Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 228

ตอนที่ 228

วาห์นเห็นว่านอกจากดวงตาสีแดงของเฟนเรียร์ที่กำลังสว่างขึ้นเรื่อยๆ นั้น ฟันของเธอเองก็เริ่มงอกออกมาและดูแหลมคมขึ้นตามลำดับ
เธอดูคล้ายกับสัตว์ป่าที่หิวโหยมากซึ่งทำให้สัญชาตญาณทั้งหมดของวาห์นดังขึ้นพร้อมกัน
ระบบกำลังแจ้งเตือนว่าค่าความภักดีของเฟนเรียร์กำลังลดลงอย่างรวดเร็ว เขาจึงรีบดึงถั่วเซียนออกมาเพราะนอกเหนือจากสรรพคุณในการรักษาแผลและฟื้นพลัง มันยังช่วยยับยั้งความหิวไปได้อีกหลายวันด้วย

วาห์นยื่นถั่วออกมาให้เฟนเรียร์พร้อมกับอธิบายให้เธอฟัง
“นี่คือ [ถั่วเซียน]
มันน่าจะทำให้เธออิ่มไปพักใหญ่ๆ”
ดวงตาของเฟนเรียร์เริ่มเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยจนทำให้วาห์นรู้สึกขนลุก
ผ่านไปไม่ถึงเสี้ยววินาที ปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมคมก็พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างไม่ลังเล…
วาห์นดึงมือกลับได้ทันก่อนที่เฟนเรียร์จะงับลงตรงที่ที่นิ้วของเขาเคยอยู่
เด็กสาวเคี้ยว [ถั่วเซียน] กรอบๆ และกลืนมันลงคอก่อนจะแสดงสีหน้าไม่พอใจ
“แหวะ ไม่อร่อย ยังหิวอยู่เลย เจ้านาย!”

แสงในดวงตาของเธอลดลงไปพอสมควรแม้ปากจะบอกว่ายัง ‘หิว’ อยู่ วาห์นจึงคุกเข่าลงก่อนจะเอื้อมมือไปข้างหน้าแบบลังเลนิดๆ และพยายามลูบผมของเธอ
“ฉันจะหาอะไรให้ทาน แต่เธอต้องไม่ทำแบบเมื่อกี้นี้นะ เพราะฟันกับเล็บของเธอแหลมมาก
ถ้าควบคุมตัวเองไม่ได้… ฉันก็ปล่อยให้เธอออกไปอยู่ร่วมกับคนอื่นไม่ได้” เขาอธิบายอย่างช้าๆ ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เฟนเรียร์เริ่มมีสีหน้าหงุดหงิดตลอดช่วงที่วาห์นอธิบาย แต่เธอก็ไม่ได้ขยับหนีไปจากมือของเขา

จากนั้นวาห์นก็มองเข้าไปในระบบเพื่อเลือกซื้ออาหารราคาย่อมเยาและนำมันออกมาวางไว้ด้านนอก
เด็กสาวมองอาหารแต่ละอย่างด้วยความหิวจนน้ำลายไหลออกมาเป็นทาง แต่อย่างน้อยครั้งนี้เธอก็เชื่อฟังคำพูดของวาห์นและยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
หลังนำอาหารออกมาประมาณ 20 อย่าง วาห์นก็เริ่มอธิบายต่อ
“ลองทานดูนะ เสร็จแล้วก็มาบอกฉันว่าชอบอันไหนมากที่สุด
อย่าทานเร็วเกินไปล่ะ คอยดูเรื่องรสชาติด้วย”

เฟนเรียร์เงยหน้ามองเขาด้วยดวงตาที่กลับมาสว่างขึ้นอีกครั้ง
“อื้อ เจ้านาย เฟนเรียร์กิน!”
พอพูดจบ เฟนเรียร์ก็เริ่ม ‘สวาปาม’ จนวาห์นต้องมาไล่สอนวิธี ‘ทานอาหาร’ แบบคนทั่วไปให้ แต่แล้วก็ตระหนักว่านิ้วของเธอนั้นเรียกได้ว่า ‘ไร้ซึ่งความแม่นยำ’
แม้ตัวนิ้วจะมีข้อต่อ แต่วาห์นสังเกตเห็นว่ามันใหญ่กว่าคนปกติเล็กน้อยและหยิบจับอะไรได้ไม่ดีเท่าที่ควร
เมื่อรวมกับกรงเล็บแหลมคมที่ตัดได้ทุกอย่าง… มารยาทการกินของเฟนเรียร์นั้นคงเป็นเรื่องที่ต้องปรับกันอีกยาว

ส่วนที่หนักสุดเห็นจะเป็นวิธีกินที่ติดจากตอนเป็นโคโบลด์ซึ่งก็คือการทิ้งน้ำหนักตัวลงบน ‘ขาหน้า’ และยื่นหน้าลงไปทาน
และด้วยร่างกายแบบใหม่ที่ส่วนขานั้นยาวกว่าแขนค่อนข้างมาก เฟนเรียร์ก็เลยต้องกระกระดกก้นขึ้นสูง (และส่ายมันไปมาเพราะความตื่นเต้น) เพื่อรองรับวิธีกินแบบเดิมๆ
เพราะเธอกำลังสวมเสื้อสีเทาตัวใหญ่ มันก็เลยเลิกลงมาเรื่อยๆ จนวาห์นได้แต่คิดในใจว่า ‘ยังดีนะที่ยอมใส่กางเกงใน’

เอวาที่มายืนอยู่ข้างๆ วาห์นเริ่มพูดขึ้นหลังจากหัวเราะจนพอใจแล้ว
“เธอดูน่ารักกว่าเจ้าหมาตัวเหม็นก่อนหน้านี้เยอะเลย
แต่เรื่องสอนมารยาทนี่… ขอให้นายโชคดี”
ราวกับว่าคำพูดนั่นทำให้เขาคิดบางอย่างออก
วาห์นหันมามองเอวาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม… แต่แล้วเธอก็ดับฝันของเขาทันที
“ไม่ต้องมามองเลย ดูสิว่าเธอกินเร็วแค่ไหน
คิดว่าฉันเสกของกินได้แบบนายเหรอ!”

—————
สนับสนุนนิยายอย่างถูกต้อง.ได้ที่: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP

—————

วาห์นขมวดคิ้วก่อนจะถอนหายใจขณะมองเฟนเรียร์ที่ทานอาหารเกือบหมดแล้ว
อาหารที่เขานำออกมานั้นหากวัดตามน้ำหนักก็จะได้ประมาณ 20 กิโลกรัม ทว่าความเร็วในการกินของเฟนเรียร์กลับไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย
ร่างของเฟนเรียร์นั้นค่อนข้างเล็ก เธอสูงประมาณ 148 ซม. และแทบไม่มีไขมันให้เห็นเลย
วาห์นไม่รู้จริงๆ ว่าเธอเก็บของที่กินไว้ตรงส่วนไหน ดังนั้นเขาจึงเริ่มตรวจสอบสถานะของเธอผ่าน ‘จัดการยูนิต’ และ [ผู้ดูแลบันทึกแห่งนภา] หลังจากที่ลืมเรื่องนี้ไปชั่วขณะ

———————————————————————————–

(เฟนเรียร์)

อายุ: 12 ปี (ไม่มีอายุขัย)

เผ่าพันธุ์: วานากานดร์

เลเวล: 2

ความภักดี: 142

ความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณ: ระดับ 1 (อสูรรับใช้มีชื่อ)

กรรม: –

สถานะ: [เปิดใช้งาน]:

สกิล: [ดวงจันทร์ร่ำไห้: C], [คำรามเยือกแข็ง: C], [ทลายพันธนาการ: C], [หิวไม่รู้จักพอ: สกิลแฝง], [กลืนกิน: SS], [นักล่า: A]

[เฟนเรียร์] สัตว์ร้ายในตำนานซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของความหิวโหยและมีนิสัยก้าวร้าว
มีกรงเล็บที่สามารถตัดผ่านได้เกือบทุกอย่าง ส่วนคมเขี้ยวของมันนั้นแม้แต่โล่อีจิสของเหล่าทวยเทพก็ไม่อาจต้านทานได้
มันจะแปลงทุกอย่างที่กินไปเป็นพลังงานและมีศักยภาพแทบไร้ขีดจำกัด
แม้แต่ดวงดาวบนท้องฟ้าก็อาจตกเป็นเหยื่อของมันเข้าสักวัน
คำเตือนแด่เจ้าผู้อยู่ในเรคคอร์ดนี้ สิ่งที่เจ้าได้ทำลงไปอาจนำพาเรคคอร์ดไปสู่หายนะที่ไม่อาจแก้ไขได้!

[ดวงจันทร์ร่ำไห้]

ระดับ:C

สร้างสัญลักษณ์แห่งดวงจันทร์ที่อาจส่งผลรุนแรงขึ้นโดยขึ้นอยู่กับปริมาณเลือดที่ใช้
เสริมค่าสถานะทั้งหมดแต่อาจทำให้ผู้ใช้เข้าสู่สภาวะบ้าคลั่ง

[คำรามเยือกแข็ง]

ระดับ:C

เสียงคำรามกึกก้องที่ส่งผลกับร่างของเป้าหมายจนทำให้เป็นอัมพาต
มีโอกาสเล็กน้อยที่จะทำให้สภาพจิตใจแตกสลาย

[ทลายพันธนาการ]

ระดับ:C

ค่าสถานะจะเพิ่มขึ้นหากผู้ใช้ถูกจับ ถูกผนึก หรือถูกพันธนาการ ค่าที่้เพิ่มขึ้นจะขึ้นอยู่กับความรู้สึกเครียดของผู้ใช้และความปรารถนาที่จะได้รับอิสรภาพ

[หิวไม่รู้จักพอ]

ระดับ: สกิลแฝง (-) *สกิลแฝงนั้นไม่สามารถทำการระบุได้ ความพยายามที่จะระบุมันจะส่งผลให้เกิดแรงโต้กลับ*

ติดตัว: ความหิวโหยจะถูกผูกติดอยู่กับสภาพอารมณ์ ความเครียดสูงจะกระตุ้นให้อยากอาหารมากขึ้น ส่งผลต่อกระบวนความคิดเมื่อความหิวเพิ่มมากขึ้น

[กลืนกิน]

ระดับ:SS

ติดตัว: ทำให้ฟันของผู้ใช้สลายมวลสารได้ทุกชนิดและเปลี่ยนมันเป็นพลังงานภายในร่างกายเพื่อเร่งการเติบโต

[นักล่า]

ระดับ:A

เสริมประสาทสัมผัสทั้งหมดเมื่อรู้สึกตื่นเต้น ความปรารถนาในการตามล่าเป้าหมายจะส่งผลโดยตรงกับพลังของสกิล

———————————————————————————–

พอได้อ่านข้อมูลทั้งหมดของเฟนเรียร์แล้ว วาห์นก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
แม้จะดีใจที่เธอแข็งแกร่งมากและมีโอกาสเติบโตสูง แต่วาห์นก็ยังกังวลเรื่องการควบคุม การฝึกสอน และการดูให้แน่ใจว่าเธออิ่มอยู่ตลอด
แค่เห็นสกิล [หิวไม่รู้จักพอ], [กลืนกิน] และ [ทลายพันธนาการ] มาอยู่ด้วยกันก็ปวดหัวจะแย่แล้ว
ถ้าเกิดเฟนเรียร์ไม่ยอมเชื่อฟังขึ้นมา สิ่งเดียวที่วาห์นสามารถทำได้ก็คือการผนึกเธอไว้ในคริสตัลเวทมนตร์
แต่นั่นก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาว เพราะการอยู่ในนั้นนานๆ จะทำให้ค่าความภักดีลดลงไปมากกว่าเดิม
นั่นหมายความว่าหากวาห์นคุมเฟนเรียร์ไม่อยู่ เขาจะต้องกักตัวเธอแบบนักโทษไปจนกว่าจะเจอวิธีที่ดีกว่านี้
แค่นึกถึงการต้องมากักขังเธอก็ทำให้ท้องไส้ของวาห์นบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว…

ตอนนี้เด็กสาวทานอาหารเสร็จเป็นที่เรียบร้อยจนแสงสีแดงในดวงตาของเธอลดลงไปมาก
วาห์นรู้ทันทีว่าแสงนั่นเป็นตัวบ่งบอกสภาพจิตใจของเฟนเรียร์และยิ่งรู้สึกหิวมากขึ้น แสงจากดวงตาของเธอก็จะสว่างขึ้นตามไปด้วย
พอคิดว่าเธอเริ่มอิ่มแล้ววาห์นก็เลยเดินไปเก็บจาน แต่เฟนเรียร์กลับคว้าแขนของเขาไว้แน่น
“เจ้านาย เฟนเรียร์หิวอีกแล้ว อยากกินอีก!”

วาห์นจ้องมองแสงในดวงตาที่ค่อยๆ กลับมาสว่างขึ้นอีกครั้งแม้จะได้ทาน [ถั่วเซียน] และอาหารกว่า 30 กิโลกรัมเข้าไปแบบหน้าตาเฉย
เมื่อนึกถึงพฤติกรรมตามธรรมชาติของ ‘มอนสเตอร์’ และการที่พวกมันไม่ควรจะต้องบริโภคอาหารตั้งแต่แรก วาห์นเลยลองวางมือไว้ตรงกึ่งกลางหน้าอกของเฟนเรียร์เพื่อทดสอบบางอย่าง
“ฉันขอลองอะไรหน่อยนะ มันจะดีกว่าอาหารก็ได้”
เฟนเรียร์ทำหน้าคิ้วขมวดและยังคงจับแขนของเขาไว้แบบเดิม

เช่นเดียวกับตอนที่เขาถ่ายพลังงานให้เหล่าลูกน้องในอดีต วาห์นเริ่มส่งพลังงานไปที่แกนหลักตรงหน้าอกซึ่งอยู่ถัดจากหัวใจของเธอ
เขาสัมผัสได้ว่าพลังงานกำลังถูกดูดออกไปอย่างรวดเร็วในขณะที่แสงจากดวงตาของเฟนเรียร์ค่อยๆ จางหายไป
เธอกำอุ้งเท้าแน่นขึ้นจนวาห์นกังวลว่าอาจได้แผลเพิ่มอีกสิบแห่ง แต่พอปลายเล็บเข้ามาสัมผัสกับผิวหนัง พวกมันกลับทื่อกว่าเดิมเล็กน้อย
เขี้ยวที่เฟนเรียร์งอกออกมาก็เริ่มกลับไปเป็นปกติขณะที่เจ้าตัวยังคงหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข

วาห์นถอนหายใจโล่งอกเพราะดูเหมือนว่าเฟนเรียร์นั้นไม่ได้ต้องการอาหารแบบจริงๆ จังๆ
ปัญหาใหม่ในตอนนี้ก็คือเขาสัมผัสไม่ได้เลยว่าต้องเติมพลังงานไปจนถึงเมื่อไหร่
แม้จะรู้สึกได้ว่าพลังงานที่ส่งไปนั้นกำลังผสานเข้ากับร่างกายของเธอ แต่วาห์นเริ่มตระหนักแล้วว่า ‘ใส่ไปเท่าไหร่ก็ไม่เห็นวี่แววว่ามันจะเต็มเลย’
เมื่อใช้ [ดวงตาแห่งการรู้แจ้ง] ตรวจสอบดู วาห์นก็เห็นมวลสีเงินปนเทาอยู่ตรงแกนกลางของเฟนเรียร์ซึ่งกำลังดูดพลังงานของเขาอย่างเอร็ดอร่อย

เนื่องจากวิธีนี้ไม่ได้ผล วาห์นจึงพยายามเอามือออกแต่ก็ทำไม่ได้…
“ไม่ได้นะเจ้านาย ขออีก ยังหิวอยู่เลย!”
เฟนเรียร์ร้องห้ามพร้อมกับใส่แรงที่แขนมากกว่าเดิม
สถานการณ์ที่เริ่มดูดีขึ้นจู่ๆ ก็กลับมาแย่ลงอีกครั้งทั้งๆ ที่ยังผ่านไปไม่ถึง 5 นาที
เขารู้แล้วว่างานนี้คงไม่หมูอย่างที่คาดไว้ตอนแรก

“…เฟนเรียร์ ใจเย็นๆ แล้วก็ลดมือลงก่อน
ฉันจะหาทางช่วยเอง แต่เธอต้องทำตัวดีๆ หน่อยสิ”
คำพูดนั่นให้เด็กสาวขมวดคิ้วพร้อมกับเสียงแจ้งเตือนว่าค่าความภักดีของเธอกำลังลดลงไปหลายแต้ม
สุดท้ายเฟนเรีย์รก็ยอมปล่อยแขนของเขาด้วยความลังเล
“เจ้านาย เฟนเรียร์หิวมาก หิวจนทนไม่ไหวแล้ว…”
ขณะพูด เฟนเรียร์ก็ยื่นอุ้งเท้าออกมาราวกับกำลังแบมือขออาหารเพิ่ม
ถึงจะคิดว่ามันดูน่ารักแค่ไหน แต่วาห์นก็เริ่มรู้สึกถึงอันตรายแถมยังคิดหาวิธีดีๆ ไม่ออกเลย

เขาซื้ออาหารเพิ่มอีก 100 กิโลกรัมจากระบบร้านค้า ก่อนจะวางมันลงบนพื้นและบอกให้เธอรอจนกว่าจะได้รับอนุญาตให้ทานได้
แม้จะดูหงุดหงิด แต่เฟนเรียร์ก็ยั้งตัวได้ทันขณะรอฟังคำสั่งจากวาห์น
เมื่อวางอาหารเสร็จแล้ว วาห์นก็พูดต่อ
“ฉันจะพยายามหาอะไรทานจนกว่าเธอจะอิ่มนะ แต่เธอเองก็ต้องอดทนให้มากกว่านี้”

ก่อนจะปล่อยให้เธอสวาปามรอบที่สอง วาห์นก็ใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ควบคู่ไปด้วยเพื่อทำให้เธอสงบลง
ดูเหมือนครั้งนี้จะได้ผล เพราะมวลสีเงินปนเทาที่แกนกลางของเธอค่อยๆ หดเล็กลงไปทีละนิด
ทุกอย่างเป็นไปตามที่สกิลของเธอระบุไว้เลย
หากจิตใจสงบลง เฟนเรียร์ก็จะไม่รู้สึกหิวแบบตอนแรก

ตลอดช่วงที่เขาลูบหัว เฟนเรียร์ก็แสดงสีหน้ามีความสุขและหงุดหงิดสลับกันไปมา
วาห์นสันนิษฐานว่าความหงุดหงิดน่าจะมาจาก ‘อาหารที่อยู่ตรงหน้า’ เขาก็เลยเกาหูให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะอนุญาตให้เธอทานได้
พอได้รับอนุญาต ค่าความภักดีของเฟนเรียร์ก็เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดและดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเธอพบอาหารแบบที่ถูกใจ

ขณะที่เด็กสาวกำลังกินไม่หยุด วาห์นก็หันไปปรึกษากับเอวาเพื่อหาทางแก้
หนึ่งในปัญหาที่เธอพบก็คือสถานะ ‘ไม่มีอายุขัย’ ของเฟนเรียร์ที่เป็นตัวบอกชี้ว่าเธอไม่น่าจะต้องทานอาหารเลยด้วยซ้ำ
สิ่งที่เธอกินเข้าไปไม่ได้กลายมาเป็นสารอาหารแต่อย่างใด แต่มันจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นพลังงานแทน
(TL: ไม่ใช่พลังงานแคลอรี่แต่เป็นพลังงานเวทมนตร์)
ที่จริงแล้วเธอสามารถกินอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น โลหะที่แข็งสุดๆ หรือแม้กระทั่ง ‘ความว่างเปล่า’
ความสงสัยของวาห์นทำให้เขานำ [เอ็นคิดู] ออกมาและเดินเข้าไปหาเด็กสาวที่ทานอาหารหมดไปครึ่งหนึ่งแล้ว

พอรู้ว่าเขาเข้ามาใกล้ ขนของเฟนเรียร์ก็เริ่มตั้งชันขึ้นและชำเลืองมองมาโดยที่ยังไม่หยุดทานเนื้อชิ้นโตบนพื้น
โซ่สีทองทำให้เด็กสาวเริ่มขมวดคิ้วจนวาห์นต้องรีบอธิบาย
“ใจเย็นนะ ฉันจะไม่ได้จะมัดเธอหรืออะไรแบบนั้นหรอก
แค่อยากรู้ว่าว่าฟันของเธอจะกัดโซ่นี่เข้าหรือเปล่า…”
ค่าความภักดีของเธอซึ่งลดลงไป 3 แต้มเมื่อเห็นโซ่ จู่ๆ ก็พุ่งกลับขึ้นมาอีก 20 แต้มหลังจากที่วาห์นพูดจบ
เฟนเรียร์รู้สึกได้ถึงพลังงานมหาศาลที่เปล่งออกมาจากโซ่ ‘น่ากลัว’ ในมือของผู้เป็นนาย

เธอทิ้งเนื้อที่กำลังกินอยู่ลงและจับ [เอ็นคิดู] ขึ้นมาอย่างไม่ลังเล
วาห์นรู้สึกคาดหวังหน่อยๆ ขณะเฝ้ามองเฟนเรียร์ที่พยายามกิน [เอ็นคิดู] แต่กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า
ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และเคี้ยวมันต่ออย่างเอาเป็นเอาตาย
อาจเป็นเพราะคุณสมบัติ ‘ไม่สามารถทำลายได้’ ของ [เอ็นคิดู] หรือการที่สกิล [กลืนกิน] ของเธอนั้นเป็นสกิลระดับ SS เมื่อเทียบกับอาวุธระดับ SSS อย่าง [เอ็นคิดู] แต่ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน เฟนเรียร์ก็กัดมันไม่เข้า
สิ่งเดียวที่เธอทำได้ก็คือทำให้มันเปียกขึ้นเท่านั้นเอง…

วาห์นรู้สึกโล่งใจและผิดหวังเล็กน้อยที่เธอกินมันไม่ได้
นั่นหมายความว่าเขาสามารถใช้ [เอ็นคิดู] เพื่อผนึกมวลสีเงินในร่างกายของเธอได้ ส่วนเรื่องความหิวนั้นคงต้องใช้เวลาศึกษามากกว่านี้อีกหน่อย
ตราบใดที่พลังงานยังไม่หมด วาห์นก็สามารถดึง [เอ็นคิดู] ออกมาได้เรื่อยๆ และคิดว่ามันอาจเป็นอาหารเสริมชั้นดีสำหรับเฟนเรียร์
ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือเฟนเรียร์ดูจะไม่รู้สึกหงุดหงิดที่กินโซ่ไม่ได้และยังคงพยายามแทะมันต่อไปอย่างสนุกสนาน

วาห์นเห็นว่ามันน่าสนใจดี เขาเลยถามอย่างใคร่รู้
“เธอชอบ [เอ็นคิดู] เหรอ?”
เฟนเรียร์ตอบแบบไม่หันมามองขณะยังคงเคี้ยวโซ่ไว้ในปาก
“โซ่ดี แข็งมาก รู้สึกดี เฟนเรียร์ชอบ”
คำพูดของเธอทำให้คิ้วของวาห์นเลิกขึ้นขณะเฝ้ามองเฟนเรียร์ที่ไม่สนใจอาหารรอบตัวแล้วและมาใจจดใจจ่ออยู่กับ [เอ็นคิดู] แทน
วาห์นสงสัยว่าอาจเป็นเพราะสัญชาตญาณในการ ‘กลืนกิน’ สิ่งต่างๆ ของเฟนเรียร์ และเนื่องจากเธอไม่สามารถกิน [เอ็นคิดู] ได้… มันก็เลยกลายเป็น ‘ของเคี้ยวเล่น’ ที่ช่วยคลายเครียดได้เป็นอย่างดี

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท