เมื่อวาห์นตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็รู้สึกเหมือนมีอะไรอุ่นๆ มากดทับอยู่บนแผ่นหลัง
ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเอน่าคงหลับคาหลังของเขาตั้งแต่เมื่อคืนก่อน
ความอบอุ่นจากร่างกายของเธอทำให้วาห์นรู้ว่าหญิงสาวยังไม่ได้กลับไปใส่เสื้อและนอนทั้งแบบนั้นเลย
ที่จริงทั้งหมดอาจเป็นแผนเพื่อกันไม่ให้เขาแอบเข้าไปในย่ายนั่นคนเดียวก็เป็นได้…
เนื่องจากเอน่าอยากให้เขาผ่อนคลายมากขึ้น เธอก็เลยทำแบบนี้เพื่อที่เขาจะได้มีเวลาคิดอย่างถี่ถ้วนก่อนลงมือทำจริง… เป็นวิธีรั้งตัวที่ได้ผลดีมากเลย
ขณะเพลิดเพลินไปกับความอบอุ่นและสัมผัสต่างๆ วาห์นก็เริ่มพิจารณาการแผนขั้นต่อไปอย่างจริงจัง
หลังเก็บข้อมูลเพิ่มอีกหน่อย เขาจะไปท้าอิชทาร์แฟมิเลียให้ลงแข่งวอร์เกมด้วยก็ได้ หรือจะดำเนินการตามแผนเดิมและลอบเข้าไปชิงตัวเธอมาก็คงไม่มีปัญหา
ข้อเสียของตัวเลือกแรกก็คือ เขาจะต้องปล่อยให้ฮารุฮิเมะทนอยู่ในซ่องไปอีก 1 เดือนเต็มๆ
เรนาร์ดสาวมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเนื้อเรื่องเดิมและเป็นไปได้สูงว่านั่นคือเหตุผลที่ทำให้อิชทาร์สนใจในตัวเธอตั้งแต่แรก
หากอิชทาร์รู้ว่าต้องใช้เธอเป็นเดิมพัน เธออาจคิดกำจัดฮารุฮิเมะทิ้งไปเลยหรือไม่ก็เร่งดำเนินแผนการก่อนที่วอร์เกมจะเริ่ม
หากวาห์นเลือกตัวเลือกที่สอง เขาจะสามารถรับประกันความปลอดภัยของฮารุฮิเมะได้ในทันที จากนั้นก็แค่ซ่อนเธอไว้หรือไม่ก็แอบลักลอบพาเธอออกจากเมืองในภายหลัง
แน่นอนว่าอิชทาร์แฟมิเลียคงกระจายคนออกตามหาฮารุฮิเมะกันอย่างจ้าละหวั่น แต่ในระหว่างนั้น เขาก็สามารถกดดันเธอผ่านช่องทางต่างๆ ไปพร้อมกันได้ด้วย
แม้อิชทาร์แฟมิเลียจะมีอำนาจพอสมควร แต่มันก็ยังห่างชั้นกับโลกิแฟมิเลียอยู่ดี นี่ยังไม่ได้นับรวมการสนับสนุนจากเฮเฟสตัสแฟมิเลียเข้าไปอีกนะ (TL: สบาย เจอพลังเมียๆ)
การปล่อยให้ฮารุฮิเมะออกจากเมืองไปพร้อมทาเคมิคาสึจิแฟมิเลียอาจฟังดูเป็นตัวเลือกที่ดี แต่วาห์นยังไม่แน่ใจว่ามันจะดีพอหรือเปล่า
ทาเคมิคาสึจิแฟมิเลียนั้นไม่ได้มีอำนาจหรือกำลังคนมากมายนัก ต่อให้พวกเขากลับไปที่แดนตะวันออกได้สำเร็จ ไม่แน่ว่าฮารุฮิเมะอาจโดนทางบ้านเกิดตามล่าขึ้นมาก็ได้
วาห์นไม่มีข้อมูลมายืนยันเรื่องนี้ แต่เขาคิดว่าเรื่องราวในอดีตของเธอนั้นน่าสงสัยมาก
นอกจากจะถูกใส่ร้ายแล้ว พ่อของฮารุฮิเมะก็โดนกดดันจนต้องทิ้งเธอไว้กับพ่อค้าชาวพลูม จากนั้นพ่อค้านั่นก็โดนโจรดักปล้นพอดีเลยเนี่ยนะ?
สำหรับวาห์นแล้ว เขาไม่ค่อยเชื่อในเรื่อง ‘ความบังเอิญ’ สักเท่าไหร่ แถมฮารุฮิเมะยังเป็นถึงตัวละครสำคัญในเนื้อเรื่องเดิมด้วย
การที่พวกโจรไม่ได้ทำร้ายหรือสังหารฮารุฮิเมะตั้งแต่ทีแรก แต่กลับส่งเธอข้ามน้ำข้ามทะเลมาที่ทวีปอีเดนนั้นดูยังไงก็เป็นเรื่องแปลกอยู่ดี เพราะค่าใช้จ่ายในการส่งคนข้ามทวีบนั้นไม่ใช่ว่าใครอยากทำก็ทำได้
หากพวกโจรไม่ได้ล่องเรือพาฮารุฮิเมะมาเอง ผลกำไรที่พวกมันจะได้จากการขายเธอก็คงไปจมอยู่กับค่าเดินทางนี่แหละ
อีกเรื่องที่น่าสงสัยก็คือ อิชทาร์ไม่ได้ขายฮารุฮิเมะให้กับพวกค้าทาสเพื่อทำกำไรมหาศาล
นั่นหมายความว่าเทพสาวจัดฮารุฮิเมะให้อยู่ในหมวด ‘สินค้าพิเศษสุดๆ’ ซึ่งต่างจากของซื้อของขายทั่วไป
และจากสัมผัสที่อธิบายไม่ได้ วาห์นรู้สึกว่ายังไงหน้าที่ในการปกป้องเธอก็ต้องตกเป็นของเขาอยู่ดี
เพราะต่างมีอดีตที่ขมขื่นเหมือนกัน วาห์นก็เลยรู้สึกเห็นใจฮารุฮิเมะมากเป็นพิเศษ แถมจะปล่อยให้เธอไปอยู่กับทาเคมิคาสึจิแฟมิเลียก็…
จากการไล่นับ ‘ผู้หญิงที่กำลังลำบาก’ ที่เขาเคยช่วยไว้ วาห์นเริ่มสงสัยตะหงิดๆ แล้วว่ามีบางอย่างผลักดันพวกเธอให้เข้ามาหาเขาเรื่อยๆ
แม้ว่าวาห์นจะไม่ค่อยคิดอ่านแบบปกติสักเท่าไหร่ แต่พวกเธอกลับเข้าหาเขาแบบไม่ติดใจอะไรนัก… หรือเพราะเป็นแบบนั้นก็เลยเข้าหางั้นเหรอ?
ตอนนี้ทุกอย่างยังเป็นแค่การคาดเดา แต่ผู้หญิงคนเดียวที่ ‘ปกติ’ สุดๆ ในกลุ่มก็เห็นจะมีแค่เอน่าเนี่ยแหละ…
‘…ลองถามดูดีไหมนะว่าเมื่อก่อนเธอไปเจออะไรมาหรือเปล่า’
ถ้าหากเอน่ามีอดีตที่เลวร้ายขึ้นมาอีกคน วาห์นก็คงรู้สึกอึ้งไปอีกนานเลย
สุดท้ายแล้ววาห์นก็อยากให้ฮารุฮิเมะเป็นฝ่ายเลือกเองว่าจะเอายังไงต่อ เพราะเธอถูกเนรเทศออกจากบ้านเกิด ถูกลักพาตัวและส่งข้ามทวีปมาที่นี่ และต้องทนทุกข์อยู่ในซ่องทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้เลือก
สิ่งวาห์นอยากมอบให้หญิงสาวก็คือ ‘ทางเลือก’ ที่เธอไม่เคยได้รับ
หากฮารุฮิเมะตัดสินใจที่จะอยู่คฤหาสน์ฮาร์ธ เขาก็จะปกป้องคุ้มครองเธอและคอยลิดรอนอำนาจของอิชทาร์แฟมิเลียไปเรื่อยๆ
หากเธอเลือกที่จะไปกับทาเคมิคาสึจิแฟมิเลีย วาห์นก็จะจ่ายค่าเดินทางกลับบ้านให้กับทุกคน เผลอๆ อาจได้ฝากชิซูเนะให้ร่วมทางไปด้วยเลย
แต่ไม่ว่าจะมองยังไง วาห์นก็มีลางสังหรณ์ว่าฮารุฮิเมะต้องเลือกอยู่ที่นี่แน่นอน
อาจเป็นเพราะชะตากำหนดหรือไม่ก็อิทธิพลจากค่ากรรม แต่ตอนนี้วาห์นก็ได้เข้ามาอยู่ในจุดศูนย์กลางของเรคคอร์ดแล้ว
การกระทำของเขาส่งผลให้ ‘เดอะพาธ’ มอบภารกิจที่จะช่วยรักษาเสถียรภาพของเรคคอร์ดนี้เอาไว้ จะบอกว่า ‘เรื่องนี้ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเราเลย’ ก็คงไม่ได้
เพราะถูกเลือกให้เป็น ‘ตัวละครสำคัญ’ ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้อยู่เหนือความเข้าใจของฮารุฮิเมะ เธออาจถูกพลังที่มองไม่เห็นผลักดันให้อยู่ในเมืองต่อก็เป็นได้
วาห์นถอนหายใจหนักก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวมาด้านข้างจนเอน่าลงไปนอนกับเตียงแทน
“…ต้องไปจริงๆ เหรอ?” เธอลืมตาขึ้นทันทีและถามเสียงต่ำ
วาห์นมองเข้าไปในดวงตาสีเขียวมรกตและเห็นว่ามันเต็มไปด้วยความกังวลมากมาย
เขายื่นมือออกมาปัดผมให้และตอบเธอกลับไป
“พอจบเรื่องนี้แล้ว ฉันจะกลับมาดูแลแฟมิเลียแบบเน้นๆ เลย
กลุ่มพันธมิตรอาจเข้ามาวุ่นวายมากไม่ได้ แต่แค่ขอให้โลกิช่วยกดดันอิชทาร์นิดหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
ฉันอยากช่วยฮารุฮิเมะแบบเดียวกับที่ช่วยลิลลี่ ดังนั้นจนกว่าเธอจะแข็งแกร่งจนปกป้องตัวเองได้… ฉันก็จะเป็นคนปกป้องเธอเอง”
วาห์นรู้ว่าตัวเองกำลังถูกชะตากรรมชักนำอยู่ แต่ส่วนหนึ่งก็เพราะเขาไม่ได้คิดจะตั้งตัวเป็นอริและฝืนมันไปซะทุกอย่าง
หากเลือกที่จะไม่มาโอราริโอ้ เหตุการณ์ก็คงดำเนินไปตามเนื้อเรื่องเดิม จะดีขึ้นหรือแย่ลงเรื่องนี้คงไม่มีใครตอบได้
ทว่าเขากลับโดดเข้ามาร่วมวงด้วยแค่เพราะความปรารถนาและความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง
เพราะมันมาถึงจุดที่ทำให้ชีวิตคนอื่นต้องลำบากไปด้วย ยังไงวาห์นก็จะไม่ยอมถอยหนีแน่นอน
ทว่าความรับผิดชอบนั้นไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้วาห์นเคลื่อนไหว เพราะสาเหตุหลักก็คือความปรารถนาที่อยากช่วยฮารุฮิเมะจากใจจริง
เฉกเช่นเดียวกับตอนที่ช่วยอดีตทาสทั้ง 6 คน มันเป็นการตัดสินใจแบบเฉียบพลันโดยที่ไม่ได้ปรึกษาคนอื่นให้ดีก่อน
ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาน่ะเหรอ? นั่นก็คือความสุขเพราะรู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองนั้นทำถูกต้องอล้วยังไงล่ะ
เอน่ายิ้มเศร้าๆ ก่อนลุกขึ้นนั่งและเข้ามาจูบวาห์น
เพราะไม่ได้สวมท่อนบน หน้าอกของเธอก็เลยเข้ามากดทับอย่างหนัก
ผ่านไปครู่สั้นๆ เอน่าก็ถอนปากออกและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ฉันรักนายนะวาห์น ระวังตัวให้มากๆ ด้วยล่ะ
ถ้ากลับมาเร็ว… เดี๋ยวจะทำอาหารเช้าให้ทานนะคะ”
วาห์นประคองใบหน้าของสาวลูกครึ่งเอลฟ์ด้วยมือทั้งสองข้างก่อนจะแนบหน้าผากไปกับเธอ
“เธอนี่ดีกับฉันเกินไปแล้วนะ เอน่า… แต่ฉันก็รักเธอเหมือนกัน
เดี๋ยวจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุดเลย ไปคิดมาได้แล้วว่าจะทำอะไรให้ฉันทาน”
เอน่าหัวเราะคิกคักแทนคำตอบก่อนจะพูดต่อ
“อื้อ อย่าให้ฉันรอนานล่ะ
เด็กดื้อที่ไม่รักษาคำพูดจะโดนทำโทษตอนหลังนะ~!”
หลังจูบเอน่าเป็นครั้งสุดท้าย วาห์นก็จัดเตียงเล็กน้อยและปล่อยให้เธอกลับไปนอนต่อ
ขณะนี้เป็นเวลาประมาณตีสอง เขาเลยมีเวลาอยู่มากพอสมควร
หลังเดินออกมาจากห้อง วาห์นก็สัมผัสอะไรบางอย่างได้จากห้องข้างๆ จนต้องส่งกระแสจิตเข้าไปหาพร้อมกระซิบเบาๆ
“เฟนเรียร์ เดี๋ยวฉันจะรีบกลับนะ… ฝากดูแลครอบครัวตอนที่ฉันไม่อยู่ด้วยล่ะ”
ไม่นานสัมผัสดังกล่าวก็ค่อยๆ เบาบางลงซึ่งเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเฟนเรียร์กลับไปนอนต่ออีกครั้งแต่ก็พร้อมที่จะตื่นขึ้นมาปกป้องสมาชิกในบ้านทุกเมื่อ
—
วาห์นเดินทางออกจากคฤหาสน์อย่างเงียบเชียบโดยสวมผ้าคลุมสีเทาซีดที่ดูกลมกลืนไปกับหมอกยามเช้ามืด
พอมาถึงพื้นที่เปิด เขาก็ใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] และพุ่งตัวไปตามหลังคาตึกโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ซ่องของอิชทาร์แฟมิเลียนั่นเอง
หากข่าวเรื่องเมื่อวานยังไม่หลุดออกไป ฮารุฮิเมะก็น่าจะยังอยู่ที่นั่นและ ‘ให้บริการ’ ลูกค้าตามปกติ
เพราะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว วาห์นเลยมาถึงจุดหมายโดยใช้เวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น
ตอนนี้เขาก็มายืนอยู่บนอาคารสูง 10 ชั้นโดยมีชั้นใต้ดินที่ลึกลงไปอีก 6 ชั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มันเป็นซ่องที่ดูหรูหรามาก แถมวาห์นยังสัมผัสได้ว่าตอนนี้มีคนอยู่ในนั้นราวๆ 60 คน
เขาเริ่มใช้ [ดวงตาแห่งการรู้แจ้ง] ตรวจสอบไปทีละห้องจนพบกับเด็กสาวผมบลอนด์รูปร่างบอบบางและมีใบหูคล้ายจิ้งจอก
เธอสวมชุดกิโมโนสีแดงแบบคอต่ำซึ่งเผยให้เห็นเนินอกเล็กน้อย แต่เรื่องที่น่าใจหายจริงๆ ก็คือของเหลวมากมายที่เปรอะเปื้อนไปทั่วร่างกายนั่น…
วาห์นต้องใช้เวลาเล็กน้อยเพื่อสงบจิตใจตัวเองลง ก่อนจะกลับไปตรวจสอบต่อว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า… แต่แล้วเขาก็พบสิ่งที่แปลกประหลาดมาก
เพราะเคยตรวจดูภายในร่างกายของเอวาและเฮเฟสตัสมาแล้ว วาห์นเลยเข้าใจความแตกต่างระหว่างร่างที่ ‘ยังไม่เคย’ กับร่างที่ ‘เคยแล้ว’ เป็นอย่างดี
เขาบอกได้เลยว่า ถึงสภาพภายนอกของฮารุฮิเมะจะดูย่ำแย่ แต่ภายในนั้นกลับดูเหมือนของเอวาซะมากกว่า
เป็นไปได้ว่าร่างกายที่ยังเด็กมากอาจทำให้ผลการตรวจสอบคลาดเคลื่อน แต่วาห์นก็ไม่คิดว่าสายตาตัวเองจะแยกเรื่องแบบนี้ไม่ออก
ข้อมูลนี้ไม่ได้ทำให้วาห์นรู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่นัก เพราะความเป็นสาวบริสุทธิ์ไม่ใช่เครื่องยืนยันว่าเธอจะไม่เคยถูกทารุณหรือถูกทำร้ายมาก่อน ของเหลวบนร่างกายของเธอก็เป็นตัวบ่งบอกเรื่องนี้ได้ดีอยู่แล้ว…
หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด วาห์นก็สรุปได้ว่าฮารุฮิเมะไม่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกายแต่อย่างใด
วาห์นถอนหายใจโล่งอกก่อนจะหันไปตรวจสอบออร่าต่างๆ ในอาคารดูบ้าง
ไม่นานเขาก็ได้ข้อสรุปว่าที่นั่นมีนักผจญภัยเลเวล 4 อยู่ 2 คนด้วยกัน แถมหนึ่งในนั้นยังประจำอยู่ใกล้กับห้องของฮารุฮิเมะมากเลย
ดูเหมือนว่านักผจญภัยคนนี้เพิ่งจะขึ้นเป็นเลเวล 4 ได้ไม่นานซึ่งระดับของออร่านั้นยังห่างชั้นกับเลเวล 4 อีกคนค่อนข้างมาก
เขาใช้ [ดวงตาแห่งการรู้แจ้ง] ตรวจสอบต่อไปอีกจนต้องถอนหายใจหนักๆ เป็นรอบที่สองของวัน
สาเหตุก็เพราะหญิงสาวที่อยู่ใกล้กับฮารุฮิเมะนั้นไม่ใช่ใครอื่นเลย เธอก็คือสาวชาวอเมซอนที่พาวาห์นเข้าไปในตรอกเล็กๆ ก่อนจะ ‘ท้าทาย’ เขานั่นเอง
หากรับ ‘คำท้า’ ในตอนนั้น วาห์นก็คงไม่ต้องไปข้องแวะกับกลุ่มค้าทาสทั้งแต่ทีแรก แถมยังจะได้เจอฮารุฮิเมะเร็วกว่านี้อีก แต่ถ้าเป็นแบบนั้น เขาก็จะไม่ได้เจอกับทาสสาวทั้ง 6 คนแทน…
วาห์นค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ตอนนี้มากกว่า แต่เขาก็อดคิดไม่ได้ว่า ‘เดอะพาธ’ กำลังชี้นำให้เขาก้าวเดินไปยังเส้นทางที่ ‘ดีที่สุด’ อยู่หรือเปล่า?
จริงๆ วาห์นไม่ได้คิดจะตำหนิ ‘เดอะพาธ’ เลย เพราะส่วนหนึ่งมันก็เป็นความปรารถนาของตัวเขาเองด้วย
แต่ไม่ว่าจะเลือกเดินทางไหน ตราบใดที่เขาเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ผลลัพธ์ก็จะออกมาดีเอง
ในทางกลับกัน ถ้าเกิดทำอะไรแบบคิดไม่รอบคอบหรือไม่ทันระวังตัว วันดีคืนดีเขาอาจจะเสียท่าให้กับนักผจญภัยเลเวล 2 และตายทั้งอย่างนั้นเลยก็ได้
วาห์นสูดหายใจลึกๆ และตรวจสอบอาคารเป็นรอบสุดท้ายก่อนตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อดี
ชัดเจนแล้วว่าหญิงสาวเลเวล 4 คนนั้นน่าจะเป็นยามเฝ้าฮารุฮิเมะ เพราะเธอไม่ได้ขยับออกไปไหนเลย
หากไม่ชนกับเธอตรงๆ วาห์นก็ต้องแสร้งทำทีเป็นลูกค้าของซ่องแทน
การเปิดเผยตัวตนนั้นถือเป็นเรื่องที่เสียงมาก เพราะป่านนี้เรื่องที่กลุ่มค้าทาสผิดกฎหมายโดนจับน่าจะกระจายออกไปทั่วทุกแห่งหนแล้ว
การพาตัวฮารุฮิเมะออกมาแบบไม่ให้ใครรู้ตัวเลยจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เขาสามารถใช้ [เอ็นคิดู] เข้าสังหารหญิงสาวก่อนเลยก็ได้… แต่ออร่าสีเหลืองที่ดูนิ่งๆ ของเธอนี่มันอะไรกัน?
ตามความเข้าใจของวาห์น นั่นหมายความว่าหญิงสาวรู้สึกชอบพอกับเขา แถมเธอยังเป็นคนที่มีจิตใจดีอีกด้วย
หากใช้วิธีแจกโซ่ไปก่อน ค่อยถามทีหลัง วาห์นก็อาจไม่มีวันได้รู้ว่าเธอกำลังเฝ้าหรือปกป้องฮารุฮิเมะอยู่กันแน่
อีกอย่าง การช่วยเด็กสาวออกมาหลังจากสังหารคนที่เธอสนิทชิดเชื้อด้วยนั้นมันเป็นวิธีที่ถูกต้องแล้วจริงๆ เหรอ?