Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 200

ตอนที่ 200

ซีลจ้องมองกลุ่มคนที่ยืน ‘ทำการทดลอง’ กันแบบเอาเป็นเอาตายอย่างขันๆ
หลังจากช่วยจัดหาห้องสำหรับมิลานกับทีน่าและอธิบายสถานการณ์ต่างๆ ให้มามามีอาฟังแล้ว เธอก็รีบกลับมาชำเลืองมองออกนอกหน้าต่างและเห็นว่ากลุ่มของวาห์นยังปักหลักอยู่ที่เดิม
การได้เห็นพวกเขาทำกิจกรรมแปลกๆ นั่นทำให้เธอหัวเราะแบบเงียบๆ ก่อนจะเคาะที่หน้าต่าง

ช่วงนี้วาห์นมักจะพยายามเพลาๆ คนอื่น แต่รอบนี้เขาดันเผลอตัวไปหน่อยและกำลังติดอยู่ในบรรยากาศสีชมพูของพวกสาวๆ แทน
พอได้ยินเสียงเคาะเบาๆ เด็กหนุ่มก็สัมผัสได้ว่ามีใครบางคนแอบดูอยู่แถวนั้นด้วย
เขาหันไปรอบๆ และเห็นซีลที่กำลังจ้องมองทั้งกลุ่มผ่านหน้าต่างด้วยสีหน้าประหลาดใจพร้อมโบกไม้โบกมือให้
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที ก่อนจะโบกมือตอบด้วยการขยับมือเล็กน้อย

การกระทำของเขาทำให้คนอื่นเริ่มรู้ตัวและหันหน้ามามองซีลกันอย่างพร้อมเพรียง
ซีลเริ่มยิ้มกว้างกว่าเดิม ขณะที่ทุกคนเห็นได้ชัดว่าเธอกำลังป้องปากหัวเราะไปกับ ‘การแสดงสด’ ตรงหน้า
นาซ่าปลีกตัวออกจากแผ่นหลังของวาห์นและเริ่มหลบหน้าของทุกคน ขณะที่ทีโอน่ากลับหัวเราะตาม ‘คนดู’
ไอส์นั้นไม่ได้รู้สึกเร่งรีบอะไรนัก แถมเธอยังสูดดมวาห์นเป็นการปิดท้ายก่อนจะถอยออกไปยืนด้านข้าง
คนเดียวซึ่งดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นก็คือลิลลี่ที่ยังคงปักหลักอยู่แบบเดิม

แม้จะยังรู้สึกทำตัวไม่ถูก แต่วาห์นก็แก้เขินด้วยการหัวเราะไปกับทีโอน่าและขยี้ผมของลิลลี่ก่อนจะดึงตัวเธอออกมาอย่างนุ่มนวล
หญิงสาวตัวน้อยกำลังหน้าแดงจัดและวาห์นยังเห็นคราบน้ำตาบนใบหน้าของเธอได้อย่างชัดเจน
ลิลลี่เงยหน้ามองวาห์นด้วยสายตาหงุดหงิดและพูดเป็นเชิงขอโทษ
“ขอโทษนะที่ทำเกินไปหน่อย… เพราะนาซ่าคนเดียวเลย”

วาห์นพบว่าท่าทางของเธอนั้นดูน่ารักมากและเขาแทบจะหลุดขำเมื่อได้ยินคำพูดที่ตามมา
ใบหน้าของนาซ่ายิ่งแดงกว่าเดิมจนเธอต้องห้อยหัวและเอามือมาปิดหน้าไว้
ทีโอน่ารู้สึกสนุกไปกับท่าทางของเชียนโธรปสาวจนอดไม่ได้ที่จะหยอกเธอต่ออีกหน่อย
“ฮ่าๆ มาเขินอะไรเอาป่านนี้~?”
หลังจากบรรยากาศเริ่มสงบลงแล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าไปทางจัตุรัสบาเบล
ระหว่างการเดินทาง ลิลลี่ก็เข้ามาจับมือซ้ายของวาห์นไว้ ขณะที่ข้างขวานั้นตกเป็นของทีโอน่า
ไอส์ดูเหมือนจะเซ็งๆ ที่ออกตัวช้ากว่าเพื่อน แต่ก็ยังรักษาท่าทางนิ่งๆ และมาเดินข้างนาซ่าแทน
ถึงใบหน้าจะยังแดงๆ อยู่แต่เธอก็ดูดีขึ้นมากขณะพยายามชวนไอส์คุยเล็กน้อยซึ่งก็ไม่ได้รับการตอบสนองอะไรกลับมาเท่าไหร่

พอพวกเขามาถึงที่หมาย ทีโอน่ากับไอส์ก็ขอแยกตัวออกไปเพราะคฤหาสน์สนธยานั้นอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งของเมือง
แม้อยากจะตามวาห์นไปด้วยแต่วันนี้ทั้งสองก็ได้อยู่กับเขาแทบทั้งวันแล้ว พวกเธอจึงอยากเปิดโอกาสให้กับสาวๆ คนอื่นบ้าง (TL: เดตตอนกลางวัน + รีบไปช่วยตอนหัวค่ำ)
โลกิเองก็ปรามพวกเธอไว้บ้างแล้วก่อนจะยอมปล่อยให้มาด้วยกัน แถมเทพสาวยังสั่งนักสั่งหนาว่าให้กลับคฤหาสน์ทันทีที่มาถึงจัตุรัส

วาห์นสวมกอดทั้งสองไปนานพอสมควรก่อนจะจูบสั้นๆ เพื่อเป็นการบอกลา
เพราะมีนาซ่ากับลิลลี่อยู่ด้วย พวกเขาจึงพยายามสงวนท่าทีไว้บ้าง
ทั้งสองสัญญาว่าจะมาหาในเร็วๆ นี้ แต่วาห์นกลับขอให้พวกเธอเป็นฝ่ายรอเขาอยู่ที่คฤหาสน์สนธยาแทน
ช่วงนี้ตารางเวลาของวาห์นจะยุ่งมากและเขาไม่ต้องการให้พวกเธอมาแบบเสียเที่ยว

เขาสัญญาว่าจะไปพบพวกเธออีกครั้งในช่วงสุดสัปดาห์และยังบอกเรื่องงานฉลองวันเกิดของตัวเองที่เฮเฟสตัสกำลังจัดการอยู่ด้วย
พอได้ยินว่าเพิ่งพลาดวันเกิดของวาห์นไปแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทั้งสี่ก็รู้สึกตกใจมากและเริ่มถามคำถามมากมายก่อนจะแยกย้ายกลับบ้าน

ตอนนี้ก็ทีโอน่ากับไอส์ก็แยกตัวไปแล้ว นาซ่าจึงเริ่มใจกล้าอีกครั้งและเข้ามาจับมือขวาของวาห์นแทนขณะที่ทั้งสามมุ่งหน้าไปทางคฤหาสน์ของสึบากิ
ระหว่างทาง วาห์นก็เริ่มชวนคุยเรื่องความก้าวหน้าของทั้งสองในระหว่างที่ตนกำลังฝึกฝนและใช้เวลาอยู่กับอนูบิสแฟมิเลีย
เขาพบว่านาซ่าใกล้จะประสบความสำเร็จในการพัฒนาสกิล [ผสมวัตถุดิบ] ขึ้นไปอีกขั้น แต่เธอก็เริ่มอยากกลับไปฝึกเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นมาบ้างแล้ว
ส่วนลิลลี่เองก็ยังคงฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นกว่าเมื่อก่อนจนเกือบพร้อมที่จะขึ้นเป็นเลเวล 2 ในเร็ววันนี้

พอวาห์นได้ยินว่าทั้งสองต้องการที่จะแข็งแกร่งให้เร็วกว่าเดิม เขาจึงบอกเรื่องสกิล [โพรมีธีอุส] และสัญญาว่ามันน่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย
เมื่อได้ยินว่าสกิลนี้จะดึงเอาอารมณ์กับความรู้สึกต่อผู้ใช้สกิลมาเป็นตัววัด ทั้งสองก็เริ่มตื่นเต้นและแม้แต่นาซ่าเองก็ยังทำตัวใกล้ชิดแบบไม่สนใจสายตาของคนเดินผ่านไปมา
เนื่องจากวาห์นไม่ค่อยได้เห็นเธอส่ายหางบ่อยนัก เขาจึงรู้สึกดีขึ้นและคิดว่าน่าจะบอกพวกเธอให้เร็วกว่านี้

ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ทั้งสามก็มาถึงด้านนอกคฤหาสน์ของสึบากิและนิ่งเงียบกันไปพักหนึ่งก่อนที่ลิลลี่จะถามขึ้น
“คืนนี้นายอยากให้ฉันอยู่ด้วยไหม? ถ้ารู้สึกเหงา… ฉันไปเป็นหมอนข้างให้ก็ได้นะ”
วาห์เห็นว่าลิลลี่เริ่มมีท่าทางตื่นเต้น ดังนั้นเขาจึงลูบหัวเธอขณะพิจารณาข้อเสนอนี้
เขาไม่ได้ติดใจอะไรนักเพราะทั้งคู่ก็เคยนอนข้างกันในดันเจี้ยนมาหลายครั้งหลายหนโดยไม่มีปัญหาอะไร
แม้ตอนนี้จะ ‘ตื่นตัว’ เรื่องเพศตรงข้ามแล้ว แต่วาห์นก็ยังถือว่าลิลลี่นั้นเป็นกรณีเดียวกันกับทีน่า
พวกเธอมีขนาดตัวที่ใกล้เคียงกันแถมยังเป็นคู่แข่งกันด้วย แม้ว่าลิลลี่จะมีอายุมากกว่าถึงสามปีก็ตาม

ระหว่างที่วาห์นกำลังคิดคำตอบอยู่ นาซ่าก็ยื่นมือมาแนบอกตัวเองและพูดขึ้นบ้าง
“ฉันไปด้วย… ฉันก็เป็นห่วงนายนะ”
คิ้วของวาห์นเลิกขึ้นขณะที่ลิลลี่เองก็แอบชูนิ้วโป้งให้นาซ่าโดยที่วาห์นไม่เห็น
ตอนนี้ทั้งเธอ (และสาวๆ เกือบทุกคน) กำลังกังวลเรื่องสภาพจิตใจของวาห์นมาก ซึ่งหลักๆ ก็คือเรื่องที่เขาอาจจะรู้สึกโทษตัวเอง
ถึงเด็กหนุ่มจะพยายามทำตัวปกติ แค่พวกสาวๆ ก็ยังสังเกตเห็นสีหน้าบางช่วงบางตอนที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
แต่ถ้าถามกันตรงๆ แล้วพวกเธอคงไม่ปฏิเสธว่าตนแค่อยากจะใช้เวลาอยู่กับวาห์นบ้างเพราะแทบไม่ได้เจอกันเลยหลังจากที่เข้าฟื้นขึ้นมา
ช่วงที่ทั้งสองต่างฝึกฝนกันหนักเป็นพิเศษนั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะรู้สึกเครียดจากเรื่องนี้ด้วย

พอเห็นความกังวลของทั้งสอง วาห์นก็จำต้องยอมแพ้และรับข้อเสนอก่อนจะพาพวกเธอกลับไปบ้านด้วย
เนื่องจากทั้งลิลลี่และนาซ่าไม่เคยเข้าไปในนั้น วาห์นจึงทำการแก้ไขข่ายคุ้มกันที่ด้านนอกเสียก่อน
เมื่อมาถึงลานหน้าบ้าน วาห์นก็สังเห็นว่าลิลลี่นั้นดูตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมขณะที่นาซ่าเองก็ดูประหม่าเช่นกัน

ทันทีที่เข้าไปในห้องโถง ทั้งสามก็เห็นเหล่าสมาชิกของอนูบิสแฟมิเลียที่กำลังนั่งรอในท่าคุกเข่าอย่างเป็นระเบียบ
นานูเป็นคนแรกที่พูดขึ้นพร้อมก้มศีรษะเพื่อแสดงความเคารพ
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ นายท่าน”
การกระทำของเธอกระตุ้นให้คนอื่นๆ ทำตามเช่นกัน ในขณะที่ลิลลี่และนาซ่าต่างส่งสายตาแปลกมาทางวาห์น
“…บ้านนี้เขาทำแบบนี้กันตลอดเลยเหรอ?”

แม้ว่าจะค่อนข้างดึกแล้ว แต่ทั้งกลุ่มก็ทานอาหารค่ำแบบเป็นหมู่คณะหลังสลับกันไปอาบน้ำ
ลิลลี่กับนาซ่านั้นต่างตั้งใจว่าจะไปอาบน้ำกับวาห์นด้วย เพราะแม้แต่นาซ่าเองก็เคยทำแบบนั้นมาหลายครั้งแล้ว
ทว่านานูกลับเข้ามาขัดลาภและเริ่ม ‘สั่งสอน’ แบบเดียวกับที่ทีน่าเคยทำ
ลิลลี่ดูเหมือนจะรู้สึกเซ็งสุดๆ และสาบานในใจว่าจะไป ‘สั่งสอน’ ทีน่าเมื่อเจอกันครั้งหน้าว่าอะไรควรสอนอะไรไม่ควรสอน

ก่อนเข้านอน วาห์นก็แจ้งให้เด็กๆ ทราบว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุดชดเชยและขอให้พวกเขาพักกันอย่างเต็มที่
เพราะช่วงนี้คงจะมีเรื่องเข้ามามากมาย วาห์นจึงไม่อยากให้ทุกคนรู้สึกกดดันมากไป
เมื่อนานูรู้ว่าลิลลี่และนาซ่าจะไปนอนห้องเดียวกับวาห์น เธอก็อยากจะค้านรอบที่สองแต่ก็ทำไม่ได้เพราะครั้งนี้วาห์นเป็นฝ่ายอนุญาตเอง
เนื่องจากลิลลี่มีขนาดตัวที่เล็กกว่าแถมยังมีอายุไล่เลี่ยกับเธอ นานูจึงอยากแข่งกับ ‘ผู้บุกรุก’ คนนี้มากเป็นพิเศษ
ถ้าไม่ใช่เพราะหญิงสาวชาวพลูมเคยมีความสัมพันธ์กับวาห์นมาก่อน เธอคงไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ แน่นอน

วาห์นเห็นบรรยากาศแปลกๆ ระหว่างลิลลี่กับนานูก็เลยเข้ามาขยี้ผมของทั้งสองเพื่อห้ามทัพ
ถึงจะตระหนักว่าวาห์นกำลังทำเหมือนพวกเธอเป็นเด็กอมมือ แต่ต่างก็ไม่อยากดึงมือของเขาออกไปจากศีรษะ
พวกเธอยังคงจ้องหน้ากันไปเรื่อยๆ ซึ่งเด็กหนุ่มเหมือนจะมองเห็นประกายสายฟ้าแปลกๆ เพราะมีสายตาที่เฉียบคมกว่าคนทั่วไป

หลังเดินไปส่งนานูที่ห้องนอนแล้ว นาซ่า ลิลลี่ และวาห์นก็เข้าห้องและเตรียมตัวเข้านอนเช่นกัน
นาซ่านั้นดมกลิ่นรอบห้องทันทีที่เข้ามาถึง แต่วาห์นก็ไม่ได้พูดอะไรขณะเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า
ถึงจะแสร้งทำเป็นไม่เห็น แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าออร่าของทั้งสองกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง
จนกระทั่งวาห์นเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเสร็จและหันกลับมา พวกเธอถึงจะหันหน้าหนีและเริ่มเตรียมตัวเข้านอนบ้าง

พอนึกถึงเรื่องในอดีต ลิลลี่ก็เริ่มใจกล้าขึ้นก่อนจะเดินมาอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มและยื่นออกไป
“ช่วยเปลี่ยนชุดให้หน่อยได้ไหม…?”
แม้ท่าทางของเธอจะดูน่ารักและเรียกรอยยิ้มให้ตนได้มากแค่ไหน แต่วาห์นก็ยกนิ้วขึ้นมาดีดใส่หน้าผากเบาๆ ก่อนจะพูดตักเตือน
“อย่าให้มันเลยเถิดไปนะ ลิลลี่
วันนี้เราแค่มานอนด้วยกันเฉยๆ”

เด็กหนุ่มอาจลืมเรื่องค่าสถานะของตัวไป เพราะลิลลี่ต้องถูจุดที่วาห์นดีด ‘เบาๆ’ อยู่นานกว่าเธอจะรู้สึกดีขึ้น
มันเหมือนกับมีคนเอาค้อนมาทุบหัวมากกว่า แต่เธอก็คงตำหนิเขาไม่ได้เพราะเป็นฝ่ายรนหาที่เอง
สุดท้ายแล้ววาห์นก็ต้องใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เพื่อช่วยรักษาให้ก่อนจะขึ้นมานอนบนเตียงทันทีที่ลิลลี่เริ่มถอดเสื้อผ้า
เนื่องจากพวกเธอไม่ได้เข้าไปเอาชุดนอนที่คฤหาสน์ของสึบากิ นาซ่าจึงถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่ชุดชั้นในก่อนจะรวบรวมความกล้าและคลานขึ้นมาบนเตียง
ชุดชั้นในของเธอนั้นมีสีเขียวอ่อนที่ดูเรียบๆ แต่มันก็ขับให้ผิวขาวเนียนของเธอดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

พอรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวจากทางด้านซ้าย วาห์นก็ค่อยๆ หันไปทางลิลลี่บ้าง
เขาถอนหายใจโล่งใจเมื่อเห็นว่าเธอกำลังสวมชุดนอนของทีน่าอยู่
เนื่องจากเธอตัวเล็กกว่าทีน่า ชุดนอนจึงยาวจนเลยเข่าและแทบจะปกปิดร่างกายทุกส่วนเอาไว้
ถึงตอนนี้จะไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับลิลลี่แต่วาห์นก็รู้ดีว่าเธอรู้สึกยังไง และมันคงเป็นเป็นเรื่องยากหากต้องมารับมือเธอในสภาพที่มีแค่ชุดชั้นใน
เขาดูร้านค้าในระบบอยู่พักหนึ่งก่อนจะซื้อชุดนอนออกมาให้นาซ่าอย่างรวดเร็ว
หากช้ากว่านั้นอีกนิดเดียว เธอก็คงจะตื่นเต้นจนหมดสติไปแล้ว
นาซ่ารับชุดนอนไว้และใส่มันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมุดเข้าไปใต้ผ้าห่มทันที
วาห์นกะพริบตาปริบๆ ให้กับความว่องไวนั่นและเพิ่งตระหนักว่าเธอทำตัวน่ารักกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย

ขณะจ้องมองนาซ่าด้วยสีหน้าทึ่งๆ อยู่นั้น วาห์นก็ได้ยินเสียงเอ่ยถามขึ้นจากลิลลี่
“วาห์น ถ้าให้เลือก นายคิดว่าผู้หญิงเผ่าพันธุ์ไหนน่ารักที่สุดเหรอ?”
วาห์นหันไปหาลิลลี่ที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนเตียงขณะมองมาด้วยสีหน้า ‘จริงจัง’
เขาเริ่มนึกไตร่ตรองจนตระหนักถึงเรื่องเวทมนตร์ของเธอและตอบกลับไป
“ฉันไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลยนะ แต่ละเผ่าพันธุ์ก็ดูน่ารักต่างๆ กันไป เธอน่าจะเป็นตัวของตัวเองแล้วก็-”

ก่อนจะได้พูดจนจบ ลิลลี่ก็เอียงหัวและถามสวนกลับมา
“มีอะไรที่นายสนใจเป็นพิเศษหรือไม่เคยเห็นมาก่อนไหม?”
เพราะเธอดูจะไม่สนใจคำตอบของเขาเลย วาห์นจึงขมวดคิ้วขึ้นมาบ้าง
แต่ก่อนจะได้พูดอะไร ลิลลี่ก็เริ่มร่ายคาถาแบบเงียบๆ
ทันใดนั้น หูกับหางที่มีขนสีขาวก็งอกออกมาจากร่างของเธอ
วาห์นรู้ทันทีว่าลิลลี่กำลังเลียนแบบร่างพยัคฆ์ขาว เพราะแม้แต่เส้นผมของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีขาวและมีลวดลายสีดำเช่นกัน

ลิลลี่ยิ้มให้กับปฏิกิริยาของเขาก่อนจะคลานเข้ามานอนข้างๆ
“แบบนี้เราก็ดูเหมือนกันแล้วนะ~!”
เพราะชุดนอนของเธอเป็นแบบแขนยาว วาห์นจึงไม่ได้สังเกตในตอนแรกว่าลิลลี่ได้เปลี่ยนส่วนมือกับเท้าด้วย
พอเห็นอุ้งมือเล็กๆ นั่น ความ ‘อยาก’ ที่จะจิ้มพวกมันเล่นก็เริ่มผุดขึ้นมาทันทีแต่เขาก็ยังห้ามใจตัวเองไว้ทัน

วาห์นถอนหายใจแบบเซ็งๆ ขณะทำแบบเดียวกับที่ทำให้ทีน่าและจูบหน้าผากของทั้งสองก่อนจะล้มตัวลงบนหมอน
จากนั้นไม่นาน เขาก็รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวบางอย่างโดยนาซ่านั้นเข้ามาพิงหัวไหล่ขณะที่ลิลลี่กำลังใช้แผงอกของเขาแทนหมอน
วาห์นสัมผัสได้ว่าร่างกายของลิลลี่นั้นมีอุณหภูมิที่สูงกว่าของนาซ่า แต่ตอนนี้เชียนโธรปสาวกลับมีกลิ่นกายที่ค่อนข้างต่างไปจากเดิมมาก
พอจำได้ว่าพวกเชียนโธรปสามารถปล่อยฟีโรโมนออกมาจากส่วนหูซึ่งช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เด็กหนุ่มก็ตระหนักทันทีว่าเธอคงกำลังช่วยเขาอยู่

วาห์นยิ้มขณะเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกสบายที่พวกเธอช่วยกันสรรสร้างขึ้นมา
ช่วงก่อนที่จะหลับไป วาห์นนั้นสาบานได้เลยว่าเขาได้ยินเสียง ‘ฟุดฟิด’ จากนาซ่า ส่วนลิลลี่เองก็ค่อยๆ คลี่ฝ่ามือลงบนแผงอกของเขา
หลังตัดสินใจว่าคงคิดมากไปเอง วาห์นก็ปล่อยให้สติหลุดลอยเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน

(A/N: ชื่อตอนสำรอง: ‘ถ้ำมองชิลๆ ตามแบบฉบับของซีล’, ‘อุ้งมือไร้พ่าย’, ‘ความฝันสีดอกกุหลาบ’)

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท