จิวโมไป๋และฟงอี้เฟยเดินออกห่างจากเต็นท์ของหลินยี่ได้ไม่ไกลนัก ก็ถูกหยุดโดยคนของหน่วยมังกรซ่อน พวกเขาถูกพาไปยังเต็นท์เล็กๆ ที่แยกตัวออกมาอย่างโดดเดียวไม่มีใครอยู่รอบๆ
จิตสัมผัสของจิวโมไป๋ตรวจสอบโดยรอบ เขามองเห็นคนของหน่วยมังกรซ่อนที่มีระดับการบ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 โลหิตถึงสี่คน กำลังซ่อนตัวเฝ้าระวังอยู่
จิตสัมผัสแผ่ขยายเข้าไปในเต็นท์ ก็เห็นชายอายุประมาณ 25-26 ปีในชุดคลุมสีดำ ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยน กำลังนั่งอ่านข้อความจากโฮโลแกรม ด้านขวามือมีหอกสีแดงสดวางพิงเก้าอี้นั่ง
เห็นใบหน้าของชายในเต็นท์ ทำให้จิวโมไป๋รู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยเห็นหน้ามาก่อน คิดไม่นานใบหน้าของชายในเต็นท์ ก็ซ่อนทับกับใบหน้าของชายวัยกลางคนในความทรงจำที่คลุมเครือ เท้าที่กำลังเดินชะงักเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินต่อไป โดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
ชายในเต็นท์เหมือนจะพบความผิดปกติ เขาหันควับมองตรงมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่พบอะไรเขากวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะหันกลับมามองไปที่ทางเข้าเต็นท์ที่ปิด
จิวโมไป๋ถอนจิตสัมผัสอย่างรวดเร็ว ลอบถอนหายใจในใจ ก่อนที่จะมองไปยังทางเข้าเต็นท์
เป็นเขาจริงๆ
อวี่หวังถง หอกลำน้ำเลือด!
มือขวาและเพื่อนสนิทของจี้หยางเฟย เขาเป็นผู้ติดตามที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย กับจี้หยางเฟยในหลายการต่อสู้
เขาจำได้ว่าในตอนนี้ อวี่หวังถงเป็นหัวหน้าหน่วยคู่กับจี้หยางเฟย พวกเขาทั้งสองหน่วยมักจะทำภารกิจร่วมมือกัน เมื่อจี้หยางเฟยออกจากมิติโลก อวี่หวังถงก็ออกจากหน่วยมังกรซ่อนเพื่อติดตามจี้หยางเฟย
ตำนานการต่อสู้ของทั้งสองโด่งดังไปทั่ว แม้ว่าผู้ที่ได้รับชื่อเสียงมากที่สุดจะเป็นจี้หยางเฟย แต่ความแข็งแกร่งของอวี่หวังถงก็ไม่อ่อนแอ ไม่อย่างนั้นเขาจะต่อสู้ร่วมกับบุตรแห่งโชคโดยที่ยังปลอดภัยไร้อันตรายได้ยังใง
จิวโมไป๋รวบรวมสมาธิทำจิตใจให้สงบ การพบกับอวี่หวังถงน่าตื่นเต้นมากกว่า ตอนที่เขาเจอจี้หยางเฟยครั้งแรกเสียอีก เพราะอวี่หวังถงไม่ใช้บุตรแห่งโชค แม้เขาจะมีโชคมากมายแต่ก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับบุตรแห่งโชคจริงๆได้ การติดตามจี้หยางเฟยไปทุกการต่อสู้ได้ โดยที่ยังเอาตัวรอดมาได้ และสามารถบ่มเพาะพลังตามติดจี้หยางเฟย ไม่ถูกทิ้งห่าง บ่งบอกถึงความสามารถของอวี่หวังถงเป็นอย่างดี
ถ้าเขาไม่รวมมือกับจี้หยางเฟย ที่ดูดโชคของคนอื่นไปจนหมด อวี่หวังถงอาจกลายเป็นผู้แข็งแกร่งมีชื่อเสียงโดงดังไปทั่วก็เป็นได้
จึงอดไม่ได้ที่จะชื่นชมอวี่หวังถงจริงๆ
พวกเขาทั้งสองถูกพาไปที่หน้าเต็นท์ คนของหน่วยลับผายมือไปที่ทางเข้า ที่มีผ้าใบปิดหน้าทางเข้า เพื่อบอกให้พวกเขาทั้งสองเข้าไปกันเอง
จิวโมไป๋เดินนำ เขากวาดมือดันผ้าใบที่ขวางออกไปด้านทาง ก่อนจะเดินเข้าไป ฟงอี้เฟยเดินตามมาติดๆ
เมื่อก้าวเข้าไปในเต็นท์ พวกเขาก็พบกับคนที่เรียกพวกเขาทันที เพราะโต๊ะทำงานตั้งอยู่ใจกลางของเต็นท์
อวี่หวังถงเงยหน้าจากโฮโลแกรมมองจิวโมไป๋ ก่อนจะหันไปยังฟงอี้เฟยคิ้วของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มแผ่วเบาและพยักหน้าทักทาย
ฟงอี้เฟยพยักหน้าตอบกลับ เขาเป็นสมาชิกหน่วยของจี้หยางเฟย ทำให้เขาได้พบกับเพื่อนสนิทของหัวหน้าหลายครั้ง ไม่แปลกที่เขาจะรู้จักอวี่หวังถง
อวี่หวังถงหันกลับมามองจิวโมไป๋ ด้วยใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มบางเบา ดูอ่อนโยนราวกับสายลมอ่อนๆ
ถ้าใครเห็นคงอดคิดไม่ได้ว่าอวี่หวังถง ดูอ่อนโยนคงไม่กล้าต่อสู้กับใครได้
แต่จิวโมไป๋ที่มีความทรงจำในอนาคต เขารู้ดีถึงความโหดเหี้ยมของชายตรงหน้าเป็นอย่างดี หางตาของเขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองหอกสีแดงสดที่วางอยู่
หอกเล่มนี้มีอาวุธประจำตระกูลของอวี่หวังถง ตระกูลอวี่ ตระกูลโบราณ พวกเขาชำนาญวิชาหอก และมีเคล็ดวิชาพิสดารที่ร้ายกาจอันดับต้นๆของมิติโลก
เคล็ดบ่มเพาะพลังธารโลหิต!
เขาเคยได้ยินถึงความร้ายกาจของเคล็ดบ่มเพาะพลังธารโลหิตมาบางว่า มันคือเคล็ดบ่มเพาะพลังปีศาจอันน่าสะพรึงกลัว
มันสามารถดูดซับ’กลิ่นอายโลหิต’ เพื่อฟื้นฟูบาดแผล และยังสามารถควบคุมเลือดเพื่อเสริมการโจมตี ป้องกัน และยังมีความลับอีกหลายอย่างที่ไม่เปิดเผย
ด้วยความสามารถอันน่ากลัว ทำให้เคล็ดบ่มเพาะพลังธารโลหิต ถูกจัดให้อยู่อันดับต้นๆ ของเคล็ดบ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในมิติโลก
แต่น่าเสียดาย ที่เคล็ดบ่มเพาะพลังธารโลหิต คนทั่วไปไม่สามารถฝึกได้ ผู้ที่ฝึกฝนได้ มีเพียงผู้ที่มีสายเลือดของตระกูลอวี่เท่านั้น
สายเลือดของตระกูลอวี่ มีลักษณะพิเศษแตกต่างจากสายเลือดของคนทั่วไป สายเลือดตระกูลอวี่ เลือดจะมีสีแดงสด ยิ่งความเข้มขนของสายเลือดสูง สีแดงเลือดจะยิ่งแดงเป็นประกาย
อวี่หวังถงมีสายเลือดตระกูลบริสุทธิ์ ทำให้เลือดของเขางดงามราวทับทิม
และที่ทำให้สายเลือดอวี่พิเศษคือ ผู้มีสายเลือดตระกูลอวี่จะตระหนักกฏแห่งธาตุน้ำได้เพียงธาตุเดียวตลอดชีวิต การตระหนักกฎแห่งธาตุได้เพียงธาตุเดียว มันไม่ส่งผลกระทบอะไรกับคนตระกูลอวี่มากนัก เพราะด้วยสายเลือดพิเศษ ทำให้กฎแห่งธาตุน้ำของตระกูลอวี่ มีลักษณะพิเศษคือ มันจะมีสีแดงเลือดเหมือนกับสายเลือดของคนตระกูลอวี่
พวกเขาเรียกกฎนี้ว่า กฎแห่งธาตุโลหิต!