บทที่ 8 ฉันเป็นแมว
Xiaobei
‘ฮือ…’
ฉันขดตัวกลมหลับลึกบนเบาะนอนนุ่มนิ่ม
กำลังพอใจกับความฝันที่ได้วิ่งเล่นอย่างสนุกสนานไปทั่วสวรรค์แมวที่เต็มไปด้วยแคทนิป[1] อาหารกระป๋อง กล่อง และถุงพลาสติก จนละเมอเหมียวๆ แต่แล้วจู่ๆ ก็ต้องตื่นจากฝัน
ได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ
ฉันกระดกหัวขึ้นเงี่ยหูฟัง สายตาเพ่งไปในความมืดค้นหาที่มาของเสียงเหมือนเรดาห์ แล้วสมองอันเฉลียวฉลาดของฉันก็รู้ได้ทันทีว่าเสียงนั้นมาจากห้องรับแขก!
ฉันลุกขึ้นจากเบาะนอน เดินเนิบๆ ออกไปยังห้องรับแขกด้วยความมุ่งมั่นที่จะป้องกันอาณาเขตของฉัน
ฉันที่ขึ้นเตรียมพร้อมขู่ผู้บุกรุกให้ตื่นตกใจกลับต้องทำตาโตและขนลุกกับภาพที่เห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต
มีก้อนอะไรดำๆ ขนาดใหญ่อยู่หน้าหน้าต่างห้องรับแขก? เสียงแปลกๆ ที่ปลุกฉันตื่นดังมาจากก้อนดำๆ ที่คุดคู้อยู่นั่น
ว่ากันว่าความอยากรู้อยากเห็นมักทำให้แมวตาย ในหัวก็ส่งสัญญาณเตือนว่า ‘อย่านะ อันตราย!’ ไม่หยุด แต่ร่างกายกลับไม่ทำตาม นี่สินะแมว?
เท้าของฉันกำลังตรงไปยังที่นั่น เข้าไปใกล้เรื่อยๆ ด้วยความระมัดระวัง ก้อนที่คู้ตัวสะท้อนแสงจันทร์ค่อนข้างขาว และส่งเสียงเบาๆ
‘ฮึก ฮึก’
เจ้าก้อนนั้นกำลังร้องไห้
พวกแมวที่อาศัยอยู่กับมนุษย์ต่างรู้ดีว่าความโศกเศร้าของมนุษย์นั้นหนักและมากมายกว่าแมว เพราะมนุษย์จิตใจอ่อนไหวกว่าแมว งานที่ได้เช็ดน้ำตาที่ไหลพรากๆ จึงมีมาก
แต่เรื่องที่ทาสของฉันร้องไห้แทบไม่เคยมี ดังนั้นพอได้เห็นมนุษย์ร้องไห้จริงๆ เลยแปลกหน่อยๆ ฉันขยับเข้าไปใกล้อีกนิด
แม้จะนั่งห่อตัว แต่เห็นแขนยาว ขายาวกับไหล่กล้าง ก็รู้ได้ว่าเป็นผู้ชายตัวสูงหุ่นดี
ทั้งสันกรามคมกับผมสั้น แม้กระทั่งนิ้วมือเรียวยาวที่กุมหน้าผากอยู่ เป็นผู้ชายที่คล้ายทาสมาก เอ๋? นั่น นั่นทาสเหรอ
เมื่อคืนทาสไปกินเหล้าเมากลับมาดึก
แถมตอนออกไปก็ไร้สติจนลืมเทอาหารไว้ให้ ฉันเลยต้องอดตั้งแต่กลางวันจนถึงดึก กลับมาอีกทีดึกดื่นกลิ่นเหล้าหึ่งเลย แล้วยังมาดึงฉันไปก่อน ปากก็พร่ำอะไรไร้สาระไม่หยุดด้วยลิ้นเปลี้ยๆ
จะเปลี่ยนแฟนใหม่วันละคนบ้าง จะหาเงินไปโปรยที่สี่แยกควางฮวามุนบ้าง จะขายบ้านขายรถพาจีองไปเที่ยวรอบโลก
ทนฟังต่อไม่ไหว ฉันดิ้นออกจากอ้อมกอดของทาสอย่างใจร้าย เดินไปเตะชามอาหารที่ว่างเปล่า หนวกหู เทอาหารเดี๋ยวนี้!
เคร้ง ทันที่เห็นชามอาหารกระเด็น ทาสก็สะดุ้งตกใจได้สติ
‘อ๊ะ! โทษทีนะ โทษที’
สำหรับทาส บางครั้งก็ต้องทำเป็นใช้กำลังบ้างถึงจะได้สติ
เพราะทาสรีบเทอาหาร ฉันเลยยกโทษให้ และตั้งหน้าตั้งตากิน
ฉันปากสั้นมาก ไม่มีนิสัยกินมูมมาม เป็นแมวที่มีศักดิ์ศรีท่วมท้นและทวงท่างามสง่า แต่อดมาเกินสิบสองชั่วโมง ศักดิ์ศรี ความงามสง่าอะไรนั่นช่างมันเหอะ
ฉันง่วนอยู่กับการฝังจมูกลงในชามอาหาร แต่รู้สึกแปลกๆ เลยหันหน้าไปดู ทาสมานั่งเหมออยู่ข้างๆ คงไม่ได้กำลังดูฉันกินหรอกนะ
อ๊ะ หรือจะเพิ่งเคยเห็นแมวกินเป็นครั้งแรก ฉันออกจะสวยขนาดนี้
‘อร่อยไหม’
ทาสถามด้วยแววตาเศร้าๆ
‘จีองจะอยู่กับพ่อไปนานๆ เลยใช่ไหม หืม? ถึงพ่อจะลำบากแค่ไหน ก็จะหาของอร่อยๆ มาให้จีองกินเยอะๆ นะ’
จะทำอะไรก็ทำ
‘แต่ว่า จีอง’
เสียงทาสดูไร้เรี่ยวแรงกว่าปกติ ฉันเหลือบมองทาส
‘ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปพ่อจะทำไงดี’
จะทำอย่างไร ก็ไปหมอบนอนอย่างที่เคยทำแล้วออกไปทำงาน หาค่าอาหารฉันไง
‘ตั้งแต่พ่อจบมหาลัยมาก็ทำงานบริษัทเลย สมัยไปเรียนต่อต่างประเทศ เพราะต้องออกไปทำงานหอสมุดตั้งแต่เช้ามืด กลับมาเลยต้องอ่านหนังสือและฟังบรรยายจนดึก ใช้ชีวิตโหดมากจริงๆ จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยออกไปหาประสบการณ์โดยไม่มีสังกัดเลยสักครั้ง เคยแต่ทำงานกับที่ไหนอยู่เสมอ อยู่ท่ามกลางคนที่ต้องการฉัน แต่จากวันนี้ไปมันจะไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว ที่ที่จะต้องไปเมื่อลืมตาตื่นมาตอนเช้าไม่มีแล้ว เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเคว้งคว้างแบบนี้ จีอง ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปพ่อจะอยู่ยังไง หืม?’
คนกินข้าวอยู่ แต่มานั่งปรึกษาปัญหาชีวิตหน้าเครียดแบบนี้ จะให้ฉันว่าไง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ดีไหมเนี่ย
ฉันเหลือบตามองด้วยสีหน้าไม่พอใจ แล้วทาสหัวเราะหึๆ เฮ้อ แบบนั้นฉันก็ใจอ่อนกันพอดี
‘เมี้ยว’
ใช่แล้ว นี่แหละ อิ่มแล้วก็อวยพรสักหน่อย
‘อืม พ่อจะทำทุกอย่างให้ดีตามที่จีองบอก เนอะ? แค่เบี่ยงออกจากเส้นทางที่วิ่งมานิดหน่อย ไม่ใช่ทั้งหมดในชีวิตล่มสลายซะเมื่อไหร่ วันนี้โชคไม่ดี พรุ่งนี้อาจโชคดีก็ได้ เราต้องอยู่โดยคิดว่ามันจะไปได้ดีสิเนอะ พรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นไม่มีใครรู้ มันจะต้องผ่านไปด้วยดีแน่ๆ ใช่ไหม’
ทาสถามเองตอบเองแล้วก็หัวเราะหึๆ เจ้าคนโกหก บอกทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี แต่เช้ามืดกลับมาแอบร้องไห้คนเดียว เรื่องนั้นฉันจะทำเป็นไม่รู้ก็แล้วกัน
* * *
ฉันเจอกับทาสครั้งแรกเมื่อสามปีก่อน เป็นวันหนึ่งในฤดูร้อน สถานที่ที่ฉันเกิดเรียกว่า ‘โรงงาน’ เป็นโรงงานแมว ที่นั่นเป็นโรงงานแมวที่ ‘แบ่งขายครอบครัว’ เป็นสถานที่ให้แมวคลอด โดยมีคนที่ดูภายนอกเหมือนรักแมวจริงๆ ช่วยทำคลอดแมวด้วยความเอาใจใส่ ส่งไปให้ที่ดีๆ รับเลี้ยง แล้วก็รับ ‘ค่าดูแล’ เล็กๆ น้อยๆ แต่สภาพความเป็นจริงนั้นโหดเหี้ยมมาก
แม่ของฉันเป็นแมวที่เรียกว่า ‘มีสายพันธุ์’ และเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ไม่ธรรมดา ถือว่ามีค่าตัวแพง แมวแร็กดอลล์มีใบหน้าที่ทั้งสวยและน่ารัก จุดเด่นอยู่ที่ขนหนานุ่ม
ถามว่าทำไมถึงชื่อแมวตุ๊กตาผ้าขี้ริ้ว(Ragdoll) ก็ต้องไปถามมนุษย์ที่ตั้งชื่อให้สัตว์ที่มีชีวิตเคลื่อนไหวได้ว่าเป็นตุ๊กตาได้อย่างไร
เราไม่ใช่สายพันธุ์ที่เกิดตามธรรมชาติ แต่เกิดจากการที่มนุษย์ผสมสายพันธุ์เพื่อให้ได้แมวที่น่ารักเหมือนตุ๊กตาตามความต้องการของตนเอง เพราะงั้นจะเรียกว่าตุ๊กตาก็ไม่ผิด
ได้ยินว่าจุดเด่นของแมวแร็กดอลล์คือ ‘อารมณ์ดี’, ‘เหมาะกับมือใหม่หัดเลี้ยงแมว’, ‘เชื่อฟังเจ้าของ’, ‘สุขภาพแข็งแรง’, ‘เป็นมิตร’, ‘ดูแลขนง่าย’ บล้าๆ ฉันก็ได้แต่ทำเสียงฮึในใจ
นอกจากเรื่องสุขภาพและดูแลขนง่าย ที่ว่ามาทั้งหมดนั่น ฉันไม่มีเลยสักข้อ ฮึ! ฉันเป็นแมวนิสัยเฉยๆ ไม่ค่อยเชื่อฟังเจ้าของ ไม่เป็นมิตร และขี้หงุดหงิด
ตอนที่เจอทาสครั้งแรก เป็นตอนที่ฉันเกิดได้ประมาณสองเดือนแล้ว
แม่ฉันที่ผ่านประสบการณ์คลอดลูกเกินกำลังครอกที่สาม (คนแบ่งขายโกหกว่าครอกแรกลงในอินเทอร์เน็ต) ดูแลเราสี่น้องในสภาพที่อ่อนแรงจะตายแหล่ไม่ตายแหล่
ฉันเป็นน้องสุดท้องที่เฉยๆ และดูเซื่องๆ มีพี่สาวและพี่ชายอีกสองตัว ทุกบล็อกที่ผู้จัดการโรงงานอัพเพื่อแบ่งขาย พี่สาวและพี่ชายฉันจะโชว์ให้เห็นแต่ความน่ารักของลูกแมวที่ร่าเริงแจ่มใส
นั่งขาชิดเรียบร้อย ยิ้มและเอียงคอ แน่นอนว่านี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดแห่งความน่ารักของแมวแร็กดอลล์ ยังมีตัวอ้วนกลม หน้างอๆ ส่งเสียงร้อง และหมุนตัวล้มนอนอีก
ผู้จัดการโรงงานหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นฉัน ถ้าขายไม่ออกก็เสียหายไม่ใช่น้อย ฮึ นั่นเป็นเรื่องของนาย ฉันเป็นแมวแบบนี้จะให้ทำไง มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิด
ก่อนหน้านั้นก็มีมนุษย์มาหาที่โรงงาน แต่ฉันก็ไม่สนใจ ตอนที่สาวกับพี่ชายคนโตถูกขายไป ฉันก็เฉยๆ แต่ตอนที่ทาสมาซื้อพี่ชาย รู้ไหมว่าฉันทำอะไร
ฉันที่มักจะเอาแต่นอนอยู่ตามซอกเยื้องย่างโดดขึ้นไปนั่งแหมะบนตักทาส ฉันจำไม่ได้ทั้งหมด แต่ประมาณนี้แหละ
ทั้งทาสและผู้จัดการโรงงานต่างก็ตกใจมาก ที่เจ้าเด็กที่เอาแต่ซุกมุมหลับตื่นมาในสภาพงัวเงีย แล้วก็เดินขึ้นมานั่งบนตักทาสหน้าตาเฉย ก็น่าจะตกใจอยู่ไม่น้อย
ทาสที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยเลี้ยงแมว คงจะทั้งงงแล้วก็ประหม่า ทาสจ้องฉันเขม็ง แล้วยิ้มกว้างพร้อมกับบอกว่าอย่างนี้
‘เรานี่สวยจัง’
สุดท้ายทาสก็เลือกฉันแทนพี่ชายที่ตั้งใจจะมาซื้อในตอนแรก (ต้องบอกว่าถูกฉันเลือกมากกว่า) ผู้จัดการโรงงานเลยดีใจมาก
ฉันที่กำลังจะโดนทิ้ง เพราะน่ารักก็ไม่น่ารัก ให้ตายก็ขายไม่ออก กลับมีคนมาซื้อไป ผู้จัดการโรงงานเลยอารมณ์ดีลดให้หนึ่งแสนวอน
แล้วฉันก็ถูกทาสกอดออกมาจากโรงงาน แต่ฉันคาดผิดที่คิดว่าตัวเองจะได้อยู่กับทาส มีคนอื่นที่จะเลี้ยงฉัน
ความจริงทาสมาหาลูกแมวให้ตามที่ลูกค้าสั่ง ลูกสาววัยประถมของลูกค้าที่เป็นหมอไปเล่นบ้านเพื่อน แล้วเกิดไปถูกใจแมวแร็กดอลล์ที่อยู่บ้านนั้นเข้า
เธอร้องไห้โวยวายว่าถ้าไม่ซื้อแมวให้จะไม่ยอมกินข้าวและไม่ไปโรงเรียน ดังนั้นลูกค้าหมอคนนั้นเลยสั่งให้ทาส ‘หาลูกแมวแร็กดอลล์ที่สวยที่สุดในโลกมาให้’ ทาสต้องลำบากวนเวียนหาลูกแมวแร็กดอลล์ทั้งในร้านขายสัตว์เลี้ยงและตามอินเทอร์เน็ตด้วยความร้อนใจอยู่หลายวัน
ดังนั้นฉันเลยถูกรับเลี้ยงมาอยู่บ้านที่มีพ่อแม่และลูกสาววัยประถมอยู่ แล้วตอนนี้มาอยู่กับทาสได้อย่างไรน่ะเหรอ
แน่นอน จะหมาหรือแมว มนุษย์ที่เอาเรามาเลี้ยงง่ายๆ โดยดูแค่ความสวยความน่ารัก ก็ย่อมทิ้งได้ง่ายๆ เช่นกัน…
เด็กคนนั้น ตอนชอบใจก็ถูไถแทบจะกลืนกิน แต่พอเจอเรื่องสนุกหรือน่าสนใจอย่างอื่น ก็มักจะลืมฉันประจำ และคงผิดหวังที่จริงๆ แล้วฉันไม่ใช่แมวที่เชื่อฟังและอัธยาศัยดี แถมยิ่งนานวันไป ตัวฉันก็ใหญ่ขึ้น ทำให้ไม่น่ารักอีกต่อไป
สุดท้าย ฉันก็ถูกส่งคืน ลูกค้าหมอให้ทาสเอาฉันไปทิ้งข้างถนน ทาสดูงงไม่น้อย
ผ่านไปแค่หนึ่งเดือน ตอนที่พบกันอีกครั้ง ทาสจ้องฉันนิ่งๆ ไม่พูดอะไร
‘ลำบากมากเลยสินะ จากนี้ที่นี่คือบ้านของเรา’
ฉันไม่เชื่อคำพูดของทาส พอเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็คงส่งฉันไปที่ไหนอีก และฉันเองก็กำชับกับตัวเองเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไม่ให้ใจเช่นกัน
ผ่านไปหนึ่งเดือน แล้วก็ผ่านไปหนึ่งปี ตอนนี้ก็ผ่านมาสามปีแล้วมั้ง
ฉันชอบทาส แต่ก็ไม่ได้เปิดใจให้ทั้งหมด ถึงกระนั้นฉันก็รู้แน่ชัดว่า ถ้าไม่มีเรื่องอะไรขึ้น ฉันคงได้อยู่กับทาสแบบนี้สองคนไปเรื่อยๆ แน่
สิ่งที่ฉันและแมวส่วนใหญ่ต้องการไม่ใช่ความอ่อนโยนที่โอเว่อร์ หรือต้องมาสนใจกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
ไม่ต้องซื้อของเล่นให้ก็ได้ ไม่ต้องให้ขนมอร่อยๆ ทุกมื้อ แค่รักษาสัญญาที่ว่าจะอยู่ด้วยกัน และให้อยู่ด้วยกันเสมอ นั่นแหละคือสิ่งที่พวกแมวต้องการจริงๆ
* * *
ฉันจ้องมองทาสที่กำลังร้องไห้ แล้วย่องออกไปห้องหนังสือ
ระเบียงเล็กๆ ของห้องหนังสือเป็นที่ที่ฉันชอบมากที่สุดในบ้านหลังนี้ เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ของฉัน มีทั้งห้องน้ำ คอนโดแมว และสมบัติของฉันเต็มไปหมด
ฉันคาบของที่เก่ามากออกจากกล่องที่เต็มไปด้วยสมบัติของฉัน
หนูของเล่นสีเทา เป็นของขวัญชิ้นแรกที่ทาสซื้อให้ตอนที่โดนส่งจากบ้านที่เชื่อว่าจะได้อยู่ตลอดชีวิตกลับมาหาทาส
เวลาผ่านไปเร็วและฉันก็โตแล้ว ของเล่นสมัยเป็นแมวเด็ก ถึงจะสกปรกเลอะน้ำลายและรอยเท้า แต่อย่างไรก็เป็นของที่อยู่ในความทรงจำของฉัน เป็นของรักที่ไม่สามารถทิ้งไปได้
ฉันปล่อยหนูสีเทา ตุบ ลงที่ปลายเท้าของทาส
ทาสเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ มองฉันสลับกับหนูของเล่น
เอาไปสิ
‘หืม?’
บอกให้เอาไปไง
อะไร นึกว่าจะชอบของขวัญที่ฉันให้ ทาสหยิบหนูของเล่นแล้วดึงฉันเข้าไปกอด น้ำตาแห่งความดีใจหยดแหมะๆ ทาสร้องไห้แล้วก็หัวเราะ ถ้ารู้ว่าชอบหนูของเล่นขนาดนี้ เอาให้ไปนานแล้ว
เฮ้อ เป็นมนุษย์นี่ต้องใช้ความสามารถมากจริงๆ เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญชะมัด
ช่วยไม่ได้ คงต้องอยู่ปลอบใจและเป็นพลังชีวิตให้มนุษย์ซื่อบื่อต่อไปล่ะนะ ก็มันเป็นภารกิจของแมวที่อาศัยอยู่กับมนุษย์นี่นา
………………………………..
[1]แคทนิป หรือเรียกอีกอย่างว่าต้นกัญชาแมว