พอออกจากร้านแล้ว วาห์นก็เดินมาที่คาเฟ่ซึ่งอยู่ใกล้กับหอคอยบาเบลก่อนเวลานัดหมาย
เด็กหนุ่มกำลังฮึกเหิมมากเป็นพิเศษเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้พบกับเฮสเทียและมีแนวโน้มว่าอาจทำพิธีเข้าร่วมแฟมิเลียกันเดี๋ยวนั้นเลย
แม้จะรู้สึกดีกับช่วงเวลาที่อยู่ในเฮเฟสตัสแฟมิเลีย แต่เขาก็ไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันหรือทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกสักอย่าง
นอกเหนือจากการได้รู้จักและพูดคุยกับบุคคลสำคัญบางคนในแฟมิเลียอย่างเฮเฟสตัส สึบากิและเวลฟ์ เขาก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับใครอีกเลย
แม้ความตั้งใจจะเปลี่ยนไปทีละนิดเมื่อความสัมพันธ์ของตัวเองกับเฮเฟสตัสเติบโตขึ้น แต่ความใฝ่ฝันที่จะได้เข้าร่วมเฮสเทียแฟมิเลียก็ยังไม่จางหายไปจากจิตใจของวาห์น
หนึ่งในเหตุผลที่เขาเข้าร่วมเฮเฟสตัสแฟมิเลียตั้งแต่แรกก็เพื่อจะได้พบกับเฮสเทียในอนาคตนี่แหละ
ตอนแรกนั้นวาห์นคาดว่าน่าจะได้พบเธอในอีก 2-3 ปีตามเนื้อเรื่องเดิม แต่ดูเหมือนว่าตัวเขาได้ทำให้เหตุการณ์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างใหญ่หลวงจนเทพสาวต้องจุติลงมาก่อนกำหนด
การที่เฮสเทียจุติลงมาเพื่อช่วยเหลือเฮเฟสตัส… หรือให้พูดอีกอย่างก็คือเพื่อเขาโดยเฉพาะนั้นทำให้วาห์นรู้สึกตื่นเต้นและตื้นตันใจมาก
พอมาถึงคาเฟ่ พนักงานประจำร้านก็พาวาห์นมานั่งที่โซนวีไอพีพร้อมเสิร์ฟกาแฟกับขนมให้ขณะที่เด็กหนุ่มเฝ้ารอการมาถึงของเฮเฟสตัสและคนอื่นๆ
เนื่องจากเป็นผู้ชื่นชอบขนมรสหวานโดยเฉพาะเมื่อนำมาทานคู่กับกาแฟ วาห์นจึงเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศสบายๆ แบบไม่คิดอะไรมาก
เพราะได้ยินว่าเฮสเทียจะจุติลงมาในช่วงตอนเที่ยงซึ่งนี่ก็ใกล้จะบ่ายโมงแล้ว วาห์นจึงเริ่มรู้สึกคาดหวังในขณะที่ความตื่นเต้นพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
—
สามชั่วโมงต่อมา วาห์นดื่มกาแฟเข้าไปหลายถ้วยแล้วและยังต้องขอตัวเข้าไปใช้ห้องน้ำหรูหราครั้งหนึ่งด้วย
แม้ระดับความตื่นเต้นจะยังไม่ลดลง แต่เขาก็เริ่มรู้สึกกังวลเล็กน้อยเพราะมันนานจนผิดปกติ
เขามองว่าไม่น่าจะมีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นโดยเฉพาะเมื่อโลกิเองก็น่าจะอยู่ที่นั่นด้วย แต่ความวิตกกังวลก็ยังคงไม่จางหายในขณะที่เวลาล่วงเลยต่อไปอีก
ในที่สุดก็มาถึงช่วงที่วาห์นต้องเข้าสู่ลูกแก้วและหลังผ่านไป 3 วันในนั้น ความตื่นเต้นของเด็กหนุ่มก็แทบจะไม่หลงเหลืออยู่เลย
แต่แทนที่จะกังวลต่อไปเรื่อยๆ วาห์นตัดสินใจมุ่งสมาธิไปที่การฝึก [มนตราแห่งอนันตกาล] แทน
เนื่องจากเขาสามารถเข้าสู่สภาวะเข้าฌานได้อย่างรวดเร็วโดยไม่สูญเสียการรับรู้รอบตัว มันจึงเป็นการฆ่าเวลาที่ดีที่สุด
หลังผ่านไปอีก 2-3 ชั่วโมง วาห์นตรวจสอบเวลาจากในระบบและเห็นว่ามันปาเข้าไป 2 ทุ่มแล้ว
เด็กหนุ่มเริ่มคิดว่าตัวเองอาจจำวันผิดแต่บูธนี่ก็ถูกจองไว้สำหรับวันนี้โดยเฉพาะ ไม่งั้นเขาจะมานั่งเล่นแบบนี้ตั้งนานสองนานได้ยังไงกัน
เพราะคาเฟ่จะปิดตอน 2 ทุ่ม วาห์นจึงเดินออกจากร้านไปด้วยความกังวลเล็กน้อย
เพราะยังเชื่อว่าคงไม่มีเหตุร้ายแรง วาห์นจึงถอนหายใจสั้นๆ ก่อนจะกลับสู่สภาพจิตใจปกติ
อากาศยามค่ำคืนนั้นค่อนข้างเย็นสบายและยังมีดวงดาวประดับประดาอยู่บนท้องฟ้าสวยงาม เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจเดินกลับไปพักที่โรงแรมอย่างไม่เร่งรีบ
เขาจะไปหาเฮเฟสตัสเพื่อถามเรื่องของเฮสเทียในวันพรุ่งนี้แทน
ขณะกำลังเดินไปตามท้องถนน วาห์นก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นร่างๆ หนึ่งที่เขาจำได้ไม่มีวันลืม
เธอกำลังเฝ้าดูเขาด้วยรอยยิ้มสดใสก่อนจะพูดขึ้น
“สวัสดียามเย็น~!”
หลังกล่าวคำทักทายแล้ว หญิงสาวก็จับคางของตัวเองด้วยสีหน้าครุ่นคิดขณะกำลัง ‘ประเมิน’ รูปร่างหน้าตาของเขาและเอ่ยถามต่อ
“ทำไมถึงมาเดินเล่นดึกป่านนี้แล้วทำยังหน้าเศร้าแบบนั้นอีกล่ะ?”
วาห์นยิ้มให้กับการละเล่นของอีกฝ่ายก่อนจะตอบกลับไป
“ฉันกำลังรอพบเทพธิดาอยู่น่ะ แต่ดูเหมือนวันนี้เธอคงจะไม่มาแล้ว…”
หญิงสาวตัวเล็กเริ่มหัวเราะอย่างเฮฮาก่อนจะพูดต่อ
“เอาน่า อย่างน้อยนายก็ได้มาเจอสาวสวยแบบฉันนี่ไง~!”
วาห์นพยักหน้าเป็นการตอบและพูดจาเห็นด้วย
“ก็จริงนะ ถ้าเทพธิดาคนนั้นสวยแบบเธอก็ดีสิ แบบนั้นต่อให้ต้องรอต่ออีกสัก 2-3 ปีฉันก็คงไม่ขัดข้อง”
คำพูด ‘เยินยอ’ และ ‘นอบน้อม’ ของวาห์นทำให้หญิงสาวตัวเล็กแอ่นอกอย่างภูมิใจ
“แหะๆ นายคิดว่าฉันสวยขนาดนั้นจริงเหรอ~?”
วาห์นพยักหน้าและพูดอย่างมั่นใจมาก
“อื้อ เธอดูเหมือนเทพธิดาที่ฉันจินตนาการไว้เลย ถ้าได้พบกันเร็วกว่านี้ล่ะก็…”
วาห์นมองไปที่ท้องฟ้าและจ้องมองดวงดาวพลางสงสัยว่าทำไมเฮสเทียถึงเล่นอะไรแผลงๆ แบบนี้
‘สาวสวย’ ที่เขาคุยด้วยมาพักหนึ่งนั้นที่จริงแล้วก็คือเฮสเทียนั่นเอง
วาห์นกำลังสงสัยว่าทำไมเธอถึงมารออยู่ด้านนอกคาเฟ่โดยที่ไม่มีคนอื่นมาด้วย
เพราะเด็กหนุ่มดูคิดหนักและสับสนจริงๆ เฮสเทียเลยคิด (ไปเอง) ว่าวาห์นคงรู้สึกเศร้าที่เธอปล่อยให้เขารอนาน
หลังการสนทนาอันแสนยืดยาวจบลง เทพตัวเล็กก็โน้มน้าวให้เฮเฟสตัสกับโลกิยอมให้เธอพบและวิเคราะห์วาห์นด้วยตัวเองก่อนจะตัดสินใจอะไรลงไป
ถึงตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้เขาเข้าร่วมแฟมิเลียของเธอแน่นอนไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง แต่เฮสเทียก็ยังอยากรู้ว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่
จากมุมมองของตัวเอง เธอเห็นว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่ ‘คิดยังไงก็แสดงออกมาแบบนั้น’
ดูเหมือนเขาจะปฏิบัติกับผู้อื่นเป็นอย่างดีและมีท่าทางเรื่อยๆ ซึ่งค่อนข้างกลมกลืนไปกับบรรยากาศในเวลานี้
หากเทพสาวรู้ว่าวาห์นกำลังใช้พลังเขตแดนในโหมดอำพรางล่ะก็… เธอคงจะได้ข้อสรุปที่ต่างออกไปเพราะปกติแล้ววาห์นนั้นยังห่างไกลจากคำว่า ‘ปกติ’ อยู่มาก
ขณะที่เด็กหนุ่มยังประมวลความคิดไม่เสร็จ เฮสเทียก็เข้ามาจับมือของเขาและถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ถ้าฉันเป็นเทพธิดาจริงๆ นายอยากจะมาเข้าแฟมิเลียของฉันแทนไหม?
ถึงจะไม่ใช่เทพธิดาที่นายกำลังรออยู่ แต่ฉันเชื่อว่านายต้องพบกับความสุขแน่นอน”
คำพูดนั่นทำให้วาห์นกลับมาสนใจเธออีกครั้งและเขาก็ได้แต่ส่ายหัวแบบยิ้มๆ
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง เธอคงจะเป็นเทพธิดาที่งดงามและใจดีมาก… แต่ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าร่วมแฟมิเลียของเทพธิดาคนนั้น
ถึงเราจะยังไม่เคยเจอหน้ากัน แต่เธอก็เป็นเทพที่คนสำคัญของฉันแนะนำมา”
มาถึงตรงนี้วาห์นก็คิดว่าเฮสเทียอาจวางแผนมาเจอเขาในลักษณะนี้ด้วยตัวเอง
เหตุผลยังอาจดูไม่แน่ชัด แต่วาห์นพอเข้าใจว่าเธอกำลังทดสอบเขาอยู่
เพราะรู้จักเธอเป็นอย่างดีจากในมังงะ วาห์นจึงเต็มใจที่จะเล่นตามเกมและดูว่าเทพตัวเล็กมีจุดประสงค์อะไรกันแน่
พอได้รับข้อเสนอให้เข้าร่วมแฟมิเลียของเธอ วาห์นก็เกือบจะตอบตกลงไปแล้วแต่จำได้เสียก่อนว่าตนเป็นคนบอกเองว่ากำลังรอเทพธิดา ‘ที่ยังไม่เคยเจอหน้ากัน’ อยู่
เนื่องจากพวกเขายังไม่ได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการ วาห์นคิดว่ามันคงแปลกมากหากเขารับข้อเสนอนี้ทันที
เฮสเทียยิ้มกว้างหลังถูก ‘ปฏิเสธ’ และวาห์นสังเกตเห็นว่าความชื่นชอบของเธอนั้นเพิ่มขึ้นจาก 66 เป็น 75 แต้มในครั้งเดียว
เธอเข้ามาจับมือเขาตอนเอ่ยถาม วาห์นจึงมองเห็นค่าต่างๆ ได้ตามปกติและพบว่าค่าความสนใจของเฮสเทียนั้นเหมือนกับของเทพธิดาคนอื่นๆ และไปอยู่ที่ 100 แต้มเรียบร้อยแล้ว
เทพสาวลดศีรษะต่ำลงราวกับกำลังสวดภาวนาบางอย่างก่อนจะจับมือของวาห์นด้วยมือทั้งสองข้างและยิ้มให้แบบกวนๆ
“แล้วถ้าฉัน… เป็นเทพธิดาที่นายกำลังรออยู่ล่ะ~?” เธอถามขึ้น
รอยยิ้มของวาห์นดูกว้างขึ้นเล็กน้อยขณะจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้า
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ฉันก็คงจะกลัวหน่อยๆ น่ะ”
คำตอบของเด็กหนุ่มทำให้เฮสเทียเอียงหัวอย่างสงสัย
“กลัวเหรอ~? ทำไมล่ะ?”
แววตาของวาห์นดูอ่อนลงขณะที่เขาพูดอย่างแผ่วเบา
“ฉันกลัวว่าชาตินี้จะใช้โชคไปหมดแล้ว
ถ้าเทพธิดาที่ฉันรออยู่เป็นเธอจริงๆ ล่ะก็… แฟมิเลียที่พวกเราสร้างจะต้องออกมาวิเศษแน่นอน” (TL: เลียซะ)
คำพูดนั่นทำให้รอยยิ้มของเฮสเทียกว้างยิ่งกว่าเดิมจนเทพสาวต้องยอมแพ้ให้กับความตื่นเต้นและเฉลยออกมาเอง
“สวัสดีวาห์น~! ฉันนี่แหละเฮสเทีย เพื่อนรักของเฮเฟสตัสไงล่ะ!
เธอส่งฉันมาที่นี่เพื่อพบนายแต่ฉันอยากดูว่านายเป็นคนแบบไหนกันแน่
ขอโทษนะที่ทำให้รอนาน!”
เมื่อเธอพูดจบ เฮสเทียก็ก้มหัวลงต่ำก่อนจะกลับขึ้นมายืนหลังตรงอีกครั้ง
คิ้วของวาห์นกระตุกเล็กน้อยจากการเคลื่อนไหวของหน้าอกขนาดมหึมา แต่เฮสเทียกลับคิด (ไปเอง) ว่าเด็กหนุ่มคงรู้สึกประหลาดใจกับการเผยตัวตนของเธอ
เธอเริ่มหัวเราะให้กับสีหน้าเหลือเชื่อ(?) ของวาห์นและถามขึ้น
“เอาไงต่อดีล่ะ~ นายยังอยากเข้าร่วมแฟมิเลียของเทพธิดาที่ ‘งดงาม’, ‘แสนใจดี’, ‘สุดจะอ่อนโยน’ และ ‘เป็นห่วงเป็นใย’ แบบฉันอยู่อีกไหมนะ~!?”
ขณะเอ่ยถาม เฮสเทียก็ใส่สิ่งที่วาห์นพูดและเพิ่มเติมของตัวเองเข้าไปแบบเต็มสูบ
แม้จะประหลาดใจกับความกระตือรือร้นของเทพสาว แต่มันก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาชอบเธอมากตั้งแต่ตอนอ่านมังงะแล้ว
“ฉันพร้อมมานานแล้วล่ะ เฮสเทีย… ถ้าเธอยังอยากรับฉันไว้อยู่นะ” วาห์นตอบพลางยิ้มอย่างมีความสุข
เมื่อได้ยินคำตอบตกลง เฮสเทียก็ไม่รีรออะไรอีกแล้วก่อนจะอ้าแขนกว้างและโดดเข้าใส่ใบหน้าของวาห์น
วาห์นคว้าร่างเล็กเอาไว้และพบว่ามันเป็นอะไรที่น่าหนักใจหน่อยๆ เนื่องจากขนาดตัวที่เล็กกระทัดรัดของเฮสเทียนั้นทำให้มือของเขาเกือบพลาดเป้าไปคว้าบั้นท้ายแทนที่จะเป็นเอวของเธอแทน
เธอนำใบหน้ามาถูกับเขาและพูดอย่างมีชีวิตชีวา
“ฮ่า~ ทำไมนายถึงน่ารักแบบนี้นะวาห์น~!? แน่นอนว่าต้องรับนายเข้าแฟมิเลียอยู่แล้วสิ ฉันถึงได้มาที่นี่ไง~!”
แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเฮสเทียเป็นพวกประเภท ‘ชอบเกาะแกะ’ เพราะเทพสาวมักจะตัวติดกับเบลล์อยู่ตลอด แต่วาห์นก็ยังประหลาดใจกับท่าทางของเธอในตอนนี้
เด็กหนุ่มไม่รู้เลยว่าเธอได้ใช้เวลากว่าสามชั่วโมงไปกับการติวเข้มว่าด้วยเรื่องของเขาจากเทพธิดาองค์อื่นๆ รวมถึงเอน่า และเริ่มเปิดใจยอมรับเขามาบ้างแล้ว
วาห์นไม่ได้เป็นแค่สามีในอนาคตของสหายรักเท่านั้น แต่เขายังเป็นเด็กหนุ่มที่ใจดีและกล่าวชมเธอแบบตรงไปตรงมาโดยไม่มีเค้าของการหลอกลวงเลยแม้แต่นิดเดียว (TL: น่าจะเป็นเพราะสกิลด้วยแหละนะ)
จากมุมมองของเฮสเทียและทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ยินมา เทพสาวคิดว่าเขาเป็นเด็กที่น่าทึ่ง… และความรู้สึกคาดหวังเล็กน้อยว่าจะ ‘ถูกตามใจ’ ก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธอเรียบร้อยแล้ว
ผ่านไปอีกชั่วอึดใจหลังการถูไถอันสุขสำราญ เฮสเทียดูเหมือนเพิ่งจะรู้สึกตัวและกระโดดลงมาจากร่างของวาห์นด้วยสีหน้าตกใจในการกระทำของตัวเอง
เธอเริ่มดิ้นรนกับความคิดในหัวสมองก่อนจะชี้มาที่เขาและพูดขึ้น
“จากนี้ไปนายเป็นเด็กในแฟมิเลียของฉันแล้วนะ~!
เพื่อแลกกับพรของฉัน นายจะต้องจัดหาที่พัก อาหารการกิน กับความบันเทิงต่างๆ ให้ด้วย!”
วาห์นพยักหน้าและรับฟังคำพูดของเธอ ‘อย่างตั้งใจ’ ขณะรู้สึกประหลาดใจไปกับพฤติกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ
เมื่อเห็นว่าเขากำลังฟังอย่างจริงจัง สีหน้าของเฮสเทียก็ดูอ่อนลงขณะพูดต่อ
“ถ้านายพยายามอย่างหนักเพื่อทำให้ฉันมีความสุขล่ะก็… ฉันก็จะพยายามหนักเป็นสองเท่าเพื่อทำให้แน่ใจว่านายจะได้รับความสุขเหมือนกัน
ความสุขคือสิ่งที่ผู้คนควรแบ่งปันให้แก่กันและถ้าหากมาร่วมมือกันแล้ว เราก็จะเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ และสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับตัวเราเอง แฟมิเลียของเรา และผู้คนรอบข้างได้อย่างแน่นอน”
คำพูดของเธอส่งผลกับวาห์นมากกว่าที่เขาคาดไว้ในขณะที่ความอบอุ่นเริ่มแผ่กระจายไปทั่วจิตใจและร่างกาย
เขารู้ว่าเธอเป็นคนที่สามารถพูดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจได้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่คาดฝันว่าจะได้รับฟังมันเร็วแบบนี้
คำพูดนั่นคล้ายกับสิ่งที่วาห์นใฝ่ฝันและพยายามอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา มันจึงทำให้เขารู้สึกกินใจเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นท่าทางของวาห์น รอยยิ้มของเฮสเทียก็ยิ่งกว้างขึ้นพร้อมกับยื่นมือออกมาข้างหน้า
“กลับบ้านกันเถอะ วาห์น…”
วาห์นจ้องไปที่มือเล็กๆ ก่อนจะยื่นมือของตัวเองออกมาอย่างลังเลและวางมันลงบนนั้น
แม้จะเล็กกว่ามือของเขามาก แต่วาห์นก็รู้สึกได้ถึงความปลอดภัยที่มันนำพามาให้
นั่นทำให้เฮสเทียยิ้มขณะมองมาที่ใบหน้าของเขาโดยไม่พูดอะไรเป็นเวลาหลายวินาที
ในที่สุดเธอก็เหมือนจะตระหนักถึงเรื่องบางอย่างจนรอยยิ้มมั่นใจเริ่มผิดแผกไปจากเดิม
“เอ่อ… แล้วบ้านอยู่ทางไหนเหรอ?” แหะๆ”