Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 224

ตอนที่ 224

พอทุกอย่างสงบลงเล็กน้อยและทุกคนได้ทานอาหารกับดื่มเครื่องดื่มกันไปบ้างแล้ว เฮเฟสตัส กับเอน่าก็ขอให้วาห์นมานั่งด้วยขณะที่ทั้งสองยืนขึ้นเพื่อพูดกับคนอื่นๆ
ในฐานะ ‘ภรรยาคนแรก’ อย่างเป็นทางการของวาห์น เป็นความรับผิดชอบของพวกเธอที่ต้องจัดระเบียบและทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมเพื่อให้ทุกคนสามัคคีกัน
โชคดีที่สาวๆ ส่วนใหญ่นั้นจริงใจกับวาห์นและยอมเข้ามาอยู่ในเครือข่ายที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ ‘วาห์นาตัส’ ครั้งล่าสุดอย่างไม่ติดขัด

เฮเฟสตัสยกแก้วไวน์และพูดขึ้นเป็นคนแรก
“ฉันอยากขอบคุณทุกคนที่สละเวลาเพื่อมางานในวันนี้… วันที่เราได้เฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของวาห์น
ถึงจะยังไม่ได้ประกาศออกไปอย่างเป็นทางการ แต่เกือบทุกคนที่นี่คงจะรู้เรื่องระหว่างวาห์น เอน่า และตัวฉันมาบ้างแล้ว”
เอน่าเข้ามาพูดต่อจากเฮสเฟสตัสอย่างรู้งาน
“ในฐานะ ‘ภรรยาคนแรก’ อย่างเป็นทางการของวาห์นโดยมีเฮเฟสตัสเป็นตัวแทนของฝั่งเทพธิดาและตัวฉันซึ่งเป็นตัวแทนจากฝั่งมนุษย์ เราอยากให้ทุกคนได้มาพบและแบ่งปันช่วงเวลาพิเศษนี้ร่วมกัน…”

นอกเหนือจากเวลฟ์แล้ว ทุกคนในนี้ต่างรู้เรื่องตำแหน่งของเฮเฟสตัสและเอน่าดี นั่นทำให้เด็กหนุ่มผมแดงเป็นคนเดียวที่ตกใจจนทำหน้าไม่ถูก
พอมองไปรอบๆ เขาก็รู้ว่าตัวเอง ‘ตกข่าว’ อีกแล้วและทำได้แค่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
เมื่อเอน่ากล่าวต่อไปและเริ่มอธิบายความจริงที่ว่าวาห์นนั้นไม่เคยฉลองวันเกิดมาก่อน เวลฟ์ก็เริ่มมอง ‘อดีตคู่แข่ง’ ด้วยแววตาเศร้าๆ

สาวๆ ทุกคนรู้เรื่องในอดีตของวาห์นหมดแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอได้ยินว่าเด็กหนุ่มนั้นไม่เคยมีโอกาสได้ฉลองวันเกิดตัวเองหรือวันพิเศษอื่นๆ มาก่อนเลย
บรรยากาศในงานดูเปลี่ยนไปทีละนิดโดยที่สาวๆ บางคนเริ่มแสดงสีหน้าเศร้าๆ ขณะที่บางส่วนนึกในใจว่าคงต้องทำอะไรเป็นพิเศษให้กับวาห์นเมื่อมีโอกาส
หากไม่ได้อยู่ห่างจากวาห์นไปสามช่วงเก้าอี้ ทีโอน่าก็คงเข้าไปกอดเพื่อปลอบโยนเขาแล้ว
แย่หน่อยที่อุปสรรคของเธอไม่ได้มีเพียงแค่นั้น เพราะนอกจากเรื่องระยะห่าง คนที่มานั่งขนาบข้างหญิงสาวก็คือไอส์กับทีโอเน่ซึ่งได้รับมอบหมายให้มาดูแลเธอโดยเฉพาะ

หลังอธิบายจบ เฮเฟสตัสก็ชูแก้วขึ้นเล็กน้อยเพื่อเป็นการสื่อให้ทุกคนทำตาม
จากนั้นเธอก็พูดด้วยเสียงอันดังซึ่งเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่ไว้ว่าใครก็คงสัมผัสได้
“เรามารวมตัวกันในวันนี้ก็เพื่อฉลองการเกิดและอวยพรให้วันต่อๆ ไปของเขาเต็มไปด้วยความสุข แด่วาห์น!”
“““สุขสันต์วันเกิดนะวาห์น~!””” ทุกคนตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียง

วาห์นเองก็ชูแก้วของตัวเองขึ้นเพื่อน้อมรับคำอวยพร
การได้ยินเสียงของทุกคนนั้นทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมและตื้นตันมาก
ทุกคนที่อยู่ที่นี่นั้นรู้จักเขาดี แถมส่วนใหญ่ยังเป็นคนรัก ภรรยา และคนใกล้ชิดแทบทั้งสิ้น
นอกจากออร่าของทุกคนที่ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาหาโดยมีวาห์นเป็นศูนย์กลางแล้ว สีหน้าที่แสดงถึงความห่วงใหญ่และเป็นห่วงก็กำลังกัดกินกำแพงในจิตใจของเขาจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม

เมื่อสิ้นเสียงคำอวยพร น้ำตาของเด็กหนุ่มที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ ก็เริ่มไหลทะลักออกมาไม่หยุด
ทุกคนต่างให้ความสนใจกับเขาซึ่งแม้แต่เวลฟ์เองก็ยังอยากร้องไห้ตามไปด้วย
เฮเฟสตัสและเอน่าที่นั่งอยู่ข้างๆ ต่างขยับเข้ามากอดวาห์นพร้อมกัน ราวกับว่าทั้งสองกำลังปกป้องเขาจากภัยอันตรายทั้งปวง
แม้จะสงวนท่าทีอยู่ตลอดแต่นับวันเอน่าก็ยิ่งใจอ่อนลง โดยเฉพาะเมื่อสามีในอนาคตของเธอกำลังอยู่ในสภาพที่อ่อนแอถึงขีดสุด

เป็นช่วงเวลาหลายนาทีที่วาห์นทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากร้องไห้และกล่าวขอบคุณทุกคนซ้ำไปซ้ำมา
แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างหนักเพื่อฝึกตนให้แข็งแกร่งขึ้น…
แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างหนักเพื่อสนองความคาดหวังและช่วยแบกรับภาระของคนอื่น…
แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างหนักเพื่อก้าวข้ามสถานการณ์เฉียดตายหลายครั้งหลายหน…
ทว่ากลับเป็นช่วงเวลานี้เองที่ทำให้วาห์นรู้สึกยินดีกับการได้มาอยู่บนโลกใบนี้
ที่นี่, ตอนนี้, และในที่แห่งนี้ที่เด็กหนุ่มเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าคนอื่นๆ ให้ความสำคัญกับเขามากแค่ไหน
แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้รู้จักกับทุกคน แต่มันก็ไม่ต่างอะไรกับตอนที่มารดาผู้ล่วงลับไปแล้วเคยแสดงออกมาให้เขาเห็น
ทั้งความอ่อนโยน ความห่วงใย หรือแม้แต่ความรัก… ทุกอย่างมารวมกันอยู่ตรงนี้หมดแล้ว

อารมณ์ของเด็กหนุ่มอาจทำให้บรรยากาศดูเศร้าหมองลง แต่คงไม่มีใครกล่าวโทษเขาเพราะต่างรู้ดีว่ากว่าจะมาถึงจุดๆ นี้ได้นั้นวาห์นต้องผ่านอะไรมาบ้าง
พอเด็กหนุ่มเริ่มสงบลงแล้ว เฮเฟสตัสกับเอน่าก็ช่วยพยุงเขาขึ้นจากโต๊ะเพื่อรับอ้อมกอดและคำอวยพรจากเหล่าแขกที่มางาน
ทุกอ้อมกอดเป็นเหมือนประสบการณ์ใหม่ที่ส่งผลต่อวาห์นอย่างมาก
เขาต้องการที่จะปกป้องความรู้สึกนี้เอาไว้และจะไม่ยอมปล่อยให้มันหลุดหายไปเด็ดขาด
คนแรกที่เดินเข้ามาหาก็คือทีโอน่าที่ร้องไห้ออกมาเช่นกัน แต่เธอก็ยังยิ้มให้พลางเข้ามาสวมกวด
แม้จะไม่ได้จูบ แต่ทั้งสองก็ซบหน้าผากเข้าด้วยกันอย่างใมกล้ชิด
“ฉันดีใจที่นายเกิดมานะวาห์น… ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง… สำหรับอดีตที่ผ่านมา สำหรับตอนนี้ และสำหรับอนาคตที่จะมาถึง… นับจากนี้และต่อๆ ไป”

คำพูดของทีโอน่าทำให้หัวใจของวาห์นบิดไปมา
“ทีโอน่า ฉันขอสาบานว่าสักวันเราจะได้สร้างครอบครัวที่มีความสุขด้วยกัน… สร้างสถานที่ที่เราสามารถเลี้ยงดูลูกๆ ได้โดยไม่ต้องปล่อยให้พวกเขาทุกข์ทรมาน…”
มันเป็นคำสัญญาที่ฟังดูน่าหลงใหลมากเสียจนทีโอน่าได้แต่หัวเราะและลืมเรื่องโชคชะตาของชาวอเมซอนไปชั่วขณะ
“ฉันเชื่อนายนะ… ยังไงซะนายก็ยังเป็นวีรบุรุษของฉันไม่มีวันเปลี่ยน~”

หลังจากทีโอน่าก็เป็นตาของไอส์ที่เข้ามากอดด้วยแรงมหาศาลแต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความอ่อนโยน
ทั้งสองไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งไอส์เริ่มขมวดคิ้วและพูดยาวกว่าปกติเล็กน้อย
“ต่อไปเราจะฉลองแบบนี้ด้วยกันทุกปี…”
เธอหันหัวไปมองคนอื่นก่อนจะกลับมาสบตาวาห์นและพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ฉันอยากให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ… อยากให้มีนายอยู่ด้วย”
ไอส์หยุดสนใจสิ่งรอบข้างไปชั่วขณะและเอนกายเข้ามาจูบวาห์นที่ริมฝีปาก

วาห์นรู้สึกถึงความอบอุ่นที่พุ่งสูงขึ้นขณะจูบตอบและวางมือไว้บนเอวบางอย่างเคยชิน
ไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็ผละออกไปพร้อมรอยยิ้มที่ผู้ชายคนอื่นคงไม่มีวันจะได้เห็นหากวาห์นไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย
จากนั้นไอส์ก็เดินไปยืนถัดจากทีโอน่าซึ่งวาห์นเหลือบไปเห็นหญิงสาวชาวอเมซอนพึมพำประมาณว่า ‘คราวหน้าฉันจะจูบให้หนำใจเลย’

ลิลลี่เหมือนอยากเป็นคนต่อไปที่จะเข้ามาหาวาห์น แต่แล้วโคลอี้ก็ก้าวออกมาตัดหน้าเสียก่อน และก่อนที่เธอจะได้ปริปากบ่น หญิงสาวเผ่ามนุษย์แมวแสนซนก็สวมกอดวาห์นและพรมจูบตรงริมฝีปากไปเรียบร้อยแล้ว
วาห์นรู้สึกประหลาดใจหน่อยๆ แต่เขาก็ยิ้มให้และจ้องเข้าไปในดวงตาสีเขียวของเธอ
โคลอี้นั้นมักจะโผล่มาในช่วงที่เขาต้องการเธอมากที่สุด
เธอเป็นคนแรกที่นำทางเขา สั่งสอนพื้นฐานการอยู่ร่วมกับคนอื่นให้กับเขา แล้วก็ยังมีเรื่องเดต…
ตอนนี้วาห์นไม่ต้องให้โคลอี้มาบอกใบ้หรือสอนสั่งใดๆ ทั้งสิ้นก่อนที่เขาจะอ้อมมือไปข้างหลังเพื่อสัมผัสกับริบบิ้นตรงโคนหางสีดำ
รอยยิ้มของหญิงสาวดูกว้างขึ้นอีกก่อนที่เธอจะวางมือไว้ตรงตำแหน่งเหนือหัวใจของเขาและก้าวหลบไปด้านข้างโดยไม่พูดอะไร

—————
สนับสนุนนิยาย.อย่างถูก.ต้องได้.ที่: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP

—————

ครั้งนี้ลิลลี่หมายมั่นว่าจะต้องไม่โดนใคร ‘แย่งซีน’ อีกเป็นครั้งที่สอง
เธอรีบก้าวมาข้างหน้าและล็อคแขนเข้ากับเอวของวาห์นไว้อย่างแน่นหนา
เป็นการกระทำที่เด็ดเดี่ยวมาก ทว่าความรู้สึกในใจของเธอนั้นกลับตรงกันข้ามกันเลย
ขณะลูบหัวเธออย่างเอ็นดู วาห์นรู้สึกได้ถึงน้ำตาเปียกๆ ตรงส่วนที่กำลังถูกซบได้อย่างชัดเจน
ตอนนี้ลิลลี่อยู่ในร่างปกติซึ่งวาห์นคิดว่าเหมาะกับเธอที่สุดแล้ว
เธอกระซิบเบามากเสียจนที่แต่พวกหูดีจริงๆ เท่านั้นที่จะได้ยิน
“ฉันเองก็ไม่ได้ฉลองวันเกิดของตัวเองเหมือนกัน… ต่อไปเรามาฉลองด้วยกันนะ…”

เพราะสภาพจิตใจของวาห์นนั้นอยู่ในช่วงที่เปราะบางมาก เรื่องเศร้าที่ได้ยินในตอนนี้จึงส่งผลกับเขามากกว่าปกติ
“ลิลลี่ ฉันสาบานว่าจะอยู่ด้วยทุกครั้งที่เธอต้องการ
ไม่ใช่แค่ตอนวันเกิดเท่านั้นนะ แต่ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรหรือช่วงเวลาไหนก็ตาม…” มันเป็นคำพูดที่มาพร้อมอ้อมกอดอย่างรุนแรง
เพราะรู้ดีว่าลิลลี่ต้องเจอกับอะไรมาบ้าง กำแพงจิตใจของเธอนั้นดูจะสูงยิ่งกว่าเขาเสียอีก
แม้แต่ตอนนี้เอง ค่าความชื่นชอบของเธอก็ยังติดอยู่ที่ 99 ซึ่งวาห์นไม่รู้ว่าลิลลี่จะเปิดใจให้กับเขาหรือคนอื่นเมื่อไหร่

ลิลลี่ร้องไห้ไม่หยุดตั้งแต่ตอนเดินเข้าถึงแล้ว ตอนนี้เธอก็ยังกอดเอวของวาห์นไว้ราวกับมันเป็นที่พึ่งสุดท้ายบนโลก
คำสัญญาจากคนที่ตนรักมากที่สุด… ไม่ว่าอยากจะเชื่อมั่นมากขนาดไหน แต่เธอรู้ใจตัวเองดีว่าคง ‘เชื่อได้ไม่เต็มร้อย’
ตอนนี้ลิลลี่ก็ยังไม่ได้ย้ายไปอยู่กับวาห์น นั่นทำให้เธอรู้สึกว่าเขาดู ‘ห่างเหิน’ อยู่บ้าง
แต่บางครั้งคนเราก็สามารถเรียกเอาความกล้าออกมาจากเรื่องแย่ๆ ได้ และนั่นก็เป็นสิ่งที่ลิลลี่กำลังทำอยู่ในตอนนี้
“…ในวันเกิดครั้งต่อไปของฉัน… ฉันอยากให้เรามาฉลองด้วยกันแค่สองคน
ถ้าตอนนั้นฉันไปถึงเลเวล 3… อยากให้นายรับฉันไว้… ในฐานะคนรัก”

วาห์นรับฟังทุกคำพูดอย่างตั้งใจและเริ่มพิจารณาอย่างจริงจัง
ตอนนี้ลิลลี่มีอายุ 13 ปี ซึ่งน้อยกว่าเขาเพียงปีเดียว นั่นก็หมายความว่าเธอจะย่างเข้า 14 ปี ในอีก 10 เดือนซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าเธออาจทำอย่างที่พูดได้
เลเวล 3 นั้นเป็นเส้นแบ่งระหว่างมือใหม่กับนักผจญภัยเจนศึกซึ่งวาห์นนึกไม่ออกเลยว่าตอนนั้นลิลลี่จะ ‘แข็งแกร่ง’ มากแค่ไหน
แม้จะกังวลเรื่องความต่างของขนาดตัว วาห์นในตอนนี้นั้นคงไม่อาจปฏิเสธความกล้าและเด็ดเดี่ยวที่หญิงสาวแสดงออกมาได้
“ตกลงลิลลี่ ฉันสัญญา…”

ความเศร้าทั้งหมดบนใบหน้าของลิลลี่นั้นมลายหายไปทันที
แววตาของเธอเต็มไปด้วยความแน่วแน่ซึ่งก็ตามมาด้วยการกระทำที่เหนือความคาดหมายเช่นการโน้มร่างของเขาลงมาและจูบตรงแก้ม
วาห์นต้องประหลาดใจอีกครั้ง… เมื่อลิลลี่พยายามเลื่อนตำแหน่งมาที่ริมปากจนเขาก็เลยต้องหยุดเธอไว้ก่อน
แม้จะยังไม่อยากถอยออกไป แต่สีหน้าของเธอก็ดูดีกว่าเดิมมากขณะก้าวออกไปด้านข้างพร้อมรอยยิ้ม
เธอมองตรงมาทางสึบากิและพูดอย่างมั่นใจ

“ต่อจากนี้ขอฝึกเพิ่มเป็นสามเท่านะคะ~!”

หลังจากจบตาของลิลลี่… ทุกอย่างก็เริ่มเตลิดออกไปไกลกว่าเดิมจากการที่ทุกคนเตรียมคิด ‘สัญญา’ ของตัวเองโดยเริ่มจากนาซ่าซึ่งเป็นคนถัดไป
แม้จะเป็นหญิงสาวที่มักสงวนท่าทีเวลาอยู่ในหมู่คนเยอะๆ แต่เธอก็ตรงเข้ามาจูบวาห์นเป็นอย่างแรกเช่นกัน (ก่อนจะก้มหน้าลงเพราะไม่กล้าสบตากับคนอื่น)
ถึงจะรู้ว่ามีพวกหูดีอยู่เต็มไปหมด แต่สุดท้ายแล้วเธอก็พูดมันออกมาได้สำเร็จ
“ฉันอยากเข้าร่วมแฟมิเลียของนายในอนาคต… จากนั้น… ถ้าฉันพัฒนาสกิลขึ้นไปได้อีกขั้น…”

ยิ่งพูดนานขึ้น ความเขินอายของนาซ่าก็ยิ่งมากขึ้น แต่วาห์นพอเข้าใจแล้วว่าเธอกำลังพยายามจะบอกอะไร
“ฉันเองก็มีสกิล [ผสมวัตถุดิบ] เหมือนกัน เรา… พัฒนามันไปด้วยกันดีไหม?”
แม้สีหน้าจะไม่เปลี่ยน แต่ใบหน้าของนาซ่าก็แดงขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะเรียกได้ว่าเป็น ‘เลฟิย่า II’
เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตาพร้อมรอยยิ้มนิดๆ
“ได้แบบนั้นก็ดี”

ถัดจากนาซ่าก็เป็นคนที่น่าประหลาดใจอย่างโลกิซึ่งทำเอาวาห์นอึ้งไปนานเหมือนกัน
เขาไม่คิดว่าจะได้รับอ้อมกอดที่อ่อนโยนแบบนี้จากเทพสาว แถมเธอยังไม่ได้เล่นอะไรแผลงๆ ตามแบบฉบับตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว
เทพธิดาจอมเจ้าเล่ห์ไม่ได้เอ่ย ‘คำสัญญา’ แบบคนอื่น เธอแค่ยิ้มและพูดกับเขาสั้นๆ
“ขอให้มีชีวิตยืนยาวนะวาห์น… แค่นายยังอยู่ ทุกคนก็มีความสุขแล้ว
แจกความสุขให้คนอื่นแล้วก็อย่าลืมความสุขของตัวเองล่ะ…”
โลกิผละออกไปทันทีที่พูดจบจนวาห์นรู้สึกแปลกๆ ที่เห็นเธอเป็นแบบนี้

หลังจากโลกิก็เป็นตาของอนูบิสที่เข้ามากอดวาห์
เธอแนบศีรษะของเขาเข้ากับหน้าอกพลางลูบหัวให้ด้วย
ตอนนี้ใครจะมาไม้ไหนท่าไหนวาห์นก็คงรับได้เกือบหมดเพราะยังอยู่ในช่วงที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก
“ขอบคุณนะคะ นายท่าน ขอบคุณที่เกิดมา
จากนี้ไปฉันจะคอยอยู่เคียงข้างนายท่านเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไร…”
วาห์นพยักหน้ารับ ถึงแม้ว่าตอนนี้ใบหน้าของเขาจะจมอยู่ในหน้าอกของเธอก็ตาม
อนูบิสนำแก้มมาถูกับศีรษะของผู้เป็นนายอย่างรักใคร่ก่อนจะผละออกไปด้วยสีหน้าพึงพอใจ

นานูเป็นคนต่อไปและวาห์นต้องคุกเข่าลงเพื่อทำให้มันง่ายขึ้นสำหรับเธอ
ประโยคเดียวที่เด็กสาวพูดกับเขาก็คือ “ฉันจะพยายามอย่างดีที่สุดในฐานะคู่ครองของนายท่านนะคะ”
วาห์นเห็นว่าความกระตือรือร้นของนานูนั้นยังร้อนแรงเช่นเดิม เขาจึงลูบใบหูของเธออย่างเอ็นดูก่อนจะปล่อยเธอกลับไป
เด็กสาวเผ่าเชียนโธรปอีกสองคนเองก็มีท่าทางอยากเข้ามาร่วมด้วยเช่นกัน แต่สุดท้ายพวกเธอก็ไม่กล้าพอและถูกสองสาวอีกคู่ชิงตัดหน้าไปก่อน

ถัดจากนานูก็เป็นสองสาวที่เดินเข้าหาวาห์นพร้อมกัน พวกเธอก็คือคู่แม่ลูกมิลานกับทีน่านั่นเอง
วาห์นดีใจที่มิลานนั้นอาการดีขึ้นมากจนไม่ต้องสวมผ้าคลุมหน้าแบบที่ผ่านๆ มาแล้ว
เธอยังติดปิ่นปักผมสีม่วงที่ดูน่าดึงดูดซึ่งคงเป็นความพยายามที่จะเรียกความมั่นใจให้กลับคืนมา
วาห์นสวมกอดพวกเธอพร้อมกันโดยทั้งสองสัญญาว่าพวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันบ่อยขึ้นในอนาคต

พอพวกเธอออกไปแล้วก็ไม่มีใครเดินเข้ามาอีกจนกระทั่งทีโอเน่เริ่มหงุดหงิดและดันเลฟิย่าออกมาด้านหน้า
เอลฟ์สาวสะดุดเล็กน้อยแต่สิ่งที่ดูเด่นสุดๆ ก็คือใบหน้าที่แดงจนเป็นเอกลักษณ์ของเธอไปแล้ว
ทั้งสองไม่ได้กอดกันแต่เลฟิย่าก็มองหน้าเขาด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“วาห์น ฉันเสียใจด้วยนะที่นายไม่มีโอกาสได้ฉลองวันเกิดมาก่อน…”

วาห์นเห็นว่าเธอได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้มากจนเริ่มทำตัวไม่ถูก
เรื่องหนึ่งที่เชื่อถือได้เสมอก็คือการที่เลฟิย่านั้นมักจะพูดกับเขาแบบตรงๆ… แต่แค่เฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับเขาน่ะนะ
วาห์นยื่นมือออกไปเพื่อใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] กับศีรษะของเอลฟ์สาว
น่าแปลกที่เธอมักจะได้รับสกิลนี้เกือบทุกครั้งทีพวกเขาเจอกัน เผลอๆ อาจจะบ่อยกว่าคนรักบางคนของวาห์นด้วย
เลฟิย่าไม่แสดงท่าทีต่อต้านแต่อย่างใดขณะน้อมรับพลังงานอบอุ่นที่ไหลเข้าไปในร่างกายอย่างคุ้นเคย
น้ำตาเริ่มไหลออกจากดวงตาสีฟ้าพร้อมกับความอดกลั้นที่พังทลายลง สุดท้ายแล้วเองฟ์สาวก็ต้องยอมแพ้และเข้ามากอดเขาแบบหลวมๆ
วาห์นกอดเธอกลับพลางลูบหลังให้เบาๆ อยู่พักหนึ่งจนกระทั่งเลฟิย่าเดินออกไปเองด้วยใบหน้าที่แดงก่ำและมาหลบอยู่ด้านหลังไอส์

ทีโอเน่เป็นรายต่อไปที่ก้าวออกมาและดูเหมือนจะเป็นคนที่ได้รับผลกระทบจากบรรยากาศน้อยที่สุด
เธอโน้มหัวของวาห์นเข้ามากอดแบบอนูบิสท่ามกลางความแปลกใจของเขา
แม้หน้าอกของเธอจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็คงอีกพักใหญ่ๆ กว่าพวกมันจะมีขนาดเท่ากับในมังงะ
“ดูแลน้องสาวฉันให้ดีล่ะ
ถ้าพวกนายตกลงปลงใจกันแล้ว ต่อไปฉันก็คงต้องมาฉลองแบบนี้บ่อยๆ สินะ… ทำดีกับฉันหน่อยก็แล้วกัน โอเคไหม?” ทีโอเน่พูดออกมาแบบม้วนเดียวจบ
เธอกอดแน่นขึ้นอีกเล็กน้อยก่อนจะปล่อยเขาไปและเดินมายืนอยู่ข้างทีโอน่าโดยไม่รอฟังคำตอบ
ทีโอน่านั้นพยายามทำเป็นไม่สนใจฉากที่เห็น แต่วาห์นรู้ว่าคนรักของเขากำลังหงุดหงิดนิดๆ จากออร่าที่เธอกำลังปล่อยออกมา

คนสุดท้ายที่เป็นตัวแทนปิดงานมหกรรมการกอดในครั้งนี้ก็คือ… สึบากิ
ตอนนี้เฮสเทียกำลังทำหน้าที่เป็น ‘ยามรักษาการณ์’ อยู่ด้านข้างขณะคุยกับเฮเฟสตัสเรื่อยเปื่อย
ส่วนที่เหลือนั้นก็เป็นพวกเด็กผู้ชายและดูจะไม่ค่อยอยากมาเข้าร่วมมหกรรมครั้งนี้เท่าไหร่
สึบากิเป็นคนที่สามของวันที่กอดวาห์นแบบ ‘หัวถึงอ้อมอก’ ขณะหัวเราะเสียงเบากว่าตอนปกติ
เธอลูบผมของเขาอย่างเอ็นดูและพูดเหมือนกับกำลังนึกย้อนถึงวันเก่าๆ
“นายโตขึ้นทุกวันเลยนะ… อย่าลืมหยุดพักบ้างล่ะ
ดูแลสุขภาพตัวเองด้วย มีคนพึ่งพานายอยู่ตั้งเยอะแยะ แล้วก็…”

วาห์นสัมผัสได้ถึงความลังเลในน้ำเสียงของอดีตครูฝึกสุดโหด และแม้ว่าตอนนี้สภาพจิตใจจะไม่ค่อยมั่นคงนัก แต่เข้าก็เข้าใจว่าเธอพยายามพูดอะไร
วาห์นแอบส่งพลังงานมาตรงปลายนิ้วที่กำลังกอดรอบเอวของสึบากิบากิโดยไม่ให้คนอื่นรู้
มันน้อยกว่าปริมาณปกติที่เขาเคยใช้ แต่สึบากินั้นเข้าใจทันทีว่าตัวเองโดนเล่นงานเข้าแล้ว!
วาห์นกำลังแหย่เธออย่างแนบเนียนท่ามกลางสายตากว่า 20 คู่และตอนนี้แผ่นหลังของหญิงสาวก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นมาบ้าง
“ไอ้เด็กตัวแสบ…” เธอพูดพลางกัดฟันโดยคงสีหน้าไว้แบบเดิม

วาห์นยิ้มแบบซื่อๆ ก่อนจะใส่พลังเข้าไปอีกจนเธอต้องสะดุ้งโหยง
“ยี่สิบเจ็ด… เมื่อไหร่จะตามทันนะ”
สึบากิเริ่มกอดแน่นขึ้น… แน่นมากจนวาห์นสาบานได้ว่ามีบางอย่างในหัวกำลังปริแตก
“อย่าคิดนะว่าฉันจะยอมโดนอยู่ฝ่ายเดียว…”
หลังจากสร้างร้อยร้าวให้อีกสองสามแห่ง เธอก็ปล่อยมือและมากระซิบเบาๆ ที่หู
“หกพันหนึ่งร้อยสี่สิบเก้า… ตามทันชาติหน้านู่นเถอะ”

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท