บทที่ 13-2 ข้อตกลงในสัญญา ควรเป็นอะไรที่ต้องการทั้งสองฝ่าย / บทที่ 14-1 ผู้หญิงที่ดีดเหมือนหมัด
Xiaobei
บทที่ 13-2 ข้อตกลงในสัญญา ควรเป็นอะไรที่ต้องการทั้งสองฝ่าย
อึนคังทำปากยื่น ตาก็เศร้าลงทันใด สีหน้าเหมือนเจ้าคอร์กี้น่าเกลียดที่กำลังเดินเล่นอยู่แล้วถูกลากกลับไปเปี๊ยบเลย จีฮวันหัวเราะอยู่ในใจ
“แบบนี้จะทำไงได้บ้างคะ”
อึนคังส่งสายตาให้จีฮวันอย่างมีความหวัง
“ผมเล่าให้ฟังได้ แต่ตอนเขียนเรื่องคุณต้องไปดัดแปลงเอาหน่อย อย่างเช่น บุคคล สถานการณ์ พอเป็นไปได้ไหมล่ะครับ”
“ได้แน่นอนค่ะ! ขอบคุณนะคะ!”
อึนคังดีใจ เหมือนหมาที่ได้ยินเจ้าของบอกว่าไปเดินเล่นกันเถอะ
“ถ้างั้นตกลงจะเป็นที่ปรึกษาให้ฉันใช่ไหมคะ”
“หลังจากฟังจำนวนเงินที่คุณเสนอให้แล้วจะตัดสินใจครับ”
“ค่าที่ปรึกษาที่ฉันคิดไว้ วันนี้วันที่ยี่สิบห้าตุลา ถ้าจากวันนี้ไปถึงยี่สิบห้ามีนา ก็ห้าเดือน”
อึนคังค่อยๆ เขียนตัวหนังสือลงไปในสมุด จีฮวันยิ้มขำกับท่าทางแอบเขียนเหมือนกลัวเขาจะลอกข้อสอบ
“ประมาณนี้เป็นไงคะ”
อึนคังยื่นสมุดให้ดูอย่างระมัดระวังด้วยสีหน้านักเรียนที่แก้โจทย์ได้และมั่นใจว่าตัวเองตอบถูก
[สิบล้านวอน]
จำนวนเกินกว่าที่จีฮวันคิดไปสองเท่า สมกับเป็นนักกีฬาในโลกที่ยื้อยุดสัญญาและการติดต่อธุรกิจมานาน จีฮวันขมวดคิ้วน้อยๆ แทนที่จะตกใจ อึนคังค่อยๆ ถามออกไป
“น้อยไปเหรอคะ”
ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าจีฮวันคนนี้ไม่ได้ตีราคาเวลาและความพยายามของคนอื่นต่ำเลยแม้แต่น้อย
“จะให้เท่าไหร่ครับ”
“สะ สิบล้านวอนค่ะ”
เขาเขียนเลขสิบลงไป ให้เป็น ‘สิบล้านวอน’
“คุณต้องเขียนเป็นตัวเลขไม่ใช่ตัวอักษรแบบนั้นครับ ต้องเขียนว่า 10, 20, 300 หรือ 400 ล้าน อะไรแบบนี้ครับ เวลาเขียนจำนวนเงินต้องใส่ตัวเลขให้แน่ชัด ป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าผมแอบเขียนคำเพิ่มไปด้านหน้า อาจจะไม่ใช่แค่สิบล้านวอนก็ได้จริงไหมครับ”
“เหวอ! จริงด้วย!”
ดวงตาของอึนคังเบิกโตราวกับเพิ่งเคยได้รู้ความจริงเรื่องนี้เป็นครั้งแรก สีหน้าประหนึ่งได้เห็นสิงมหัศจรรย์ของโลก
“ในเอกสารอย่างสัญญา เอ่อ ผมขอกระดาษมาเขียนหน่อยได้ไหมครับ”
“ค่ะ เขียนเลย สมุดนั่นมีเยอะ จะเอากี่แผ่นคะ”
โอ๊ย ใจดีซะด้วย
จีฮวันแอบยิ้มในใจ พลิกหน้าต่อไปเขียนว่า ‘10,000,000 วอนถ้วน(สิบล้านวอนถ้วน)’
“ข้อเจ็ด วรรคสี่ เกี่ยวกับการจัดการแสดงจำนวนเงินในเอกสาร ต้องเขียนเป็นเลขอารบิก มีวงเล็บต่อท้ายตัวเลขเขียนเป็นตัวหนังสือตามด้วยคำว่าถ้วน”
“โห ผู้เชี่ยวชาญตัวจริง! ฉันแค่ใส่คอมม่าก็สับสนแล้ว นับจำนวนไม่ถูกเลย ต้องไล่มาตั้งแต่หน่วย, สิบ, ร้อย, พัน ไม่งั้นไม่ไหว”
“แบบนั้นก็ได้ครับ ตัวเลขเยอะๆ ก็ทำแบบนั้น”
“คุณพีบี แค่มองเลขกลมๆ สิบยี่สิบตัวก็รู้แล้วเหรอคะว่าเท่าไหร่ ไม่ต้องนับจากข้างหลัง หน่วย, สิบ, ร้อย, พัน แบบนี้เลยเหรอคะ”
“ส่วนใหญ่ก็ครับ”
“ว้าว”
ใบหน้าของอึนคังเปี่ยมไปด้วยความชื่นชม เธอชื่นชมกระทั่งคนที่นับเงินเก่ง
“แล้วเป็นไงคะ ‘สิบล้านวอน’ ถูกใจไหม”
“จะหักไปเลยไหมครับ คุณต้องเสียภาษี ณ ที่จ่ายสามจุดสามเปอร์เซ็นต์ รวมในค่าใช้จ่ายค่าที่ปรึกษา”
“เอ๋? ต้องเสียภาษีอะไรแบบนั้นด้วยเหรอคะ”
“คุณนักเขียน่ทำอาชีพเฉพาะ ทุกปีตอนเดือนพฤษภาต้องยื่นภาษีเงินได้รวม”
“จริงด้วย! ภาษีเงินได้รวม! คราวโน้นฉันโดนไปเยอะมากเลยค่ะ! ที่จริงครึ่งปีแรกนี้ก็ไม่ได้หาเงินได้ขนาดนั้น เทียบกับปีที่แล้ว ยังไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ ทำไมถึงได้โดนเก็บเยอะแยะขนาดนั้นได้”
เฮ้อ จีฮวันถอนหายใจในใจ ผู้หญิงคนนี้เป็นนักเขียนมากี่ปีแล้ว ไม่รู้เรื่องภาษีเงินได้ได้อย่างไรกัน
“ภาษีเงินได้รวมยอดที่เรียกเก็บ ไม่ใช่เงินที่หาได้ปีนี้ เป็นเงินที่หาได้ปีที่แล้ว ภาษีที่คุณนักเขียนจ่ายปีนี้ เป็นภาษีรายได้ของปีที่แล้ว ส่วนของปีนี้ก็จะไปยื่นภาษีเงินได้ปีหน้าครับ”
“อ้า อย่างงี้นี่เอง”
เฮ้อ ต้องมาให้คำปรึกษากระทั่งเรื่องจ่ายภาษีหรือเนี่ย น่ารำคาญจริงๆ
“เอาตามที่คุณนักเขียนสะดวกเถอะครับ”
“ค่ะ ฉันจะจ่ายตอนทำสัญญาครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งตอนนิยายจบ ดีไหมคะ”
ห้าเดือน สิบล้านวอน
สำหรับการเจอกันอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง ไม่ใช่การออกไปทำงานทั้งเดือน คุยกันครั้งละชั่วโมง ให้ข้อมูลและแก้ไขส่วนที่ผิดพลาด ถือเป็นค่าตอบแทนที่ดีมาก เป็นงานพิเศษที่เงื่อนไขดี เงินเดือนสูง เหมาะจะทำระหว่างที่จีฮวันกำลังหางาน
“แบบนั้นก็เหมาะเลยครับ”
“จริงเหรอคะ จริงๆ นะ?”
อึนคังยิ้มกว้าง พวกนักเขียนเป็นแบบนี้กันหรือเนี่ย พูดออกมาทีรู้หมดว่ารู้สึกอย่างไร ชอบไม่ชอบอะไร
จีฮวันเข้าใจในทันที ว่าผู้หญิงที่ชื่อโกอึนคังเกิดใหม่อีกห้ารอบก็ยังเป็นคนที่ห่างไกลกับพวกหน้านิ่งอย่างเขา แล้วของสำคัญอย่างสัญญานี่จะทำอย่างไรดีนะ ดูเป็นพวกถูกกรรโชกได้ง่ายมาก
“ตกลง จะยอมเป็นที่ปรึกษาให้ใช่ไหมคะ”
“แต่มีข้อแม้อย่างนึงนะครับ”
อึนคังตาโต
“พอเสร็จตอนนึง ต้องให้ผมอ่านก่อน ผมถึงจะยอมรับข้อเสนอเป็นที่ปรึกษาให้”
บทที่ 14-1 ผู้หญิงที่ดีดเหมือนหมัด
อึนคังกะพริบตางงกับข้อเสนอของจีฮวัน
“อ่านผลงานของฉันก่อนเหรอคะ ทำไมคะ”
ดวงตาดำกลมโตของอึนคังจ้องตรงมายังจีฮวัน สายตาเต็มไปด้วยความสงสัยและความอยากรู้อยากเห็นจนปิดไม่มิด
“ก็ ก็นั่นแหละครับ”
ก็อยากอ่านไงเล่า ทำไมถึงได้โพล่งออกไปไม่คิด ตั้งใจว่าจะลองมาพบโกคึมกังแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะรับเป็นที่ปรึกษาไหม แต่ใจของจีฮวันกลับเทไปทางจะรับทำเสียแล้ว
เพราะเงินงั้นเหรอ สิบล้านวอน มันก็เยอะอยู่หรอก แต่มีเหตุผลยิ่งกว่านั้น คือเขาอยากอ่านผลงานเรื่องใหม่ของโกคึมกังก่อนใคร
ได้พบกันจริงๆ แล้ว โกคึมกังที่เป็นธรรมชาติเป็นคนที่ทั้งพูดมาก วุ่นวาย และอยู่ไม่สุข ถ้าอยู่ด้วยกันคงพลอยบ้าไปด้วย แต่เธอเป็นนักเขียนที่สุดยอด
“ผมต้องตรวจสอบเนื้อหาก่อน ดูว่าคำศัพท์ที่ใช้เกี่ยวกับที่ปรึกษาด้านการเงินส่วนบุคคลหรือพวกศัพท์เศรษฐกิจต่างๆ ถูกต้องไหม คุณบอกว่าไม่เก่งเรื่องตัวเลข อาจคำนวณผิดก็ได้”
“อ๋า! นั่นสินะคะ!”
อึนคังเห็นด้วยกับคำแก้ตัวของจีฮวันทันที
“เพราะต้องตรวจสอบ ถึงต้องให้ดูต้นฉบับก่อนสินะคะ จริงๆ ด้วย”
ขณะเออออใบหน้าของอึนคังก็แดงขึ้น
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“เอ่อ จะว่าไงดี”
“มีอะไรเหรอครับ”
อึนคังเอามือปิดหน้าพลางตอบ
“…ค่ะ”
“ครับ? ว่าไงนะครับ”
จีฮวันโน้มตัวไปข้างหน้า
“มันวาบหวิวค่ะ นิยายของฉัน…”
เสียงตอบลอดออกมาจากอึนคังที่ฝังหน้าลงกับฝ่ามือ จีฮวันยิ้ม เรื่องนั้นเขารู้ดีอยู่แล้ว
อึนคังเงยหน้าขึ้นมา จีฮวันรีบหุบยิ้ม ปั้นหน้าเคร่งขรึมพลางถาม
“แล้วยังไงครับ”
“เห็นแล้วอาจจะตกใจ”
จีฮวันยักไหล่ ตกใจไปก่อนหน้านี้แล้ว
“มันเป็นงานนี่ครับ”
“นะ นั่นสินะคะ เป็นงาน”
ถึงอย่างนั้นรอยแดงก็ยังไม่หายไปจากใบหน้าของอึนคัง เพราะใสซื่อและความเขินอายราวกับไม่เคยมาก่อน ทำให้จีฮวันแอบสงสัยขึ้นมา
“ผมมีเรื่องสงสัย ขอถามได้ไหทครับ”
“คะ? อะไรคะ”
“สำหรับคนที่เขียนเอง คิดว่าฉากหวิวมันวาบหวิวไหมครับ”
“หวิวสิคะ เขียนให้หวิวนี่นา กว่าฉัน เอ่อ จะได้ความวาบหวิวที่ต้องการ ฉากนึงต้องใช้เวลาเขียนทีสามสี่วันเลยนะคะ”
“อ้า ถึงว่า”
ถึงได้หวิวแบบนั้นสินะ จีฮวันรีบหุบปาก
โชคดีที่อึนคังไม่ได้ยิน เธอส่งสมุดกับปากกาให้เขา
“ช่วยเขียนเลขบัญชีของคุณพีบีให้หน่อยค่ะ กลับบ้านแล้วฉันจะโอนห้าล้านวอนให้”
จีฮวันมองอึนคังด้วยสีหน้าขัดใจ
“สัญญายังไม่ได้ทำ จะจ่ายเงินแล้วเหรอครับ”
“เอ๋? ทำเมื่อกี้แล้วไม่ใช่เหรอคะ”
เฮ้อ จะทำอย่างไรกับผู้หญิงคนนี้ดีนะ
“เราคุยกันแต่ยังต้องเขียนสัญญาครับ”
“อ้า อย่างนั้นเหรอคะ”
“ผมมีแบบฟอร์มสัญญาที่ปรึกษา ไม่แน่ใจเลยเตรียมมาด้วย”
จีฮวันหยิบสัญญาออกจากกระเป๋าเอกสารยื่นให้อึนคังหนึ่งฉบับ
“ว้าว เตรียมพร้อมดีจังเลยนะคะ!”
“ข้อหนึ่ง จุดประสงค์, ผู้ว่าจ้าง ให้ใส่ชื่อคุณนักเขียน และผู้รับจ้าง ก็จะใส่ชื่อผม เปลี่ยนตรงคำว่า ‘บริษัทที่ปรึกษา’ เป็น ‘ที่ปรึกษา’”
“ถ้าใช้คำอื่นแทนผู้ว่าจ้างได้ไหมคะ”
“ครับ?”
“ในสัญญาตีพิมพ์ฉันก็เป็นผู้ว่าจ้างตลอด เห็นแล้วมันรู้สึกแปลกๆ น่ะค่ะ เหมือนฉันบงการ”
“ไม่ได้บงการหรอกครับ”
“ยังไงมันก็ดูไม่เสมอภาค เหมือนเป็นนายจ้างกับลูกจ้างเลยค่ะ”
“จริงๆ ก็มีการเคลื่อนไหวให้เลิกใช้คำนี้ในหนังสือสัญญามาตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว ปีนี้ในโซลก็ประกาศ ‘กำหนดยกเลิกคำว่าผู้ว่าจ้าง’”
“จริงเหรอคะ โอ้…”
“ตามกำหนดนั้น ต่อไปในกรุงโซลและตามแต่ละเขตจะลบคำว่าผู้ว่าจ้างในเอกสารธุรกิจทั้งหมด แต่ท่าทางจะยังไม่มีแนวโน้มขยายไปยังชาวบ้านทั่วไป สำหรับคุณนักเขียนที่เป็นผู้ว่าจ้าง ถ้าไม่อยากเป็นผู้ว่าจ้างถึงขนาดนั้น ผมจะทำสัญญาให้ใหม่ โดยอ้างอิงสัญญากรุงโซลเป็นบรรทัดฐาน โอเคไหมครับ”
“ฉันไม่รู้เลยจริงๆ นะคะ คุณรู้เรื่องพวกนี้ทั้งหมดได้ยังไงกันคะเนี่ย”