Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 259

ตอนที่ 259

เป็นเวลานานหลายวินาทีที่วาห์นไม่รู้ว่าจะตอบเพรเซียยังไงดีและได้แต่จ้องมองสีหน้าอันว่างเปล่าของเธอ

ตอนแรกวาห์นคิดว่าตัวเองหูฝาดไปด้วยซ้ำ หากไม่ใช่เพราะริมฝีปากที่ขยับไปมาและการที่เพรเซียถามคำถามเดิมซ้ำเป็นรอบที่สี่แล้ว

วาห์นอยากร้องอุทานดังๆ และลุกไปปลอบหญิงสาว แต่เขาก็เปลี่ยนใจและเลือกที่จะตอบคำถามนั่นแทน

“ฉันอยากช่วยเธอ… อยากทำให้คนที่ทำร้ายเธอต้องชดใช้”

“คุณจะ… ทำร้ายฉันหรือเปล่า?” เพรเซียตอบสนองด้วยคำถามข้อใหม่

นั่นทำให้วาห์นยิ่งกัดฟันแน่นจนเลือดเกือบออก เขามองตรงเข้าไปในดวงตาของเธอและพูดออกมาอย่างยากลำบาก

“ฉันไม่มีวันทำร้ายเธอ… ฉันอยากจะรักษาเธอ เธอไม่ควรต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้… นี่มันไม่ถูกต้องเลย!”

หากเศษสวะนั่นมายืนอยู่ต่อหน้าในตอนนี้ วาห์นสาบานได้เลยว่าเขาคงกระชากลำไส้มันออกมาเพื่อดูว่าภายในยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า

เพรเซียยังคงนิ่งเงียบไปหลายนาทีและวาห์นสังเกตเห็นว่าเธอไม่แม้แต่จะกระพริบตาขณะเฝ้ามองเขาอย่างต่อเนื่อง

เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพูดไปแล้วเธอจะเข้าใจหรือเปล่า ยังดีที่เฟนเรียร์เองก็ไม่ชอบความเงียบนี่และเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

“วาห์นคนดี วาห์นไม่เคยทำร้ายเพรเซีย วาห์นอัดแต่พวกคนไม่ดี เพรเซียเป็นเด็กดี”

เพื่อเน้นย้ำสิ่งที่ตัวเองพูด เฟนเรียร์เริ่มลูบหัวของเพรเซียด้วยอุ้งมืออย่างแผ่วเบา

เพรเซียจ้องวาห์นต่อไปอีกพักหนึ่งจนกระทั่งเอ่ยปากถามขึ้นอีกครั้ง

“คุณ… รักษาฉันได้?”

เป็นเสี้ยววินาทีที่วาห์นคิดว่าตัวเองเห็นประกายเล็กน้อยในดวงตาของเพรเซีย เป็นดั่งประกายแสงแห่งความหวังท่ามกลางความมืดอันไร้ที่สิ้นสุด

แทนที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูด วาห์นเริ่มลากเล็บไปตามฝ่ามือของตัวเองจนเกิดรอยแผลและมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ที่มืออีกข้างและนำมันมาทาบที่รอยตัด

ไม่นานแผลก็จางหายไปหมดจนไม่เหลือแม้กระทั่งรอยแผลเป็น

เป็นครั้งแรกที่เพรเซียหันออกจากใบหน้าของวาห์นและเปลี่ยนมาจ้องมือของเขาแทน

วาห์นเห็นว่าเธอเอนตัวออกมาข้างหน้าเล็กน้อย เขาจึงขยับเข้าไปใกล้ช้าๆ และปล่อยให้เธอตรวจสอบฝ่ามือได้ตามใจชอบ

เพรเซียยังคงจ้องมองด้วยสีหน้าว่างเปล่า ก่อนจะยื่นมือของเธอออกมาสัมผัสมันไว้

สิ่งแรกที่วาห์นสัมผัสได้ก็คือความเย็นของมือนั่น เขาต้องฝืนใจตัวเองเพื่อไม่ให้ใช้พลังออกไปและทำให้มัน ‘อบอุ่น’ ในตอนนี้เลย

ผ่านไปครู่หนึ่ง เพรเซียก็ขยับมือออกพร้อมกับม้วนแขนเสื้อของตัวเองขึ้นและเผยให้เห็นแผลเป็นมากมายเหลือคณานับ

มีรูเล็กๆ อยู่จำนวนหนึ่งซึ่งน่าจะเกิดจากการโดนจี้ด้วยแท่งเหล็กร้อนๆ ตามมาด้วยรอยสลักตัวอักษรอย่าง ‘เดรัจฉาน’ และ ‘ทาส’ ซึ่งทำให้วาห์นหัวหมุนไปหมด

ในสภาพเหม่อลอย เพรเซียลากนิ้วไปตามรอยแผลเป็นหลายแห่ง รวมถึงคำพูดดูถูกเหล่านั้นด้วย

วาห์นอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายเล็กน้อยเพราะความรู้สึกเครียดไปกับบรรยากาศ เขาคิดอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ออกเลยและได้แต่เฝ้าดูการกระทำของเธอภายใต้ความเงียบ

วาห์นเห็นเพรเซียสัมผัสกับคำว่า ‘เดรัจฉาน’ เป็นเวลานาน ก่อนที่เธอจะเริ่มพึมพำด้วยเสียงสั่นไหว

“ฉัน… ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน… ได้โปรด… ทำให้มันหายไปที”

เพรเซียยื่นแขนออกมาหาวาห์นที่พยักหน้าตอบ

“อาจจะรู้สึกเจ็บๆ คันๆ หน่อยนะ… นั่นเป็นเพราะบาดแผลของเธอกำลังถูกกระตุ้นให้ฟื้นตัว…”

หลังจากไหลเวียนพลังไว้ที่นิ้วชี้ วาห์นก็ค่อยๆ ลากมันผ่านคำๆ นั้นเป็นอย่างแรกและเริ่มลบมันออก

ยิ่งแผลเป็นใหญ่มาก ผู้ถูกรักษาก็จะยิ่งเจ็บปวด แต่วาห์นสังเกตเห็นว่าเพรเซียนั้นไม่สะดุ้งสะเทือนเลยและยังคงจ้องมองที่แขนตัวเองแบบตาไม่กระพริบ

เป็นครั้งแรกที่เพรเซียเริ่มแสดงอาการหวั่นไหวขณะสัมผัสกับผิวสีอมชมพูของตัวเอง

แม้ว่าจะหลงเหลืออาการคันอยู่เล็กน้อย แต่คำอันแสนเกลียดชังนั่นก็หายไปแล้ว ที่เหลืออยู่ก็มีเพียงความทรงจำ… กับผิวพรรณที่ดูเปล่งปลั่งสะอาดสะอ้าน

วาห์นเห็นดวงตาเปียกชื้นที่เริ่มมีแสงกลับมาให้เห็น ก่อนที่เพรเซียจะสะอื้นเสียงดังลั่น มันดังมากเสียจนเฮสเทียกับฮารุฮิเมะยังต้องลงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

พอเข้ามาแล้วทั้งสองก็เห็นน้ำตาบนใบหน้าของทุกคนในห้องขณะที่ทั้งสามสาวกำลังพยายามปลอบเพรเซียที่ลงไปกองอยู่กับพื้น

วาห์นมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าใสของเฮสเทียและสีเขียวสงบนิ่งของฮารุฮิเมะด้วยสีหน้าเจ็บปวดซึ่งทำให้ทั้งสองรู้ทันทีว่าเขากำลัง ‘ขอความช่วยเหลือ’

หากทำได้ วาห์นคงเข้าไปรักษาแผลเป็นทั้งหมดของเพรเซียเสียแต่ตอนนี้เลย

เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะรับมือกับฉากตรงหน้ายังไงดี เพราะความโกรธเมื่อกี้นี้ วาห์นเลยอยู่ในสภาพทำตัวไม่ถูกและอยากให้เอน่าหรือเฮเฟสตัสมาอยู่ด้วยในตอนนี้เหลือเกิน

สำหรับฮารุฮิเมะ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นวาห์นในสภาพ ‘หลงทาง’ จนต้องรีบลงมานั่งข้างๆ เขาก่อนจะพยายามปลอบหญิงสาวเผ่ามนุษย์แกะที่เพิ่งเจอกันได้ไม่นานมานี้เอง

ฮารุฮิเมะยังจำชื่อของเพรเซียไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เธอพอมองออกว่าสถานการณ์คงเลวร้ายมากหากดูจากท่าทางของวาห์น

เนื่องจากไม่รู้ว่าจะรับมือกับสถานการณ์นี้ยังไงเช่นกัน เธอจึงเริ่มจากกระซิบคำปลอบโยนไปทางหญิงสาวที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุด

เฮสเทียที่แสดงอาการลังเลอยู่นั้นรู้สึกทึ่งกับการตัดสินใจอย่างฉับไวของฮารุฮิเมะจริงๆ

แม้จะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก ทว่าฮารุฮิเมะก็ออกตัวอย่างรวดเร็วในขณะที่เทพธิดาอย่างเธอกลับได้แต่มองจากด้านข้าง

สิ่งหนึ่งที่เฮสเทียรู้ก็คือวาห์นกำลังต้องการความช่วยเหลือ แต่เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงดี…

วาห์นขอบคุณฮารุฮิเมะเบาๆ ก่อนจะหันกลับมาจ้องมองเฮสเทียแทน

ตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าจะถามเธอว่าอะไร ที่รู้แน่ๆ ก็คือเฮสเทียคือที่พึ่งสุดท้ายและเธอต้องมีวิธีดีๆ แน่นอน

เทพตัวเล็กอาจแสดงความเห็นแก่ตัวออกมาเป็นบางครั้ง แต่เนื้อในของเธอนั้นเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนและความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่น

วาห์นเชื่ออย่างสนิทใจว่าสิ่งที่เอน่าหรือมิลานทำได้นั้น เฮสเทียเองก็สามารถทำได้เช่นกัน…

สายตาคาดหวังของวาห์นทำให้เฮสเทียรู้สึกกลัวและกดดันมาก แต่นอกเหนือจากสองอย่างนั้นแล้ว ไฟดวงเล็กๆ ในใจก็เริ่มลุกโชนขึ้นอย่างช้าๆ

มันขับไล่ความกลัวและเรียกเอาความมั่นใจกลับมาสู่ดวงตาของเฮสเทียอีกครั้ง

“ช่วยขยับออกจากเพรเซียสักเดี๋ยวนึงนะ”

แม้ไม่เข้าใจว่าเฮสเทียตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ แต่ทุกคนก็ยอมทำตามและค่อยๆ ถอยออกไป… ทุกคนยกเว้นเฟนเรียร์น่ะสิ

วาห์นต้องเป็นคนบุ้ยใบ้ให้เฟนเรียร์ถอยออกมาด้วยตัวเองเพื่อเปิดโอกาสให้กับเฮสเทีย

ตอนแรกออร่าของเทพตัวเล็กดูสั่นไหวไปหมด แต่วาห์นสังเหตุเห็นว่ามันดูสงบขึ้นเยอะเลย

เมื่อทุกคนถอยออกไปหมดแล้ว เพรเซียก็ยังคงร้องไห้ต่อไปซึ่งก็ไม่ต่างจากเดิมมากนัก

เฮสเทียมานั่งคุกเข่าลงข้างๆ แต่แทนที่จะปลอบเพรเซียแบบตรงๆ เธอกลับประคองใบหน้าของหญิงสาวให้มาสบตาด้วยแทน

เป็นการกระทำที่ดูไร้ซึ่งความอ่อนโยน แต่มันก็ถูกทดแทนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลที่ตามมา

“เธออยากให้ความทรงจำไม่ดีหายไปหรือเปล่า?”

เพรเซียจ้องประสานกับดวงตาสีฟ้าใสขณะที่เสียงสะอื้นของเธอค่อยๆ บรรเทาลง

ของเหลวที่ใบหน้ายังคงไหลออกมาไม่หยุด แต่อย่างน้อยเธอก็ฝืนขย้อนคำพูดออกมาจนได้

“ได้โปรด… ได้โปรดช่วยฉันด้วย…”

เฮสเทียนำศีรษะของเพรเซียมาไว้ในอ้อมอกอกแม้ว่าเขาแกะแหลมคมนั่นจะเป็นอุปสรรคอยู่บ้างก็ตาม เธอลูบเรือนผมสีเงินขณะพูดต่อ

“วาห์นจะช่วยเธอเอง… แต่เธอต้องเชื่อใจเขาด้วย
จะไม่มีใครมาทำร้ายเธอได้อีก จงก้าวเดินต่อไปข้างหน้าและอยู่อย่างมีความสุขเถอะ

หนึ่งในเหตุผลที่เทพอย่างเรารู้สึกอิจฉาคนทั่วไปก็เพราะความสามารถในการเปลี่ยนแปลงตัวเองนี่แหละ…

แม้จะพบกับเรื่องเศร้าขนาดไหน ตราบใดที่ไม่ยอมแพ้ให้กับโชคชะตา พวกเธอก็สามารถแสวงหาความสุขต่อไปได้

ตอนนี้ไม่มีอะไรมาขวางแล้วนอกเสียจากตัวเธอเอง…

อย่าปล่อยให้ความทรงจำเลวร้ายเข้าครอบงำไปตลอด… อย่าปล่อยให้คนเลวพวกนั้นมีอำนาจเหนือจิตใจของเธอ

สักวันเธอจะเป็นมากกว่าสิ่งที่พวกมันนึกฝัน… แต่อย่างน้อยสำหรับในตอนนี้… เธอปลอดภัยแล้ว”

วาห์นรู้สึกราวกับว่าคำพูดปลอบโยนของของเฮสเทียนั้นเป็นดั่งคาถาเวทมนตร์วิเศษ

ทุกคำล้วนแฝงไปด้วยความอ่อนโยนและความมั่นใจจนแม้แต่เขาเองยังรู้สึกเคลิ้มไปด้วย และเขาก็ไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนั้น เพราะนอกจากเฟนเรียร์แล้ว ทุกคนต่างแสดงสีหน้าราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด ส่วนคนที่โดนผลเข้าไปแบบเต็มๆ อย่างเพรเซียเองก็เริ่มสูดหายใจแรงๆ แทนการกลับร้องไห้ต่อ

หลังจากเงียบอยู่พักหนึ่ง เธอก็เงยหน้าขึ้นสูงกว่าเดิมและกล่าวอ้อนวอนต่อชายหนุ่มคนเดียวในห้อง

“ได้โปรดรักษาฉันด้วย… ฉันอยากจะลืมให้หมด… ฉันไม่อยากเห็นรอยแผลเป็นพวกนี้อีกแล้วค่ะ!”

แม้ว่าภายในของตัวเองจะยังวุ่นวายอยู่บ้าง แต่วาห์นก็พยักหน้าให้และพูดอย่างหนักแน่น

“ฉันจะรักษาให้เอง จะลบมันออกให้หมด ไม่ให้เหลือแม้แต่รอยเดียวเลย”

วาห์นยืนขึ้นจากพื้นในขณะที่เฮสเทียช่วยพยุงร่างของเพรเซียขึ้นเช่นกัน

ด้วยมืออันสั่นคลอน เพรเซียค่อยๆ ถอดเสื้อแขนยาวของตัวเองออกจนวาห์นเข้าใจว่าเธอคงอยากจะให้รักษา ‘ตอนนี้เลย’

เขาพยักหน้าให้กับคู่แฝดซึ่งทั้งสองก็เข้าใจทันทีพร้อมกับเข้าไปช่วยเพรเซียอีกแรง ส่วนเฮสเทียกับฮารุฮิเมะนั้นเดินเข้ามาหาวาห์นเพื่อดูว่าเขาต้องการคนช่วยอะไรเพิ่มหรือเปล่า

“ที่เหลือเดี๋ยวฉันจัดการเอง พวกเธอไม่ต้องห่วง”

วาห์นเริ่มจากการโบกมือไปในอากาศและดึง [โต๊ะนวด] ที่เขาซื้อไว้ออกมา

มันเป็นโต๊ะยาวที่ลาดเอียงเล็กน้อยและมีรูไว้สำหรับใส่ศีรษะเวลานอนคว่ำ

ชายหนุ่มคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวางกระจกบานใหญ่ไว้ใกล้ๆ เพื่อที่เพรเซียจะได้ตรวจสอบร่างกายของตัวเองในช่วงก่อนและหลังการรักษา

วาห์นเดาว่าเธอคงอยากจะดูร่างกายให้ทั่วๆ เสียก่อน ในระหว่างนั้นเขาก็จะปล่อยให้คนอื่นๆ ไปอาบน้ำอาบท่าในขณะที่ตัวเองเริ่มติดต่อไปทางกลุ่มที่เกี่ยวข้อง

อาจเป็นเพราะการที่ต้องตกเป็นทาสมานาน แม้จะเหลือเพียงกางเกงในชิ้นเดียว แต่เพรเซียก็ไม่มีท่าทางเขินอายเลยแม้แต่น้อย

พอได้เห็นหมดทุกอย่างแล้วทุกคนก็รู้ซึ้งทันทีว่าเจ้าของคนก่อนของเพรเซียนั้นวิปริตแค่ไหน

นอกจากใบหน้าไร้รอยแผลของเพรเซียแล้ว ทุกอย่างที่เหลือนั้นดูเละเทะไปหมด… ไม่เว้นแม้กระทั่งจุดซ่อนเร้นตรงด้านหน้าและด้านหลัง

พอเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายถูกถอดออก สาวๆ บางคนก็ถึงกับตัวสั่นไปเลย

สำหรับฮารุฮิเมะนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นร่องรอยแห่งความโหดร้ายเกินคำบรรยาย

สิ่งเดียวที่หญิงสาวทำได้ก็คือใช้มือปิดปากตัวเองเพื่อกลั้นไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา

แม้ออร่าจะดูยุ่งเหยิงมาก แต่อย่างน้อยเฮสเทียก็ยังรักษาสีหน้าอ่อนโยนเอาไว้แบบเดิม

ไม่นานเทพตัวเล็กก็เดินเข้าไปหาเพรเซียเพื่อช่วยพยุงร่างอันบอบช้ำอีกครั้ง

เพราะวาห์นนำสิ่งของต่างๆ ออกมาวางรอไว้แล้ว เฮสเทียจึงรู้ทันทีว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้าง

การได้เห็นเงาสะท้อนของตัวเองแบบเต็มๆ ทำให้แสงในดวงตาของเพรเซียใกล้ดับลงอีกครั้ง ยังดีที่ข้างกายนั้นมีเทพตัวเล็กคอยกระซิบปลอบเรื่อยๆ

“นี่ไม่ใช่เธอ… นี่คือสิ่งที่คนอื่นยัดเยียดให้เธอ

แสดงให้พวกมันเห็นสิ ว่าเธอไม่ใช่ทาส… ตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้วและจะไม่ต้องเห็นหรือพบกับอะไรแบบนี้อีก”

เป็นคำปลอบที่ดูได้ผลดีทีเดียว เพราะแสงในดวงตาของเพรเซียกลับมาลุกโชนยิ่งกว่าเก่า ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินและลงมานั่งบนโต๊ะโดยมีเฮสเทียคอยช่วย

เพราะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากแผลเป็นด้านหน้า เพรเซียเลยตัดสินใจนอนหงายขณะมองวาห์นด้วยสายตาอ้อนวอนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปิดมันลง

พอได้เห็นแผลทุกส่วนแล้ว วาห์นจึงรู้ว่างานนี้เธอต้องเจ็บกว่าที่เขาคำนวณไว้แน่นอน

“เราจะเริ่มจากการนวดคลายกล้ามเนื้อก่อนนะ มันจะช่วยทำให้เธอเจ็บน้อยลง

ผลข้างเคียงก็คือเธอจะขยับตัวไม่ค่อยได้ ดังนั้นอย่าตกใจไปล่ะ…”

เพรเซียพยักหน้าเล็กน้อยในสภาพปิดตาแน่นเหมือนเดิม

วาห์นสูดลมหายใจลึกๆ และเริ่มใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เพื่อทำตามที่ตัวเองอธิบายไว้เมื่อกี้นี้พร้อมกับรักษาแผลเป็นเล็กๆ น้อยๆ ไปด้วยเลย

ความตึงเครียดในร่างกายจางหายไปอย่างรวดเร็วจนเพรเซียต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและเปลี่ยนไปมองเฮสเทียที่กุมมือของเธออยู่ข้างๆ

ขั้นตอนนี้กินเวลาประมาณ 40 นาที แต่วาห์นก็สามารถรักษาและลบรอยแผลเป็นที่อยู่ด้านหน้าออกไปได้จนหมด

แน่นอนว่าส่วนที่ยากสุดๆ ก็คือการจัดการกับรอยแผลตรงช่วงหว่างขานั่นเอง

เพรเซียที่ไม่ควรจะขยับตัวได้ถึงกับเกร็งร่างกายอย่างรุนแรงและกัดฟันแน่นในระหว่างที่วาห์นต้องสัมผัสตรงบริเวณดังกล่าว

หลังจากจบขั้นตอนนี้แล้ว เฮสเทียก็ช่วยพยุงเธอขึ้นมาที่กระจกเป็นครั้งที่สอง

สภาพร่างกายด้านหน้าที่ดูหมดจดไร้ซึ่งแผลเป็นเล่นเอาหญิงสาวร้องไม่ออกและได้แต่จ้องมองภาพสะท้อนด้วยดวงตาสั่นไหว

สิ่งแรกที่สมองของเธอสรุปได้ก็คือ ‘นี่เป็นภาพลวงตา’ ตามมาด้วย ‘เรากำลังฝันอยู่ใช่ไหม?’

พอสมองใช้การไม่ได้ชั่วคราว ร่างกายก็เลยหยุดเคลื่อนไหวไปด้วย งานนี้เฮสเทียเลยต้องโบกมือให้เอมิรุมาช่วยพยุงเพรเซียกลับไปที่โต๊ะด้วยอีกแรง

ด้านหลังของเพรเซียนั้นดูสาหัสยิ่งกว่าด้านหน้าเสียอีก

วาห์นต้องใช้เวลาไปประมาณชั่วกว่าๆ ถึงจะจัดการทุกอย่างได้หมด

แม้จะฟันธงไม่ได้ แต่เขาค่อนข้างมันใจว่ารอยส่วนใหญ่น่าจะเกิดจากการถูกหวดด้วยแส้

แผลเป็นบางแห่งยังมีความลึกเกินหนึ่งเซนติเมตร พูดอีกอย่างก็คือเธอถูดแส้ฟาดตรงจุดเดิมซ้ำกันหลายครั้ง

ดูจากสีที่คละกันไปมาของแผลเป็น ปีศาจนั่นคงจะราดโพชั่นคุณภาพต่ำซ้ำไปมาในระหว่างที่ทรมานเธอไปด้วย

ในระหว่างการรักษา เพรเซียนั้นแทบไม่สะดุ้งสะเทือนเหมือนอย่างที่วาห์นอธิบายไว้เลย

มันไม่ใช่เพราะเธอมีความอดทนสูง แต่เป็นเพราะเซลล์ประสาทของเธอนั้นดูท่าจะเสื่อมสภาพไปหมดแล้ว…

หลังจากใช้เวลาไปทั้งหมดเกือบ 2 ชั่วโมง รอยแผลเป็นทั้งหมดบนร่างกายของเพรเซียก็อันตรธานหายไปจนหมด

เพราะเธอตรวจสอบด้านหลังไม่ค่อยถนัด วาห์นเลยนำกระจกขึ้นมาเพิ่มให้เป็นสามด้านซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่ร้านเสื้อผ้าใช้ในห้องเปลี่ยนชุด

เพรเซียไล่ดูทุกจุดอย่างละเอียด ไม่เว้นแม้แต่ตรงส่วนหางและใบหูที่เคยมีรอยไหม้เกรอะกรัง

ครู่ต่อมา เธอก็เริ่มมีอาการชักและหมดสติไปอย่างรวดเร็ว ดีที่มีคู่แฝดอยู่ข้างๆ และรับร่างเอาไว้ได้ทัน

ตอนนี้ตัวช่วยหลักนั้นไม่อยู่แล้ว เพราะวาห์นขอให้เธอส่งข้อความแทนเขา เฮสเทียจึงออกไปจากห้องเมื่อไม่นานมานี้เอง

วาห์นอุ้มร่างไร้สติของเพรเซียมาที่ห้องอาบน้ำฝั่งผู้หญิงโดยมีฮารุมิเนะ เอมิรุ มาเอมิ และเฟนเรียร์ตามมาติดๆ

ในขณะที่สาวๆ กำลังถอดเสื้อผ้ากันอยู่ วาห์นก็เดินไปทางฝั่งบ่อตื้นก่อนจะลงไปทั้งแบบนั้นโดยไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออก

ที่จริงวาห์นจะถอดชุดผ่านระบบก็ได้ แต่เขาคิดว่ามันคงจะไม่ดีหากเพรเซียตื่นมาเห็นเข้า

ไม่นานพวกสาวๆ ก็ตามเข้ามาในสภาพเปลือยเปล่าหมดทุกคนแบบไม่สนสักนิดว่าในห้องน้ำนั้นมีวาห์นอยู่ด้วย

ฮารุฮิเมะเองก็เอากับเขาเช่นกัน หญิงสาวยิ้มให้วาห์นอย่างสุภาพก่อนจะเข้ามารับหน้าที่อาบน้ำให้กับเพรเซีย

วาห์นกล่าวขอบคุณเบาๆ พร้อมกับพยายาม ‘ไม่มอง’ อาหารตาที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะเดินออกจากห้องและเปลี่ยนเอาชุดแห้งๆ มาใส่แทน

สีหน้าของเขาดูแข็งกร้าวขึ้นในระหว่างที่เดินไปทางห้องของเฮสเทียเพื่อดูว่าเธอเจอข้อมูลอะไรเข้าหรือเปล่า

วาห์นอยากไปลากคอไอ้สารเลวนั่นด้วยตัวเอง… มันอาจไม่ทำให้เพรเซียรู้สึกดีขึ้น แต่ที่แน่ๆ ก็คือเรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ ทั้งกับเพรเซียและกับโทสะอันคุกรุ่นของเขา

ไม่ว่ามันจะไปซ่อนอยู่ในนรกขุมไหน รับรองเลยว่าเดี๋ยวมันต้องไม่ได้ตายดีแน่นอน

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท