บทที่ 12-2 ผู้ชายที่ใส่สูทสีกรม, ผู้หญิงที่จูงถือจูงสุนัข / บทที่ 13-1 ข้อตกลงในสัญญา ควรเป็นอะไรที่ต้องการทั้งสองฝ่าย
Xiaobei
บทที่ 12-2 ผู้ชายที่ใส่สูทสีกรม, ผู้หญิงที่จูงถือจูงสุนัข
จีฮวันมาถึงคาเฟ่ก่อนเวลานัดสิบนาทีและจับจองที่นั่งริมหน้าต่าง
นัดกันเอาไว้ประมาณบ่ายสามโมง โกคึมกังต้องการนัดเวลานี้ เธอบอกว่าเธอทำงานดึกดื่นเข้านอนก็เช้ามืดเลย เพราะฉะนั้นจึงตื่นบ่ายโมง ขอโทษด้วยที่มาเจอตอนเช้าไม่ได้
ถ้าเป็นเมื่อก่อน จีฮวันไม่มีทางมองคนอยู่สลับกลางวันกลางคืนแบบนี้ในแง่ดีแน่ เขาคิดว่าการใช้ชีวิตอยู่ผิดไปจากเวลาปกติ เป็นชีวิตที่ไร้ระเบียบวินัย
อาทิตย์ขึ้นลืมตา อาทิตย์ตกเข้านอน เป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในดีเอ็นเอของมนุษย์มาช้านาน เขาเชื่อแต่เหตุผลที่คิดเอาเองว่า มนุษย์แบบนกฮูกนั้นขี้เกียจ ส่วนพวกตั๊กแตนเกียจคร้านนั้นชอบกุเรื่อง
แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมา ด้วยความติดนิยาย เลยได้ลองเปลี่ยนไปใช้ชีวิตกลางคืนดูบ้าง ไม่ว่าคนตื่นเช้าหรือใช้ชีวิตกลางคืนเป็นนกฮูก เขาคิดว่าไม่ใช่ปัญหาสำคัญนัก ถ้าไม่ได้รบกวนคนอื่น อยากนอนก็นอน อยากตื่นตอนไหนก็ตื่น
ในสายตาคนอื่น การมานั่งที่คาเฟ่ในเวลาที่คนออกไปทำงานแบบนี้ ไม่รู้จะมีใครเห็นเขาเป็นคนตกงานหรือเปล่า เขานี่แหละคนตกงานตัวจริง เป็นคนตกงานที่แต่งตัวดูดีสะอาดสะอ้าน อ๊ะ? หรือจะเป็นคนนั้น
สายตาของจีฮวันที่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่างพบกับสิ่งมีชีวิตคุ้นตา เจ้าจากูใช่ไหมนะ ชื่อตลกชะมัด
ที่หน้าของจากูยังมีรอยแผลเป็นทางจากฝีมือจีองเหลืออยู่ชัดเจน มองจากไกลๆ ยังเห็นแผลแดงๆ ชัดเลย จีฮวันรู้สึกขอโทษแทนจีองอีกครั้ง
แล้วสายตาของจีฮวันก็ย้ายไปยังหญิงสาวที่กำลังถือสายจูงจากูอยู่
หญิงสาวที่ใส่หมวกสีดำ สวมกระโปรงยาวกับแจ็คเก็ตฟิลด์ พันผ้าพันคอล้อมหน้า คาดว่าน่าจะเป็นนักเขียนโกคึมกังเจ้าของตัวจริงของจากู ตอนที่เจอจากูที่อนุสรณ์สถาน ก็ไม่นึกฝันว่าจะบังเอิญได้มาเกี่ยวข้องกับเจ้าของด้วย
เธอกำลังดึงหมาไปทางตึก เจ้าหมาร้องหงิงๆ ขืนตัวเต็มที่ สายจูงตึงเหมือนจะรัดคอตาย
ระหว่างคนที่อยากกลับบ้านแล้วกับหมาที่ยังอยากเดินเล่นต่อ นี่มันคือสงครามประสาทที่ไม่วันสิ้นสุดชัดๆ
จีฮวันรู้สึกสนุก ชะโงกออกไปดูคู่นั้นอย่างไม่รู้ตัว แล้วความคิดชั่วร้ายก็บังเกิด เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
[สวัสดีครับ คุณนักเขียน ผมรยูจีฮวัน ผมมาถึงที่นัดแล้วนะครับ แล้วพบกันนะครับ]
หลังจากนั้นสักครู่ หญิงสาวที่เช็คโทรศัพท์ก็อุ้มเจ้าหมาขึ้นมาและเริ่มวิ่ง ท่าทางของจากูที่อยู่ในอ้อมกอดดิ้นตะเกียกตะกายด้วยสีหน้าเหมือนโลกจะถล่มทลาย ทำเอาจีฮวันหัวเราะก๊าก
คอนโดที่มีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม จากชั้นสองต้องเปลี่ยนลิฟต์ ถ้าเอาหมาขึ้นไปส่งบนห้องแล้วขึ้นลิฟต์กลับลงมา อย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้เวลากว่าห้านาที
จีฮวันดูนาฬิกา นัดกันบ่ายสามจะสายสักห้านาทีก็คงไม่เป็นไร
“คุณพีบี รยูจีฮวันใช่ไหมคะ แฮ่กๆ”
จีฮวันหันไป หญิงสาวที่เมื่อกี้เพิ่งยื้อยุดกับหมานอกคาเฟ่ยืนหอบแฮ่กๆ อยู่
“เอ่อ ครับ”
มาไวอะไรขนาดนี้
“ฉันอยู่ข้างนอก แฮ่ก เห็นคุณมาถึงแล้ว เลยวิ่งขึ้นบันไดมา แฮ่ก ลิฟต์ที่นี่ โอ๊ย จะตาย”
“ค่อยๆ มาก็ได้ครับ ผมก็เพิ่งมาถึง”
หญิงสาวเอามือทาบอกยังคงหอบหายใจ ยิ้มสดใสแล้วบอกว่า
“อยากมาเจอเร็วๆ ค่ะ”
บทที่ 13-1 ข้อตกลงในสัญญา ควรเป็นอะไรที่ต้องการทั้งสองฝ่าย
สายตาแหลมคมของจีฮวันพิจารณาเมนูหลังเคาน์เตอร์ราวกับจ้องมองกระดานหุ้น
“สัดส่วนการเบลนด์กาแฟวันนี้เป็นยังไงครับ”
“เบลนด์บราซิลกับเอธิโอเปียหกต่อสี่ค่ะ รสชาติดีมีรสเปรี้ยวสดชื่นของผลไม้”
ท่าทางของจีฮวันทำเอาพนักงานพาร์ทไทม์สาวกดดันเล็กๆ จีฮวันถามอีก
“นอกจากบราซิลแล้วยังมีที่ผลิตจากอเมริกากลางหรือใต้อื่นๆ อย่างกัวเตมาลาหรือคอสตาริกาไหมครับ”
อึนคังมองจีฮวันที่กำลังเลือกกาแฟอย่างละเอียดด้วยสายตาชื่นชม
ใช่แล้ว ท่าทางแบบนี้แหละ ตอนมินจุนเจอกับโซรันครั้งแรก เริ่มบทแรกด้วยฉากเลือกกาแฟละเอียดยิบน่าจะดี หรือไม่ดีนะ? มันจะอิมแพ็คน้อยไปหรือเปล่าสำหรับฉากแรก คราวนี้นอกจากฉากนี้ อยากเริ่มด้วยฉากอื่นเสียแล้ว
“…เขียน”
อ้า ฉากแรกทำไมมันยากขนาดนี้ ไม่มีใครทำเครื่องมืออะไรที่จะช่วยเขียนนิยายออนไลน์บทแรกเลยเหรอ ทำไมไม่มีใครประดิษฐ์กันนะ ปัญญาประดิษฐ์ที่เล่นหมากล้อมยังมีเลย น่าจะมีนี่ด้วย โอ๊ย ไม่ได้! งั้นพวกนักเขียนหัวไม่ดีอย่างฉันก็…
“นักเขียนโก!”
“อ๊ะ คะ!”
อึนคังสะดุ้งตกใจ หันไปสบตากับจีฮวันที่จ้องมองมาราวตำหนิ สายตาแหลมคมแทบเจาะทะลุหน้าผาก
สติกลับคืนมา สายตาของจีฮวันราวกับจุปากจุ๊จุ๊ด้วยสายตา หัวใจของอึนคังเต้นโครมครามอีกครั้ง
สายตาคู่นั้น สายตาของพระเอกที่น่าจะออกมาเวลาที่ไม่โอเคหรือขัดใจ นี่แหละสายตาของพระเอกที่อึนคังต้องการ รุนแรงและเซ็กซี่
“ไม่สั่งเหรอครับ”
“เอ่อ สั่งสิคะ ฉันขอชาส้มยูจาค่ะ”
ต่างกับจีฮวัน เธอสั่งอย่างไม่ลังเลสักวินาที จีฮวันหยิบกระเป๋าการ์ดออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต
“อ๊ะ ไม่ได้นะคะ ฉันเลี้ยงเอง ฉันควรเป็นคนเลี้ยง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเอง”
ขณะที่จีฮวันกำลังหยิบบัตรเครดิตออกจากกระเป๋า อึนคังก็ตีเบาๆ บนหลังมือเขา จีฮวันตกใจเกือบทำบัตรหล่น
ผะ ผู้หญิงคนนี้กำลังทำอะไรอยู่เนี่ย
“ไม่ได้ค่ะ คุณต้องมาถึงอิลซานก็เพราะฉัน ยังไงฉันก็ต้องเป็นคนเลี้ยง ขอชีสเค้กกับทีรามิสุอย่างละชิ้นด้วยค่ะ”
จีฮวันมองอึนคังที่ยิ้มแฉ่งพร้อมกับส่งบัตรเครดิตให้พนักงานด้วยสายตาเหลือเชื่อ เธอคงไม่รู้แน่ๆ ว่าตัวเองทำเสียมารยาทอะไร
ไม่ควรตีหลังมือใคร การกระทำแบบนี้ยังกับสั่งสอนหมาตัวเอง สติของอึนคังถูกขนมและเค้กในตู้โชว์ดึงดูดไปหมด ไม่ได้สนสีหน้าที่พูดไม่ออกของจีฮวันเลย
“คุณพีบีทานคุ้กกี้ด้วยไหมคะ คุ้กกี้ถั่วที่ที่นี่ทำเองอร่อยมากเลย”
“ไม่ครับ ไม่เป็นไร”
“เหวอ! หรือว่าแพ้ถั่วคะ โอ๊ย งั้นก็ไม่ได้สินะ ฉันไม่ทราบ อาการแพ้ถั่วนี่อันตรายมากเลยใช่ไหมคะ ได้ยินว่ามีคนแพ้เสียชีวิตเยอะ ฉันตกใจมากเลยล่ะค่ะ”
ไม่เกี่ยวอะไรกับแพ้ถั่ว ผู้หญิงคนนี้นี่! อย่าเดาอะไรตามใจจะได้ไหม!
* * *
จีฮวันเฝ้ามองอึนคังจัดการเค้กสองชิ้นคนเดียวอย่างอึ้งๆ ด้วยสภาพที่เหนื่อยเกินจะตอบโต้
ความจริงเกี่ยวกับนักเขียนโกคึมกังที่จีฮวันได้รู้ภายในระหว่างสามสิบนาทีที่เจอกัน แน่ๆ เลยคือโกคึมกังคือนามปากกา เธอชอบของหวานทุกชนิด และกำลังค้นคว้าละครทั้งหมดที่กำลังฉายในเกาหลี อ้อ และนักแสดงชื่อยูอาอินก็เป็นแรงบันดาลใจของอิมเมจพระเอกทั้งหมดในผลงานที่เธอเขียนมา
ผ่านไปเกือบสามสิบนาที แต่ยังไม่ได้เข้าเรื่องงานที่ปรึกษาซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายของการพบกันครั้งนี้เลย จีฮวันที่ได้แต่นั่งฟังอึนคังจ้อเลือกที่จะพูดออกไปอย่างระมัดระวัง
“เอ่อ คุณนักเขียนครับ พอดีผมมีธุระอยู่นานไม่ได้”
“อ้า งั้นเหรอคะ ขอโทษนะคะ ฉันพูดมากไปสินะ ที่จริงฉันเพิ่งไปต่างประเทศกลับมาได้ไม่กี่วัน สิบวันไม่ได้พูดเกาหลีเลย จนหยากไหย่จะขึ้นปาก”
โกหกสินะ ถึงพูดไม่ได้ ได้แต่ทำไม้ทำมือ คุณก็ยังเป็นคนแบบนี้ไม่เปลี่ยนนั่นแหละ
อึนคังใช้ผ้าเช็ดปากเช็ดขอบปากที่เลอะเค้กแล้วจัดแจงท่านั่ง
“งั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลยไหมคะ”
“คุณคงไม่คิดว่าผมจะเป็นที่ปรึกษาให้ฟรีใช่ไหมครับ”
จีฮวันโยนบอลอย่างรวดเร็ว ได้โปรดคิดว่าฟรีเถอะ หรือว่า อุ๊ย ปรึกษาต้องจ่ายเงินด้วยหรือคะ แบบนี้ก็ได้จะได้ลุกออกไปแบบไม่เหลียวหลังเลย!
“แน่นอนค่ะ! จะหมอ, ทนาย, อาจารย์, โปรแกรมเมอร์ ไม่ว่าอาชีพไหนก็ต้องมีค่าตอบแทนที่เหมาะสม จะใช้ความสามารถของคนที่ทุ่มเวลาหาความรู้พวกนี้มาด้วยความพยายามแบบฟรีๆ ได้เหรอคะ”
อืม มีความคิดแบบนี้ก็โอเค
“ดังนั้นขอพูดเลยแล้วกันนะคะ ถ้าจะให้เป็นที่ปรึกษาให้ คิดว่าค่าที่ปรึกษาควรจะประมาณเท่าไหร่คะ ค่ารับงานหรือค่าบรรยายมาตรฐานต่อชั่วโมงเขาคิดกันยังไง คือฉันไม่รู้เกี่ยวกับที่ปรึกษาทางการเงินเลย ลองเสิร์ชดูแล้วแต่ก็ไม่เจอ”
“ก็แตกต่างกันไปตามเนื้อหาหรือจำนวนที่ปรึกษา ต้องการปรึกษาเกี่ยวกับที่ปรึกษาทางการเงินมากน้อยแค่ไหนครับ เก็บข้อมูลสองสามครั้งหรือตั้งแต่เริ่มเขียนจนจบ ไม่ต้องทำสัญญาทั้งหมด จ่ายเป็นต่อเรื่องต่อชั่วโมงเวลาที่ต้องการก็ได้ จำนวนเงินก็จะต่างกันไปตามนั้นครับ”
“เรื่องนี้ฉันคิดว่าจะมีสักแปดสิบตอนค่ะ อ้า ไม่ค่อยรู้จักเว็บนิยายออนไลน์สินะคะ มันแตกต่างจากนิยายที่เป็นกระดาษค่ะ ระบบจะให้ชำระเงินเป็นตอนๆ”
รู้ดีเลยล่ครับ คุณกินเงินจากผมไปตั้งเท่าไหร่แล้ว
“ทางสำนักพิมพ์อยากเริ่มลงติดต่อกันช่วงใบไม้ผลิปีหน้า ก็น่าจะเริ่มลงต้นเดือนเมษา อย่างน้อยต้นฉบับก็น่าจะต้องเสร็จทั้งหมดกลางเดือนมีนา ตั้งแต่เตรียมงานจนต้นฉบับเสร็จก็น่าจะราวๆ ห้าเดือน?”
การเขียนนิยายออนไลน์เรื่องหนึ่งใช้เวลาห้าเดือนเลยเหรอ ไม่ใช่ออกเฉยๆ เลยหรือเนี่ย
“อยากจะให้คุณพีบีช่วยดูทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นจนจบค่ะ ฉันต้องเขียนเรื่องจริง จำเป็นต้องมีที่ปรึกษาหลายตอน พอจะมีเวลาว่างถึงเดือนมีนาไหมคะ ระยะเวลายาวไปหรือเปล่า”
“ขอบเขตที่ปรึกษาจากไหนถึงไหนครับ”
“อืม อาชีพพระเอกคือที่ปรึกษาทางการเงิน น่าจะต้องแสดงให้เห็นความรู้อย่างลึกซึ้งในทุกแง่มุมเรื่องการเงิน ต้องมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการลงทุน อยากให้ช่วยบอกสภาพเศรษฐกิจให้เหมาะกับสถานการณ์ อ้อ และที่สำคัญที่สุด คุณมีลูกค้ารวยๆ ที่เป็นวีไอพีด้วยใช่ไหมคะ ฉันอยากให้คนรวยพวกนั้นอยู่ในกำมือพระเอก”
“ที่ปรึกษาทางการเงินทำแบบนั้นกับลูกค้ารวยๆ ไม่ได้หรอกครับ เราไม่สามารถทำได้”
สีหน้าของอึนคังจ๋อยลงทันที
“ฮือ กะจะให้พระเอกลงโทษพวกเศรษฐีใหม่ที่มีเงินเข้าหน่อยก็วางอำนาจ มันต้องมีฉากแบบนั้น พระเอกน่าจะทำได้…”
“งั้นคงถูกไล่ออก”
เหมือนผม
“แหม ลงโทษเฉยๆ เอง ไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อยค่ะ มันก็แค่นิยาย”
ผู้หญิงคนนี้นี่! ถ้าเอาตามใจตัวเองแบบนั้นจะจ้างที่ปรึกษาทำไม!
“อืม แล้วก็ตอนทำงานเป็นที่ปรึกษาทางเงิน คุณคงเจอหลายเคสเลยใช่ไหมคะ อย่างสิ่งที่ต้องพยายามเป็นพิเศษเพื่อดึงดูดพวกเศรษฐี ถ้าเล่าเรื่องจริงๆ ที่เคยเจอกับลูกค้าให้ฟัง ฉันก็จะเขียนเรื่องนั้นลงไปในนิยายได้”
“นั่นไม่ใช่การปรึกษาไม่ใช่เหรอครับ ที่ปรึกษาคือมีหน้าที่ให้คำแนะนำความจริงเกี่ยวกับประเภทของที่ปรึกษาทางการเงิน ช่วยแก้ไขข้อมูลที่ผิดให้ถูกต้องไม่ใช่เหรอครับ ถ้าจะเล่าเรื่องของลูกค้า ไม่ใช่แค่ชีวิตส่วนตัวของผม แต่มันเป็นส่วนที่เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของลูกค้าด้วย มันเล่าลำบากนะครับ”
“อ๊ะ งะ งั้นเหรอคะ”