บทที่ 20-1 เธอก็ลองร้อนใจซะบ้าง
Xiaobei
ความโกรธที่ถูกสะกดไว้ถูกระเบิดออกมา จีฮวันเต้นเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองรัวคำพูดอะไรออกมา
[อะไรนะ]
ซอกยองถามซ้ำเสียงสั่นหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
[จะ จริงเหรอ]
“ก็ใช่น่ะสิ! จะบ้าตาย นี่เหมือนกลิ่นยังติดหัวนมฉันอยู่เลย! ว่าแต่อะไรยังไง หาว่าฉันผิดงั้นเหรอ ไอ้บ้านี่ นายเป็นเพื่อนฉันหรือเปล่า”
[เฮ้ย ว้าว…พระเจ้าช่วย]
ซอกยองที่พูดไม่ออกอุทานชมรัวๆ ลดเสียงลงกระซิบ
[คุณนักเขียนนั่น มีรสนิยมแบบนี้เหรอเนี่ย โอ๊ย นักเขียนสิบเก้าบวกนี่มาเหนือจริงๆ]
“อะไร”
เสียงแบบนั้นมันอะไรอีก
[ให้ตายเถอะ ฉี่เหรอ วิ้ว คงอยากลองอะไรแปลกใหม่บ้าง แต่ท่าทางคงไม่เวิร์คสินะ ถึงได้บอกจะเลิกเป็นนักเขียนแล้วลาโลกแบบนั้น เป็นฉันถ้าไปฉี่ใส่ผู้ชายที่นอนด้วยกันก็คงคิดแบบนั้นแหละ]
จีฮวันเข้าใจขึ้นมาทันที เหมือนโดนสาดน้ำเย็นใส่ท้ายทอย
“นายพูดอะไร คะ ใคร! นอนกับใคร!”
จีฮวันตกใจมือถือแทบร่วงหลุดจากมือ
[นายเพิ่งบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าผู้หญิงคนนั้นทำฉี่เลอะใส่อกนายน่ะ!]
ซอกยองเบาเสียงลงอีกครั้ง
[นายบอกว่านอนกับคุณนักเขียนไม่ใช่เหรอ ไม่งั้นฉี่จะมาฉี่ใส่อกนายได้ยังไง…]
“อะ อะ ไอ้บ้านี่! ไม่ได้นอน! ไม่ได้นอนกันโว้ย!”
คำด่าระเบิดออกมาจากปากจีฮวัน พร้อมกับเหงื่อเย็นๆ ที่ไหลมาตามท้ายทอย
[ไม่ได้นอนเหรอ]
น้ำเสียงที่ซอกยองทวนถามดูผิดหวัง
“นาย พูดอะไรแบบนั้น! ฉันนึกว่านายจะเข้าข้าง แต่กลับนิ่งอึ้งไม่พูดอะไร! ไม่สิ พูดแบบนั้นออกมาคิดได้ยังไง แค่คำว่าฉี่ ก็พูดเรื่องแบบนั้นออกมาเนี่ยนะ! ไอ้บ้าที่ไหนจะนอนกับนักเขียนที่ต้องการที่ปรึกษาตั้งแต่วันแรกที่นัดกัน!”
[บ้ายังไง มีกฎที่เจอกันเรื่องงานแล้วห้ามนอนกันด้วยเหรอ ต่างก็เป็นชายหญิงวัยกระฉับกระเฉงทั้งคู่ ไฟมันอาจจะลุกพรึ่บตั้งแต่เจอกันแรกก็…]
“นายอยากจะโดนไฟลุกสักหน่อยไหมล่ะ”
ทันทีที่จีฮวันถามเสียงเย็น ซอกยองก็ถึงกับหุบปากฉับ
“มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นเด็ดขาด ระหว่างฉันกับนักเขียนนั่น มีนายกับคุณยูจินเข้ามาเกี่ยว ฉันเหมือนคนที่จะทำอะไรสิ้นแบบนั้นหรือไง นายไม่รู้จักฉันอย่างนั้นเหรอ”
พอความโกรธสงบลง จีฮวันก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาราวกับหมดแรง
[เออ นายก็ไม่ใช่ไอ้หื่นแบบนั้น งั้นเรื่องฉี่นี่มันยังไง]
“หมา หมาโว้ย! หมาที่นักเขียนนั่นเลี้ยงฉี่ใส่เสื้อผ้าฉัน! ไม่ใช่คน แต่เป็นหมา!”
ความโมโหที่สงบไปวาบขึ้นมาใหม่อีก
[มะ หมา? หมาที่เห่าบ๊อกๆ อะนะ]
“เออ หมา! ภาษาจีน โก่ว! ภาษาอังกฤษ ด๊อก ภาษาญี่ปุ่นก็ อินุ! โดนหมาฉี่ใส่รองเท้าหนังลูกวัวกับสูทขนแกะจากอิตาลีที่ซื้อมาเพิ่งใส่ได้สองครั้ง กลิ่นนี่หึ่งไปทั้งบ้าน! เหมือนโดนฟ้าผ่าวันท้องฟ้าแจ่มใส แล้วยังต้องมาได้ยินข่าวลือไร้สาระว่าไปนอนกับผู้หญิงอีก!”
[อ้า ยะ อย่างนี้นี่เอง ฉี่หมา คิก อะไรจะซวยแบบนั้น…อุ๊บ]
“อย่าหัวเราะออกมาเชียว ไม่งั้นตายแน่”
[หะ อุ๊บ หัวเราะอะไร…]
เสียงที่ไม่รู้ว่าจะร้องไห้ดีหรือหัวเราะดีทั้งที่พยายามกัดฟันอดกลั้นดังลอดเข้ามาในโทรศัพท์ไม่หยุด
“อย่างนี้หัวเราะไปเลยดีกว่า เอาเลย หัวเราะเลยสิ ไอ้บ้า”
[ก๊ากกก! ฮ่าๆๆๆๆๆๆ!]
เสียงปล่อยก๊ากของซอกยองดังจนแก้วหูจีฮวันสะเทือน เฮ้อ เพื่อนเป็นซะแบบนี้ ว่าแต่มันก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ นั่นแหละ ทั้งการหาวและการหัวเราะก็เป็นเหมือนโรคติดต่อ เสียงหัวเราะลั่นของซอกยองทำเอาจีฮวันพลอยหัวเราะไปด้วย
ถ้าเรื่องเกิดกับคนอื่นไม่ใช่ตัวเอง จีฮวันเองก็คงขำเหมือนกัน จะมีไอ้บ้าที่ไหนโดนหมาฉี่ใส่หน้าอก
“ขำเหรอ ขำนักเหรอไง”
[ก็ต้องขำสิ! โอ๊ย ท้องฉัน ขำจะตายอยู่แล้วเนี่ย…ขำที่สุดในบรรดาเรื่องที่เคยได้ยินมาเร็วๆ นี้เลยนะเนี่ย นี่ ส่งเรื่องนี้ไปรายการวิทยุไหม เผื่อได้รางวัลเป็นหม้อหุงข้าวไฟฟ้า]
“หม้อหุงข้าวไฟฟ้าบ้าอะไรนั่น ลืมไปให้หมดเลยนะ! เป็นนาย ถ้าโดนหมาฉี่ใส่จะไปเที่ยวป่าวประกาศหรือไง!”
[ฮ่าๆ รู้แล้ว รู้แล้ว ว่าแต่จะเอายังไง ฮ่าๆ ดูท่าคงไม่ต้องดูสัญญาแล้ว รยูจีฮวันผู้คลั่งความสะอาดโดนหมาฉี่ใส่ จุ๊ๆ เอาเป็นว่าฉันจะแต่งเรื่องคร่าวๆ แล้วก็บอกน้องเมียให้หาที่ปรึกษาทางการเงินคนอื่นแล้วกันนะ]
“ไม่ต้อง!”
จีฮวันรีบชิงตัดบทซอกยอง
[หืม? ไม่ต้องอะไร]
“อยู่เฉยๆ เถอะ ฉันจะลองคิดดูอีกที”
[โอ๊ะ? จริงเหรอ โดนแบบนั้นแล้วยังจะให้โอกาสคุณนักเขียนโกอีกเหรอ]
“เห็นนายกับคุณยูจินแล้วใจร้ายไม่ลง ฝากบอกคุณยูจินด้วย ว่าขอเวลาคิดหนึ่งวัน แล้วฉันจะติดต่อนักเขียนโกคึมกังไปเอง”
[อ้า ได้ นี่ ถ้าเป็นไปได้ นายก็ เอ่อ ช่วยเข้าใจหน่อยแล้วกัน แต่ไหนแต่ไรนายก็เป็นคนที่เทคแคร์เข้าใจคนอื่นอยู่แล้วนี่ ถึงจะโดนมาขนาดนั้น แต่ก็ช่วยหน่อยแล้วกันนะ]
“เฮ้อ!”
จีฮวันถอนหายใจแรง
“ทีงี้มาบอกว่าฉันเป็นคนที่เทคแคร์เข้าใจคนอื่น ไหนตอนแรกว่าฉันเป็นหมาป่าไล่ต้อนกระต่ายป่า โยนความผิดมาให้ หาว่าเลือดเย็น นายนี่มันเปลี่ยนไวจังนะ”
[ฉันพูดจาไร้สาระขนาดนั้นเลย? เฮ้ย ไม่น่าใช่นะ! ขอบใจนะเพื่อน ฉันจะไปบอกน้องเมีย นี่ก็พลอยร้อนใจเพราะคุณนักเขียนมีเรื่องไปด้วย น้องเมียฉันชอบคุณนักเขียนมาก]
“แหงล่ะ หาเงินให้บริษัทได้เยอะขนาดนั้น!”
[เฮ้ย มันไม่ใช่แค่เหตุผลนั้น นายเองเคยใช้ชีวิตในสังคมก็น่าจะรู้นี่นา! ว่าคนที่คบค้าสมาคมด้วยไม่ได้มีเยอะขนาดไหน ไหนจะพวกรอแทงข้างหลังอีกเยอะแยะ ถ้าคุณนักเขียนไม่ใช่คนดี น้องเมียของฉันคงไม่ไปคบค้าสมาคมกับเขาหรอก]
“งั้นเหรอ? ดูเป็นคนโอเคว่างั้น?”
จีฮวันโยนคำถามราวกับหยั่งท่าที
[พูดง่ายๆ คงต้องบอกว่าเป็นคนตรงไปตรงมามั้ง ไม่ว่าจะลับหลังหรือต่อหน้าก็เหมือนกันหมด แล้วคิดอะไรอยู่ก็แสดงออกทางสีหน้าหมดเลยด้วย เป็นคนประมาณนั้นแหละ]
แบบนั้นเขาเรียกว่าเป็นคนไม่คิดอะไรเลยต่างหากเล่า!
[ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ ไม่มีพิษภัย เป็นคนแสดงความต้องการของตัวเองชัดเจน ยิ่งกว่าอะไรคือคุณภาพผลงานเสมอต้นเสมอปลาย ขยันมาก บก.ที่ดูแลอย่างสบายเลยแหละ ผลงานของคุณนักเขียนแทบไม่ต้องตรวจแก้]
ในจุดนั้นก็ยอมรับ คล้ายๆ เขาที่หลายปีที่ผ่านมาพยายามรักษาระดับให้สูงอยู่ตลอด ไม่มีทางทำงานชุ่ยๆ ง่ายๆ นักเขียนก็เหมือนที่ปรึกษาทางการเงิน
[แน่นอนว่าเวลาทำงานก็ต้องมีปะทะกันบ้าง แต่ถ้าอธิบายด้วยเหตุผล ก็เข้าใจและยอมรับผลการตัดสินใจภายหลัง…]
“เออๆ เข้าใจแล้วๆ แค่นี้นะ ฉันยุ่ง”
[เออ ก็ได้ ฉันเองก็ต้องไปผ่าตัดแล้ว ยังไงก็นะเพื่อน ช่วยคิดในแง่ดี แบบใจกว้างๆ หน่อยแล้วกันนะ หืม?]
หลังจากคุยเสร็จจีฮวันก็เช็คมือถือ ในหนึ่งชั่วโมง มีสายที่ไม่ได้รับถึงเจ็ดสาย ทั้งหมดจากอึนคัง คงร้อนใจโทรมาตอนที่เขาอาบน้ำอยู่ เขาก็อาบน้ำนานมาเสียด้วย ภาพอึนคังกระวนกระวายกอดจากูลอยขึ้นมาเลย
“เอาไงดี จีอง”
จีองที่กำลังตั้งอกตั้งใจเลียขนแต่งตัวเงยหน้ามามองจีฮวัน
“ปล่อยให้ร้อนใจไปเรื่อยๆ หรือโทรไปดีนะ”
“เมี้ยววว”
“งั้นเหรอ ให้โทรไปเหรอ ไม่งั้นคงเหมือนเพราะโกรธเลยไม่ยอมรับสายสินะ”
จีฮวันกดเบอร์โทรออก ยังไม่ทันที่เสียงสัญญาณจะดัง เสียงของอึนคังก็ลอดมาตามสายเสียก่อน
[สะ สวัสดีค่ะ!]
“เห็นคุณโทรมาหลายสาย”
[กะ ก็นึกว่าคุณพีบีไม่ยอมรับสายฉันนี่คะ]
จีฮวันแอบยิ้มโดยไม่รู้ตัวกับน้ำเสียงลังเลเกือบจะร้องได้ของอึนคัง
“ผมไม่ได้จะไม่รับครับ แต่อาบน้ำนานไปหน่อย ไม่รู้ว่ามีคนโทรมา กลิ่นฉี่หมามันติดทนมาก”
[ปะ เป็นอะไรไหมคะ]
“หมายถึงอะไรครับ เสื้อผ้าผมที่เลอะฉี่ หรืออารมณ์ผม”
[ทั้งสองอย่างค่ะ]
“เสื้อผ้าย่ำแย่ ส่วนอารมณ์แย่กว่า”
[ขอโทษนะคะ ฉันขอโทษจริงๆ ทำยังไง ไม่สิ ฉันจะชดใช้ให้นะคะ]
อึนคังพึมพำเสียงเบาอย่างสำนึกผิด จีฮวันตั้งใจตอบเสียงดุดัน
“จะหมาหรือคนก็ต้องอึต้องฉี่ ชอบใช้เงินแก้ปัญหานักหรือไงครับ”
[มะ ไม่ใช่นะคะ! ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใช่…ฉันจะไปหาคุณพีบีเดี๋ยวนี้เลยค่ะ]
“มาทำไมครับ เอาถุงผลไม้ไม่กี่ลูกมาให้เหมือนตอนนั้นน่ะเหรอครับ”
[เปล่าค่ะ ไม่ใช่! ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ!]
“ไม่ต้องมาหรอกครับ”
จีฮวันตัดบท ผมก็ยังไม่แห้ง เขาเหนื่อย ห้องน้ำก็ยังไม่ได้ทำความสะอาด แค่นั้น? ใครว่า ไหนจะกลิ่นฉี่ที่ยังไม่ยอมหายไปอีก เขาไม่พร้อมให้แขกเข้าบ้านในสภาพนี้
[คุณพีบี…]
จีฮวันเลิกแกล้ง ปลอบเสียงเบา ก่อนที่อึนคังจะระเบิดร้องไห้
“ผมไม่เป็นไรครับ เพราะงั้นไม่ต้องเป็นห่วง”
[ถ้างั้น ระ เรื่องนั้น…]
“เรื่องสัญญาผมขอคิดอีกหน่อย แล้วจะติดต่อไปอีกทีนะครับ”
[ค่ะ]
“แค่นี้นะครับ”
[ค่ะ…]
จีฮวันที่วางสายมองโทรศัพท์มือถือแล้วยิ้มออกมา
“ไหน มาลองทำชาร์ตกำไรขนาดทุนกันหน่อยดีไหม”
จีฉวันไปห้องหนังสือ ลากไวท์บอร์ดขนาดกว้างแปดสิบ ยาวร้อยยี่สิบเซนติเมตรที่ติดล้อเลื่อนออกมาจากระเบียง
ขีดแบ่งเส้นกลางกระดาน เขียน ‘เหตุผลที่ควรเป็นที่ปรึกษาให้โกคึมกัง’, ‘เหตุผลที่ไม่ควรเป็นที่ปรึกษาให้โกคึมกัง’ ลงบนที่ว่างแต่ฝั่ง และเริ่มเขียนเหตุผลแต่ละข้อลงไปด้านล่างนั้น