเย้ยหยันไปทางวาห์นซึ่งกำลังถือ [เลวาไทน์] ด้วยท่าทีลังเล
เธอถามขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์
“เป็นอะไรไป เกิดกลัวขึ้นมาหรือไง~? แต่นายก็รอบคอบดีเหมือนกันนะ~
ฉันขอเดาว่านายคงกำลังโกรธแบบสุดๆ แต่ก็ยังไม่บ้าพอที่จะทำลายกฎเหล็กใช่ไหม~?”
วาห์นมองเข้าไปในดวงตาสองสีนั่นและรู้สึกสมเพชกับพลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอจริงๆ
ราวกับโชคชะตากำลังเล่นตลกที่ทำให้เธอดูคล้ายเด็กไร้เดียงสาแต่กลับยัดเยียดเส้นทางน่ารังเกียจเป็นของแถมให้โดยที่เธอไม่อาจฝ่าฝืนมันได้
…และถ้าหากไม่มีร่างๆ หนึ่งโผล่มาทางด้านหลังของเทพสาว วาห์นก็ไม่แน่ใจว่าจะเอายังไงกับเธอต่อไปดี
ตอนนี้เขากลับจ้องมองเธอด้วยสีหน้าเศร้าๆ ก่อนจะหลับตาลงอย่างช้าๆ และเอ่ยขึ้น
“อาจจะต้องเปลี่ยนแผนกันหน่อยน่ะ
เพราะต่อให้ฉันฆ่าร่างที่อยู่ตรงหน้าไป วิญญาณของเธอก็จะกลับขึ้นไปบนสวรรค์เพื่อปล่อยข่าวเรื่องนี้อยู่ดี
ฉันจะให้คนอื่นจัดการแทนก็แล้วกัน…”
ลาเวอร์น่าหัวเราะให้กับการตอบสนองของเขาและดูเหมือนเธอจะสนุกอยู่กับ ‘สีหน้าหนักใจ’ ที่วาห์นกำลังทำอยู่มาก
เธอเปิดปากโดยหวังจะหยอกล้อเด็กหนุ่มต่อ แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ทำแบบนั้น… ลาเวอร์น่าก็รู้สึกถึงแรงกระแทกตรงหลังคอ 2 จุดที่มาพร้อมความเจ็บปวด
เพราะเปล่งเสียงออกมาไม่ได้ เธอจึงพยายามหันศีรษะและหมุนตัวเพื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้น แต่กล้ามเนื้อของเธอกลับไม่ตอบสนองอะไรเลย
ก่อนจะหมดสติไป เธอก็จ้องเข้าไปในดวงตาอันแสนเศร้าของวาห์นพร้อมกับที่เสียงของหญิงสาวดังขึ้นจากด้านหลัง
“วาห์นอาจทำใจลงมือเองไม่ได้… แต่ฉันไม่ใช่แบบนั้นนะ เนียะฮะฮ่า~!”
พอลาเวอร์น่าพยายามหันหัวอีกครั้งเพื่อดูหน้าคนพูด มีดคู่ตรงลำคอของเธอก็ถูกบิดอย่างแรงก่อนจะถูกดึงออก
ก่อนจะได้รู้ว่าใครเป็นผู้ ‘สังหาร’ ลาเวอร์น่าก็ล้มลงไปบนพื้นท่ามกลางทางเดินอันมืดมิด
ผ่านไปไม่นาน ร่างของเทพสาวก็เริ่มเปล่งแสงสีขาวก่อนจะสลายกลายเป็นอนุภาคเล็กๆ และหายไปในที่สุด
เธอหายไปในแบบที่คล้ายกับมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนด้วยเวลาเพียงชั่วพริบตา
ตลอดระยะเวลาสั้นๆ นี้ วาห์นได้เฝ้ามองเทพธิดาผู้โชคร้ายด้วยอารมณ์ที่หลากหลายในใจ
ก่อนจะมุ่งความสนใจไปยังหญิงสาวท่าทาง ‘ซุกซน’ ที่สวมฮู้ดสีน้ำเงินเข้มซึ่งมีช่องให้ ‘หูแมว’ ผ่านออกมา
เธอใช้ผ้าปิดหน้าและจมูกไว้อย่างมิดชิดแต่พอมองใกล้ๆ ก็จะเห็นดวงตาสีเขียวอันแสนคุ้นเคย
“ฉันขอโทษนะ โคลอี้…” วาห์นพูดพลางยิ้มเศร้าๆ