ขณะที่วาห์นกำลังนอนอยู่ในห้องอันแสนเย็นสบายของตัวเอง จู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างทะลุข่ายเวทมนตร์เข้ามาด้านใน
มันคือบางอย่างที่เล็กมากๆ จนคนทั่วไปอาจไม่ติดใจอะไร ทว่าสำหรับวาห์นที่ช่วงนี้ตื่นตัวมากเป็นพิเศษย่อมไม่คิดแบบนั้นแน่นอน
เขาเริ่มขยายพลังเขตแดนเพื่อมองหาร่องรอยของผู้บุกรุก ซึ่งตอนนี้ระยะสูงสุดของมันก็เพิ่มเป็น 322 เมตรแล้ว
พลังเขตแดนที่กางออกไปแบบสุดๆ อาจจะตรวจสอบแบบทุกซอกทุกมุมไม่ได้ แต่มันก็ทำให้วาห์นเห็นโครงสร้างในห้องต่างๆ ได้อย่างชัดเจน
พอเปิดแผนที่ย่อที่เชื่อมต่อกัน วาห์นก็พบว่ามีบางอย่างกำลังเคลื่อนที่เข้ามาจากทางปีกตะวันตกของชั้นล่างสุด
คนที่มีห้องอยู่ชั้นล่างจะมีเพียงสองคู่แฝดเท่านั้น และตอนนี้พวกเธอทั้งสองก็กำลังนอนอยู่ในห้องของตัวเอง
เดาได้ไม่ยากเลยว่าคนๆ นี้จะต้องเป็นมือสังหารหรือไม่ก็คนที่แอบมาสำรวจล่วงหน้าอย่างแน่นอน
วาห์นไม่ใช่พวกที่ชอบมานั่งรอดูว่าเป้าหมายของศัตรูคืออะไร ไม่นานเขาก็โดดลงจากเตียง เปิดระบบเพื่อสวมใส่อุปกรณ์ต่อสู้ และมุ่งหน้าออกจากห้องทันที
วาห์นสัมผัสได้ว่าเฟนเรียร์เองก็ตื่นแล้วเช่นกัน แต่เขาก็ส่งกระแสจิตเพื่อบอกให้เธอปกป้องโซนชั้นบน ก่อนที่ตัวเองจะเดินมาเคาะที่ประตูห้องของริว
ถึงตัวเจ้าของห้องจะไม่อยู่ แต่ก่อนหน้านี้เธอได้รับเพื่อนร่วมห้องเข้ามาเพิ่มซึ่งก็คืออาคินั่นเอง
นี่เป็นหนึ่งในห้องที่ใหญ่พอสมควร ดังนั้นการเพิ่มเตียงเข้าไปอีก 2-3 เตียงจึงไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด แถมริวกับอาคิก็ชินกับการมีเพื่อนร่วมห้องอยู่แล้วด้วย
อาคิตื่นขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงเคาะเบาๆ เธอเดินออกมาเปิดประตูในชุดนอนผ้าไหมที่ทำให้วาห์นนิ่งไปเสี้ยววินาทีก่อนจะเริ่มเล่าสถานการณ์ให้ฟัง
เขาบอกให้เธอแต่งตัวและออกมาคุมตรงทางลงบันใดในขณะที่ตัวเองเดินลงไปต้อนรับแขกที่กำลังเคลื่อนที่ไปมาอยู่ในปีกตะวันตก
สายตาของวาห์นดูเย็นยะเยือกมากกว่าครั้งไหนๆ ขณะที่เขาใช้เหล่าสกิลอำพรางตัวออกมาแบบเต็มพิกัดและนำชุดที่ดูดซับแสงออกมาสวม
พอตรวจสอบดูก็พบว่าศัตรูน่าจะเป็นนักผจญภัยเลเวล 4 และคงไม่ได้มาดูลาดเลาเฉยๆ แน่นอน
คนๆ นี้มีออร่าสีเทาปนเขียวที่ดูนิ่งจนน่ากลัว สีเทานั้นคือสีปกติของคนที่ไม่รู้จักวาห์นมาก่อน แต่สีเขียวนั้นหมายความว่าเจ้าของออร่ากำลังรู้สึกอิจฉาเขาอยู่?
เพราะออร่านั่นกำลังเคลื่อนที่และหยุดตามห้องต่างๆ วาห์นเลยเข้าใจว่าเป้าหมายของมันน่าจะเป็นการตามหาใครสักคน
หลังจากเข้าไปยุ่งวุ่นวายในย่านโคมแดง ศัตรูของวาห์นก็เพิ่มขึ้นอีกมากมาย แต่ถ้าพูดถึงกลุ่มที่สามารถส่งนักผจญภัยเลเวล 4 ออกมาได้นั้นก็คงหนีไม่พ้นอิชทาร์แฟมิเลีย
ช่วงนี้คงไม่มีนักฆ่ารับจ้างคนไหนที่กล้ารับงานบ้าๆ อย่างการบุกเข้ามาในเฮสเทียแฟมิเลียที่มีโลกิและเฮเฟสตัสแฟมิเลียคอยหนุนหลังอยู่หรอก
หากเลี่ยงได้ วาห์นก็ไม่อยากทำให้ตัวคฤหาสน์เสียหาย เขาก็เลยมารอผู้บุกรุกอยู่ตรงจุดที่เชื่อมระหว่างปีกตะวันตกกับพื้นที่ส่วนกลาง ขณะเดียวกันก็เปิดหน้าต่างแถวๆ นั้นไปด้วย
ตอนนี้วาห์นได้ลบสัมผัสของตัวเองจนแม้แต่พวกที่มีสกิลตรวจจับระดับสูงยังต้องเหงื่อตก
เขาได้ทดสอบวิธีนี้กับกับมิโคโตะมาแล้ว ซึ่งหลักๆ แล้วมันก็คือการบีบอัดพลังเขตแดนเข้าหาตัวขณะผสาน [อำพรางตัว] เขาไป
ผลที่ได้ก็ไม่ต่างกับตอนที่เขาซ่อนตัวจากจักเกอร์นอตเท่าไหร่
วิธีนี้ทำให้วาห์นสามารถซ่อนตัวจากสกิล เวทมนตร์ หรือแม้แต่มอนสเตอร์ได้แบบสบายๆ
ถ้าอีกฝ่ายต้องการตรวจหาเขาล่ะก็ มีแต่ต้องใช้ตามองแบบตรงๆ เท่านั้น
ผ่านไป 20 นาที ในที่สุดอีกฝ่ายก็มาถึงห้องโถงและต้องหยุดชะงักเมื่อพบว่าหน้าต่างตรงแถบนี้ถูกเปิดออกหมดทุกบาน
วาห์นสังเกตุเห็นด้วยว่าผู้บุกรุกไม่ได้พยายามพรางตัวแต่อย่างใด
เขาคือชายหนุ่มผิวเข้มหน้าตาดีที่มีผมสีดำ ดวงตาสีเขียว และท่าทางที่ดูนิ่งๆ
ชายหนุ่มมองไปรอบๆ ราวกับกำลังตรวจหาบางอย่าง ก่อนจะเริ่มเดินหน้าต่อด้วยความลังเล
วาห์นรู้สึกทึ่งกับความใจเย็นของคนๆ นี้มาก โดยเฉพาะหลังจากทำท่าทางที่เหมือนรู้ตัวว่าถูกพบเข้าแล้ว
ตัววาห์นเองก็เคยแอบเข้าไปที่นั่นที่นี่มาบ้าง เขาจึงรู้ว่าการได้พบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันนั้นมันน่าตื่นตระหนกมากแค่ไหน
หากไม่มีพลังเขตแดนช่วยตรวจสอบพื้นที่รอบๆ วาห์นก็คงจะรู้สึกเครียดกว่านี้มาก
พอชายหนุ่มเดินมาถึงหน้าต่าง วาห์นก็ใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] เพื่อเข้ามาวางมือไว้บนแผงอกของอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็ใช้มันอีกครั้งเพื่อผลักตัวเองกับชายหนุ่มออกไปด้านนอก
เพราะไม่ได้กำหนดเป้าหมายชัดเจน ทั้งสองก็เลยไถลไปตามพื้นดินเย็นๆ ก่อนจะเด้งตัวขึ้นพร้อมกันและเปลี่ยนมายืนคุมเชิงในระยะ 7 เมตร
ไม่นานชายหนุ่มก็เปลี่ยนมายืนตรงขณะปัดเศษดินออกจากตัวก่อนจะถามขึ้น
“วาห์น เมสันสินะ ฉันเคยเห็นรูปนายมาก่อน
ฉันมาที่นี่เพื่อเอาข้อความมาส่ง…”
วาห์นนำ [เลวาไทน์] ออกมาขณะถามกลับ
“หือ? เดี๋ยวนี้คนส่งสารเค้านิยมมากันตอนดึก บุกรุกเข้าบ้านคนอื่น แล้วก็ทำลับๆ ล่อๆ เหมือนกับกำลังหาอะไรบางอย่างแบบนายเนี่ยนะ?”
[เลวาไทน์] เริ่มเปล่งแสงสีแดงน่ากลัว ราวกับว่ามันใกล้จะปะทุพลังออกมาเต็มทีแล้ว
ผู้บุกรุกขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“นายหญิงของฉันต้องการพบนาย
ถ้าเลือกได้ ฉันก็คงฆ่านายไปแล้ว แต่คำบัญชาของนายหญิงนั้นอยู่เหนือสิ่งอื่นใด”
ขณะที่ยังตั้งท่าเตรียมสู้ วาห์นก็เริ่มใช้ [ดวงตาแห่งการรู้แจ้ง] กับชายหนุ่มและเห็นว่าหมอนี่เตรียมทั้งเชือกและขวดยาบางอย่างมาพร้อมเลย
สิ่งที่คนๆ นี้พูดอาจเป็นความจริง… แต่มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น
ถ้าหมอนี่พบตัวฮารุฮิเมะก่อน ‘ส่งมอบข้อความ’ ล่ะก็… วาห์นไม่แปลกใจเลยว่ามันจะเป็นยังไงต่อ
ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่า ‘นายหญิง’ ที่ชายหนุ่มกล่าวถึงนั้นคืออิชทาร์แน่นอน
วาห์นวาด [เลวาไทน์] ออกไปเป็นวงและทำให้อากาศรอบๆ เกิดการเผาไหม้อย่างรุนแรง
“ที่ฝ่าข่ายมนตร์เข้ามาในนี้ก็เพื่อมาส่งข่าวว่านายหญิงของนายอยากเจอฉันเนี่ยนะ?
ขอถามให้หายข้องใจหน่อยเถอะว่าถ้าแค่นั้น… แล้วจะเอาเชือกกับยานอนหลับมาทำไม?”
พอได้ยินแบบนั้น ชายหนุ่มก็เริ่มมีสีหน้าถมึงทึง
“แกไม่มีสิทธิมาขโมยทรัพย์สินของ-”
ก่อนจะได้พูดต่อจนจบ วาห์นก็ใช้ [เอ็นคิดู] ออกมาทันที
ทว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่หมูที่เคี้ยวง่ายๆ
เขาเคลื่อนหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็วก่อนจะพุ่งเข้ามาหาวาห์นด้วยอาวุธที่ดูคล้ายถุงมือเวทมนตร์
แม้เรคคอร์ดดันมาจิจะเต็มไปด้วยเหล่านักผจญภัยที่มีความเร็วเหนือมนุษย์… แต่ต่อให้คนที่เร็วที่สุดก็คงเร็วสู้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] ไม่ได้อยู่ดี
จู่ๆ วาห์นก็หายตัวไปจากตรงนั้น ที่หลงเหลืออยู่ก็เป็นเพียงภาพติดตาเฉยๆ
ชายหนุ่มเบิกตากว้างขณะเอื้อมไปหยิบของในกระเป๋าและปามีดไปที่ตำแหน่งใหม่ของวาห์นด้วยความแม่นยำ
วาห์นปัดมีดออกด้วยถุงมือเหล็กของตัวเองก่อนจะเริ่มใช้ [เอ็นคิดู] อีกครั้ง
ขณะนี้เป็นช่วงกลางดึก ชายหนุ่มก็เลยหลบ [เอ็นคิดู] ได้แบบสบายๆ เพราะตอนที่โซ่สีทองจะออกมานั้น มันจะมีแสงสีทองสว่างขึ้นมาก่อน
วาห์นขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะมีน้อยครั้งมากที่ [เอ็นคิดู] จะจับศัตรูไว้ไม่อยู่ แถมพลังที่ใช้เรียกพวกมันออกมาแต่ละครั้งก็ไม่ใช่น้อยๆ เลย
หลังจากดื่มโพชั่นเพื่อฟื้นมานา วาห์นก็หยุดใช้ [เอ็นคิดู] และล้มเลิกแผนที่จะจับกุมชายหนุ่มมาสอบสวน
ถ้าหมอนี่มาเพื่อส่งข้อความเพียงอย่างเดียว วาห์นก็อาจจะยอมเล่นด้วยและตอบรับคำเชิญของอิชทาร์ แต่เพราะมีเป้าหมายแอบแฝง แบบนี้อย่าหวังเลยว่าจะได้กลับไปง่ายๆ
หลังจากพุ่งโจมตีพลาดหลายครั้ง ชายหนุ่มก็สังเกตเห็นว่าโซ่น่ารำคาญนั่นจู่ๆ ก็หายไปหมด
พอเห็นวาห์นดื่มโพชั่น สิ่งแรกที่แล่นเข้ามาในหัวก็คืออีกฝ่ายคงใช้เวทมนตร์มากจนมานาหมด
สีหน้าของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นการเย้ยหยันทันที ก่อนที่มาดนิ่งๆ ในตอนแรกจะกลับมาอีกครั้ง
“ยอมแพ้ซะ นายเอาชนะฉันไม่ได้หรอก
เป็นแค่เลเวล 3 ที่มีกลเล็กๆ น้อยๆ อย่าคิดนะว่าจะสู้กับเลเวล 4 ได้
ฉันอัดนายไม่โดน แต่นายเองก็เหมือนกันนั่นแหละ…”
วาห์นมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาที่สื่อว่า ‘ไอ้หมอนี่มันพล่ามอะไรของมัน?’ เล่นเอาอีกฝ่ายหัวอุ่นไปเหมือนกัน
ไม่นานวาห์นก็เปลี่ยนไปยิ้มให้ขณะพูดบ้าง
“กลับไปบอกนายหญิงของนายซะ ถ้าอยากพบฉัน ก็ให้ไปเจรจากับเฮเฟสตัสหรือโลกิแฟมิเลียก่อน
ถ้าทางนั้นยอมตกลงก็… อืม อยากเห็นเหมือนกันว่าผู้หญิงที่ฝึกหมาจนเชื่องได้ขนาดนี้จะมีหน้าตายังไงกันนะ”
คำพูดนั่นทำเอาชายหนุ่มเกิดอาการเส้นเลือดปูดที่ขมับทันที
เขาสูดหายใจผ่านจมูกหลายครั้งและดูเหมือนกำลังคิดอยู่ในใจว่าจะหาทางเอาคืนยังไง
ถ้าการเจรจากับสองแฟมิเลียนั่นมันง่ายขนาดนั้น อิชทาร์ก็คงไม่ต้องส่งเขามากลางดึกแบบนี้หรอก
ถึงจะถูกตีว่าเป็น ‘แฟมิเลียอาชญากรรม’ แต่อิชทาร์แฟมิเลียก็มีโฉมหน้าที่ดูสะอาดสะอ้าน… ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกเขาพยายามเก็บร่องรอยของตัวเองอย่างหนัก
ที่ผ่านมา การเข้าบดขยี้แฟมิเลียขนาดเล็กนั้นถือเป็นเรื่องง่ายดาย แต่สำหรับเฮสเทียแฟมิเลียที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยกองกำลังลับๆ มากมายนี่มันก็…
นอกจากเฮเฟสตัสและโลกิแฟมิเลียจะกว้านซื้อที่ดินรอบๆ คฤหาสน์นี้แล้ว พวกเธอยังนำกองกำลังบางส่วนเข้ามาประจำไว้ข้างในอีกด้วย
แม้แต่ทางกิลด์เองก็นำคนมาตรวจสอบพื้นที่ในละแวกนี้เช่นกัน
หากมีคนพบเห็นการต่อสู้ครั้งนี้ ดีไม่ดีอิชทาร์แฟมิเลียอาจจะโดนตรวจสอบอีกรอบ
จากมุมมองของชายหนุ่ม ตอนนี้วาห์นกำลังพูดจาดูถูกอิชทาร์แฟมิเลีย ตัวอิชทาร์ รวมไปถึงตัวเขาเองด้วย
และที่วาห์นกล้าทำแบบนี้ก็เพราะว่ามีขุมกำลังมากมายคุ้มกะลาหัวเขาอยู่
หากไม่ใช่เพราะวิชาหายตัวแปลกๆ ที่วาห์นใช้ ชายหนุ่มก็คงจับเขามาซ้อมจนหน้าเละไปแล้ว จะเอาให้คนรักจำหน้าไม่ได้เลย!
แน่นอนว่าถ้าทำแบบนั้น อิชทาร์ก็คงลงโทษเขาแทน เพราะช่วงนี้เธอให้ความสนใจในตัววาห์นมากเป็นพิเศษ
นี่แหละคือที่มาของ ‘ความอิจฉา’ ที่วาห์นเห็นในตอนแรก
หลังจากสงบใจลงเล็กน้อย ชายหนุ่มก็พูดต่อ
“ฉัน ทัมมุซ เบลีลี่ ของท้าดวลกับวาห์น เมสัน
ถ้าฉันชนะ นายกับนังโสเภณีซันโจวโนะ ฮารุฮิเมะจะต้องมากับฉัน”
ทัมมุซไม่แม้แต่จะบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากตัวเองแพ้ เขาตั้งท่าต่อสู้แบบชกมวยขึ้นมาทันที
มันเป็นท่าตั้งการ์ดแบบหลวมๆ โดยเอามือซ้ายขึ้นมาไว้ข้างหน้า
วาห์นมองออกว่านี่เป็นท่าที่สามารถรับการโจมตีได้เกือบรอบทิศ ยกเว้นก็แต่ตรงด้านหลัง
เขาหรี่ตามองทัมมุซพลางครุ่นคิดว่าการปลิดชีวิตอีกฝ่ายนั้นจะถือเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือเปล่า
ตอนนี้ชายหนุ่มตรงหน้ากำลังตกอยู่ภายใต้มนตร์เสน่ห์ของอิชทาร์ แต่ผลของมันจะมีมากน้อยแค่ไหน อันนี้คงไม่มีใครบอกได้
จริงอยู่ที่เขา ‘พาตัว’ ฮารุฮิเมะออกมาจากเงื้อมมือของอิชทาร์ แต่นั่นคือการเข้าช่วยเหลือซึ่งต่างไปจากสิ่งที่ทัมมุซคิดจะทำ
ต่อให้ทัมมุซตาย ฝั่งอิชทาร์ก็คงโวยวายอะไรไม่ได้เพราะเป็นฝ่ายที่แอบส่งคนเข้ามาเอง
เธออาจจะปล่อยข่าวลือแย่ๆ เกี่ยวกับวาห์นและกดดันให้เขาออกมาแก้ต่าง แต่มีหรือที่อิชทาร์จะผ่านกำแพงที่มีชื่อว่าเฮเฟสตัสกับโลกิเข้ามาได้
นี่ยังไม่นับทางกิลด์ที่ส่งคนมาดูแลอีก…
วาห์นส่ายหัวก่อนจะสรุปในใจว่าอย่าใจดีให้มันมากเกินไป โดยเฉพาะกับพวกที่คิดร้ายต่อตัวเองและคนใกล้เคียง
วาห์นคงไม่คิดจะจงใจฆ่าทัมมุซ แต่ถ้าอีกฝ่ายมาเต็ม เขาเองก็จะไม่ยอมอ่อนข้อเช่นกัน
ถ้าทัมมุซแพ้และรอดตายมาได้ วาห์นก็จะช่วยรักษาแผลพร้อมกับลบมนตร์เสน่ห์ของอิชทาร์ออกให้ จากนั้นก็ต่อด้วยการส่งตัวเขาให้กับทางการอย่างสงบ
ขอย้ำอีกทีว่าทัมมุซจะต้อง ‘รอดตาย’ ให้ได้เสียก่อน เพราะตอนนี้วาห์นเองก็เริ่มหัวร้อนแล้วเหมือนกัน
หลักๆ ก็เพราะคำว่า ‘นังโสเภณีซันโจวโนะ ฮารุฮิเมะ’ นี่แหละที่ทำให้วาห์นใจดีน้อยลงไปเยอะ
เขาปา [เลวาไทน์] กลับเข้าช่องเก็บของก่อนจะตัดสินใจทดสอบวิธีต่อสู้แบบใหม่กับทัมมุซ
ผิวหนังปกติเริ่มเปลี่ยนเป็นเกล็ดสีดำอย่างช้าๆ ตามมาด้วยรอยสักรูปงูที่ม้วนขึ้นมาตามแขน แผ่นหลัง และหัวไหล่
วาห์นอยากลองใช้ร่างเต่าทมิฬโฉมใหม่แทนการใช้ร่างพยัคฆ์ขาวเหมือนที่ผ่านๆ มา
เท่านั้นไม่พอ เพราะเขายังย่อพลังเขตแดนเข้ามาไว้รอบตัว ก่อนจะเริ่มผสานอณูธาตุไฟเข้าไปในนั้นจนร่างกายดูคล้ายกับหินแม็กม่าไม่มีผิด