บทที่ 10-1 ใครเบื่อโลก ลองอ่านนิยายโรแมนซ์สิ!
Xiaobei
หลังออกจากบริษัท แต่ละวันของจีฮวันก็แน่นเอี๊ยดอย่างแน่นไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว เนื่องจากตารางกิจวัตรประจำวันสุดเพอร์เฟกต์
ตื่นหกโมงเช้าทุกวันเหมือนตอนยังทำงาน ไปศูนย์ออกกำลังกายแถวบ้าน หลังจากเริ่มต้นวันด้วยการว่ายน้ำตอนเช้า ก็กลับมาทำความสะอาดบ้านจนวิ้งวับ กินอาหารสามมื้อที่คำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการ ออกกำลังกาย เดินเล่น และเริ่มเรียนภาษาจีนกับภาษาสเปนที่เคยต้องเลิกไปเพราะงานยุ่งอีกครั้ง
หลังจากทำตามตารางได้หนึ่งอาทิตย์ จีฮวันพอใจที่ทุกสิ่งกลับไปเพอร์เฟกต์
ที่จริงแล้ว มันไม่จริง มันกลับทำให้เขายิ่งงุ่นง่านและกังวล ติ๊กถูกสิ่งที่ทำไปแล้วสองรอบ สามรอบ เหมือนตรวจการบ้านทุกครั้งที่ทำแต่ละอย่างในตารางสำเร็จ หลังจากรู้ตัวก็เกิดกลัวขึ้นมา จีฮวันจึงฉีกตารางกิจวัตรทิ้ง และไปอนุสรณ์สถานผู้ล่วงลับที่แม่นอนหลับใหลอยู่
“สบายดีไหมครับ ขอโทษนะครับที่ไม่ได้มาหาบ่อยๆ ก่อนหน้านี้ผมยุ่งมากเลย”
จีฮวันยืนหน้าที่บรรจุอัฐิเอ่ยทักทายมารดา
“จีองก็มาด้วยนะครับ”
จีฮวันยกกระเป๋าแบบโปร่งใสที่สะพายบนไหล่ให้ดู ในกระเป๋าจีองกำลังจ้องมองแม่ที่อยู่ในรูปถ่าย
“คงตกใจสินะครับที่ผมมาหาวันธรรมดาได้ ผมลาออกจากบริษัทแล้วละ ที่ผ่านมายุ่งจนหัวหมุน ตอนนี้ได้พักจัดการสุขภาพร่างกายบ้าง ต่อไปข้างหน้าจะอยู่ยังไง ยังกลุ้มอยู่เลยครับ มาวันธรรมดาคนเลยไม่เยอะ ดีจังนะครับ รู้งี้ผมลาออกไปนานแล้ว”
จีฮวันมาหาแม่ทุกครั้งที่เกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิต ไม่ว่าจะตอนเรียนจบ ได้งาน ก่อนเดินทางไปเรียนต่อ เรียนจบกลับมา เริ่มมีความรัก หรือตอนเลิกกัน
ตอนที่อะไรที่คุ้นเคยจบลงหรือต้องเริ่มอะไรใหม่ พอได้มายืนต่อหน้าแม่ ความกังวลและความรู้สึกสูญเสียอย่างรุนแรงจะค่อยๆ บรรเทาเบาบางลง
กว่าสิบนาทีที่ยืนมองรูปแม่นิ่งๆ ทำไมวันนี้มีคำพูดมากมายเต็มไปหมด
“ตอนนี้ผมมีเวลาเยอะเลย รู้งี้ไม่ทำตามคำสั่งเสียของแม่ซะก็ดีหรอก จะได้เอาแม่ไปอยู่สุสานที่วิวสวยๆ มีลมพัดเย็นสบาย นั่งมองหน้ากันสักชั่วโมงสองชั่วโมง คุยกันเบาๆ…”
จีฮวันหัวเราะคิกกับคำพูดรัวๆ ของตัวเอง ในความเป็นจริง ตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ เขาเป็นลูกชายที่พูดน้อยมาก แต่ตอนนี้กลับพูดไม่หยุด
จีฮวันต้องพูดคำนี้กับแม่ที่ตลอดชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกผิดและละอายต่อลูกชาย เรื่องนั้นไม่ใช่ความผิดของแม่เสียหน่อย แม่นั่นแหละที่เป็นผู้เสียหาย เลิกรู้สึกผิดได้แล้ว
“ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะครับ ผมสบายดีมากๆ ไม่ว่าจะไปทางไหนผมก็จะทำให้ดี ไม่ทำให้แม่ต้องเป็นห่วง ผมจะไม่เป็นเหมือนคนคนนั้น เพราะฉะนั้นวางใจได้ครับ”
จีฮวันยืดไหล่ที่แบกกระเป๋าแมวราวกับต้องการยืนยันว่าเขาได้ตัดสินใจแล้ว จีองในกระเป๋ากระดุกกระดิกไปมา
“ผมต้องไปแล้ว อยู่ดีๆ นะครับ แล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่”
จีฮวันเดินไปไม่กี่ก้าวก็ชะงักหันกลับไป หน้าที่บรรจุอัฐิซึ่งอยู่ห่างจากแม่ไปสามช่อง ภายในช่องบรรจุอัฐิเล็กๆ มีหนังสืออยู่เต็มไปหมด
“สงสัยผู้ตายจะชอบอ่านหนังสือ ว่าไหมจีอง”
จีฮวันเหลือบมองช่องบรรจุอัฐิของแม่ มีเพียงรูปถ่ายหนึ่งใบ ไม่มีของที่ระลึกใดๆ ดูว่างเกินไป
“มาคราวหน้า ผมจะเอาแผ่นเพลงของนักร้องที่แม่ชอบกับรูปถ่ายสมัยก่อนมาให้นะครับ ดีไหม”
“เมี้ยววว”
จีฮวันออกมาจากอนุสารณ์สถาน เงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่ครู่หนึ่ง เป็นอากาศฤดูใบไม้ร่วงที่ปลอดโปร่งไร้เมฆและฝุ่นควัน
แก่ก แก่ก จีองตะกุยกระเป๋า
“รู้แล้วๆ จะให้ออกมาเดี๋ยวนี้แหละ”
จีองถูกใจสวนอนุสรณ์สถานที่รายล้อมด้วยภูเขาเตี้ยๆ ถ้าได้เกลือกกลั้วในสนามหญ้ากว้าง รู้สึกได้ว่าจีองคงจะมีความสุขมาก
แมวเป็นสัตว์ที่มีอาณาเขต ถ้าออกจากที่ของตัวเองก็จะหวาดกลัว ดังนั้นจึงแทบไม่มีแมวที่ออกไปเดินเล่นได้ ‘การพาแมวไปเดินเล่น’ เหมือนเป็นเพียงนิยายเพ้อฝันของเหล่าทาส
ก่อนที่จะรับจีองมาเลี้ยง จีฮวันไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับแมว นึกว่าต้องพาไปเดินเล่นเหมือนหมา ไม่รู้ว่าการพาแมวออกนอกบ้านโดยไม่มีกระเป๋าแมวหรือสายจูง เป็นการกระทำที่สิ้นคิดเหมือนตั้งใจจะทำมันหาย
ไม่รอบคอบ สายจูงก็ไม่มี ป้ายชื่อก็ไม่ติด พาจีองไปที่สวนสาธารณะริมทะเลสาบ นึกย้อนไปเมื่อสามปีก่อนที่เคยพาจีองไปปล่อยแล้วยังขนลุกไม่หาย
โชคดีที่แมวแร็กดอลล์เป็นแมวไม่กี่สายพันธุ์ที่สามารถพาไปเดินเล่นได้ ด้วยลักษณะนิสัยเฉพาะที่เป็นตัวของตัวเองและไม่ขี้กลัว จีองเลยเดินเชิดที่สวนริมทะเลสาบเหมือนบ้านตัวเองไม่มีกลัวเกรงตั้งแต่ที่ได้ออกไปเดินเล่นครั้งแรก
แต่ไปได้ไม่กี่ครั้ง จีฮวันก็ไม่พาจีองไปที่สวนริมทะเลสาบอีก นั่นก็เพราะหมา หมาใหญ่, หมาเล็ก, หมาไม่มีสายจูง มีกระทั่งหมานักล่าขนาดใหญ่น่ากลัวที่สามารถกัดจีองตายได้ภายในทีเดียว สวนสาธารณะริมทะเลสาบเป็นสรวงสวรรค์สำหรับสุนัข สุดท้ายจึงต้องเลิกไปเดินเล่นที่นั่น
ดังนั้นเวลามาหาแม่จีฮวันเลยพาจีองมาด้วย หลายเดือนจะมาสักที อยากให้จีองได้ออกไปท่องทุ่งโล่งกว้างโดยไม่มีหมามากวน
จีฮวันวางกระเป๋าแมวลงบนพื้นหญ้า จีองหูตั้ง ทำจมูกฟุดฟิด อยากออกไปเต็มแก่ แทบทนรอเอาสายจูงออกมาไม่ไหว
“จ้าๆ รู้แล้ว รอแป๊บนึงนะ”
จีฮวันค่อยๆ รูดซิปกระเป๋า ขณะที่กำลังจะใส่สายจูงที่คอ จีองก็วิ่งปรู๊ดออกจากกระเป๋าไปอย่างรวดเร็ว จีฮวันหัวเราะคิก มองจีองที่พุ่งไปยังสนามหญ้า ขนสีขาวน่ารักปลิวไสว
“โอ๊ะ นั่นกบ! ยังไงก็อย่า…”
ทันใดนั้น จีฮวันก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว มีหมาตัวหนึ่งโผล่มาจากไหนไม่รู้ กำลังวิ่งตรงไปหาจีองเร็วเหมือนจรวด
จีฮวันกำสายจูงวิ่งไปหาจีองเหมือนคนบ้า
“จีอง! หนีเร็ว!”
เสียงชายอีกคนดังขึ้นตามหลังเสียงของจีฮวัน
“จากู! อย่านะ! หยุด!”
จีองและหมาต่างก็หยุดชะงักแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนของเจ้าของ ระยะห่างไม่ถึงเมตร ขณะที่จีองกับคอร์กี้ยืนประจันหน้ากัน หางฟูยาวของจีองก็พองตั้งขึ้นทันที อยู่ในสภาพหวาดกลัวและตกใจ ถ้าจำเป็นก็พร้อมที่จะสู้
เจ้าคอร์กี้ก็หูและหางตั้ง จ้องจีองเขม็ง แต่ต่างกับจีอง จีฮวันรู้ได้ว่ามันดูอยากรู้อยากเห็นมากกว่ากลัวหรือรู้สึกเป็นปฏิปักษ์
“จีอง มานี่!”
“จากูหยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ! ห้ามไปยุ่งกับเจ้าเหมียว!”
ขณะที่จีฮวันและเจ้าของหมาเข้าไปใกล้สัตว์เลี้ยงของตน คอร์กี้ที่ทนอยากรู้อยากเห็นไม่ไหวก็เลิกทำตามคำสั่ง ยื่นปากพุ่งไปหาจีองทันใด
เธอเป็นใคร เธอดูแปลกจัง เธอมาเล่นกับฉันไหม
“แง้ว!”
แต่จีองไม่มีทางเข้าใจความคิดของหมา หลบพลิ้วเหมือนผีเสื้อและข่วนเข้าที่ปากของเจ้าคอร์กี้อย่างรวดเร็วเหมือนผึ้งต่อย กางเล็บแหลมคมที่ปกติไม่เคยกางต่อหน้าจีฮวัน
“เอ๋ง! เอ๋ง!”
จังหวะที่คอร์กี้โดนอุ้งตีนหน้าข่วนโดยไม่ทันได้ตั้งตัว มันก็กระเด้งถอยหลังด้วยความตกใจ จีฮวันก็พุ่งเข้าไปอุ้มจีองขึ้นมา
“จีอง ไม่เป็น…”
โอ๊ย ไม่ใช่เวลามาสำรวจว่าจีองเป็นอะไรไหม เลือดไหลมาตามสันจมูกยาวของเจ้าคอร์กี้
“ตายจริง จากู”
ชายวัยกลางคนอุ้มเจ้าคอร์กี้มากอดด้วยความตกใจ พลางสำรวจไปทั่วใบหน้า เจ้าคอร์กี้ที่หงอสนิทครางหงิงๆ อยู่ในอ้อมกอดของเจ้าของ
“ขอโทษด้วยนะครับ”
ถ้าลูกออกไปสู้กับคนอื่นและทำเขาบาดเจ็บ ก็คงอารมณ์นี้สินะ จีฮวันก้มศีรษะขอโทษ
“ผมจะจ่ายค่ารักษาให้นะครับ ไปโรงพยาบาลด้วยกันนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ เขาตกใจถึงทำแบบนั้น จากูเองเป็นฝ่ายผิดที่วิ่งเข้าไปหาก่อน”
“ถึงจะตกใจ แต่ก็จีองของผมก็ผิดที่ไปข่วนหมาของคุณ แผลท่าทางจะใหญ่ ถึงจะเป็นไปไม่ได้แต่ก็อาจจะติดหมัดก็ได้ ไปโรงพยาบาลด้วยกันเถอะนะครับ”
ท่าทางสุภาพและจริงจังของจีฮวันทำให้เจ้าของหมายอมถอยหนึ่งก้าว
“เอางั้นเหรอครับ ถ้ามันทำให้ทางคุณสบายใจละก็…”
“จากู ตกใจมากเลยใช่ไหม ขอโทษแทนจีองด้วยนะ”
จีฮวันย่อตัวลงเพื่อสบตากับจากู สายตาของเจ้าของทอดมองจีฮวันที่ขอโทษหมาของตัวเองด้วยความจริงใจอย่างอ่อนโยน
* * *
“เอ๋? จากูกับจีอง ไปไงมาไง ทั้งสองมาด้วยกันได้ยังไงครับ”
ผอ.ยองอูแห่งโรงพยาบาลสัตว์จียองอู ต้อนรับจีฮวันกับเจ้าของจากูที่เดินเข้าโรงพยาบาลมาด้วยกันด้วยความตกใจ
“เป็นการพบกันที่น่าสนุกนะครับ ใช่ไหมจากู ใช่ไหมจีอง”
จีองที่อยู่ในอ้อมกอดจีฮวันยังคงเชิดหน้าอวดดี ส่วนจากู ในขณะที่โดนทำแผลและฉีดยา ยังไม่วายกระดิกหางให้จีองอย่างใจดี
“ไอ้นี่นี่ ชอบเจ้าเหมียวขนาดนั้นเลยหรือไง แล้วจะไวอะไรขนาดนั้น ใครกันที่ว่าเราไม่ใช่ลูกแม่ของเราน่ะ”
เจ้าของจากูส่ายหน้า จีฮวันลูบหัวจีองอย่างรู้สึกผิด
“โชคดีที่แผลไม่ลึกนะครับ วันนี้ผมฉีดยาฆ่าเชื้อให้แล้ว และก็มียาทาของจากูให้กลับไปทาที่บ้าน”
“ขอบคุณนะครับคุณหมอ”
เจ้าของจากูอุ้งจากูลุกขึ้น จีฮวันลุกตาม
“ขอโทษอีกครั้งนะครับ”
“เด็กๆ เล่นกันก็มีทะเลาะกันบ้างครับ จะคนหรือสัตว์ก็ทำตัวเด็กๆ เหมือนกัน เจ้าเหมียว คราวหน้าถ้าเจอจากูก็ช่วยดีกับเขาหน่อยได้ไหม ถือว่าฉันขอร้อง”
เจ้าของจากูพูดกับจีองอย่างอ่อนโยน จีองร้องตอบเบาๆ เหมือนไม่เต็มใจนัก ถึงจะไม่เต็มใจ แต่พอเห็นหน้าคุณลุง ก็ยอมก็ได้อะไรแบบนั้น
หลังจากจากูไปแล้ว จีฮวันก็ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้
“เฮ้อ”
“คงตกใจน่าดูเลยสินะครับ ดื่มกาแฟสักแก้วไหม”
“ครับ ถ้าจะกรุณา…”