ทุกคนชะงักและหันมามองพร้อมกัน
อวี่หวังถงยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าว
“เมื่อเรายืนยันได้แล้ว ว่าปู๋จิงคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีจริงๆ ในตอนนี้ปู๋จิงคงที่ยังไม่เสียชีวิตกำลังทำอะไรอยู่?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ทุกคนก็เข้าใจทันที ดวงตาของทุกคนเป็นประกาย
“รีบตรวจสอบอย่างรวดเร็ว ก่อนที่หลักฐานจะถูกทำลาย”หญิงสาวชุดม่วงพูดขึ้น ก่อนจะตัดสายไปทันที
คนที่เหลือก็รีบตัดสายไปพร้อมๆกัน
อวี่หวังถงถอนหายใจ ก่อนจะเหม่อมองออกไปเล็กน้อย ปากอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาเบาๆ
“อิจฉาจี้หยางเฟยจริงๆที่ได้พักร้อน ไม่ต้องปวดหัวแบบนี้”
เมืองเทียนจิง
เช้าวันต่อมา
จิวโมไป๋ลุดขึ้นอย่างเชื่องช้า เขาเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย ระหว่างนั้นเขาอดไม่ได้ที่จะมองใบหน้าตัวเองในกระจก เห็นใต้ดวงตารอยคล้ำเล็กน้อย เขาก็ยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อน
เดินออกจากห้องน้ำก็พึ่งรู้ตัวว่าไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน เขาจึงเปิดกำไลข้อมือ เขาไปสั่งสินค้า ซื้อเสื้อผ้าที่เขาใส่ประจำมา 2 ชุด
รอไม่ถึง 15 นาที พนักงานโรงแรมก็นำเสื้อผ้าที่เขาสั่งมาส่ง
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่เชิ้ตขาว กางเกงดำ ใส่เสื้อคลุมกันลมสีดำ
เมื่อเตรียมตัวเรียบร้อย ก็ออกจากห้องพักตรงไปห้องอาหาร โดยไม่เรียกฟงอี้เฟยที่อยู่ห้องข้างๆ เขาใช้จิตสัมผัสตรวจสอบรอบๆโรงแรม ก็ไม่พบคนของหน่วยมังกรซ่อน เขาประหลาดใจเล็กน้อย ที่ไม่มีใครติดต่อมา หลังจากที่เขาทิ้งกำไลข้อมือ ไว้ให้คนของหน่วยมังกรซ่อนค้นพบอย่างชัดเจนขนาดนั้น
แต่เขาก็เบาใจ อย่างน้อยปัญหาของเขาน่าจะเบาลง
เขาขึ้นลิฟท์ตรงไปชั้นห้องอาหาร เมื่อเดินเขาไปสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับร่างของหญิงสาวสูงโปร่ง ใบหน้างดงามอ่อนโยน เธอชุดกระโปรงยาวสีขาวสวมทับด้วยผ้าคลุมไหล่สีน้ำตาล หญิงสาวกำลังดูโฮโลแกรมอ่านข่าวอย่างจดจ่อ บรรยากาศรอบร่างของเธอดูเงียบสงบ ตัดกับบรรยากาศโดยรอบ เหมือนถูกแยกกันคนละโลก
จิวโมไป๋มองหญิงสาวแล้วลังเลเล็กน้อย ว่าเขาจะเข้าไปหาเธอดีหรือไม่ แต่ก่อนที่เขาจะได้ตัดสินใจ หญิงสาวก็หันมามองที่เขา ก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยนราวสายลมฤดูร้อน
เมื่ออีกฝ่ายเห็นตัวเองแล้ว จิวโมไป๋จึงเดินไปนั่งตรงข้ามอย่างช่วยไม่ได้
ลู่หว่านมองใต้ดวงตาที่ดำคล่ำของจิวโมไป๋ เธอยิ้มแผ่วเบาและพูด
“ต้องเป็นเพื่อนกับหานน้อย เธอคงเหนื่อยแย่”
“อันนี้ไม่เกี่ยวกับเนี่ยฟูหานเลย”จิวโมไป๋ยกมือลูบใต้ตาและส่ายหน้า เมื่อคืนเขาใช้พลังใจในการแก้ไขเคล็ดบ่มเพาะพลังลมหายใจแห่งเทพฟุสึโนะจิเกินขีดจำกัด แม้จะนอนพักไปหนึ่งคืนก็ยังไม่สามารถฝืนพลังใจกลับมาได้จนสมบูรณ์ มันจึงมีรอยดำคล่ำที่ใต้ตาอย่างเห็นได้ชัด
พวกเขาพูดคุยกันเล็กน้อย จิวโมไป๋สั่งอาหารพยายามไม่พูดคุยกับลู่หว่านมากนัก เขารู้สึกว่าดวงตาของหญิงสาวดูมีอะไรแอบแฝง
จิวโมไป๋ทานอาหาร ลู่หว่านดูข่าวในโฮโลแกรมบรรยากาศกลับมาเงียบสงบ
ไม่นานเนี่ยฟูหานก็เข้ามาห้องอาหารพร้อมกับฟงอี้เฟย เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาในห้องอาหารทุกสายตาอดไม่ได้ที่จะจับจ้องไปยังทั้งสองคน
ทั้งสองมีสไตล์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ฟงอี้เฟยในชุดสูทสีดำไร้รวดลายใดๆ แม้จะราบเรียบแต่มันดูเรียบหรู เมื่อรวมเข้ากับใบหน้าหล่อเหล่า ที่เชิดขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว เขาเหมือนขุนนาง เต็มไปด้วยบรรยากาศสูงส่งแต่กำเนิด
เนี่ยฟูหาน ใส่ชุดสีฟ้าเข้มตัดเขียวประกายมุกสะท้อนแสงสีขาวมุก ชุดยาวถึงเข่าราวกับใส่กระโปรง ทุกย่างก้าวชายเสื้อจะโบกระบัดไปมา แสงสะท้อนทำให้เหมือนกับมีเกลียวคลื่นทะเลในตอนเที่ยงวัน เมื่อรวมเข้ากับใบหน้าหล่อเหลา สีหน้าไม่จริงจัง ทำให้เขาเหมือนชายเสเพลไร้กฎเกณฑ์
อารมณ์ ท่าทาง เสื้อผ้าของทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่เมื่อเดินมาพร้อมกัน มันกับเข้ากันอย่างน่าประหลาด ไม่แปลกเลยที่ทั้งสองจะเป็นเป้าสายตาของทุกคน
เนี่ยฟูหานและฟงอี้เฟย เดินเขามาในห้องอาหารพวกเขาก็เห็นจิวโมไป๋และลู่หว่าน
เนี่ยฟูหานเมื่อเห็นน้าสาวของตัวเอง เขาก็กระโดดตัวลอยตรงไปหาหญิงสาวด้วยความเร็วสูง
“น้าหว่านมาเมื่อไหร่ครับ ทำไมไม่ติดต่อผม ผมจะไปรับ”เนี่ยฟูหานพูดกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงติดออดอ้อน ทำให้ลู่หว่านอดไม่ได้ที่จะยิ้มอ่อนโยน
“มีอาอี้เป็นคนขับรถให้อยู่แล้ว หลานจะมารับน้าอีกทำไม”
เนี่ยฟูหานเบ้ปากไม่พอใจ นั่งลงข้างๆหญิงสาว
ฟงอี้เฟยเดินตัวเกร็งตรงเข้ามาและกล่าวอย่างสุภาพ
“คุณหนูลู่”
“ฟงอี้เฟย เธอเข้าหน่วย ไม่ใช่เหรอ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ละ”ลู่หว่านมองฟงอี้เฟยและกล่าวถาม
ฟงอี้เฟยลูบหัวอย่างขัดเขินก่อนจะกล่าว
“ตอนนี้ผมได้ติดตามนายท่านจิวโมไป๋แล้วครับ”
ลู่หว่านที่ได้ยินก็พยักหน้า อย่างไม่ประหลาดใจ เพราะกฎของตระกูลฟงไม่ได้เป็นความลับ
เธอหันมามองจิวโมไป๋ก่อนจะกล่าวถาม
“เธอก็พึ่งผ่านการทดสอบสินะ”
จิวโมไป๋พยักหน้า
“ยินดีด้วย คนที่สามารถเข้าหน่วยได้ ต้องมีพรสวรรค์และความสามารถ…”ลู่หว่านกล่าวอย่างอ่อนโยนเหมือนผู้ใหญ่ใจดี
จิวโมไป๋ตอบรับอย่างสุภาพ
พวกเขาทั้งสี่ทานอาหารด้วยกันและแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน จนกระทั้งมีการติดต่อเข้ามา พวกเขาลงไปหน้าโรงแรมIL ก็มีรถตู้หรูสีดำจอดรอ