รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ – บทที่ 7 อยู่ๆ ความมั่นคงที่เคยมีก็พังครืน

บทที่ 7 อยู่ๆ ความมั่นคงที่เคยมีก็พังครืน

บทที่ 7 อยู่ๆ ความมั่นคงที่เคยมีก็พังครืน
Xiaobei
‘ขอบคุณสำหรับที่ผ่านมามากนะ ประวัติการทำงานและความสามารถแบบนาย ถ้าไปทำงานที่ธนาคารหรือตลาดหลักทรัพย์ละก็ผ่านฉลุยแน่ ถ้าอยากให้ช่วยอะไรหรืออยากได้เอกสารแนะนำก็บอกนะ ไม่ว่าเมื่อไหร่ฉันยินดีช่วย ต้องผ่านไปได้ด้วยดีแน่’

คำพูดสุดท้ายของผู้จัดการยังคงก้องอยู่ในหูจีฮวันที่เพิ่งเดินลงบันไดออกมาจากห้องผู้จัดการ ที่บอกว่า ‘ต้องผ่านไปได้ด้วยดีแน่’ ความจริงแล้วค่อนไปทาง ‘ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดี’ เสียมากกว่า เป็นคำอวยพรที่ทั้งผู้ส่งและผู้รับต่างก็รู้กัน

ความยุ่งยากยังคงดำเนินต่อไป วงการการเงินเกาหลียังเป็นระบบทุนนิยมที่เป็นดังพิษร้าย ท้ายที่สุดแล้วจะสามารถเลือกงานที่ใช่อย่างงานธนาคารหรืองานตลาดหลักทรัพย์แบบที่ผู้จัดการบอกได้จริงเหรอ อายุเกาหลีของเขาคือสามสิบห้า เกณฑ์การเลิกจ้างงานอยู่ที่สี่สิบปี ช่วงอายุสามสิบไม่ใช่ช่วงที่ควรลาออกจากงานเลยแม้แต่นิดเดียว

“อึก”

บันไดเหลืออีกสองขั้น แต่เขาก้าวเท้าผิด ถึงไม่ล้มเพราะจับราวบันไดไว้ได้ แต่ก็ยังตกใจอยู่ดี

บันไดที่เคยใช้ขึ้นลงแบบหลับตาเดินก็ยังได้ พอลาออกได้ไม่ทันไรก็รู้สึกแปลกตาไปทันที จีฮวันเหม่อมองไปยังบันไดที่เคยใช้ขึ้นลง

ต่อให้มั่นคงแค่ไหนพอตายใจเดินแบบไม่ระวัง มันก็กลายเป็นกลลวงให้ตกหลุมพรางและสูญเสีย

อยู่ๆ จีฮวันก็รู้สึกว่าของเหลวที่อยู่ภายในตีขึ้นมา เขารีบวิ่งลงไปที่ห้องน้ำชั้นหนึ่ง ทั้งๆ ที่ไม่ได้กินอะไรเข้าไป แต่จีฮวันกลับไม่สบายตัวและอาเจียนออกมาถึงสองรอบ

ใช่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก อย่างที่ผู้จัดการว่า คนอย่างเขามีทั้งความสามารถและผลงานมากมาย อยู่ไหนก็ไม่อดตายหรอก มีกันก็แค่สองชีวิต หนึ่งคือมนุษย์ที่กลายเป็นคนตกงานและไร้ความอยากอาหาร กับอีกหนึ่งคือแมวที่กินน้อยไม่กินมื้อหนึ่งก็อยู่ได้

จีฮวันยืดตัวขึ้นสูดหายใจเข้าปอด มือที่กำลังเอื้อมไปเปิดประตูห้องน้ำกลับต้องชะงักลง เมื่อได้ยินเสียงคุยกันจากข้างนอก

“อะไรครับ มีแต่คำว่าศักดิ์ศรีลงท้าย ถามเมื่อไหร่ก็คือต้องมีศักดิ์ศรี มีศักดิ์ศรีอะไรหนักหนา”

“พื้นฐานของการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินข้อหนึ่งก็คือความมีศักดิ์ศรี ข้อสองก็ต้องมีศักดิ์ศรี ทั้งตอนที่อยู่ต่อหน้าคน หรือต่อหน้าเงินก็ทำเรื่องเสียศักดิ์ศรีไม่ได้”

จีฮวันชะงัก น้ำเสียงการพูดจาแบบเขาไม่ผิดแน่ จีฮวันยิ้มให้กับการเลียนแบบคำพูดของเขาที่เพิ่งได้ยิน

“โอ้ พูดเหมือนหัวหน้าทีมเป๊ะเลยนะครับ”

คนที่เลียนแบบเขาคือหัวหน้าแผนกปาร์ค พีบี[1]ประสบการณ์ห้าปี ส่วนอีกคนที่คอยเสริมก็คือ พีบีประสบการณ์สองปี ชเวชีวอน เขารู้ว่าทั้งสองคนมีปมด้อยที่ไม่ได้มาจากสายงานธนาคารที่แยกออกมาจากบริษัทหลักทรัพย์ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมานินทากันลับหลังแบบนี้

มีคำหนึ่งที่เขามักจะพูดกับเหล่ารุ่นน้องอย่างจริงใจเสมอ นั่นก็คือ ‘การมีศักดิ์ศรี’ แต่ก็ไม่เคยคิดฝันว่าจะถูกนำมาพูดติดตลกแบบนี้

“พวกพีบีน่ะเป็นหน้าเป็นตาของธนาคาร ทั้งคำพูดคำจา การกระทำต่างๆ ก็ต้องระมัดระวัง จู่ๆ จะมากลายเป็นลูกหมาเชื่องๆ ได้ยังไง ไม่ว่าใครก็ต้องเสแสร้งแกล้งทำกันทั้งนั้นแหละรู้ไหม แบบว่าแสร้งว่าตัวเองเป็นคนดีเลิศประเสริฐสุดในโลกน่ะ”

“แล้วที่ว่า ไม่รู้ว่าเป็นหลานท่านประธานปาร์คนั่นจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ”

“พูดยังกับเป็นไปได้งั้นแหละ คนทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงแบบนั้นมีเหรอจะไม่รู้ ทรัพย์สมบัติที่ดินประธานปาร์คมีตั้งเท่าไร ที่มาฝากไว้น่ะก็แค่เศษเสี้ยวของภูเขาน้ำแข็งเองมั้ง”

“อย่างนั้นหรอกเหรอครับ แล้วที่คอยเอาอกเอาใจใส่ใจท่านประธานล่ะครับ”

“ก็แสร้งทำดีด้วยไงเล่า ท่านประธานปาร์คน่ะอยากได้หมอนั่นเป็นหลานเขยจะตาย ส่วนเจ้าตัวก็ทำทีเหมือนไม่อยาก แต่ในใจอาจจะคิดคำนวณไว้หมดแล้วก็ได้”

“แต่ว่าที่ผ่านมาหัวหน้ารยูก็ไม่เห็นจะมีปัญหาเรื่องผู้หญิงอย่างที่ว่าเลยนะครับ ข่าวลืออะไรก็ไม่เคยได้ยินเลย”

“ทำเป็นไม่คบผู้หญิง แบบนี้ละน่ากลัวกว่าอีก ในหัวหมอนั่นมีแต่ความโลภ คงจะหมายตาผู้หญิงที่ใช้ได้ไว้แล้ว นัดดูตัว นัดบอดกันก็ตั้งหลายครั้ง เหตุผลที่ไม่ไปจะคืออะไร ก็เพราะหลานสาวท่านประธานปาร์คไง”

“แล้วจะปฏิเสธทำไมล่ะครับ สบายเลยนะครับ ตำแหน่งหลานเขยเนี่ย”

“คนธรรมดาอย่างพวกเราจะไปเข้าใจความคิดอันดำมืดของคนคนนั้นได้ยังไง บางทีอาจจะคิดว่าได้จับเชือกทอง แต่ที่ไหนได้อาจจะเป็นแค่เชือกป่านผุๆ ก็ได้ ดูปราดเดียวก็รู้ คนอย่างท่านประธานปาร์คน่ะขี้เหนียวจะตายไป อย่าว่าแต่หลานเขยเลย ต่อให้เป็นเขยตัวจริงจะได้อะไรจากเขาสักเท่าไหร่กัน ใช่ไหมล่ะ”

“อ้อ อย่างนี้นี่เองสินะครับ”

“ยังไงก็ตาม คนเราดูกันแค่ภายนอกไม่ได้หรอก”

“หัวหน้าครับ เดี๋ยวเราไปหาอะไรดื่มกันหน่อยไหมครับ”

“ดีเลย”

แม้เสียงพูดคุยของทั้งสองคนจะหายไปแล้ว แต่จีฮวันก็ยังไม่สามารถก้าวขาออกจากห้องน้ำได้ เขายิ้มแห้งออกมา ถ้ารู้ว่าการมาฟังเรื่องนินทาในห้องน้ำจะน่าสนใจและสนุกขนาดนี้ ช่วงที่ผ่านมาน่าจะลองทำบ้าง

ไม่ว่าจะงานประเภทไหน ความสามารถกับผลงานส่วนบุคคลควรมาก่อน เพื่อนร่วมงานเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุด เพราะผลงานถูกสะท้อนให้เห็นในการพิจารณาความดีความชอบโดยตรง

แน่นอนว่าในกลุ่มหัวกะทินั้นจะมีความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีในการนำพาสภาวะทางการเงินของประเทศเกาหลีอยู่ด้วย อีกทั้งแต่ละคนจะเคลื่อนไหวได้มากเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินในบัญชีและค่าตัว

จีฮวันเองก็เป็นแบบนั้น กับเพื่อนร่วมงานที่เคยทำงานด้วยกัน แม้จะมีจิตสำนึกแต่จีฮวันไม่เคยคาดหวังความสนิทสนมในแบบเพื่อนมนุษย์ด้วยกันสักครั้ง เขาคิดว่า เอาเวลาที่ไปนั่งดื่มกับเพื่อนร่วมงานไปเจอลูกค้าอีกรอบ หรือไปเรียนภาษาต่างประเทศสักสิบนาทียังดีเสียกว่า

จะทำไงได้ ถูกเข้าใจผิดไปแบบนี้ซะแล้ว เพราะไม่เคยแสดงความจริงใจให้เห็นสักครั้ง จึงเป็นธรรมดาที่จะถูกเข้าใจว่า ‘เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงใช้ผู้หญิงเป็นสะพานไปสู่ความสำเร็จ’, ‘คนเสแสร้งตลบตะแลง’, ‘คนจิตใจดำมืดยากจะหยั่งถึง’ อะไรแบบนั้น

จีฮวันใช้เวลาที่เหลือจัดการถ่ายโอนงานเงียบๆ พอร์ตโฟลิโอของลูกค้าแต่ละคน อัตรากำไรต่างๆ ที่ปกติแล้วมีการจัดการไว้อย่างดีไม่ต้องแตะอะไร แค่เอามาใส่ที่คอมพิวเตอร์หลักก็จบ

“อันนี้ ตัวแทนคิมเอาไปนะ”

“อhา ไม่นะครับ ผมจะทำได้ยังไง…”

จีฮวันยื่นรายชื่อลูกค้าสำรองที่รวบรวมในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาให้ ตัวแทนคิมตกใจรีบปฎิเสธ

“ผมคงไม่ได้ใช้แล้ว ดีกว่าโดนธนาคารอื่นแย่งไปนะ”

“ถ้างั้นขอรับไว้ด้วยความขอบคุณนะครับหัวหน้า”

ตัวแทนคิมรับแฟ้มไว้ด้วยสองมือ แม้จะไม่ได้มีเส้นสายอะไร แต่ตัวแทนคิมก็คอยติดตามดูแลอารักขาคนมาตัวเปล่าอย่างเขาเสมอ ยังมีเรื่องที่อยากจะสอนให้อีกมากแท้ๆ

“ดูแลตัวเองด้วยนะ ลดเรื่องดื่มลงบ้างละ”

“หัวหน้าก็ดูแลตัวเองด้วยนะครับ”

ตัวแทนคิมน้ำตาคลอ

“อะไรเนี่ย เขินนะ ไปละ รำคาญ ไม่ต้องติดต่อมานะ”

ตัวแทนคิมตามไปส่งถึงทางออก จีฮวันยืนเหม่อมองอยู่หน้าตึกของศูนย์

ฤดูใบไม้ร่วง สี่โมงเย็นแล้วแต่แดดยังแรงอยู่ ฤดูกาลนี้ถือเป็นฤดูกาลที่ดี ช่วงเวลาที่ดีสำหรับการตกงานเสียจริง แต่เวลาแบบนี้ถ้ามีเพื่อนว่างงานอีกสักคนก็น่าจะดี

ในบรรดาเพื่อนของจีฮวันที่มีเวลาว่าง ในโลกนี้ก็มีหมอนี่คนเดียวนี่แหละ และหากลองคิดๆ ดู ก็หมอนี่แหละตัวการของสถานการณ์ทั้งหมดในตอนนี้ ไอ้คนที่ทำให้เขาไม่มีเมล็ดพันธุ์และเขียนใบรับรองผ่าตัดทำหมันให้ ไอ้คนที่ทำให้เขากลายเป็นไอ้โรคจิต

จีฮวันเดินไปพร้อมล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา

“ฉันเอง”

[ว่าไง]

“กินเหล้ากัน”

[เอ้า นี่มันอะไรกันเนี่ย คนต้อยต่ำอย่างฉันถึงได้รับการติดต่อจากคนที่ยุ่งที่สุดในโลกอย่างนาย]

“ตอนนี้ฉันว่างที่สุดในโลกแล้ว”

[พักร้อนเหรอ]

“ลาออกน่ะ”

[ล้อเล่นอะไรซะแรงเลย]

“เคยเห็นฉันล้อเล่นหรือไง”

[นะ นั่นสินะ นายน่ะห่วยจะตาย ไม่มีอารมณ์ขันสักนิด]

“เออ ซื้อเหล้ามาด้วย ตอนนี้ฉันตกงาน เพราะนายนั่นแหละ ฉันเลยต้องออกจากงาน!”

[เฮ้ย เรื่องจริงเหรอ แล้วยังบอกว่าเป็นเพราะฉันอีก! นายอยู่ไหน! ตอนนี้ฉันกำลังจะไปผ่าตัด ไว้เดี๋ยวจะโทรกลับนะเว้ย เข้าใจไหม รับโทรศัพท์ด้วยนะ]

“เออ ผ่าดีๆ ละ อย่ามัวแต่คิดเรื่องอื่น ตัดแค่ท่ออสุจิพอนะอย่าเผลอไปไอ้นั่นทิ้งละ”

* * *

ร้านหนังหมูย่างมักจะเป็นร้านแรกที่จีฮวันนัดเจอกับซอกยอง ซอกยองนั่งลุ้นกับหนังหมูย่างจนเผลออ้าปากโดยไม่รู้ตัว

“หุบปากซะ ควันเข้าปากหมดแล้ว”

“เฮ้อ นายนี่จริงๆ เลย นี่ใช่เรื่องเดียวกับเมื่อเสาร์ที่ผ่านมาใช่ไหม แค่สามวันเองทำไมเรื่องกลายมาเป็นงี้ได้วะ เฮ้ย ได้ยังไง ไอ้นี่! แล้วทำไมไม่บอกฉันสักคำ”

“มีสติพอจะโทรหานายก็แล้วกันน่า”

“ให้ตาย ไอ้ใบรับรองผ่าตัดทำหมันที่ให้ไปนั่น ไม่นึกไม่ฝันจริงๆ ว่านายจะเอาไปใช้แบบนั้น”

“ใครจะไปนึก”

จีฮวันบ่นพึมพำพร้อมกับพลิกหนังหมูที่ไหม้เกรียมหลังจากกระดกโซจูอึกใหญ่เข้าไป

“ถ้าฉันไม่ได้ทำหมัน คงเชื่อว่าเด็กในท้องเป็นลูกฉันแล้วก็แต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว”

“ก็แน่ละ แกน่ะตกเป็นผู้ต้องสงสัยร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ว่ายังไงแกก็ต้องแต่ง เพราะใครๆ ก็ต้องบอกว่าเป็นลูกของแก”

“แล้วทำไมต้องเป็นฉันวะ”

จีฮวันถามด้วยสีหน้าเซ็งๆ ซอกยองตอบพลางเคี้ยวหนังหมูย่างไปด้วย

“รยูจีฮวัน นายน่ะเดิมทีก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว มีความรับผิดชอบ รู้จักละอาย คิดวนเวียนซ้ำซาก สำนึกในหน้าที่ สิ่งเหล่านี้คือเจ็ดสิบแปดเปอร์เซ็นต์ของจิตวิญญาณนาย”

“แล้วที่เหลืออีกยี่สิบสองเปอร์เซ็นต์ล่ะ”

“ก็จีองไง”

จีฮวันแสยะยิ้มก่อนทำท่าเคร่งขรึมและแก้ให้ถูกต้อง

“ผิดแล้ว จีองร้อยเปอร์เซ็นต์เลยต่างหาก”

“อวดเข้า แล้วนายจะทำยังไงต่อ จิตวิญญาณนายมันถูกแมวครอบงำไปหมดแล้ว ต่อไปจะทำอะไรกิน”

“ใช้ชีวิตแบบคนว่างงาน ตอนเรียนมหาลัยมีแต่เรียนกับทำพาร์ทไทม์หาเงิน ไม่เคยได้ว่างกับเขาเลย จะได้ลองทำก็ตอนนี้แหละ”

“ก็นายได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการสาขาแล้วก็ขึ้นทางด่วนไปเป็นถึงนายธนาคาร โอ๊ย ถวายชีวิตให้แต่งาน”

แม้จะพูดแบบนั้นแต่สายตาของซอกยองที่มองจีฮวันก็เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

จีฮวันที่ซอกยองรู้จักเป็นคนที่ไม่เหมาะกับคำว่า ‘คนว่างงาน’ ที่สุดในเกาหลี ตั่งแต่ม.ปลายไม่เคยมีสักครั้งที่จีฮวันจะทำตัวขี้เกียจ พออายุยี่สิบก็ใช้ทุกวินาทีพัฒนาชีวิตตัวเอง

ไม่มีแฟนคอยเคียงข้าง ใช้ชีวิตในวันหยุดเหมือนคนไม่มีวันหยุด แม้จะถูกรังแกก็ไม่เคยร้องขอความเห็นใจในแบบที่มนุษย์ทำกัน

“ให้เปิดสำนักงานบัญชีให้ไหมล่ะ ใบประกาศนียบัตรนายถ้ายังไม่ได้เอาไปต้มกินก็เอามาใช้ซะก่อนที่จะสาย”

“ช่างเถอะ ตัวเลข เอกสาร กราฟ คนมีเงิน เข็ดแล้ว”

“ถ้างั้นเรียนกฎหมายเป็นไง คนหัวดีเป็นทุนอย่างนาย ถ้าดวงดีด้วยไม่กี่เดือนก็…”

โธ่เอ๊ย พอซอกยองรู้ตัวว่าพลาดไปแล้วก็รีบหุบปากทันที จีฮวันทำเป็นไม่ได้ยินแล้วยกแก้วโซจูดื่ม

“ถ้างั้น พวกเรามาทำธุรกิจด้วยกันไหม นายกับฉันถ้าลองมาช่วยกันคิดละก็ มันต้องมีไอเดียดีๆ บ้างแหละ”

จีฮวันแสร้งยิ้ม

“ทำธุรกิจอะไรไหนพูดสิ ที่ปรึกษาทางการเงินอย่างฉันกับหมอผ่าตัดท่ออสุจิอย่างนายจะทำธุรกิจด้วยกันยังไง”

“ก็แล้วไม่ได้เหรอ ไม่รู้หรือไงว่าทำร้านเน็ตก็เป็นข่าวได้! ครั้งแรกของโลก ร้านอินเทอร์เน็ตที่เปิดโดยนักจัดการทรัพย์สินวีไอพีกับหมอศัลยกรรมระบบทางเดินปัสสาวะ! สมัครรายเดือน ฟรีคำปรึกษาการจัดการทรัพย์สิน ถ้าสมัครสมาชิกตลอดชีพ รับส่วนลดการผ่าตัดหนังหุ้มปลายองคชาตที่โรงพยาบาลเชฮยูสามสิบเปอร์เซ็นต์ เป็นไง แจ๋วเลยใช่ไหม”

จีฮวันรู้ดีว่าสาเหตุที่ซอกยองพูดพล่ามเรืองไร้สาระอยู่นี่ก็เพราะตัวเอง

“ฉันจะไปเที่ยวเล่น ส่วนนายก็ตั้งใจหาเงิน จ่ายค่าสันทนาการของฉันให้หน่อย เรื่องตัดไอ้นั่นของคนอื่น เป็นหน้าที่ของนาย”

“เออ เอาเลย ถือว่าชดเชยที่ทำงานเหมือนคนบ้า ไม่ได้หยุดเทศกาลเหมือนคนอื่น ตอนนี้ทำอะไรได้ก็ทำไปเลย”

“ได้ จัดไป สำมะเลเทเมาเอาให้สุด ฉันจะไปผับแล้ววันไนท์กับใครก็ได้! ถึงใครจะรู้เรื่องที่ฉันไม่ต้องแต่งงานเพราะไม่มีท่อน้ำเชื้อก็ช่าง เรื่องแค่นี้ จะเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นคนที่เละเทะมันเสียเลย!”

จีฮวันกระดกโซจูด้วยท่าทางหมดพลังแล้วจู่ๆ ก็วิ่งพรวดพราดออกไป

………………………………….

[1]พีบี มาจาก Personal Banker หรือที่ปรึกษาด้านการเงินส่วนบุคคล

รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ

รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ

Status: Ongoing

รยูจีฮวัน ที่ปรึกษาด้านการเงินสุดเนี้ยบและปากร้าย อยู่มาวันหนึ่งมีผู้หญิงแปลกหน้าเข้ามาประชิดตัวเขา ใบหน้าของเธอซีดเผือด เหงื่อเกาะพราวอยู่เต็มดวงหน้า อีกทั้งยังหายใจหอบถี่ เธอกระซิบข้างหูเขาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“ได้โปรด ชะ ช่วยฉันด้วย อึก!”

ยังไม่ทันที่จีฮวันจะตั้งสติได้ หญิงสาวก็วิ่งพรวดพราดเข้าไปในห้องของเขา แล้วเสียง ปู้ด! ป้าด! ที่ได้ยินจากห้องก็แทนคำอธิบายได้เกินพอ

หลังจากนั้นชีวิตของจีฮวันราวกับต้องคำสาป เขาตกงานเพราะปฏิเสธรักหลานสาวลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท นับว่าโชคยังเข้าข้างอยู่บ้าง เขาได้งานเป็นที่ปรึกษาของนักเขียนชื่อดัง แต่ลูกค้าคนนั้นดันเป็น โกอึนคัง หญิงสาวที่เข้ามาอึในห้องของเขา ซ้ำร้ายเธอยังอยู่คอนโดเดียวกันกับเขาอีกต่างหาก!

แล้วเรื่องราววุ่นๆ ของชายหญิงที่นิสัยต่างกันสุดขั้วจึงเกิดขึ้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท