Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 202

ตอนที่ 202

จากช่วงเวลาสามวันภายในลูกแก้ว วาห์นนั้นใช้เวลาฝึกงานช่างไปเพียงครึ่งเดียวท่านั้น
เขามาถึงจุดที่ทำงานกับ ‘เปลวไฟนิรันดร์’ จนเกือบจะไร้ที่ติและสามารถรักษาวัตถุดิบไว้ได้กว่า 90% แถมวัตถุดิบที่ว่านั่นยังเป็นอะดาแมนไทน์และโอริแคลคัมซึ่งถือได้ว่าเป็นโลหะที่ยากที่สุดแล้ว
สิ่งสุดท้ายที่เขาต้องทำในตอนนี้ก็คือมุ่งเน้นการสร้างไอเท็มเพียงชิ้นเดียวที่จะยกระดับของสกิลขึ้นไปอีกขั้น
เนื่องจากขั้นตอนการจัดการวัตถุดิบนั้นถือว่าผ่านฉลุยแล้ว ขั้นต่อไปก็คือนำวัตถุดิบที่ได้มาสร้างเป็นไอเท็มตามที่เขาต้องการ

เวลาอีกครึ่งหนึ่งนั้น วาห์นใช้เพื่อผ่อนคลายกับเอวาที่กำลังอยู่ในช่วงว่าง่ายและเอาใจใส่เขามากเหลือเกินโดยทั้งสองต่างตามเอาใจซึ่งกันและกันอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น
ทั้คู่ต่างใช้เวลานี้เพื่อทำเกือบทุกอย่างด้วยกัน ทั้งทำอาหาร ทำความสะอาด อาบน้ำและนอนหลับ
มันแตกต่างจากแบบที่พวกเขาทำในอดีตมาก เพราะดูเหมือนเอวาจะเน้นไปที่การช่วยทำให้วาห์นผ่อนคลายเป็นหลัก ซึ่งเด็กหนุ่มก็รู้สึกซาบซึ้งจนบอกไม่ถูก
แม้จะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาแบบมิลานหรือทีน่า แต่จิตใจของเขาก็บอบช้ำไปบ้างและต้องการการพักฟื้น

หลังจากเติมวัตถุดิบต่างๆ และใช้เวลาออดอ้อนจนเอวายอมใจอ่อน วาห์นก็โน้มน้าวให้เธอปฏิบัติกับ (ไร้นาม) ให้ดีกว่าเดิมได้สำเร็จ
เขาบอกเธอว่าเมื่อมันวิวัฒนากาลขึ้นไปอีกขั้น (ไร้นาม) ก็จะดูน่ารักขึ้นเป็นกองแถมยังไม่ลืมด้วยว่าเธอเคยปฏิบัติกับมันยังไงบ้าง
ท้ายสุดแล้ว หญิงสาวก็ต้องยอมแพ้และลูบหัวสุนัขอันน่าชังของ (ไร้นาม) จนวาห์นถึงขั้นเห็นภาพลวงตาว่ามันกำลังร้องไห้อย่างมีความสุข
หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็กลับมายังห้องนอนก่อนที่เอวาจะดื่มเลือดของวาห์นอย่างโหยหายและคอยเฝ้ามองเด็กหนุ่มค่อยๆ สลายหายหายไปในอากาศ

เนื่องจากกำลังลูบหลังเอวาโดยหลับตาไว้และอยู่ในสภาพผ่อนคลายจิตใจแบบสุดๆ วาห์นจึงตื่นขึ้นในโลกจริงด้วยอาการเหม่อลอย
มือของเขายังคงลูบหลังหญิงสาวที่นอนอยู่บนแผงอกและตระหนักว่ามันให้ความรู้สึกที่ต่างไปจากเอวา
ลิลลี่นั้นกำลังฝันดีและเพลิดเพลินไปกับความอบอุ่นและกลิ่นกายของวาห์นขณะที่เธอกอดร่างกายของเขาไว้… ซึ่งมันตรงข้ามกับข้อเสนอที่บอกว่าจะมาเป็นหมอนข้างให้แบบลิบลับ
เมื่อรู้สึกว่ามีมือมาเคลื่อนไหวอยู่ตรงด้านหลัง เธอก็ตื่นขึ้นด้วยอาการงุนงงเนื่องจากวาห์นกำลังแสดงความใกล้ชิดออกมามากกว่าปกติ
ร่างกายของเธอออกจะแข็งทื่อในตอนแรก แต่แล้วมันก็เริ่มละลายอย่างรวดเร็วจากสัมผัสที่รู้สึกได้ตรงแผ่นหลัง

ไม่นานลิลลี่ก็รู้สึกร้อนรุ่มก่อนจะเริ่มดิ้นไปมาบนร่างของเด็กหนุ่มขณะพยายามคิดหาทางสนองความรู้สึกนี้กลับไป
น่าเสียดายที่การเคลื่อนไหวของลิลลี่ทำให้วาห์นรู้สึกตัวก่อนที่เขาจะเลิกผ้าห่มขึ้นและจ้องมองเธอด้วยสีหน้าสับสน
ท่าทางนั่นทำให้ลิลลี่เกิดความกล้าและพยายามคลานขึ้นมาเพื่อมอบจุมพิตให้ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว

วาห์นรู้สึกประหลาดใจมากแต่เขาก็แค่จูบเบาๆ ที่หน้าผากก่อนจะค่อยๆ ดึงตัวเธอให้ห่างจากใบหน้า
ดูเหมือนครั้งนี้หญิงสาวจะไม่ยอมง่ายๆ เพราะลิลลี่รั้งคอเขาไว้ราวกับปลาหมึกและพยายามจูบตรงริมฝีปากอย่างเอาเป็นเอาตาย
เนื่องจากวาห์นไม่อยากทำร้ายลิลลี่ และรอบนี้ตนก็มีส่วนผิด… เขาจึงพยายามรับมือกับเธออย่างเบามือที่สุด
เขารู้สึกประหลาดใจกับความแข็งแกร่งแบบฉับพลันของเธอมากจนต้องตัดสินใจจบเกมนี้ก่อนที่อีกฝ่ายจะบรรลุเป้าหมายสำเร็จ

วาห์นค่อยๆ เอื้อมมือไปด้านข้างก่อนจะหยิกที่เอวของลิลลี่จนเธอร้องเสียงหลงและถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อตระหนักถึงสิ่งที่วาห์นทำ เธอก็ได้แต่จ้องมองเขาอย่างเจ็บปวดและถามขึ้น
“เป็นอะไรไปเหรอ?… ฉันนึกว่านายอยากทำอะไรมากกว่าเดิมซะอีก…”
เธอมีน้ำตาคลอเบ้า และถ้าไม่ใช่เพราะวาห์นมองเห็นออร่าได้ เขาคงคิดว่าหญิงสาวกำลังรู้สึกเจ็บปวดมาก (TL: สรุปคือบีบน้ำตาเล่นละครสินะ)

ตอนนี้นาซ่าเองก็ตื่นขึ้นจากเสียงเอะอะโวยวายก่อนจะลุกขึ้นนั่งและจ้องมองลิลลี่ที่กำลัง ‘งอแง’
เท่าที่เชียนโธรปสาวพอเดาได้ ลิลลี่คงจะพยายามทำบางอย่างกับวาห์นจนเลยเถิดเกินไปแน่นอน
น่าแปลกที่วาห์นนั้นเป็นฝ่ายเอื้อมมือออกไปประคองใบหน้าของลิลลี่ไว้และเช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน

วาห์นพูดด้วยน้ำเสียงเชิงขอโทษ
“ขอโทษนะลิลลี่ เป็นความผิดฉันเอง
ฉัน… ฝันดีมากจนเผลอตัวไปหน่อย”
ขณะพูด เขาก็ยังคงลูบศีรษะและใบหน้าของลิลลี่ไปเรื่อยๆ จนพลูมน้อยเริ่มหยุดงอแง
หน้าของเธอมีสีแดงเล็กน้อยขณะยอมให้วาห์นลูบคลำต่อไปอีก
พอรู้สึกว่าเขากำลังจะหยุดมือ เธอก็ลืมตาและพูดขึ้น
“เจ็บจังเลย…”

ลิลลี่เลิกชุดนอนขึ้นมาและเผยให้เห็นสะโพกด้านข้างที่มีรอยแดงนิดๆ จากการถูกวาห์นหยิก
แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าลิลลี่แค่อยากใกล้ชิดต่ออีกหน่อย แต่วาห์นก็ยิ้มๆ ก่อนจะใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เพื่อบรรเทาอาการของเธอ
เนื่องจากมือของเขาอยู่ตรงนั้นพอดีและเธอเองก็ไม่ได้พยายามปกปิดอะไรไว้ วาห์นจึงสังเกตเห็นกางเกงชั้นในสีขาวบริสุทธิ์ที่มีลวดลายหวือหวาและดูไม่เหมาะกับร่างกายเล็กๆ ของเธอเท่าไหร่นัก

เพราะการรักษานั้นกินเวลาไม่นาน วาห์นจึงรีบเอามือออกขณะที่ลิลลี่ยังคงเลิกชุดขึ้นเพื่อตรวจสอบรอยหยิกต่อไปอีกหลายวินาที
วาห์นถอนหายใจให้กับความพยายามในการยั่วยวนอย่างไม่รู้จบก่อนจะขยี้หัวของหญิงสาวอย่างแรงจนเธอต้องใช้มือทั้งสองข้างเพื่อหยุดเขาไว้
พอจัดการกับตัวแสบเสร็จแล้ว วาห์นก็หันมาหานาซ่าที่เฝ้ามองดูทั้งคู่อย่างเงียบๆ ตั้งแต่ตอนลืมตาตื่นขึ้นมา
เพราะจำได้ว่าเธอเองก็ช่วยเขาไว้ไม่น้อย วาห์นจึงโน้มตัวไปข้างและจูบนาซ่าแบบสั้นๆ พลางลูบหัวอย่างเอ็นดู

การจูบแบบเซอร์ไพรส์นั่นทำเอานาซ่าช็อคไปนานพอสมควรเลย
มันไม่ใช่จูบแรกของพวกเขา แต่การถูกจูบตอนเพิ่งตื่นนอนนั้นยังถือว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับเธอ บวกกับเรื่องที่ทั้งสองนอนด้วยกันแถมตนยังใช้หัวไหล่ของเขาต่างหมอนด้วย
ตอนนี้สีแดงจางๆ บนใบหน้าของหญิงสาวก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มไปเรียบร้อยแล้ว
วาห์นยิ้มให้กับปฏิกิริยาของเธอพร้อมกับเข้าจูบอีกครั้งตรงหน้าผากก่อนจะคลานออกจากเตียงเพื่อเตรียมรับวันใหม่
มันยังเช้ามากและไม่มีการฝึกใดๆ ทันสิ้น (วาห์นบอกให้หยุดชดเชย) แต่วาห์นก็อยากติดต่อไปหาเฮเฟสตัสผ่านทางคัมภีร์สื่อสารของอนูบิส

ลิลลี่กับนาซ่าเองก็ตามเขามาติดๆ ก่อนจะเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยไม่พูดอะไรกัน
นาซ่านั้นยืนเปลี่ยนชุดอยู่ด้านหลังของเขา ทว่าลิลลี่กลับเริ่มรุกหนักอีกครั้งและมายืนเปลี่ยนชุดที่ด้านหน้าแทน
เนื่องจากสวมแค่ชุดนอนแบบชิ้นเดียว เธอจึงถอดมันออกอย่างรวดเร็วขณะที่วาห์นเตรียมปิดตา
ทว่าก่อนจะได้ทำแบบนั้น เขาก็ได้เห็นสภาพร่างแปลงของลิลลี่และรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
เป็นช่วงสั้นๆ ก่อนหลับตาที่วาห์นได้เห็นทุกอย่างแต่ก็ต้องแสร้งทำเป็นไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น

ลิลลี่เห็นแบบนั้นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเงียบๆ ก่อนจะกลับไปสวมชุดปกติ
เธอรู้สึกลังเลเพราะตั้งแต่ได้พบวาห์น ลิลลี่ก็ไม่ต้องทนสวมเสื้อผ้าชุดเดิมเป็นเวลาหลายวันโดยไม่ได้อาบน้ำอีกต่อไป
เธอตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังกลับไปแช่ออนเซ็นที่บ้านของสึบากิ และกำลังใช้เซลล์สมองทั้งหมดที่มีเพื่อคิดหาทางให้วาห์นไปด้วย

ขณะที่ลิลลี่กำลังวางแผนอยู่ในหัว วาห์นก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยโดยยังปิดตาอยู่พลางนึกถึงภาพเมื่อกี้นี้
เพราะรู้สึกคุ้นเคยกับร่างพยัคฆ์ขาวมาบ้างแล้ว เขาจึงสรุปได้ว่าร่างแปลงของลิลลี่นั้นดูเหมือนมากเว้นแต่บางส่วนที่มัน ‘น่ารัก’ กว่าที่ควรจะเป็น
ผมของเธอกลายเป็นสีขาวและมีลวดลายสีดำพร้อมกับหูเสืออันเล็กๆ ที่ยื่นออกมา
แม้แต่ตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้าซึ่งดูคล้ายกับเขาตอนแปลงร่างมาก
เนื่องจากลิลลี่สามารถเลียนแบบคุณสมบัติบางอย่างได้ด้วย ตอนนี้เธอน่าจะมีประสาทสัมผัสที่ดีกว่าเดิมและสายตาซึ่งสามารถมองเห็นในที่มืดได้

ทว่าสิ่งที่เขารู้สึกติดใจมากสุดๆ ก็คือขนสีขาวตรงแขนและตรงขาทั้งสองข้างรวมถึงกรงเล็บเล็กๆ น่ารักที่ปลายนิ้วมือและเท้า
มันไม่เหมือนกับกรงเล็บที่ยาวและดูแหลมคมของเขาเลยสักนิด
กรงเล็บของเธอนั้นเล็กมากจนไม่น่าจะเอามาใช้งานจริงได้เลย
ตรงฝ่ามือและนิ้วมือของเธอยังกลายเป็นผิวหนังที่ไวต่อการสัมผัสและวาห์นเดาว่าใต้ฝ่าเท้าก็คงจะเป็นแบบเดียวกัน (TL: ลองไปจับเท้าแมวมาพลิกเล่นดูครับ)
คุณสมบัติที่ดูโดดเด่นอีกอย่างก็คือหางของเสือที่ออกจะยาวเกินไปสำหรับเธอ
วาห์นตัดสินใจว่าจะถามเรื่องนี้ แต่แล้วเขาก็รู้สึกขัดแย้งเพราะเหมือนกับตัวเองกำลังส่งเสริมให้เธอทำอะไรเลยเถิดยิ่งกว่าเดิม
ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่เวทแปลงร่างของลิลลี่นั้นทำให้เขารู้สึกสนใจมาก โดยเฉพาะการที่มันสามารถเลียนแบบร่างพยัคฆ์ขาวได้มากถึงขนาดนี้

หลังจากเปลี่ยนชุดกันเสร็จหมดแล้ว วาห์นก็เปิดประตูห้องออกไปและพบกับทางเดินอันว่างเปล่าซึ่งไม่ค่อยจะเกิดขึ้นบ่อยนัก
สองสาวสังเกตเห็นการหยุดชะงักและเอ่ยปากถามอย่างสงสัย แต่วาห์นก็แค่ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มที่ดูเศร้าๆ
เขารู้ว่าชีวิตของตัวเองกำลังจะเปลี่ยนไปอีกครั้งและคาดไว้แล้วว่าน่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน
โดยเฉพาะหลังจากได้รับการแจ้งเตือนภารกิจสำเร็จขณะกำลังอุ้มทีน่าและเดินคู่ไปกับมิลาน
ขณะที่เดินนำไปยังห้องอาหารเพื่อเตรียมอาหารเช้า วาห์นก็มองดูระบบเพื่อยืนยันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

//ภารกิจสำเร็จ//

[ภารกิจ: สร้างพันธมิตร, ทำเพิ่มเติมได้]

ระดับ: A (I – SSS)

เป้าหมาย: โน้มน้าวเทพ/เทพธิดาเพื่อสร้างพันธมิตรระหว่างแฟมิเลีย จำนวนพันธมิตรในปัจจุบัน (4)

รางวัล: 10,000 OP x ระดับของแฟมิเลีย (S (ได้รับแล้ว), I: 10,000OP, F: 30,000OP, D: 50,000OP) ระดับความสำเร็จของภารกิจนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนพันธมิตรทั้งหมด

รางวัลจากเกรด: A: 40,000 OP (ได้รับ), 1x [นกหวีดรวมพล], 1x [ลูกปัดแห่งความทรหด], 1x [กล่องศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญ]

เป็นอีกครั้งที่ภารกิจ [สร้างพันธมิตร] เสร็จสมบูรณ์แถมยังเป็นแบบสามครั้งซ้อนด้วย
เขาได้รับรางวัลจากการมีแฟมิเลียระดับ F, I และ D มาเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตร ซึ่งรวมแล้วก็เป็น OP ทั้งหมด 90,000 แต้มและพอนำไปรวมกับที่มีอยู่แล้วก็จะเป็น 490,294 OP
ไอเท็มสามอย่างที่ได้รับมานั้นค่อนข้างดีและเข้ากับ [ธงรบบัญชาการ] จากครั้งก่อนมาก

[นกหวีดรวมพล]

ระดับ: พิเศษ

การใช้งาน: สร้างคลื่นความถี่เวทมนตร์ที่มีเพียงพันธมิตรเท่านั้นที่จะได้ยิน
เพิ่มความว่องไวเป็นเวลา 1 ชั่วโมงและสร้างการเชื่อมต่อที่มองไม่เห็น (แต่สัมผัสได้) เข้ากับตำแหน่งของเสียงนกหวีด
ระยะทำการ: ไม่จำกัด

[ลูกปัดแห่งความทรหด]

ระดับ: พิเศษ

การใช้งาน: เพิ่มค่าความทนทานของพันธมิตรในพื้นที่ขึ้นอีก 30% แต่จะลดความว่องไวลง 10% ภายในระยะเวลา 10 นาที
เปิดใช้งานด้วยการบีบลูกปัดให้แตกออกและจะส่งผลในระยะ 30 เมตร

[กล่องศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญ]

ระดับ: พิเศษ

การใช้งาน: ภาชนะบรรจุที่สามารถจัดเก็บโพชั่นพื้นฟูได้หนึ่งอย่างพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพของมันขึ้นอีก 5 เท่า
สามารถแปลงโพชั่นให้เป็นหมอกและกระจายผลของมันออกไปเป็นวงกว้างได้

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท