บทที่ 18 ส่งกลิ่นและความรักของฉันไปให้เธอ
Xiaobei
หวัดดี ผมชื่อจากู เป็นหมาที่ใจดี น่ารัก ฉลาด แสนรู้ เท่ เซ็กซี่ สุขุมรอบคอบ และ…เอาเป็นว่าดีงามที่สุดในโลก
เริ่มต้นก็หลงตัวเองเลย? โอ้ โนๆ ผมไม่ได้หลงตัวเอง แต่มันเป็นความจริงที่สุดจะจริง ของใครน่ะเหรอ ก็แม่ผมไง!
ทุกครั้งที่แม่เห็นผม แม่จะตกใจวันนึงก็หลายครั้ง และชมผมแล้วชมผมอีกว่า ‘หล่ออะไรแบบนี้น้า จะมีหมาที่ไหนเท่ ฉลาด และสง่าขนาดนี้’
อ้า แน่นอน ผมเข้าใจ จะแม่คนหรือแม่หมา อย่างไรก็ต้องเข้าข้างลูกตัวเองอยู่แล้ว ถึงจะเป็นคนที่มีสติหรือเหตุผลมากขนาดไหน ก็เป็นธรรมดาที่พร้อมจะเลิกสนและเสียศูนย์ต่อหน้าลูกตัวเอง
แต่แม่ผมต่างออกไป แม่ผมเป็นนักเขียน ดังด้วยนะ แม่อ่านหนังสือเยอะมาก ดูทีวีก็เยอะ เขียนหนังสือก็เยอะ ส่วนเวลาที่เหลือ ส่วนใหญ่ก็นั่งเบลอ เอ่อ ไม่สิ คิดวิเคราะห์เรื่องที่จะเขียน
แม่ผม นอกเหนือจากเวลาที่เล่นกับผมหรือพาผมออกไปเดินเล่นแล้ว ก็จะนั่งอยู่แต่หน้าโต๊ะทำงานแทบทั้งวัน ข้าวก็กินที่โต๊ะ นอนก็ฟุบหลับที่โต๊ะ ตื่นแล้วก็ลุกไปพิมพ์คอมพิวเตอร์แต่กๆๆ อีก กลุ้มว่าจะเอาเงินออกจากกระเป๋า เอ๊ย ทำให้ผู้อ่านประทับใจได้อย่างไรดี
แม่อาจดูเหมือนเอ๋อๆ แต่พอได้ลงมือทำงาน จะกลายเป็นคนที่เพอร์เฟกต์มาก การได้เงินจากคนอื่นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องแก้เรื่องที่เขียน แก้แล้วแก้อีก ภายนอกอาจดูใจดีใจกว้าง แต่เวลาเจอคอมเมนต์ว่านิยายไม่สนุก แม่จะเอามือทึ้งหัวน่ากลัวมาก
ถ้าเดินใจลอยไปตามถนน แล้วเจออะไรที่ไม่เป็นธรรม แม่ก็จะกลายร่างเป็นนักสู้ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ชายกำลังตบตีผู้หญิง หรือเด็กกำลังแกล้งแมวจรจัด เป็นต้น
แม่ผมเป็นคนที่ใจกว้างและจิตใจดีมาก ขี้เหนียวและเข้มงวดกับตัวเอง แต่ซื้อบ้านให้คุณปู่และบริจาคเงินให้เด็กนักเรียนได้เรียนต่อทุกเดือน แม่แทบไม่ใช้เงินกับตัวเองเลย ปีนึงปิดต้นฉบับแล้วจะไปเที่ยวครั้งสองครั้ง นอกนั้นเสื้อผ้าก็ไม่ซื้อ เครื่องสำอางก็ไม่ใช้
แต่ถึงอย่างนั้น แม่ก็รักและทะนุถนอมผมมาก แค่ผมจามนิดหน่อย กินอาหารน้อยเพราะไม่อร่อย แม่จะรีบอุ้มผมไปโรงพยาบาลทันที
ทั้งที่จริงแล้ว ตัวเองก็ข้อเท้าเจ็บขนาดนั้น ยังไม่ยอมไปหาหมอดีๆ เลย พอไปโรงพยาบาลสัตว์ ผอ.โรงพยาบาลก็บอกว่าจากูแค่อ้วนขึ้น(ชิ!) ถ้าลดหน่อยจะเป็นหมาที่แข็งแรงที่สุดในโลก
และแม่บริจาคเยอะมาก องค์กรที่แม่อุปถัมภ์เกินสามสิบไปแล้วละมั้ง พอถึงปลายปี องค์กรเหล่านั้นก็จะส่งจดหมายขอบคุณมาเป็นตั้ง
อ้า เรื่องที่แม่บริจาค มีแต่ผมที่รู้ ขนาดปู่ที่รู้เรื่องเกี่ยวแม่แทบทุกเรื่องยังไม่รู้เลย แม่เป็นคนที่จะเขินมากเวลามีใครชมหรือยกย่องว่าเป็นคนดี
และ! แม่เป็นคนโกหกไม่เป็น แม่ไม่ถนัดเรื่องนั้น ทั้งๆ ที่เป็นคนพูดมาก พูดน้ำไหลไฟดับ วันๆ ถ้าไม่ได้พูดจะเหมือนมีหนามทิ่มอยู่ในปาก แต่เวลาโกหก กลับหน้าแดงพูดตะกุกตะกัก ลุกลี้ลุกลน แล้วอย่างไรอีกน่ะเหรอ คือใครเห็นก็รู้เลยว่ากำลังโกหกอยู่
แม่ที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ มีข้อดีมากแบบนี้ แถมยังไม่พูดโกหก แม่คนนี้แหละที่รับฉันมาเลี้ยง แล้วยังบอกว่า ‘ฉันเป็นหมาที่ใจดีที่สุด เท่ที่สุด แล้วก็เฉลียวฉลาดที่สุดในโลกด้วย’ ด้วย เป็นอย่างนั้นจริงๆ ใช่ไหมล่ะ
อ้อ! นึกข้อดีของแม่ออกอีกอย่างแล้ว แม่ผมไม่ค่อยโกรธคนอื่นหรอก งั้นโกรธหมาหรือไง พูดอะไร ขนาดคนยังไม่โกรธ แล้วหมาที่พูดไม่ได้จะไปโกรธเหรอ
ช่วงเวลาสองปีที่อยู่ด้วยกัน แม่ไม่เคยโกรธหรือหงุดหงุดใส่ผมเลย แน่นอนว่าก็คงโกรธบ้างเวลาผมทำผิด แต่ผมก็จะอ้อนทำให้แม่หายโกรธไงละ
ผมเป็นหมาที่อะเลิร์ทนิดหน่อย เวลาเพื่อนแม่มาเยี่ยมที่บ้าน ชั่วโมงครึ่งก็ลิ้นห้อยหมดแรงแล้ว เขาว่าหมาก็อาจเป็นโรคสมาธิสั้นได้ ที่จริงผมน่าจะไปตรวจดูหน่อยก็ดีนะเนี่ย
ใช่แล้ว ผมอยู่เฉยๆ ไม่ได้แม้แต่ชั่วครู่ อยากวิ่ง อยากเล่น อยากแกล้ง อยากกลิ้ง และอยากกัดอะไรตลอด ซึ่งนี่ไม่ใช่โรค แต่ผมเกิดมานิสัยแบบนั้น
เพราะนิสัยผมเป็นแบบนี้ ครั้งหนึ่งผมเลยเคยถูกทิ้ง หรือเรียกว่าเลิกเลี้ยงกันแน่นะ? ไม่ใช่แค่คนที่ถูกทิ้ง หมาถูกทิ้งเยอะกว่ามาก เพราะหมาทิ้งง่ายกว่าคนเยอะ
รู้ไหม หมาที่อยู่กับเจ้าของคนแรกไปจนตายมีทั้งหมดไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ งั้นที่เหลืออีกเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ล่ะ?
หมาที่โชคดีได้พบเจ้าของที่แท้จริงและมีครอบครัวใหม่เหมือนผมมีน้อยมาก ถ้าไม่ถูกทิ้งให้เร่ร่อนตามถนน ก็ถูกขายไปที่ไหนสักแห่ง ไม่งั้นก็ได้ไปอยู่บ้านพักชั่วคราว สุดท้ายก็ถูกทำให้ตายอย่างสงบ
ตอนผมเกิด คอร์กี้ได้รับความนิยมมาก จะว่าไปผมก็อยู่มาสองปีแล้ว เวลาผ่านไปเร็วว่าไหม
แล้วรู้กันไหม หมาเองก็มีความนิยม อย่างตอนที่หมาตัวใหญ่สีขาวที่ชื่อซังกึนออกทีวี หมาพันธุ์เกรท ไพรีนีสก็บูมไปทั่วประเทศ หรือซานเชที่ไปออกรายการชื่อดังก็ดังจนเกิดสงครามแย่งซื้อชิวาว่ากัน
มีแค่นั้น? ไม่เลยเพราะรายการ ‘Pet Bang’ ที่นักแสดงตลกนำมาโชว์ ทำให้หมาพันธุ์เฟรนช์ บูลด็อกก็ขึ้นค้นหาเรียลไทม์ ออกอากาศที ร้านขายสุนัขยุ่งไปตามๆ กัน เพราะคนมาตามหาสุนัขอย่างที่ออกทีวี
เสื้อผ้าหรือพวกกระเป๋าที่ดาราใช้ยังขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หมาที่ได้ออกทีวีก็ไม่ต่างกัน และหลังจากนั้นปีหรือสองปี หมาที่เคยเป็นที่นิยมเหล่านั้นก็ถูกทิ้งไม่มีใครสนใยดี วนไปวนมาอยู่อย่างนี้ตามความนิยม
การเหยียดรูปลักษณ์ไม่ได้ใช้แต่กับมนุษย์เท่านั้น กับพวกหมาๆ เองก็เช่นกัน ยิ่งกับพวกหมาที่สวยๆ ยิ่งรุนแรงมากกว่าเดิมเสียอีก หมาเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นฝ่ายถูกมนุษย์ ‘เลือก’ ฝ่ายเดียว เพราะงั้นหมาที่สวย น่ารัก สายพันธุ์ดี มีราคาแพง เชื่อฟังคำสั่งจึงเป็นที่นิยม
หน้าตาน่ารัก ขาสั้นกระจุ๋มกระจิ๋ม ก้นจ้ำม่ำน่าฟัด เป็นเอกลักษณ์พิเศษทางร่างกายของคอร์กี้ ผมเองก็ถูกเจ้าของคนแรกเลือกไปเพราะรูปร่างแบบนี้
แต่ว่าเจ้าของคนแรก หลงรักเพียงแค่รูปร่างน่ารักๆ ของผมเท่านั้น ไม่ได้พิจารณานิสัยและสายพันธุ์ของผม ผมไม่ใช่ลูกหมาตัวเล็กๆ ที่มีแต่ความน่ารัก
บรรพบุรุษผมเป็นหมาต้อนวัว คึกและมีพลังในการทำกิจกรรมมาก ถึงจะตัวเล็กแต่ก็เรียกได้ว่าเป็นหมาที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรง
คอร์กี้โดนทิ้งมากกว่าที่คิด รู้สาเหตุกันไหมว่าเพราะอะไร ข้อแรก ตัวใหญ่กว่าที่คิด ข้อสอง พลังเยอะเกินไป ข้อสาม ขนร่วงเยอะมาก
อย่างแรกที่เจ้าของคนแรกของผมตกใจก็คือขนที่ปลิวว่อนไปทั่วบ้าน อย่างที่สองที่ตกใจคือเห็นตัวของผมใหญ่ขึ้นทุกวัน และไม่ว่าจะกลางวันกลางคืนผมก็วิ่งโดดไปมาในบ้านตลอด ก็เลยตัดสินใจ ทิ้งผม
ที่ที่ผมได้พบกับแม่คือแถวทางด่วน
หน้าร้อนเมื่อสองปีก่อน ระหว่างทางกลับหลังจากไปส่งคุณยายที่จากไปที่อนุสรณ์สถานผู้ล่วงลับ แม่ขับรถมาเจอผม เจ้าของผมเอาทิ้งไว้ข้างถนนเมื่อคืนวันก่อน
ผมไม่ได้นอนทั้งคืน นั่งรอตรงที่เจ้าของปล่อยผมไว้อย่างเรียบร้อย ข้างถนนตอนกลางคืนเงียบและมืดมาก และผมก็กลัวมาก แต่ไม่กล้าไปไหน คอยอยู่ตรงนั้น เพราะกลัวว่าจะคลาดกันตอนเจ้าของกลับมา
ง่วงก็ง่วงแต่ต้องฝืนลืมตา แล้วก็สว่าง อากาศร้อนตั้งแต่เช้า พระอาทิตย์แผดเผาทะลุขนผมตัวแทบไหม้ พื้นถนนลาดยางก็ร้อนจนตัวผมแทบสุก
เดี๋ยวก็มา เจ้าของคงลืมไปเดี๋ยวก็กลับมา
ผมพยายามปรือตาอย่างยากเย็นทุกครั้งที่มีรถผ่านมา ถ้าเจ้าของมาจะได้วิ่งไปหา
ขณะที่ลิ้นห้อยขึ้นเรื่อยๆ อุ้งเท้าก็แสบแดงไปหมด ผมก็ยังเชื่อ ว่าเขาจะต้องกลับมาแน่
ตอนที่ความชื้นในร่างกายของผมเหือดแห้ง เกือบจะข้ามสะพานสายรุ้งไปโลกหน้า ก็มีรถคันหนึ่งมาหยุดจอด ผมลืมตามองคนคนนั้นที่เดินเข้ามาหาด้วยความยากลำบาก คนที่ร้องไห้ขณะเอาน้ำมาแตะลิ้มผมก็คือ แม่นั่นเอง
แม่คิดว่าผมที่กำลังจะตายอยู่บนถนนลาดยาง เป็นของขวัญที่คุณยายส่งมาให้
และนั่นก็ทำให้ผมได้อยู่กับแม่
แม่เห็นขนผมร่วงทุกวันก็ไม่ตกใจ ไม่ผิดหวังที่ผมตัวใหญ่ขึ้นด้วย และถ้ามีเวลาก็ยังพาผมออกไปเดินเล่น
เพราะได้วิ่งเล่นเต็มที่ที่สวนริมทะเลสาบ เวลาอยู่ในบ้านผมเลยอยู่อย่างเรียบร้อยได้ เพราะผมเป็นหมาที่ฉลาดมาก เลยรู้ว่าจะวิ่งในบ้านไม่ได้
ถามว่ารักแม่ไหมน่ะเหรอ คำถามบ้าๆ แบบนั้นมีที่ไหน แม่คือผม และผมคือแม่ เราคือคนคนเดียวกัน
* * *
จนตอนนี้ ชีวิตของผมราบเรียบและสงบสุขดี
แต่ละวันสนุกบ้าง น่าเบื่อบ้าง แต่แล้วก็เกิดคลื่นยักษ์ขึ้นในชีวิตผมที่เคยเหมือนทะเลสาบที่สงบนิ่ง
ความรัก พุ่งเข้าจู่โจมผม
ผมไปหาคุณยายพร้อมกับคุณปู่ที่มาช่วยดูแลผมให้ระหว่างที่แม่ไปเที่ยว
สวนที่คุณยายที่เสียชีวิตไปแล้วนอนหลับอยู่ เป็นสถานที่ที่ผมชอบเป็นอันดับสองรองจากสวนริมทะเลสาบ
ที่นั่น ผมได้พบเด็กคนนั้น และตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น
ตลอดชีวิตแสนสั้นตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยเจอก้อนขนที่สวยสง่าขนาดนั้นมาก่อนเลย
ขนสีขาวนุ่มนิ่ม หนวดขาวมีความงามสง่า สองอุ้งเท้าน่ารัก และดวงตาสีฟ้าน่าอัศจรรย์ที่ท้องฟ้าและทะเลผสมกัน
ผมวิ่งไปทางเด็กคนนั้นแบบแทบไม่คิดเรื่องอื่นเลย หมากับแมวก็เหมือนโศกนาฏกรรมที่ไม่มีวันลงเอยกันได้ พุ่งไปตามสัญชาตญาณของชายหนุ่มที่ตกหลุมรัก
เด็กคนนั้นยืนจ้องผมนิ่ง ก่อนจะลอยมาตบผมด้วยท่วงท่าอันสง่างาม
อ้า ตอนที่เล็บแหลมๆ ของเธอข่วนผ่านหน้าผมไป ช่างเป็นความสุขที่เจ็บแสบ!
กลับมาบ้าน เด็กคนนั้นก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวผม คิดถึงขนนุ่มนิ่ม สองเท้าน่ารัก และตาสีฟ้าคู่นั้น
แต่แล้ว อ๊ะ? ผู้ชายคนนั้นนี่นา! พ่อของเด็กคนนั้นที่ทิ้งความทรงจำของรอยเล็บไว้บนหน้าผม
ทันทีที่เห็นหน้าผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าบ้าน ผมก็ดีใจแทบจะบินได้ จะได้เจอเด็กคนนั้นอีกสินะ!
และขณะที่มองขาเรียวยาวของลุงเขา ความคิดเดียวที่หมุนวนอยู่ในหัว คือจะต้องฝากร่องรอยของผมไปกับลุงคนนี้!
เด็กคนนั้นอาจจะได้กลิ่นของผมผ่านเขา
ดังนั้น ผมก็เลยทำเครื่องหมายที่ขาลุง ที่ทั้งร้อนและฉุน ฝากหัวใจของผมไปถึงเธอที ผมใส่ความรักและฉี่ออกไปสุดพลัง
เอ๋? ว่าแต่แม่กับลุงทำไมต้องเสียงดังขนาดนั้นด้วย มีอะไรกันเหรอ