บทที่ 16-1 การพบกันของโรคกลัวแมวและโรคเกลียดหมา
Xiaobei
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก…
พอจีฮวันรับรู้ว่าเสียงที่ดังรอบหูคือเสียงหัวใจของตัวเองก็ตกใจ
“ออกหมดหรือยังคะ”
อึนคังถามออกมา แต่จีฮวันยังคงจ้องใบหน้าเธอ
“เอ่อ ยังครับ ยังไม่หมด”
จีฮวันหลบสายตาอึนคัง รีบเช็ดหน้าเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ อึนคังพยักหน้า
“ฉันเข้าใจค่ะ หน้าฉันเรียบแบนไม่เหมือนคุณพีบี เลยไม่รู้จะลงมือยังไงสินะคะ ฮ่าๆ”
หัวเราะเสียงดังอีกแล้ว
แต่วันนี้เสียงหัวเราะนั่นเกิดขึ้นตรงหน้าจีฮวัน ต่างจากเมื่อวานที่ได้ยินทางโทรศัพท์ เสียงราวประทัดระเบิดที่ได้ยินกับหู ความดังระดับหวูดรถไฟเลยทีเดียว
แต่แปลกที่กลับไม่บาดหู จีฮวันเป็นคนที่เกลียดเสียงหัวเราะหรือเสียงอะไรก็ตามที่ดังเกินความจำเป็น
อ้า เป็นเพราะสิ่งนี้สินะ พริบตาเดียวเสียงหัวเราะที่มีรอยยิ้มเต็มใบหน้าเปลี่ยนหน้าแบนราบของอึนคังให้เป็นสามมิติยังกับละคร ดวงตาหยีโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว แก้มยุ้ยๆ และริมฝีปากเจื้อยแจ้ว
จีฮวันคงจะคิดเว่อร์ไปเอง เสียงหัวเราะที่สดใสของอึนคังราวกับกระจายไปทั่ว
“ออกเกือบหมดแล้ว”
จีฮวันกำลังจะเก็บผ้าเช็ดหน้าเข้ากระเป๋า แต่อึนคังคว้าไว้อย่างรวดเร็ว
“ฉันซักให้ค่ะ”
“ไม่ต้อง ไม่เป็น…”
อึนคังไม่ฟังคำพูดของจีฮวัน เธอคว้าผ้าเช็ดหน้าเก็บเข้ากระเป๋าแล้วลุกขึ้น ปัดตามตัว เอาหมวกมาใส่ จีฮวันได้แต่ส่ายหน้าแล้วลุกตาม
“หกล้มไปแบบนั้น ไม่เจ็บเข่าหรือครับ”
อึนคังลองกระโดดดึ๋งๆ
“ดูเหมือนจะไม่มีแผลนะคะ ฉันรู้วิธีล้มไม่ให้เข่าบาดเจ็บค่ะ เพราะล้มบ่อยเลยเซียนเรื่องล้มมั้งคะ”
ถ้าจะเป็นเซียนเรื่องล้ม ถ้าอย่างนั้นไม่ให้ล้มแต่แรกดีกว่าไหม ว่าแต่นั่นอะไร
“คุณนักเขียน”
“คะ?”
“เหมือนขาข้างขวาจะเดินกะเผลกอยู่นะครับ”
“คะ?”
อึนคังเอียงคอก้มมองขาตัวเอง ทันทีที่ยืนขาขวาออกมา ก็ร้องแค่ ‘อ๊ะ!’ สั้นๆ แล้วทรุดลงไปนั่งลูบข้อเท้า
“บาดเจ็บสินะครับ”
อึนคังมองจีฮวันพลางยิ้มเขิน
“ไหนว่ามีวิธีล้มไม่ให้เจ็บไงล่ะครับ”
“ที่บอกไม่เจ็บคือเข่าค่ะ นี่ข้อเท้าแพลง คนละส่วนกัน แล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บเพราะล้มเมื่อกี้ด้วย เป็นตอนไปเที่ยวค่ะ แพลงตอนลงมาจากเขา เพราะรีบวิ่งเลยลืมไปซะสนิทเลย”
จีฮวันพูดไม่ออก ไม่อยากจะเชื่อ ลืมไปซะสนิทเนี่ยนะ คนเราลืมว่าตัวเองบาดเจ็บได้ด้วยเหรอ มีคนประหลาดๆ แบบนี้อยู่ด้วย
“เดินไหวไหมครับ ให้เรียก 119 ไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เอง เดี๋ยวนั่งพักตรงนั้นสักครู่…”
ก่อนที่จะพูดจบ อึนคังก็ยกเท้าขวา กระโดดด้วยขาซ้ายไปนั่งยังม้านั่งใกล้ๆ จีฮวันแน่ใจแล้ว ว่าโกอึนคังเป็นคนที่การกระทำไปก่อนความคิด
เขาเลยนั่งลงที่ม้านั่งอย่างช่วยไม่ได้ โดยนั่งห่างออกมากจากอึนคัง
“ข้อเท้าฉันแพลงบ่อยๆ ถ้าเจ็บมากๆ ก็ไปฝังเข็ม อาการจะดีขึ้นค่ะ”
อึนคังพูดอธิบายพลางลูบข้อเท้าไปด้วย คำพูดเลยออกจากปากจีฮวันโดยไม่รู้ตัว
“คุณคงไปที่นู่นที่นี่มาเยอะมาก ถึงได้อึได้ทั่ว…”
บรรยากาศกระอักกระอ่วนขึ้นทันที
เพราะอยู่ๆ อึนคังมาล้ม สงครามการไล่ล่าจึงจบลงอย่างคลุมเครือ แต่สาเหตุเดิมที่ทั้งคู่มาวิ่งไล่กันอยู่ในสวนริมทะเลสาบนี่ยังคงไม่ได้ข้อสรุป
อึนคังเริ่มขยุ้มหัวตัวเอง
“ขอโทษนะคะ! ขอโทษจริงๆ ค่ะ! ฮือออ! ตายเถอะ โกอึนคัง! ตายซะ!”
“ทำแบบนั้น ตายได้ที่ไหนครับ”
“ว่าแต่ส้วมเต็มจนต้องเปลี่ยนโถจริงๆ เหรอคะ”
อึนคังก้มหน้าก้มตาถามเสียงอ่อย
“ผมจะโกหกไปทำไม”
“โอ๊ย อยากจะบ้าจริงๆ”
“ทำลายห้องน้ำคนอื่นจนสิ้นซาก แล้วเอาแอปเปิ้ลสามลูก สาลี่สองลูกกับลูกพลับอีกหนึ่งลูกมาให้เนี่ยนะ เอาใส่ถุงหูหิ้วมาห้อยไว้ให้แล้วก็ไป เห็นคุณแอบเอาผลไม้ง่อยๆ นั่นมาห้อยไว้แล้ว…”
อึนคังเงยหน้าขึ้นมาทันที
“ฉันไปหาตอนเช้าวันอาทิตย์ แต่ไม่มีใครอยู่ที่ห้องเลยนี่คะ! จริงๆ นะคะ! ไม่ได้แอบเอาไปแขวนไว้ ตั้งใจจะไปขอโทษแล้วก็ขอบคุณด้วยตัวเอง แต่ไม่มีใครอยู่ ฉันก็เลยกลับ! ไม่ใช่แค่ตอนเช้านะคะ ตอนเย็นฉันก็ไปหา แต่ตอนนั้นคุณก็ไม่อยู่”
อึนคังแย้งด้วยสีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ทำส้วมเต็มเป็นทะเลอึแบบนั้น ผมจะอยู่เข้าไปได้ยังไงครับ ห้องน้ำผมไม่ได้มีสองห้อง! เกิดเรื่องเย็นวันเสาร์ ผมไม่มีทางที่จะได้ใช้จนถึงวันอาทิตย์ นึกแล้วอยากจะบ้าจริงๆ”
“ฉันไม่รู้จริงๆ นี่คะว่าทำให้ส้วมเต็ม ขอโทษนะคะ ฉันอายมาก ได้แต่คิดว่าต้องรีบออกมา…”
“กินอะไรข้างนอกมาเยอะแยะน่าดูเลยสิท่า”
จีฮวันส่ายหน้า
“ที่จริง วันนั้นเป็นวันที่อัพตอนจบของนิยาย ฉันเลยไปกินข้าวกับบก.มาค่ะ”
“แล้ววันอาทิตย์ก็ไปภูฏานเนี่ยนะ”
“คะ? รู้ได้ยังไงคะว่าฉันไปภูฏานมา”
“ตอนที่คุณนักเขียนไปที่ห้องรปภ. แล้วบอกว่าจะไปภูฏาน ตอนนั้นผมก็อยู่ที่นั่นด้วย”
“จริงเหรอคะ เอ๋? แล้วทำไมฉันไม่เห็นเลย”
แน่นอนสิ มัวแต่ลั้นลาจะได้ไปเที่ยว จะไปเห็นใครในสายตา
“รู้ไหมครับว่าผมไปที่ห้องรปภ.ทำไม จะไปขอเช็คกล้องวงจรปิดเพื่อจับตัวคนร้ายที่มาอึแล้วหนี คิดว่าถ้าที่ห้องรปภ.ไม่ยอมช่วย ก็จะไปสถานีตำรวจ”
“ค่ะ”
อึนคังทำหน้าสลดอีกครั้ง
“คุณบอกว่าทำอะไรกับส้วมอีกนะคะ ความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะฉัน ฉันจะชดใช้ให้ค่ะ”
“ไม่ใช่ชดใช้ แต่เป็นการทำขวัญ ตามกฎหมายแพ่ง ความเสียหายที่บุคคลทำต่อบุคคล เป็นการทำขวัญไม่ใช่ชดใช้ครับ”
“จะชดใช้หรือทำขวัญ อาจจะไม่ได้ลบล้างความผิดของฉัน แต่…ฉันจะตอบแทนคืนให้ทั้งหมดค่ะ ขอโทษจริงๆ นะคะ”
เห็นอึนคังที่ก้มหน้าเหมือนนักโทษลูบๆ คลำๆ นิ้วแล้วใจของจีฮวันก็อ่อนลงนิดนึง แค่นิดเดียว
“ค่าทำขวัญอะไรนั่น ก็รวมมาในค่าที่ปรึกษาแล้วกันครับ”
“หา! จริงเหรอคะ ขอบคุณนะคะ”
อึนคังเอี้ยวตัวไปยกนิ้วโป้งให้ หลังก้มหัวขอบคุณจีฮวัน
“มีคุณธรรมที่แท้ทรู!”
จมูกบานๆ ของอึนคังทำเอาจีฮวันหันกลับไปหัวเราะ
แล้วทั้งสองก็นั่งมองทะเลสาบเงียบๆ ไม่พูดอะไร ท้องฟ้าสดใสไม่มีฝุ่นละอองสักนิด ลมพัดเย็นสบาย เป็นวันที่เหมาะกับการเดต จีฮวันแอบมองข้อเท้าของอึนคัง
“ข้อเท้าค่อยยังชั่วขึ้นไหมครับ”
“ค่ะ ดูเหมือนจะอย่างงั้น”
“เคยเป็นนักกีฬาวิ่งแข่งมาก่อนเหรอครับ ทำไมวิ่งไวขนาดนั้น”
“คงเพราะตอนเด็กๆ วิ่งบ่อยน่ะค่ะ”
“ตอนนี้ก็ด้วยสินะครับ”
อึนคังพยักหน้า
“พอทำงานเสร็จ ฉันจะออกมาวิ่งที่สวนตอนเช้ามืดค่ะ อาทิตย์ละสามสี่ครั้งได้มั้ง”
“เท้าแพลงบ่อยๆ วิ่งขนาดนั้นได้ยังไงครับ แล้วข้อเท้าจะไปดีขึ้นได้ยังไงกัน”
“ความจริงตอนวิ่งมันไม่ค่อยแพลงค่ะ ฉันมีการวอร์มแล้วก็ใส่รองเท้าวิ่งรองรับเท้าดีๆ กับถุงเท้าหนาๆ ช่วยป้องกันข้อเท้า แต่ตอนเดินกลับเจ็บมาก เดินแล้วมันกระแทกรอยช้ำ ฉันไปตกถนนที่อินเดียด้วย เท้าตกไปในฟุตปาธที่มันเป็นรู”
จิ๊ๆ คนเซ่อชีวิตมักจะลำบาก อย่างที่โบราณว่าไว้ไม่มีผิดจริงๆ
“ว่าแต่ทำไมเมื่อกี้ถึงล้มล่ะครับ เห็นวิ่งเสียเร็วจี๋ ขนาดรถถังมายังไม่หลบเลยนะครับ”
“มีแมวกระโดดออกมา…”
อ้า คงกลัวจะทำแมวบาดเจ็บ
“ฉันกลัวแมวค่ะ โดยเฉพาะลูกแมวตัวขนาดเท่าเมื่อกี้”
“ครับ?”
กลัวลูกแมวตัวเล็กกว่าข้อมือจนล้มเนี่ยนะ สีหน้าเหลือเชื่อปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจีฮวัน อึนคังรีบพูดต่อ
“ค่ะ ฉันเข้าใจ ว่ามันดูไร้สาระ แต่ในสายตาฉัน แมวนั่นดูเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวและตัวใหญ่ยักษ์ เหมือนโดนยักษ์จู่โจม ฉันรู้ดีค่ะว่าสิ่งที่อันตรายจริงๆ ไม่ใช่แมวจรนั่น แต่เป็นมนุษย์ที่โหดร้าย แต่ฉันก็ยังกลัวอยู่ดีนี่คะ ทำไงได้”
แมว รวมเอาความน่ารักในโลกนี้ ไม่สิ ในจักรวาลมาไว้ทั้งหมด เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักและมีเสน่ห์ แน่นอนว่าจีฮวันเองก็เคยมีอคติกับแมวและเข้าใจแมวผิดๆ แต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่จะได้มาเป็นทาสของจีองแสนสวยที่ฉลาดและงดงามที่สุดในโลก